📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 500

บทที่ 500 - ฮั่วเทียนตู ตายแล้ว!
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

แม้จะหยิ่งยโส แต่ซูอี้ก็ไม่ประมาท

ถึงอย่างไรก็เป็นวิญญาณร้ายโบราณตนหนึ่งที่ผนึกอยู่ภายในตัวดาบ เมื่อสามารถมีชีวิตรอดมาจนถึงยามนี้ได้ จะต้องไม่ธรรมดาแน่

ดวงตาของซูอี้ฉายแววลุ่มลึก เขาคิดกับตัวเองว่าควรจบเรื่องนี้ได้แล้ว…

เมื่อการต่อสู้มาถึงขั้นนี้ มันก็ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะต้องยืดเยื้ออีก!

เหนือทะเลสาบชูอวิ๋น หมอกชั่วร้ายสีเลือดปกคลุมไปทั่ว

ฟึบ!

ทันใดนั้นจิตวิญญาณของฮั่วเทียนตูหลุดออกมาจากร่างที่แหลกละเอียด แล้วสิงเข้าไปภายในดาบโบราณน้ำค้างใต้พิภพสีแดงฉานนั้น

“ตายซะ!”

ฉับพลัน คล้ายกับดาบนี้มีชีวิตขึ้นมา ภายใต้พลังของวิญญาณฮั่วเทียนตูที่ถูกกระตุ้น ดาบนี้ก็ทะยานขึ้น พลางกวัดแกว่งไปทางซูอี้

ตูม!

ประหนึ่งฟ้าดินกำลังยุ่งเหยิงสั่นไหว ปราณดาบรุนแรงดุร้ายพุ่งออกมา อานุภาพดุจพายุคลั่ง ส่องสว่างแสบตาอยู่เหนือทะเลสาบชูอวิ๋นภายใต้ท้องฟ้ามืดครึ้ม

ทางด้านริมฝั่งทะเลสาบ มีผู้ฝึกตนมากมายหน้าถอดสี และตกใจหวาดกลัวยิ่ง

สิ่งที่พวกเขาเห็นนั้นคือ ท่ามกลางหมอกสีเลือดที่ปกคลุมไปทั่ว มีปราณดาบชั่วร้ายอยู่ เสี้ยวอึดใจเดียว คล้ายกับมีเงาที่เหมือนกับเทพชั่วร้ายกำลังหัวเราะอย่างลำพองใจ อานุภาพดุร้ายนั้นสั่นสะเทือนไปทั่ว

นี่แค่มองจากที่ไกล ๆ เท่านั้น ก็ยังทำให้รู้สึกสิ้นหวังแล้ว

ณ เพิงขายน้ำชา เวิงจิ่วข่มอารมณ์ตัวเองเอาไว้ไม่ไหวอีกแล้ว เขาพุ่งทะยานขึ้นไปในอากาศ กำลังจะพุ่งเข้าไปใกล้ทะเลสาบเพื่อเข้าช่วยเหลือ

ทันใดนั้นเอง

ชิ้ง!

เสียงใสกังวานของดาบดังขึ้น คล้ายกับเสียงธรรมชาติที่มาจากอดีตกาล และคล้ายกับเสียงบทสวดเมื่อความยุ่งเหยิงได้เริ่มขึ้น

เวินจิ่วรู้สึกสั่นเทา ร่างที่ยืนอยู่กลางอากาศแข็งทื่อ

พริบตาเดียว คล้ายกับเขาเห็น… ร่างของซูอี้ที่อยู่ตรงกลางทะเลสาบชูอวิ๋นสูงใหญ่ขึ้นจนสุดลูกหูลูกตาทันใด

เขาสวมชุดสีเขียวดั่งหยก ผมดำขลับปลิวไสว มีภาวะดาบแปลกประหลาดเลือนรางพันรอบตัว และยังคงมีท่าทางเย็นชาเหมือนเดิม

แต่บนตัวเขา กลับมีอานุภาพไร้รูปร่างยากที่จะบรรยายพรั่งพรูออกมา

ประหนึ่งเทพเจ้าที่อยู่เหนือวิถีดาบ ถือครองวาจาสิทธิ์ ควบคุมสุริยันจันทรา และสยบไปทั่วใต้หล้า!

แม้แต่คนอย่างเวิงจิ่ว ก็ยังอดที่จะรู้สึกตกใจและเกรงขามราวกับเป็นมดตัวเล็ก ๆ ไม่ได้

ทว่าเพียงเสี้ยวอึดใจเท่านั้น ภาพและสิ่งที่รับรู้ทั้งหมดก็หายเลือนไป ฉับพลันเสียงระเบิดดังขึ้นเหนือทะเลสาบชูอวิ๋น

ตูม!!

หมอกสีเลือดปกคลุมไปทั่ว คล้ายกับถูกพายุคลั่งที่มองไม่เห็นฉีกขาด และสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ตรงกลางทะเลสาบ ปราณดาบชั่วร้ายที่พุ่งขึ้นน่านฟ้าค่อย ๆ แตกออก ผืนดินพังถล่มกระเบื้องแตกหักดุจฟองสบู่ และค่อย ๆ เลือนหายลับไป

แม้แต่เงาวิญญาณร้ายที่บ้าคลั่งก่อนหน้านี้และเสียงหัวเราะดุดันนั้น ราวกับเป็นภาพลวงตา หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย

ท้องฟ้ามืดขึ้นเรื่อย ๆ

ไม่มีสายลม สายฝนในฤดูใบไม้ร่วง

แต่ไอหนาวเหน็บที่แผ่ซ่านไปทั่ว กลับเข้มข้นจนมิอาจสลายได้ และเกลื่อนกลาดไปทั่วอากาศทุก ๆ หนึ่งชุ่น

ท้องฟ้ามืดครึ้ม กลายเป็นสีพื้นหลังของทะเลสาบชูอวิ๋นอีกครั้ง

ท่ามกลางแสงไฟมืดสลัว ทำให้พวกเขาเห็นอย่างเลือนราง ตรงกลางเหนือทะเลสาบนั้นยังมีร่างหนึ่งยืนอยู่

ใต้ท้องฟ้ามืดมิด เขาเหมือนกับเป็นก้อนหินใหญ่ที่แข็งมานานนม ไม่ว่าจะเจอลมเจอฝนเพียงใด ก็ไม่อาจทำให้มันขยับเขยื้อนได้!

คนผู้นี้ย่อมเป็นซูอี้

เขาก้มหน้ามองดาบโบราณน้ำค้างใต้พิภพที่สั่นอยู่ในมือขวา ราวกับกำลังสวามิภักดิ์

จิตวิญญาณของฮั่วเทียนตูผู้อาวุโสใหญ่สายในของวังเทพสวรรค์เมฆาที่อยู่ภายในตัวดาบ อ่อนแอลงอย่างมาก ประหนึ่งเทียนไขมอดดับหลังจากถูกเผาไหม้ เขาสูญเสียพลังชีวิตไปทั้งหมด และใกล้จะเลือนรางหายไป

“เมื่อเทียบถึงพละกำลัง เจ้าสู้ข้ามิได้ เมื่อเทียบถึงไพ่ตาย เจ้าก็ยังเทียบข้ามิได้เช่นกัน แล้วยังคิดเหลวไหลสังหารข้าซูผู้นี้ด้วยชีวิตตัวเองอีก เจ้า… มีค่าพออย่างนั้นหรือ?”

ซูอี้พึมพำแผ่วเบา แววตาแฝงไปด้วยความเหยียดหยาม

เสียงพึมพำอย่างขมขื่น คล้ายรู้สึกปล่อยวางของฮั่วเทียนตูดังออกมาจากในตัวดาบ “หากตายอยู่ภายใต้พลังเช่นนี้ ชายชราผู้นี้ก็ไม่เสียใจเลย…”

ซูอี้เอ่ยอย่างเย็นชา “นี่คือพลังของข้า”

“งั้นรึ หากเป็นเช่นนี้ เหตุใดเจ้าถึงอยู่เพียงขอบเขตเปิดทวารเล่า?”

ฮั่วเทียนตูเย้ยหยัน ราวกับได้ยินเรื่องตลกมากเรื่องหนึ่ง

ซูอี้ถอนหายใจออกมาเบา ๆ และเผยสีหน้าเห็นอกเห็นใจขึ้นมา “หากเป็นเมื่อก่อน แมลงเช่นเจ้า ไม่มีค่าพอให้ข้าชายตาแลมองหรอก”

ฮั่วเทียนตูยังอยากจะพูดอะไร แต่ไม่ทันแล้ว

จิตวิญญาณของเขาเริ่มสลายหายไป ประหนึ่งประกายไฟน้อยนิดในความมืดสลัว จากนั้นก็กลายเป็นความว่างเปล่า

“นายท่าน ข้ายอมสวามิภักดิ์เป็นบ่าวรับใช้ท่าน!”

ภายในดาบโบราณน้ำค้างใต้พิภพ มีเสียงวิงวอนอย่างกังวลร้อนรนดังออกมา แลเห็นได้อย่างเลือนรางว่าร่างวิญญาณร้ายที่คืบคลานอยู่ในนั้นกำลังสั่นเทา

“แค่วิญญาณร้ายตัวหนึ่ง คิดเพ้อเจ้อจะเป็นบ่าวรับใช้ข้า? หึ… ฝันไปเถอะ!”

ซูอี้หัวเราะเยาะเย้ย

พลันยกมือตวัดออกไป

ทันใดนั้น ดาบโบราณน้ำค้างใต้พิภพสั่นไหวอย่างรุนแรง วิญญาณร้ายที่อยู่ภายในนั้นถูกปิดผนึกไว้ในที่สุด

เขาไม่มีความสนใจต่อความเป็นมาของวิญญาณร้ายนี้เลย

ช่วยไม่ได้ ในเมื่อชาติก่อน เขาไม่นิยมชมชอบกายวิญญาณที่เกิดจากพลังบาปอันสกปรกเป็นอย่างมาก

“ดาบเล่มนี้ไม่เลวเลย”

ซูอี้เก็บดาบโบราณน้ำค้างใต้พิภพขึ้นมา

คุณภาพวัสดุของดาบเล่มนี้ หลอมมาจากวัตถุระดับวิถีวิญญาณ แม้จะไม่ได้เป็นของล้ำค่าหายากอะไร แต่กลับสามารถนำมาเป็นของบำรุงเสริมในตอนที่ชุบหลอมดาบนิลกาฬกลืนฟ้าได้

ส่วนวิญญาณร้ายตัวนั้น แน่นอนว่าไม่ให้มันเปล่าประโยชน์ ให้นกกระจอกเพลิงยมโลกกินเป็นอาหารก็พอแล้ว

ซูอี้หมุนตัวทะยานไปทางริมฝั่งทะเลสาบ

เมฆฝนบนท้องฟ้ามืดมิดค่อย ๆ สลายไป เผยดวงดาวที่สว่างไสวออกมา

การต่อสู้จบลงแล้ว บริเวณใกล้ ๆ ทะเลสาบชูอวิ๋น คล้ายกับฟื้นฟูกลับมาเงียบสงบดั่งแต่ก่อนอีกครั้ง

ณ เพิงขายน้ำชา ครั้นเห็นร่างสูงใหญ่ลอยเข้ามา เวิงจิ่วถึงได้สติขึ้นราวกับตื่นขึ้นมาจากความฝัน

เขาก้าวขึ้นไปต้อนรับอย่างเคยชิน พลางเอ่ย “สหายเต๋าบาดเจ็บอะไรหรือไม่?”

หากเพ่งมองดี ๆ ชายชราที่เพียงแค่ปรากฏตัวออกมาก็ทำให้ฮูหยินโหรวแห่งฮ่วนซีชาก้มหัวด้วยความเคารพยำเกรง เมื่อเผชิญหน้ากับซูอี้ในยามนี้ กลับเผยท่าทีที่เกรงใจออกมา!

ก่อนหน้านี้ ตอนที่เขาเผชิญหน้ากับซูอี้ ไม่ว่าเขาจะแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตนและเคารพเชื่อฟังเพียงใด มันก็เป็นเพียงมารยาท เพราะเขาต้องขอความช่วยเหลือจากซูอี้ก็เท่านั้น

ในส่วนลึกของจิตใจ เขาเห็นซูอี้เป็นเพียงชนรุ่นหลัง เป็นคนที่มีพรสวรรค์พลิกฟ้าที่เห็นได้ยากในยุคนี้โนiวลกูดอทคอม

ทว่ายามนี้ ท่าทางของเวิงจิ่วต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง!

ส่วนสาเหตุนั้น ซูอี้ย่อมรู้อยู่แก่ใจ

เพียงแต่ เขาไม่สนเรื่องเหล่านี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว “การต่อสู้ก่อนหน้านี้ เจ้าเห็นหมดแล้วรึ?”

เวิงจิ่วพยักหน้า เขาคิดว่าซูอี้หวังให้ตนเองติชมการต่อสู้นี้ และกำลังตระเตรียมคำพูด

พลันซูอี้เอ่ยว่า “อืม เช่นนั้นก็รบกวนเจ้าไปเก็บของรางวัลจากการต่อสู้เมื่อครู่ให้ข้าที พรุ่งนี้ตอนที่เจ้ากับนายท่านของเจ้าเดินทางมาสวนน้อยนภาเมฆก็นำมันมาให้ข้า”

เวิงจิ่วมีท่าทางนิ่งค้าง กลืนคำพูดลงไปในท้อง

ทั่วต้าเซี่ยนี้ นอกจากนายท่านแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดกล้าเรียกใช้ตัวเองเช่นนี้?

แต่เจ้าหนุ่มนี่กลับไม่เกรงใจกันเลยแม้แต่น้อย! ท่าทางและคำพูดก็ยังธรรมดา หรือในสายตาเขา ตัวเขาเป็นแค่… คนทั่วไป?

“ได้”

เวิงจิ่วสูดหายใจเข้าลึก พลางข่มความรู้สึกอึดอัดไว้ในใจ

“มีรถลากหรือไม่?”

ซูอี้ถามอีกครั้ง

เขาที่ผ่านการต่อสู้มาเมื่อครู่สูญเสียพลังไปไม่น้อย หากสามารถนั่งรถไปได้ เขาก็จะไม่เดิน

เวิงจิ่วแอบยิ้มเจื่อนกับตัวเอง เจ้าหนุ่มนี่ตีงูด้วยไม้ งูเลื้อยไปตามไม้*[1] ในตอนที่เรียกใช้ตัวเองนั้นยิ่งไม่เกรงใจเลย

แต่ช่วยไม่ได้ เขาไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธ และกล่าวว่า “สหายเต๋าต้องเดินไปตามทางสายนี้ และไม่เกินครู่หนึ่ง จะมีรถลากมารับท่าน”

“ขอบคุณมาก”

ซูอี้หมุนตัวเดินออกไปด้านนอก

“เหอะ ไม่นึกเลยว่าเจ้าหนุ่มที่หยิ่งยโสจนเข้ากระดูกดำจะขอบคุณเป็นด้วย? แต่ว่า นี่ก็ถือเป็นประโยคที่น่าฟังประโยคหนึ่ง”

เวิงจิ่วรู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย

“จริงสิ”

จู่ ๆ ซูอี้ก็หยุดชะงัก ราวกับนึกบางอย่างขึ้นมาได้

“สหายเต๋ามีสิ่งใดจะสั่งรึ?”

เวิงจิ่วถาม

ซูอี้ชี้กู่ฉินไม้ที่อยู่บนโต๊ะ พลางเอ่ย “ข้าผู้นี้จะแนะนำบางอย่างที่จริงใจต่อเจ้า เจ้าไม่เหมาะทางด้านดนตรี ต่อไปอย่าได้ดีดฉินอีก ไม่เช่นนั้น คงได้ทำลายทำนองเพลงดี ๆ เป็นแน่”

ขณะเอ่ย เขานำสองมือไพล่หลัง และก็เดินจากไป

เหลือเพียงเวิงจิ่วที่อับอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี

เจ้าหมอนี่ ปากร้ายอะไรปานนั้น!!

ในเวลานี้ ราวกับเหล่าผู้ฝึกตนที่เฝ้าดูการสู้รบบนริมฝั่งทะเลสาบรู้ตัวอีกทีก็ได้สติขึ้นมา หลังจากนั้นก็เกิดความโกลาหลขึ้นรอบ ๆ ทะเลสาบชูอวิ๋นราวกับหม้อระเบิด ก่อนตามมาด้วยเสียงดังอื้ออึงขึ้น

“สวรรค์! ผู้อาวุโสใหญ่แห่งวังเทพสวรรค์เมฆาตายแล้ว!!”

มีคนจำนวนไม่น้อยตกใจ พลางอ้าปากตาค้าง

“การโจมตีสุดท้ายนั้นน่าสะพรึงกลัวมาก แล้วจะต้านทานได้อย่างไร? ชายหนุ่มชุดเขียวนั่นมาจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ใดกันแน่?”

มีบางส่วนที่กำลังสืบเสาะฐานะของซูอี้ แต่ไม่มีผู้ใดเลยที่จะไม่สับสนมึนงง

ยิ่งเป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้รู้สึกถึงความลึกลับ และเกิดความรู้สึกเคารพยำเกรงขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้

“นครหลวงจิ๋วติ่งในวันพรุ่งนี้ เกรงว่าคงปั่นป่วนโกลาหลเพราะเรื่องนี้แน่!”

มีผู้อาวุโสบางคนเอ่ยด้วยความมั่นใจ

ฮั่วเทียนตู ตัวตนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณผู้นี้โด่งดังไปทั่ว ส่วนฐานะก็น่ากลัวยิ่ง เขาเป็นถึงผู้อาวุโสใหญ่สายในวังเทพสวรรค์เมฆาหนึ่งในสี่กลุ่มขุมกำลังเต๋าสูงสุด และยังเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลฮั่วซึ่งเป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่แห่งต้าเซี่ย

บุคคลโด่งดังเช่นนี้ กลับมอดดับอยู่เหนือทะเลสาบชูอวิ๋นในคืนนี้!

ไม่จำเป็นต้องคิดเลยด้วยซ้ำ อย่างไรเรื่องนี้จะต้องทำให้เกิดความโกลาหลไปทั่ว และทำให้ผู้ฝึกตนทั้งหมดสั่นสะท้านเป็นแน่!

…..

บนแท่นหยกชั้นบนสุดของหอแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากทะเลสาบชูอวิ๋นไม่ไกลนัก

“ไม่ เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!!”

ใบหน้าฮั่วหมิงเยวี่ยน ผู้นำตระกูลฮั่วเต็มไปด้วยความโกรธและเสียใจ บนหน้าผากมีเส้นเลือดปูดโปนออกมา

เขาสวมชุดสีม่วง หน้าตาดูสูงศักดิ์ ท่าทางเคร่งครึมน่าเกรงขาม ทว่ายามนี้กลับเสียกริยาไปอย่างมาก

ข้าง ๆ เขา เหล่าคนใหญ่คนโตในตระกูลฮั่วต่างมีสีหน้าเคร่งขรึม

ในระหว่างการต่อสู้ก่อนหน้านี้ พวกเขามองดูอยู่จากที่ไกล ๆ

แต่ทุกคนต่างไม่นึกเลยว่า สุดท้ายฮั่วเทียนตูจะพ่ายแพ้ด้วยดาบที่ต้องแลกด้วยชีวิต!

สิ่งนี้ทำให้พวกเขารับไม่ได้ไปครู่หนึ่ง

“แล้ว… แล้วข้าจะไปอธิบายต่อสำนักอย่างไรดี!”

ชายวัยกลางคนที่สวมชุดฮวาเผา*[2] ผมยาวดำขลับดุจหมึก และมีหนวดเครากำลังตีอกชกหัว สีหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าโศก

อวี๋เฟิงเหอ

ผู้อาวุโสสายในลำดับสี่แห่งวังเทพสวรรค์เมฆา คือคนที่อยู่ขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นต้นผู้หนึ่ง

ด้านข้างเขา คือชายที่มีรูปร่างสูงตระหง่าน นามว่าเนี่ยอิงซาน มาจากวังเทพสวรรค์เมฆาเช่นเดียวกัน อยู่ขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นต้น และเป็นผู้อาวุโสสายในลำดับที่ห้า

ในเวลานี้ สีหน้าของทั้งสองคนที่มาจากวังเทพสวรรค์เมฆาต่างบิดเบี้ยว

ส่วนเรื่องที่จะไปจัดการซูอี้หรือไม่นั้น มีการโต้เถียงกันระหว่างระดับสูงแห่งวังเทพสวรรค์เมฆาอยู่หลายวัน

สุดท้าย ด้วยการปรากฏตัวของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับสาม ‘ปราชญ์จิ้งไห่’ จึงตกลงให้ฮั่วเทียนตูพาคนเดินทางไปนครหลวงจิ๋วติ่งเพื่อสังหารซูอี้

แต่ไม่นึกเลยว่า ฮั่วเทียนตู ซึ่งเป็นตัวตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นกลางที่โด่งดังไปทั่ว จะตายด้วยน้ำมือชายหนุ่มที่มีขอบเขตเปิดทวารในคืนนี้?

บรรยากาศหนักอึ้ง

เหล่าคนใหญ่คนโตที่เป็นเหมือนเจ้าแห่งการปกครองในสายตาเหล่าผู้ฝึกตนบนโลกนี้ ต่างมีท่าทางเหมือนกำลังไว้ทุกข์!

ฉับพลัน มีคนใหญ่คนโตผู้หนึ่งจากตระกูลฮั่วเอ่ยอย่างอาฆาต “เมื่อจะทำแล้ว ต้องทำให้ถึงที่สุด ไม่สู้พวกเราร่วมมือกันไปสังหารซูอี้ไอ้เดรัจฉานนั่นในยามนี้กันเถิด?”

[1] งูด้วยไม้ งูเลื้อยไปตามไม้ หรือ 打蛇随棍上 เป็นสำนวนจีน หมายถึงฉวยโอกาสใช้จุดบกพร่องของคู่ต่อสู้เพื่อโต้กลับ

[2] ชุดฮวาเผา หรือ 华袍 เป็นชุดคล้ายกี่เพ้า

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset