“กลับมาแล้วหรือ ท่านผู้นำ”
“กลับมาแล้ว”
หัวหน้าเผ่าหนูขานรับด้วยคำพูดสุภาพเหมือนคนปกติ
ทันทีที่ได้ยินคำสุภาพ บรรดาลูกน้องพากันประหม่าทันที
ผู้นำเผ่าหนูที่เรียกตัวเองว่า ‘เด็กเจ้าเล่ห์*’ มักพูดจาปากเสียกับคนรอบข้างโดยไม่แยกแยะ แต่ถ้ากำลังตื่นเต้น เขาจะพูดจาสุภาพเหมือนคนปกติ
(*꾀돌이 แปลว่าเด็กเจ้าเล่ห์ แต่พอเติมคำว่า 쥐 ที่แปลว่าหนูต่อท้าย จะกลายเป็นหนูเจ้าเล่ห์ = ชื่อที่ใช้ในการประชุมพันธมิตรสิบสองจักรราศี)
“…ไปไหนมาหรือขอรับ”
ลูกน้องเริ่มหวั่นเกรงกับสิ่งที่ผู้นำกำลังทำ
ได้ยินลูกน้องคนหนึ่งอาสาถามแทนเพื่อน เด็กเจ้าเล่ห์ตอบกลับด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
“ไปสืบข่าวเกี่ยวกับมนุษย์ที่เจนให้สืบมา”
“คำขอร้องจากไวโอลินสีน้ำเงิน? ท่านลงทุนสืบด้วยตัวเองเลยหรือ”
“ก็ใช่น่ะสิ”
‘เจียดเวลาไปทำเรื่องไร้สาระอีกแล้ว’ บรรดาลูกน้องถอนหายใจด้วยความคิดเดียวกัน
ผู้นำเผ่าหนูผู้มากฝีมือไม่เคยละเลยงานการของเผ่า ขณะเดียวกันคอยหาความสุขใส่ตัวด้วยการเล่นกับมนุษย์
ยิ่งไปกว่านั้น ทักษะในการบริหารเวลาของผู้นำก็ยังน่าทึ่งมาก ไม่อยากเชื่อว่าจะยังเจียดเวลาไปรวบรวมข้อมูลด้วยตัวเองได้
“มนุษย์คนหนึ่งมีภูมิหลังน่าสงสัย”
“หมายถึงหนึ่งในสองมนุษย์ที่ท่านผู้นำถูกขอให้ตรวจสอบ? ชายหนึ่งหญิงหนึ่งจากห้อง 1/0 ของเรียนเรียนแสงเงิน?”
“ถูกต้อง ฝ่ายหญิงก็น่าสนใจอยู่ แต่ฝ่ายชายเตะตาข้ามากกว่า”
“ท่านหมายถึงซูเปอร์โนว่าไร้นาม โชอึยชินผู้รอดชีวิตจากเงื้อมมือเผ่าหมี?”
ผู้นำเผ่าหนูพยักหน้า
“ใช่”
“เขาเป็นเพลเยอร์ที่ดีในรุ่นเดียวกันก็จริง แต่ว่า… ยังมีนักเรียนโรงเรียนแสงเงินอีกมากที่โดดเด่นกว่าเขา สิ่งใดคอยกวนใจท่านอยู่หรือ ท่านผู้นำ”
“อดีตก่อนที่จะมาเป็นเพลเยอร์ของเขา”
ผู้นำเผ่าหนูฉายโฮโลแกรม
ภาพโฮโลแกรมแสดงรายชื่อผู้ชนะการแข่งหมากรุกในประเทศตลอดสามปีหลัง
รายชื่อด้านบนสุดของทุกปีคือ ‘โชอึยชิน’ อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
“เด็กคนนั้นเป็นเซียนหมากรุกสินะ”
“ใช่… แต่อยู่ๆ ก็หยุดเล่นไปตั้งแต่ปีกลาย เรื่องนั้นกวนใจข้าอยู่”
“ไม่ใช่เพราะว่าพออายุครบ 17 ก็ต้องเป็นเพลเยอร์หรอกหรือ”
เพลเยอร์อย่างเป็นทางการของสมาคม จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการแข่งหมากรุกที่มีการนับคะแนน Elo ซึ่งจัดโดยสหพันธ์หมากรุกโลก (FIDE) หรือถ้าลงแข่งจะไม่ได้รับตำแหน่ง ‘มาสเตอร์’
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่โชอึยชินจะเล่นหมากรุกเป็นงานอดิเรก และเลิกก่อนจะกลายเป็นเพลเยอร์ทางการ
“ข้าก็คิดแบบนั้น แต่ยังมีอีกเรื่องที่ไม่ชอบมาพากล”
ผู้นำเผ่าหนูกล่าวพลางนึกทบทวน ‘ปฏิกิริยา’ ของบุคคลที่ตนไปพบเจอและพูดคุยมา
“ประการแรก อดีตคู่แข่งของโชอึยชินที่มีรายชื่อในแต่ละปี กลับจดจำโชอึยชินได้ไม่แม่นยำนัก”
คู่แข่งของโชอึยชินแบ่งได้เป็นหลายช่วงอายุ เพศ และอาชีพ แต่ทุกคนกลับจำไม่ได้เหมือนกันหมด
“เซียนหมากรุกมักมีสมองดีกว่าคนปกติ แต่กลับไม่มีใครเลยที่จำโชอึยชินได้ชัดเจน มันน่าแปลกที่เซียนหมากรุกระดับประเทศจะมีความทรงจำพร่ามัวขนาดนั้นพร้อมกัน”
วิดีโอ รูปภาพ ข้อความ
บันทึกเกี่ยวกับโชอึยชินนั้นสมบูรณ์แบบ
แต่ทั้งคู่แข่งและเจ้าหน้าที่สมาคมหมากรุก กลับมีความทรงจำเกี่ยวกับโชอึยชินไม่ชัดเจน
ทุกคนตอบกลับมาทำนองว่า ‘เมื่อลองมานึกดู… ก็เหมือนจะเป็นแบบนั้นนะ’
ยังกับมีใครบางคนคอยบิดเบือนข้อมูลเป็นวงกว้าง
“ประการที่สอง โชอึยชินที่สูญเสียครอบครัวทั้งหมดไปจากอุบัติเหตุในปีที่แล้ว จนหยุดเล่นหมากรุกไปนานกว่าครึ่งปี กลับตัดสินใจลงแข่งรายการหมากรุกที่ทางโรงเรียนแสงเงินจัดขึ้น”
มันแปลกขนาดนั้นเลยหรือ ที่คนซึ่งเคยเลิกเล่นหมากรุกไปเพราะความช็อกจากการสูญเสียครอบครัว จะสลัดมันได้ภายในครึ่งปีแล้วกลับมาแข่งใหม่?
ลูกน้องของผู้นำเผ่าหนูที่ได้ฟังเรื่องราว ต่างพากันเอียงคอสงสัย
“ประการที่สาม ท่าทีของเพลเยอร์มนุษย์ที่ข้ามอบพรคุ้มครองให้ ดูไม่ชอบมาพากลเป็นอย่างยิ่ง”
“ไม่ชอบมาพากลยังไงหรือขอรับ”
“เขาสืบข้อมูลของฝ่ายหญิงมาให้ตามปกติ แต่กลับพยายามปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับโชอึยชิน”
“แล้วมันสื่อถึงอะไร”
ผู้นำเผ่าหนูแสยะยิ้มพลางพึมพำ
“ข้าล่ะชอบอะไรแบบนี้จริงๆ”
บรรดาลูกน้องยังคงงุนงงว่ามีตรงไหนน่าสนใจ แต่ทุกคนทำเพียงพยักหน้ารับประหนึ่งว่าคิดตามทัน
* * *
เช้าตรู่
เมื่อฝึกช่วงเช้าเสร็จและเปิดดีไวซ์อ่านข้อความ ฉันไม่พบข้อความใหม่
‘ฮงกยูบินทำเหมือนมีบางสิ่งอยากจะพูดกับเรา’
ในหน้าต่างสนทนากับฮงกยูบิน ไม่ผิดไปจากทุกครั้ง มันเต็มไปด้วยคำทักทายและการบ่นเดิมๆ ทำนองว่า ‘ที่โรงเรียนไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม’ ‘ชีวิตเป็นยังไงบ้าง’ ‘ทำงานล่วงเวลาเหนื่อยจังเลย ㅠㅠ’
‘ถ้ายุ่งขนาดนั้นก็หยุดส่งข้อความมาได้แล้ว’
มีบางสิ่งกวนใจฉัน แต่ตอนนี้คงต้องปล่อยผ่านไปก่อน
ขณะเตรียมตัวไปโรงเรียน ฉันตรวจสอบกระทู้ในเว็บบอร์ดของโรงเรียนแสงเงิน และเห็นกระทู้ที่เขียนโดยหัวหน้าห้องปี 3/0
[บทส่งท้ายการยอมแพ้ของปี 3/0 (ครึ่งหลัง) ]
ฉันเคยเหน็บแนมไปคราวก่อนว่า ทำไมถึงต้องเป็น ‘บทส่งท้ายครึ่งแรก’ กำลังจะบอกว่ามีครึ่งหลังอยู่ด้วย?
ปรากฏว่ามีครึ่งหลังจริงๆ
[ชื่อกระทู้: ครูประจำชั้นแข็งแกร่งเกินไป]
แค่เห็นชื่อกระทู้ก็ไม่อยากอ่านต่อแล้ว
‘อยากหยุดอ่านนะ แต่ใจอีกหนึ่งก็อยากรู้’
ท้ายที่สุด ฉันตัดสินใจอ่านต่อเพราะต้านทานความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหว
เนื้อหาธรรมดาจนผิดคาด
เริ่มจากการบรรยายเกมเอาตัวรอดที่ปี 3/0 กำหนดขึ้น แต่ละบรรทัดเต็มไปด้วยถ้อยคำพร่ำพรรณนามากมายที่สรุปได้ทำนองเดียวกันว่า ‘ครูประจำชั้นแข็งแกร่งเกินไป’
เป็นบทส่งสายที่เรียบง่ายเหลือเกินหากมองว่านี่คือห้องศูนย์
‘แล้วทำไมถึงมีคนคอมเมนต์เยอะนักล่ะ’
ความคาใจของฉันได้รับการคลี่คลายในหน้าสุดท้าย
[ปัจจัยอันดับหนึ่งที่ทำให้เราพ่ายแพ้คือการทรยศของ ‘พลังจักรวาล’ เราอุตส่าห์เชื่อใจ ทำไมถึงทำกันได้? นับแต่นี้ไป ห้อง 3/0 ของเราจะไล่ล่า ‘พลังจักรวาล’ จนถึงที่สุด
จะหาให้เจอ
สาบานได้เลย
และแก้แค้น
บทส่งท้ายจบลงเพียงเท่านี้]
พลังจักรวาล? หักหลัง? แก้แค้น?
กำลังพูดเรื่องอะไรอยู่นะ
ฉันไม่เข้าใจ แต่เดาได้ว่าพวกเขากำลังจะทำศึกกับพลังจักรวาล
ย่อหน้าท้ายสุดของบทส่งท้ายที่หัวหน้าห้อง 3/0 เขียนขึ้นไม่กี่บรรทัด ช่วยส่งความคิดผู้อ่านลอยขึ้นไปยังดาราจักรแอนดรอเมดา
เป็นธรรมดาที่จะเต็มไปด้วยคอมเมนต์
[นี่ฉันเพิ่งอ่านอะไรลงไป]
[บทสรุป: นิยายไซไฟอวกาศ]
[ไม่ใช่ว่าไอ้ ‘พลังจักรวาล’ เป็นรหัสลับที่ใช้เรียกการฝึกพิเศษหรอกหรือ สรุปว่าเป็นของจริง? ㅋㅋㅋㅋ]
[ตอนแรกหัวหน้าห้อง 3/0 ก็ดูปกติดีอยู่หรอก แต่ตอนนี้ดูเหมาะสมกับตัวแทนพวกบ้าดี;;;;]
[↑ สภาพแวดล้อมก็มีส่วน…]
[ผิดที่พลังจักรวาลสินะ]
[ต้องรอฟังคำแก้ต่างจากฝั่งพลังงานจักรวาลก่อน อย่าฟังความข้างเดียว]
[↑ ต้องรอฟังจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย]
อย่างไรก็แล้วแต่ บทสรุปของเรื่องราวก็คือ นักเรียนปี 3/0 ยอมแพ้ต่ออิมยอนวาผู้เป็นครูประจำชั้น แต่ดูเหมือนการต่อสู้ของพวกเขาจะยังไม่จบ
เมื่อได้เห็นวีรกรรมสุดพิลึกของรุ่นพี่ปีสองและปีสาม เป็นอีกครั้งที่ฉันตระหนักว่าตัวเองมีเพื่อนร่วมห้องที่ดีแค่ไหน
หลังจากนี้คงต้องคอยระวังไม่ให้เด็กๆ เหล่านั้นติดเชื้อจากบรรดารุ่นพี่ห้องศูนย์
แต่แน่นอน กับวังจีโฮคงสายไปแล้ว หมอนี่เป็นข้อยกเว้น
* * *
วันเรียนอันวุ่นวายจบลงพร้อมกับการประกาศ ‘สงครามอวกาศ’ ของนักเรียนปี 3/0
หลังเลิกเรียน
ห้องชมรมหนังสือพิมพ์, อาคารสหภาพชมรม
ขณะเตรียมเดินเข้าห้องของเด็กปีหนึ่งพร้อมกับวังจีโฮ ประธานชมรมเรียกหาฉัน
“ควอนเจอินอยากให้สัมภาษณ์กับเรา แต่ทางนั้นกำหนดผู้สัมภาษณ์เอาไว้ตายตัว”
ควอนเจอินมักไม่ค่อยปรากฏตัวในรายการทีวี แน่นอนว่าการสัมภาษณ์ก็ด้วย
ทุกครั้งที่ออกรายการดนตรีเพื่อโปรโมตเพลง เงื่อนไขของเธอคือการเล่นดนตรีอย่างเดียวโดยไม่พูด
หน้าตาของทะเลสาบนิรันดร์อาจเป็นควอนเจอิน แต่ปากเสียงของทีมคือจาเร็ด·ลี
‘หรือว่าควอนเจอินอยากผลักดันอัลบัมนี้เป็นพิเศษ… แต่นั่นก็ยังแปลกอยู่ดี’
เที่ยงคืนของเมื่อวาน เพลงใหม่ ‘กลับบ้านเกิด (Homecoming) ’ ถูกเผยแพร่พร้อมกันทั่วโลกโuเวลกูดoทคoม
เพลงที่เริ่มต้นด้วยเทคนิคพิซซิคาโต้ (เกาสายไวโอลินด้วยนิ้ว) ซึ่งถูกนำมาเล่นสดครั้งแรก ณ คอนเสิร์ตที่จัดขึ้นในหอพยัคฆ์สำแดง
คนทั่วโลกตอบสนองอย่างสุดเหวี่ยงในชั่วข้ามคืน
ศิลปินจำนวนไม่น้อยนำเพลงกลับบ้านเกิดไปคัฟเวอร์ โดยเฉพาะเด็กชมรมกลุ่มดนตรีที่ร่วมกันบันทึกเสียงเพื่อใช้เป็นกริ่งเปลี่ยนคาบตลอดทั้งวัน
ควอนเจอินกลับมาเป็นจุดสนใจของโลกอีกครั้งด้วยการปล่อยเพลงใหม่
ประธานชมรมหนังสือพิมพ์กล่าวว่า ‘ฉันก็ไม่ได้หวังอะไร แค่ลองเสนอคำขอสัมภาษณ์ไปเล่นๆ’
“แต่ก็ต้องตกใจที่ทางนั้นตอบกลับมาในทันที! พวกเขายื่นคำขาดว่าจะยอมให้สัมภาษณ์ก็ต่อเมื่ออึยชินเป็นพิธีกร… นายรู้จักควอนเจอินเป็นการส่วนตัวหรือ”
“ตอนที่ควอนเจอินเล่นคอนเสิร์ตในเกาหลี เธอเคยทักทายผมที่กำลังทำงานพาร์ตไทม์เป็นเด็กหลังฉาก”
“อย่างนี้นี่เอง! ฉันจะช่วยคิดคำถามให้นะ อึยชิน ช่วยสัมภาษณ์เธอหน่อยได้ไหม”
มีหลายจุดในตัวควอนเจอินที่คอยรบกวนจิตใจฉันมาสักพักแล้ว
และฉันยังไม่ลืมความรู้สึกประหลาดๆ ที่สัมผัสได้ขณะเธอเล่นคอนเสิร์ต
การสัมภาษณ์ครั้งนี้อาจช่วยไขข้อกังขาและคลายความไม่ชอบมาพากลได้พร้อมกัน
ฉันพยักหน้ารับด้วยความเต็มใจ
“ได้ครับ ฝากรุ่นพี่ช่วยรวบรวมข้อมูลด้วยนะครับ”
ประธานชมรมหนังสือพิมพ์ตอบกลับด้วยรอยยิ้มสดใส
“แน่นอน! แซรอนเริ่มดำเนินการเรื่องนี้ไปแล้ว”
อาศัยความช่วยเหลือจากชมรมหนังสือพิมพ์และสุดยอดแหล่งข่าวแห่งเพลเมโก การรวบรวมข้อมูลของควอนเจอินก็มิใช่เรื่องที่เกินเอื้อม
* * *
หลังจบคาบชมรม
ก่อนจะแยกกับวังจีโฮ
“นายไม่อยากรู้จริงหรือ”
วังจีโฮยังคงเซ้าซี้ ‘เรื่องนั้น’ ที่เขาไม่ยอมเล่าสักที
เจ้าตัวดูเหมือนอยากเล่าเต็มแก่แล้ว
ฉันเองก็เริ่มอยากฟัง แต่คงเพราะถูกตื๊อบ่อยเกินไป ตอนนี้ก็เลยไม่อยาก
“ใช่ ไม่อยากรู้เลยสักนิด”
วังจีโฮทำหน้าไม่พอใจ ก่อนจะหันหลังกลับและเดินหายไป
นั่นเป็นคนละทิศกับทางเข้าโรงเรียน แต่ฉันไม่รู้ว่าเขาไปไหน
ฉันสัญญากับตัวเองว่าคราวหน้าจะถามถึง ‘เรื่องนั้น’ ตามมารยาท พลางตรวจสอบแผนที่โฮโลแกรมแล้วเดินไปยังเป้าหมาย
‘น่าจะอยู่แถวนี้…’
โรงยิมฯ หมายเลขสามในย่านอาคารชมรม
สถานที่จัดแข่งทัวร์นาเมนต์หมากรุก
‘เช่ายิมแทนหอประชุม? คงมีคนเข้าร่วมเยอะกว่าที่คิดสินะ’
ด้านหน้าโรงยิมที่สาม
เพลเยอร์หมากรุกจะเดินเข้าสู่ตัวอาคารด้วยทางเข้าที่แตกต่างจากผู้ชม
เมื่อแสดงรหัสนักเรียนแก่พนักงานที่ติดบัตรกลุ่มย่อยสเทลเมต อีกฝ่ายเดินนำฉันไปยังทางเข้าสำหรับเพลเยอร์หมากรุก
หลังจากมาถึงห้องพักรับรอง
ในห้องเต็มไปด้วยตัวละครที่ควบคุมได้
“สวัสดีอึยชิน! วันนี้มาพยายามให้เต็มที่กันเถอะ!”
คนที่เข้ามาทักทายคือพัคซึงยอน ผู้เคยเดินสวนกันบ้างแถวหอพัก
เขาก็ลงแข่งหมากรุกเช่นกัน
ฉันรู้ว่าพัคซึงยอนชอบใช้สมองมากกว่ากำลัง และยังใช้มันได้เก่ง แต่ก็ไม่คิดว่าจะชอบหมากรุก
สีหน้าแววตาของเขาดูสดใส คงกำลังตั้งตารอทัวร์นาเมนต์ที่กำลังจะมาถึง
เปลี่ยนไปเป็นคนละคนจากวันเอพริลฟูล
“อา… ฝากตัวด้วยนะ”
ฉันไม่เคยรู้มาก่อน ว่าตัวละครที่ควบคุมได้ชอบเล่นหมากรุกกันขนาดนี้
ไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่ามีการจัดแข่งหมากรุกในโรงเรียน เพราะเรื่องราวของเกมไม่ได้บอกไว้
‘ถ้าไม่ใช่เพราะมีตัวละครที่ควบคุมได้อยู่หลายคน เราคงหนีกลับไปแล้ว’
ผู้เข้าแข่งคนอื่นในห้องกำลังเปิดโฮโลแกรมขึ้นมาเล่นหมากรุกกับ AI
ภาพโฮโลแกรมของกระดานหมากรุกที่มีตัวหมากเคลื่อนไหว ทำฉันเริ่มเวียนหัว
ยิ่งปวดหัวหนักข้อเมื่อเปิดหน้าต่างเมนูพิเศษขึ้นมา
“พิธีเปิดกำลังจะเริ่มแล้ว! เตรียมตัวย้ายที่!”
ทัวร์นาเมนต์หมากรุกในโรงเรียนต้องมีพิธีเปิดด้วย?
แม้จะคิดว่ามันแปลก แต่ฉันก็เดินตามพนักงานไป
‘กว้างผิดคาดแฮะ…’
ชั้นแรกเป็นพื้นโรงยิม ชั้นสองเป็นที่นั่งคนดู
กรรมการและเจ้าหน้าที่กำลังยืนอยู่บนเวทีชั้นล่าง
ตอนแรกฉันคิดว่าคงต้องเดินลงไปที่โต๊ะแข่งทันที แต่เจ้าหน้าที่กลับบอกให้ผู้เข้าแข่งทุกคนยืนรอบนเวทีก่อน
มองจากเวทีลงไปยังพื้นโรงยิม มันดูค่อนข้างว่างเปล่าเพราะมีแค่โต๊ะและเก้าอี้ไม่กี่ตัวท่ามกลางพื้นโรงยิมอันกว้างขวาง
“จะมีการแสดงเปิดก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์ กรุณาอย่าขยับเพื่อความปลอดภัย”
ยงเจกอนจับไมโครโฟนขึ้นมาพูด
‘การแสดงเปิด? ความปลอดภัย?’
คำถามถูกไขกระจ่างอย่างรวดเร็ว
โรงยิมอันว่างเปล่าเริ่มเปลี่ยนไปตามการขยับมือของยงเจกอน
ห้วงมิติทรงลูกบาศก์ขนาดเท่ากำปั้น ซึ่งยงเจกอนสร้างมันขึ้นด้วยศาสตร์แห่งมิติ ทยอยถูกนำมาวางซ้อนกันเหมือนอิฐบล็อก
เฮ—!
เมื่อทิวทัศน์เริ่มเปลี่ยน เสียงเชียร์พรั่งพรูลงมาจากกลุ่มผู้ชมบนชั้นสอง
‘เจ๋งชะมัด!’
ตัวหมากรุกสีดำและขาวขนาดมหึมา ถูกสร้างขึ้นจนเต็มพื้นที่ว่างรอบโรงยิม
การเรียงสีของตัวหมากขาวดำนั้นน่าทึ่งมาก เกิดเป็นภาพที่ดูเหมือนตราโรงเรียนแสงเงินหากมองจากด้านบน
ไม่เพียงเท่านั้น ที่นั่งของผู้ชมบนชั้นสองยังถูกเปลี่ยนโครงสร้างให้คล้ายกับ ‘บ็อกซ์’ ในโรงละครโอเปรา
ทั้งหมดเกิดจากการวางซ้อนกันของลูกบาศก์ขนาดเล็ก ซึ่งสร้างด้วยเทคนิคการ ‘เปลี่ยนสีมิติ’
อาจเพราะถูกจำกัดพลังภายใต้พันธสัญญาครู เม็ดเหยื่อทยอยไหลจากขมับของยงเจกอนที่ดลบันดาลทุกสิ่งจนเสร็จสรรพ
ยงเจกอนที่หยุดขยับมือ กล่าวกับทุกคน
“ข้าพเจ้าขอประกาศเปิดการแข่งขันหมากรุกสเทลเมตประจำโรงเรียนแสงเงินอย่างเป็นทางการ ณ บัดนี้”
ทัวร์นาเมนต์หมากรุกเริ่มต้นด้วยเสียงปรบมือจากผู้ชมและผู้เข้าแข่ง
คู่ต่อสู้คนแรกของฉันคือตัวละครที่ควบคุมได้ – มาจินซึง
—
MasterGU.edited = บรรดา->บรรทัด