📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 214

บทที่ 214 - หนึ่งคมดาบแห่งลำนำสายธาร ทลายประตูแห่งสวรรค์
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ฉาจิ่นที่เพิ่งเก็บเก้าอี้หวายอยู่ไม่ไกล เมื่อได้แลเห็นภาพการเข่นฆ่าที่โหดร้าย ร่างกายนางจึงแข็งทื่อ ดวงตางามเบิกกว้าง

นี่คือผู้ตรวจการจากตระกูลซูแห่งมหานครหลวงอวี้จิง ก่อนหน้านี้เขามีท่าทางที่สงบเสงี่ยม ยังพูดคุยอย่างสนุกสนาน และดูเหมือนจะไม่ใช่ธรรมดา

แต่เหตุใดถึงถูกคุณชายใช้ดาบตัดเป็นสองท่อนเช่นนี้ได้ล่ะ?

เสียงหวีดหวิวของสายลมที่พัดผ่านหุบเขา นำพากลิ่นคาวเลือดโชยมา

เซี่ยงเทียนชิวกับคนอื่น ๆ ล้วนเฉื่อยชาอยู่ตรงนั้น ดวงตาพวกเขาจ้องมองร่างของเยว่จางหยวนที่ถูกตัดเป็นสองท่อนอย่างไม่อยากจะเชื่อ และเหมือนกับตื่นตกใจมากเกินไป

เขาฟันเยว่จางหยวนด้วยนิ้ว!

อานุภาพของนิ้วนั่น ช่างน่าหวาดกลัวเหลือเกิน!

หากไม่มีพลังบดขยี้อย่างสมบรูณ์ จะสามารถทำสิ่งนี้ได้อย่างง่าย ๆ ได้อย่างไร?

ปรมาจารย์ผู้เก่งกาจ?

แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อยู่วิถียุทธ์ขอบเขตรวบรวมลมปราณอย่างซูอี้ การฆ่าปรมาจารย์นั้นกลับง่ายดายราวกับบีบมดตัวหนึ่งให้ตาย!

หากเอ่ยถึงโจวจือหลี เจิ้งเทียนเหอและคนอื่น ๆ ที่อยู่ตรงข้ามพวกเขาสงบลงมาก

ถึงอย่างไร พวกเขาก็เคยเห็นภาพเหตุการณ์ที่ซูอี้ใช้ดาบสังหารหลิ่วหงฉี ผู้อาวุโสสายนอกสำนักวงเดือน จึงไม่แปลกใจต่อภาพเหตุการณ์เข่นฆ่าที่โหดร้ายเช่นนี้

เพียงแต่ พวกเขากลับปาดเหงื่อแทนซูอี้

แม้การตายของเยว่จางหยวนนั้นไม่มีอะไร ทว่าเขาเป็นตัวแทนแสดงทัศนคติของตระกูลซูแห่งมหานครหลวงอวี้จิง!

ซูอี้สังหารเขาตายเช่นนี้ ตระกูลซูแห่งมหานครหลวงอวี้จิงจะคิดอย่างไร?

ผู้นำตระกูลซูที่เด็ดเดี่ยวเย็นชาผู้นั้น จะจัดการกับญาติพี่น้องที่กระทำผิดเพื่อผดุงความยุติธรรมจริง ๆ หรือไม่?

“ความสามารถของคุณชายซู ยังทำให้พวกข้าเปิดโลกทัศน์จริง ๆ”

อวี๋ไป๋ถิงเอ่ยเสียงเย็นชาขึ้นมา ทำลายบรรยากาศที่เงียบสงัดนี้ “ไม่รู้ว่า ทางตระกูลซูแห่งมหานครหลวงอวี้จิงรู้เรื่องในวันนี้เข้า จะคิดอย่างไร ”

ก่อนหน้านี้ เขาก็เคยตกใจ เมื่อนึกถึง ‘เฒ่าเหวิน’ ที่ตายอย่างอนาถด้วยน้ำมือซูอี้ พลันในใจเขาก็อึดอัดและเสียใจมาก

ซูอี้เหลือบมองอวี๋ไป๋ถิง “ตระกูลซูจะคิดอย่างไรข้าไม่รู้ ข้าแค่จำได้ว่า ลูกสาวเจ้ายังติดหนี้ชีวิตข้าอยู่ รอให้จัดการเรื่องนี้ให้คลี่คลายก่อน แล้วข้าจะตัดสินใจในตอนสุดท้ายเอง”

อวี๋ไป๋ถิงมีสีหน้ามืดครึ้มทันที

ทว่าอวี๋ไป๋ถิงยังไม่ทันได้เอ่ยสิ่งใด เสวียหนิงเยวี่ยนก็พ่นลมหายใจออกมา “คนหนุ่มแม้จะมีพลังแข็งแกร่งแค่ไหน แต่สุดท้ายก็มีเพียงแค่คนเดียว เยว่จางหยวนถูกเจ้าฆ่าตาย ทางตระกูลซูแห่งมหานครหลวงอวี้จิงย่อมหมายจัดการกับเจ้า และเมื่ออยู่ในแคว้นกุ่น ข้าขอแนะนำเจ้าให้เจ้าเก็บดาบนั่นเสีย”

ซูอี้เหลือบมองเขาอย่างเย็นชา “วันนี้หากเจ้ามีชีวิตออกไปจากที่นี่ได้ ข้าซูผู้นี้จะไปเด็ดหัวเจ้า”

สีหน้าของเสวียหนิงเยวี่ยนเปลี่ยนไปทันที เอ่ยด้วยความโมโห “นี่เป็นงานเลี้ยงน้ำชา เจ้ายังมีความคิดที่จะเป็นศัตรูกับพวกข้าให้ได้เลยใช่หรือไม่?”

คังซานจิ่งที่มองดูเหตุการณ์นี้อย่างเงียบ ๆ มาโดยตลอด อดไม่ได้ที่จะพ่นลมหายใจออกมา “เจ้าหนุ่ม เมื่อได้ดีมักหลงลืมตัวกำเริบเสิบสาน หากเจ้ากล้าทำลายกฎในงานเลี้ยงน้ำชานี้ คังผู้นี้ก็จะไม่ยอมเจ้าแล้ว”

“ศิษย์พี่คัง งานเลี้ยงน้ำชาในครั้งนี้เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้ารึ?”

ฉางกั้วเค่อเอ่ยด้วยความโมโห “หรือเจ้าลืมความประสงค์ของเจ้าสำนักที่เพิ่งเอาออกมาเมื่อครู่ไปแล้ว?”

คังซานจิ่งเอ่ยด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “ความประสงค์ของเจ้าสำนักเขียนให้กับเจ้าและศิษย์น้องชิงจิน แต่ไม่ได้เขียนให้กับข้า”

ฉางกั้วเค่อนิ่งไปครู่หนึ่ง

เขากำลังจะเอ่ยอะไรสักอย่าง ทว่าซูอี้ที่ขมวดคิ้วก็เอ่ยขัดขึ้น “เขารนหาที่ตายเอง เหตุใดถึงต้องมาขวาง?”

ฉางกั้วเค่อตกใจ และเงียบไปในทันที

“รนหาที่ตาย? ฮ่า ๆ…”

คังซานจิ่งพันหนวดเคราและหัวเราะ ราวกับภาพที่ซูอี้สังหารเยว่จางหยวนเมื่อครู่ ไม่ได้ทำให้เขาหวาดกลัวเลยสักนิด

และในตอนนี้เอง เซี่ยงเทียนชิวก็ถอนหายใจยาวออกมา “ฝ่าบาท ดูเหมือนจะต้องใช้วิธีการต่อสู้จัดการเรื่องในวันนี้แล้วล่ะ”

สายตาโจวจือหลีมองไปที่ซูอี้ทันที

“มันควรจะเป็นเช่นนั้นแหละ”

ซูอี้เอ่ยด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “อย่าได้เสียเวลาอยู่อีกเลย”

เซี่ยงเทียนชิวจ้องมองไปในส่วนลึกของซูอี้ พลางเอ่ย “หากคุณชายซูต้องการล่ะก็…”

ว่าแล้วเขาลุกขึ้นในฉับพลัน ก่อนส่งเสียงคำรามยาวออกมา “เชิญพี่ฉินมาพบกันบนยอดเขา!”

น้ำเสียงราวกับสายฟ้าฟาด ดังกังวานไปทั่วราวกับเสียงฟ้าร้อง

ณ ใต้เชิงเขา

หลังจากได้ยินเสียงเซี่ยงเทียนชิว ทุกคนที่กำลังรอข่าวคราวอยู่ ก็รู้สึกสั่นสะท้านขึ้นมาทันที นี่ไม่ใช่การเจรจา แต่เป็นการต่อสู้กันหรือ?

ทันใดนั้น ฝูงชนก็เกิดความวุ่นวาย ส่งเสียงร้องตกใจไปทั่ว

ทันใดนั้นชายแบกดาบคนหนึ่งกระโดดขึ้นไป ร่างของเขาสูงขึ้นสิบจั้งทันทีราวกับย่ำเท้าอยู่ในอากาศ ปลายเท้าเขาเหยียบอยู่บนผายอดเขาสูงเล็กน้อย จากนั้นร่างของเขาก็ลอยสูงขึ้นอีกสิบจั้ง

แค่อึดใจเดียวเท่านั้น เขาก็ลอยไปเหยียบอยู่บนยอดเขาประจิม!

“เป็นเขา ‘นักรบแห่งทะเลสาบมังกร’ ฉินฉางซาน ปรมาจารย์ลำดับที่ยี่สิบเจ็ด!”

ทั้งสนามเสียงดังสั่นสะท้าน คึกคักเจี๊ยวจ๊าวอย่างที่สุด

นักรบแห่งทะเลสาบมังกร ฉินฉางซาน!

ปรมาจารย์บำเพ็ญขั้นห้า จากการฝึกดาบมาสิบเก้าปีในสถานที่หนาวยะเยือกและโหดร้าย ระดับฝีมือวิถีดาบของเขานั้น… ได้บรรลุไปจนถึงจุดสุดยอดแล้ว!

เขาทำให้ ‘ปราณดาบลำนำสายธาร’ มีชื่อเสียงขจรไปทั่วอาณาจักรต้าโจวด้วยตัวเขาเอง และได้รับการติชมจากหอสิบทิศว่าเป็น ‘หนึ่งคมดาบแห่งลำนำสายธาร ทลายประตูแห่งสวรรค์’!

ในบรรดาปรมาจารย์แข็งแกร่งของอาณาจักรต้าโจว ฉินฉางซานถูกเรียกว่าเป็นบุคคลที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดแล้ว

“เจ้าแคว้นเซี่ยงเทียนชิวไม่มีเกียรติขนาดนี้เชียวรึ หากข้าเดาไม่ผิด น่าจะเป็นองค์ชายรองส่งมาด้วยตัวเอง ถึงได้เชิญฉินฉางซานปรมาจารย์วิถีดาบมาได้”

ฮวาเหยียนพึมพัมเสียงเบา

“มิน่าล่ะ หอสิบทิศถึงคิดว่า องค์ชายหกต้องพ่ายแพ้ในครั้งนี้ เพราะมีฉินฉางซานลงมือ ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถกวาดล้างกลุ่มเหล่านี้ได้”

อิงป๋อถอนหายใจออกมา

ปรมาจารย์ขั้นห้า หนึ่งขั้นแข็งแกร่งกว่าอีกหนึ่งขั้น

ภายในอาณาเขตแคว้นกุ่น ปรมาจารย์ขั้นหนึ่ง ขั้นสองเรียกได้ว่าเป็นผู้นำระดับสูงที่ยืนอยู่บนยอดดูแคลนคนนับหมื่น

ปรมาจารย์บำเพ็ญขั้นสาม ก็เพียงพอที่จะทำให้เจ้าแคว้นอย่างเซี่ยงเทียนชิวนอบน้อมลงสามส่วน ไม่มีใครกล้าที่จะไม่เคารพ

และฉินฉางซาน เป็นถึงปรมาจารย์ขั้นห้า!โนเวลกูดoทคอม

และยังเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาปรมาจารย์ขั้นห้า ที่มีความสามารถโดดเด่นเหนือใคร เมื่อครึ่งปีก่อน เขาได้กระโดดขึ้นไปสู่ลำดับที่ยี่สิบเจ็ดในรายนามปรมาจารย์แห่งต้าโจว

มีปรมาจารย์มากมายในโลกใบนี้ โดยทั่วไปแล้ว หากสามารถถีบตัวเองขึ้นไปสู่สามสิบอันดับแรกได้ ก็เพียงพอที่จะเป็นตัวแทนปรมาจารย์สามสิบคนแรกที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรต้าโจว!

ด้วยเหตุนี้ สามารถมองเห็นความน่ากลัวของฉินฉางซานได้

เมื่อเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ฮวาเหยียนก็เอ่ยเสียงเบา “หากเขาแพ้ให้กับคนพวกนี้ ก็ยังมีเกียรติอยู่ อย่าลืมว่า ซูอี้เพียงอยู่วิถียุทธ์ขอบเขตรวบรวมลมปราณ และปีนี้เพิ่งจะอายุได้สิบเจ็ดปี แม้ว่าวันนี้จะพ่ายแพ้ แต่ความสำเร็จต่อจากนี้ของเขา ต้องอยู่เหนือกว่าฉินฉางซานแน่”

แม้จะเอ่ยเช่นนี้ ทว่าก็มิได้หมายความแบบนั้น หากต้องปะทะฝีมือกับฉินฉางซานจริง ๆ นางก็คงมองซูอี้ในแง่ดีไม่ได้

“คำพูดของคุณหนูมีเหตุผล” อิงป๋อก็คิดแบบเดียวกัน

“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง…”

อีกด้านหนึ่ง หยวนอู่ทงขมวดคิ้ว บุคคลทะเยอทะยานเช่นเขา ก็เคยได้ยินชื่อเสียงลือนามของฉินฉางซานมาบ้าง

หากไม่เอ่ยอย่างเยินยอล่ะก็ เมื่อเขาเผชิญหน้ากับฉินฉางซาน ก็ต้องก้มหัวให้ และไม่กล้าที่จะไม่คารวะอีกฝ่าย

ผู้ที่บรรลุเข้าใจก็เป็นครูได้

การมีอยู่ของปรมาจารย์ขั้นห้า คือการมีอยู่สูงสุดเกือบเข้าสู่บรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ ซึ่งมากพอที่จะปลุกปั่นไปทั่วยุทธภพ!

กับบุคคลเหล่านี้ หากอยู่ภายในอาณาเขตแคว้นกุ่น พวกเขาล้วนเป็นเจ้าผู้ปกครองเหล่าบรรดาปรมาจารย์

“แม้ปรมาจารย์ขั้นห้าจะน่ากลัว แต่คุณชายซูนั้นก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน และข้าไม่คิดว่า คุณชายซูจะจัดการกับปัญหาที่ยากนี้ไม่ได้”

หยวนลั่วซีเอ่ยด้วยสีหน้าที่มุ่งมั่น

หยวนอู่ทงตกใจ อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยตัวเอง ยิ่งมีชีวิตอยู่ก็ยิ่งขี้ขลาดจริง ๆ

บนยอดเขาประจิม

ภายใต้สายตาของทุกคนที่จ้องมอง ฉินฉางซานที่แบกดาบลอยขึ้นไปบนฟ้า

ร่างของเขาสูงใหญ่ จอนผมทั้งสองมีสีขาว นัยน์ตาแฝงไว้ด้วยการผ่านโลกมาอย่างโชกโชน

ทันทีที่ปรากฏตัวออกมา พลังหนาวเหน็บที่อยู่บนร่างก็แผ่ออกมาราวกับคมดาบก็ไม่ปาน พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า แยกท้องฟ้ากว้างใหญ่ออก ทำให้เมฆหมอกที่อยู่ใกล้ ๆ แยกออกเป็นเสี่ยง ๆ

“นักรบแห่งทะเลสาบมังกร ฉินฉางซาน!”

โจวจือหลี เจิ้งเทียนเหอและคนอื่น ๆ ต่างก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป

นี่สิถึงจะเป็นบุคคลที่โดดเด่นจริง ๆ!

แม้ว่าตัวตนเช่นนี้จะอยู่ภายในมหานครหลวงอวี้จิงแห่งอาณาจักรต้าโจว ก็นับเป็นตัวแปรสำคัญ และเป็นแขกผู้มีเกียรติของคนมีอำนาจมากมาย!

“พี่ฉิน สถานการณ์คับขันนัก จึงทำได้เพียงแค่รบกวนให้ท่านออกโรง”

เป็นในตอนนี้เอง เซี่ยงเทียนชิวลุกขึ้น เดินไปต้อนรับด้วยตัวเอง

นอกจากคังซานจิ่งแห่งสำนักดาบมังกรเร้นแล้ว จ้าวฉิง ผู้นำตระกูลจ้าว ไป๋ฮั่นไห่ ผู้นำตระกูลไป๋ เสวียหนิงเยวี่ยน ผู้นำตระกูลเสวีย อวี๋ไป๋ถิง ผู้นำตระกูลอวี๋และคนอื่น ๆ ก็ลุกขึ้นคารวะ

นามของคน เงาของต้นไม้*[1]

ต่อให้พวกเขาเป็นผู้ยิ่งใหญ่ภายในแคว้นกุ่น แต่เมื่อเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ขั้นห้าอย่างฉินฉางซาน กลับต้องรักษาความเคารพยำเกรงและความเกรงใจไว้!

“ที่ข้ามาในครั้งนี้ เดิมทีเป็นเพราะองค์ชายรองฝากฝังไว้ นายท่านเซี่ยงไม่ต้องเกรงใจ”

สีหน้าฉินฉางซานสงบนิ่งและอ่อนโยน

เขากวาดสายตาไปทั่วสนาม เมื่อมองเห็นศพของเยว่จางหยวนที่จมอยู่ในกองเลือด ก็อดไม่ได้ที่จะเผยแววตาแปลกใจออกมา “เยว่จางหยวน คนของตระกูลซูแห่งมหานครหลวงอวี้จิงตายแล้วรึ?”

เซี่ยงเทียนชิวเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ต่ำ “ก่อนหน้านี้พี่เยว่ได้ห้ามคุณชายสามแห่งตระกูลซูไม่ให้ลงมือ แต่กลับไม่นึกเลยว่า จะมาจบชีวิตที่นี่แทน”

สายตาของฉินฉางซานจ้องมองไปยังซูอี้ที่อยู่ไม่ไกลนัก มองพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ก็เอ่ยชมขึ้นมา “บำเพ็ญวิถียุทธ์ขอบเขตรวบรวมลมปราณขั้นสามแปรสภาพ ทว่าสามารถฆ่าเยว่จางหยวนปรมาจารย์ขั้นสองได้ ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ”

“สังหารแม้กระทั่งผู้ที่ไม่สามารถโจมตีได้ ควรค่าแก่การกล่าวชื่นชมรึ?”

ซูอี้เอ่ยทันที

ฉินฉางซานตกใจ นัยน์ตาเปล่งประกายระยิบระยับ และหัวเราะขึ้นมาทันที “เจ้าหนุ่ม ข้าชอบความเย่อหยิ่งที่อยู่ในตัวเจ้ามาก เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ เพียงแค่เจ้าถอนตัวออกไปจากการถกเถียงในครั้งนี้ ข้าจะยอมเชิญเจ้ามาดื่มกับข้า”

เซี่ยงเทียนชิวและคนอื่น ๆ ขมวดคิ้วชั่วครู่หนึ่ง แต่กลับไม่กล้าเอ่ยแทรกขึ้นมา

ซูอี้เหลือบมองชายแบกดาบที่ทั่วร่างแฝงกลิ่นอายความโชกโชนและดุดัน จึงเอ่ยอย่างขบขันขึ้น “เป็นแค่ปรมาจารย์ขั้นห้า ยังก้าวไม่พ้นขอบเขตแห่งสามัญอย่างแท้จริง ก็ริอาจอาศัยความอาวุโสเที่ยวดูถูกผู้อื่นต่อหน้าข้า แล้วจะต่างอันใดกับการทำให้ตัวเองขายหน้าเล่า?”

ทั่วทั้งสนามตะลึงงัน

เซี่ยงเทียวชิวและคนอื่น ๆ เกือบจะหัวเราะออกมา เจ้าหนุ่มอวดดี กล้าเมินเฉยต่อปรมาจารย์ขั้นห้าเชียวรึ?

โจวจือหลีและคนอื่น ๆ ต่างก็มีสีหน้าที่แปลกประหลาด

พวกเขาล้วนรู้ว่าซูอี้มีความหยิ่งยโสในตัวเองมากแค่ไหน แต่ไม่นึกเลยว่า เมื่อเผชิญหน้ากับฉินฉางซานที่ถีบตัวเองเป็นปรมาจารย์ลำดับที่ยี่สิบเจ็ด ซูอี้ก็ยังไม่มีมารยาทเช่นนี้

และตอนนี้ ความอ่อนโยนที่อยู่บนใบหน้าฉินฉางซานในตอนแรกก็เลือนหายไปเล็กน้อย ทว่ามีไอสังหารที่เยือกเย็นเบาบางพรั่งพรูออกมาจากในดวงตา

เขาส่ายหน้าพลางถอนหายใจออกมาเบา ๆ “ตัวข้านั้นเห็นคุณค่าในความสามารถ ไม่อยากจะใช้ความเป็นผู้ใหญ่ไปรังแกผู้น้อย เกรงจะทำให้เจ้าลำบากใจ ไม่นึกเลยว่า เจ้าที่ยังหนุ่มกลับอวดดีไม่รู้จักตัวเอง ก็ช่างมันเถอะ จงทำเหมือนกับว่าเมื่อครู่ฉินผู้นี้ไม่ได้เอ่ยคำพูดนั้นก็แล้วกัน”

เมื่อเซี่ยงเทียนชิวเห็นสิ่งนี้ ก็เอ่ยกับโจวจือหลีโดยตรงทันที “ฝ่าบาท กฎการประลองมีสองอย่าง อย่างแรกแบ่งเป็นชนะกับพ่ายแพ้ อย่างที่สองมีชีวิตอยู่หรือตาย หายไม่ตายก็ไม่ต้องหยุด ฝ่าบาทอยากจะเลือกสิ่งใด? ”

ไม่รอให้โจวจือหลีได้เอ่ยสิ่งใด ซูอี้ก็เอ่ยอย่างเย็นชา “ในเมื่อแบ่งแพ้แบ่งชนะ ก็รวมแบ่งเป็นแบ่งตายไปด้วยเลยสิ”

ประโยคเบา ๆ ที่ลอยออกมา ทำให้ในใจของผู้คนที่อยู่ที่นั่นกลับปั่นป่วนขึ้นมา

คังซานจิ่งแห่งสำนักดาบมังกรเร้นเองก็ทนดูไม่ไหว ช่างอวดดีจริง ๆ เจ้าหนุ่มนี่ไม่รู้จริง ๆ รึว่าคำว่าตายเขียนอย่างไร?

นัยน์ตาอวี๋ไป๋ถิงเปล่งประกายออกมา ในใจฮึกเหิมขึ้น เขาภาวนาให้ซูอี้รนหาที่ตาย!

โจวจือหลีกระวนกระวายใจเล็กน้อย ทันทีที่จะเอ่ยแนะนำซูอี้

รับชมเห็นเช่นนี้ฉินฉางซานก็เงยหน้าหัวเราะเสียงดัง น้ำเสียงดั่งฟ้าร้อง ทำเอาชั้นเมฆเบื้องบนกระเพื่อมไหว

“เจ้าหนุ่มน้อย ไม่กลัวความเป็นความตาย ฉินผู้นี้ในฐานะเป็นผู้ฝึกดาบ จะไม่เล่นเป็นเพื่อนได้อย่างไร?”

[1] นามของคน เงาของต้นไม้ เป็นสำนวนจีน หมายถึงชื่อเสียงของบุคคลนั้นสำคัญมาก เช่นเดียวกับเงาของต้นไม้

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset