“พวกนายจะไปทำอะไรที่นั่น!”
ได้ฟังจุดหมายของแอร์แท็กซี่ เม็งเฮียวทงนิ่งไปสองสามวินาทีก่อนจะขึ้นเสียง
“ไปเล่นสนุกน่ะ”
“ฉันก็เหมือนกัน!”
จูซูย็อกขานรับคำพูดฉันด้วยเสียงสดใส
เม็งเฮียวทงทำหน้ามึนงงเมื่อเห็นเราสองคนตอบอย่างฉะฉาน
ระหว่างที่เขายังไม่หายสับสน จูซูย็อกกินเพรทเซลเป็นชิ้นที่สอง
ได้เห็นอีกฝ่ายกินขนมต่อหน้า เม็งเฮียวทงแสดงความเห็น
“ดูน่าอร่อยเชียว”
“เพรทเซลยี่ห้อนี้ยังไม่มีตัวแทนจำหน่ายในเกาหลี กินได้เฉพาะในแอร์แท็กซี่เท่านั้น หาซื้อจากที่อื่นไม่ได้แล้วนะ!”
จูซูย็อกถือเพรทเซลพลางสาธยายยืดยาว จนดูเหมือนรายการอาหารที่มีนักเรียนม.ปลายเป็นพิธีกร
เม็งเฮียวทงก็คงคิดแบบเดียวกัน จึงย่นคิ้วชนกัน
“เจ้าบวกบ้า…”
เขาพูดพลางกำกระเช้าดอกคาร์เนชั่นในมือแน่น
‘กลัวว่าจะมีใครแย่งไปรึไง’
จูซูย็อกเองก็ยิ้มอย่างร่าเริงพลางมองกระเช้าดอกไม้ในมือเม็งเฮียวทง ดูท่าจะคิดแบบเดียวกับฉัน
“มันไม่หล่นไปไหนหรอก วางไว้แล้วกินเพรทเซลดีกว่าน่า”
ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องใช้เหยื่อล่อแล้ว
ถ้าไปถึงโรงเรียนแล้วเม็งเฮียวทงพยายามจะหนี ฉันกับจูซูย็อกคงจับเขาลากเข้าไปหาครูประจำชั้นตอนม.3 ได้ไม่ยากเย็น
“ไม่ได้กลัวว่าจะหล่นสักหน่อย!”
เม็งเฮียวทงปฏิเสธเสียงแข็ง
หลังจากลังเลสักพัก เขาปล่อยมือจากกระเช้าดอกไม้แล้วยื่นไปหาเพรทเซล
สงสัยจะทนแรงยั่วจากของกินไม่ไหว
“…อร่อย!”
“เห็นไหม? กาแฟก็รสชาติใช้ได้อยู่นะ อึยชินลองดื่มดูสิ”
“มีอะไรนอกจากกาแฟไหม”
“ถ้ากินเปรี้ยวได้ก็… น้ำมะนาว”
ขณะฉันลองดื่มเมนูแนะนำของจูซูย็อก เม็งเฮียวทงทดลองกินเพรทเซลทุกรสชาติ
ไม่นานก็ออกปากชมรสอบเชยกับเฮเซลนัต
เห็นเขากินเก่งแบบนี้ ฉันลองถามหยั่งเชิง
“ตอนกลางวันยังไม่ได้กินอะไรมา?”
“…ใช่”
คงเอาแต่หมกตัวเศร้าอยู่คนเดียวโดยไม่ได้กินอะไรตลอดเที่ยง… สมแล้วที่เป็นเพื่อนกับจูซูย็อก
“ฉันก็ยังไม่ได้กินเหมือนกัน! แวะหาอะไรกินแถวโรงเรียนของเฮียวทงกันเถอะ!”
“สรุปแล้วพวกนายไปทำอะไรกันแน่เนี่ย…”
แม้จะเป็นบ่น แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธการหาอะไรกินแถวโรงเรียนเก่า
ทั้งคู่คงมองว่าเพรทเซลที่เพิ่งกินเข้าไปเป็นแค่ของว่าง ไม่ใช่มื้อกลางวัน
* * *
รอบนอกจังหวัดคยองกี
พวกเรานั่งแอร์แท็กซี่มาถึงโรงเรียนเก่าของเม็งเฮียวทง – โรงเรียนมัธยมต้นทันแร – โดยใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง
“ยังกับฉากในหนังเลยแฮะ…”
จูซูย็อกอธิบายความประทับใจแรก
ทั้งที่เป็นโรงเรียนรัฐ แต่สิ่งอำนวยความสะดวกภาพรวมกลับดูล้าหลังจนน่าใจหาย
โรงเรียนมัธยมต้นจินซูที่ฉันเคยแวะไปครั้งหนึ่ง แม้จะดูขาดความเจริญ แต่ก็ยังดีกว่าที่นี่หลายเท่า
‘ทุจริตเงินสนับสนุนหนักข้อขนาดนี้เชียว… รู้จักความพอดีบ้างเถอะ’
เม็งเฮียวทงยืนมองประตูเขรอะสนิมของโรงเรียนด้วยสีหน้าหลากอารมณ์
ยืนมองอยู่สักพัก เขาโพล่งขึ้นด้วยเสียงสูง
“เฮ้ย… นั่นมันเรื่องบ้าอะไร!”
ณ ปลายสายตาของเม็งเฮียวทง
มีป้ายแผ่นใหญ่ถูกแขวนไว้สองแผ่น
[ขอแสดงความยินดี] โรงเรียนมัธยมปลายแสงเงิน นักเรียนเม็งเฮียวทง [ที่สอบผ่าน]
—โรงเรียนมัธยมต้นทันแร—
[เฉลิม] เม็งเฮียวทง ลูกชายผู้น่าภาคภูมิใจของทันแร! ยินดีด้วยที่สอบติดโรงเรียนแสงเงิน! [ฉลอง]
—สมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมต้นทันแร, สมาคมผู้ปกครอง—
ป้ายเน้นหนักคำว่า ‘โรงเรียนแสงเงิน’ มากกว่าชื่อของเม็งเฮียวทง
ตัวหนังสือ ‘โรงเรียนแสงเงิน’ ถูกพิมพ์ด้วยตัวอักษรหนาและใช้สีฉูดฉาด
‘ไม่ใช่สภานักเรียน แต่เป็นป้ายของโรงเรียน สมาคมศิษย์เก่า และสมาคมผู้ปกครอง’
ฉันนึกทบทวนประสบการณ์อันโหดร้ายที่เม็งเฮียวทงเคยเผชิญขณะเรียนม.ต้น
ไม่ได้มีแค่เหล่าคณาจารย์ที่ทำตัวแย่ๆ กับเม็งเฮียวทง
แต่ยังรวมถึงพ่อแม่จากสมาคมผู้ปกครอง ซึ่งเป็นพ่อแม่ของเด็กที่วิวาทแพ้เม็งเฮียวทงแล้วไปฟ้องครู
“ไอ้พวกไร้จิตสำนึก”
เม็งเฮียวทงกัดกรามแน่นขณะยืนจ้องป้าย
‘ไม่ใช่ฤดูกาลสอบเข้าสักหน่อย ทำไมต้องแสดงความยินดีกับเม็งเฮียวทงลากยาวมาถึงเดือนพฤษภา?’
โรงเรียนคงทำไปโดยไม่รู้ว่าเม็งเฮียวทงถูกขายเป็นทาสให้ไฟต์คลับ
มองสลับไปมาระหว่างเม็งเฮียวทงกับป้ายสักพัก จูซูย็อกตัดสินใจถาม
“พวกเขาไม่ได้ขออนุญาตใช่ไหม”
“แหงสิ”
คงรู้อยู่แล้วว่าเม็งเฮียวทงไม่มีทางเห็นด้วย ก็เลยแอบทำกันเอง
ต่อให้เรียนจบจากที่นี่จริง แต่ถ้าทำไปโดยเจ้าตัวไม่ยินยอม ก็ถือว่าละเมิดพรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
“เดี๋ยวฉันเอาลงให้”
ฉันเปิดดีไวซ์
“อึยชิน นายจะโทรหาใคร”
“สมาคมเพลเยอร์ ครูของโรงเรียนนี้ไร้จิตสำนึกถึงขนาดแอบเอาป้ายมาแขวนโดยไม่ได้รับอนุญาต… เจรจาไปก็ป่วยการ”
แม้จะมีข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนทันแรไม่มาก แต่ฉันเชื่อว่าที่นี่เต็มไปด้วยพวกขยะที่ชอบกดขี่เด็กบ้านจน
ในยุคสมัยใหม่ สิทธิ์ของนักเรียนอาจพัฒนาขึ้นมากแล้ว และกฎหมายก็ถูกปรับปรุงอยู่เนืองๆ
แต่ก็ไม่มีทางใช้ได้ผลกับครูที่มีประสบการณ์กดขี่เด็กบ้านจนมาหลายสิบปี
‘ให้เม็งเฮียวทงไปโวยวายกับโรงเรียนคงไม่เกิดประโยชน์’
เดาได้ไม่ยากว่าจะมีผลตอบรับแบบไหนบ้าง
‘กล้าดียังไงมาพูดแบบนี้กับผู้ใหญ่!’
‘เรียนจบแล้วไม่เคารพโรงเรียนเก่าเลยสินะ!’
‘เดี๋ยวจะบอกให้ฝ่ายที่รับผิดชอบจัดการนะ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าเสร็จตอนไหน’
คงเต็มไปด้วยข้ออ้างเพื่อปัดสวะให้พ้นตัว
แน่นอน ต่อให้ต้องทนฟังคำขยะพวกนั้น แต่ป้ายโฆษณาก็คงไม่หายไปง่ายๆ
‘ถ้าเม็งเฮียวทงเป็นนักเรียนธรรมดา ทางออกคือการไปหาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตำรวจ หรือไม่ก็ทนายความ แต่เขาเป็นเพลเยอร์ สามารถข้อความช่วยเหลือจากสมาคมเพลเยอร์ได้โดยตรง’
วัตถุประสงค์ของสมาคมคือ ‘ปราบปรามเอนามี’ และ ‘คุ้มครองเพลเยอร์’
การคุ้มครองยังรวมไปถึงการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล
อาศัยคำแนะนำของสมาคม ฉันบอกให้เม็งเฮียวทงกรอกข้อมูลลงเอกสารผ่านดีไวซ์
“ทางนั้นรับลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ไหม”
“รับสิ แค่เขียนชื่อยังได้เลย”
“เรียบร้อย”
เม็งเฮียวทงจัดการเอกสารจนเสร็จ และโอนถ่ายข้อมูลตามคำแนะนำของจูซูย็อก
ขณะพวกเราเดินผ่านทางเข้าหลักของโรงเรียนทันแรและมุ่งหน้าไปทางห้องพักครู
“พวกเขากำลังถอดออก!”
“โฮ่…”
ด้านนอกหน้าต่างห้องพักครู กลุ่มครูวัยกลางคนรีบวิ่งออกมาปลดป้ายโฆษณาที่มีชื่อเม็งเฮียวทง
‘ทางสมาคมเองก็เปลี่ยนแปลงภายในไปไม่น้อย จนเหลือแค่พนักงานดีๆ แล้วสินะ…’
ใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าครูของโรงเรียนทันแรจะถอดป้ายเสร็จ คงเพราะตอนแรกมัดเชือกไว้แน่นเป็นพิเศษ
* * *
หน้าห้องพักครู
เราสามคนมาถึงโดยไม่ได้แจ้งกับใครล่วงหน้า
ระหว่างทางไม่ได้เดินสวนกับครูหรือนักเรียนคนไหน
หลังจากมองผ่านกระจกเข้าไปในห้องพักครู เม็งเฮียวทงพึมพำ
“อยู่นั่น…”
ตอนนี้โรงเรียนทันแรกำลังมีการเรียนการสอนคาบบ่าย
อดีตครูประจำชั้นของเม็งเฮียวทงเองก็สอนวิชาคณิตศาสตร์ม.3 ด้วย จึงแอบหวั่นๆ ว่าเขาอาจติดคาบสอน แต่โชคดีที่ได้เจอตัวในห้องพักครู
‘คนนี้เองสินะ อดีตครูประจำชั้นของเม็งเฮียวทง’
มองผ่านกระจกที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วน
ครูร่างผอมคนหนึ่งกำลังก้มหน้าขยันทำงาน
ส่วนครูคนอื่นในห้องเอาแต่นั่งเล่นเน็ต หรือไม่ก็หัวเราะเฮฮา
‘ครูของเม็งเฮียวทงทำงานอยู่คนเดียว…’
โรงเรียนม.ต้นที่ละเลยเด็กมีพรสวรรค์อย่างเม็งเฮียวทง
ฝ่ายบริหารคงเน่าเฟะจากภายในอย่างไม่ต้องสงสัย
“มัวทำอะไรอยู่ ยังไม่รีบเข้าไปอีก”
เม็งเฮียวทงตอบกลับทันทีโดยไม่ละสายตาจากกระจก
“นี่… พวกนายช่วยเอาไปส่งแทนฉันได้ไหม”
ก็ต้องไม่ได้อยู่แล้ว
“ไม่ล่ะ”
“ใช่ ไม่เอาหรอก”
ได้ฟังจูซูย็อกกับฉันยืนกรานเสียงแข็ง เม็งเฮียวทงยังคงเอาแต่ยืนกำกระเช้าดอกคาร์เนชั่นโดยไม่ตอบสนอง
ลากตัวเข้าไปดีไหม?
ขณะจูซูย็อกกับฉันเล็งหาจังหวะลงมือ
บุคคลด้านในเริ่มเคลื่อนไหวก่อน
“หือ…”
อดีตครูประจำชั้นของเม็งเฮียวทง มองมาทางกลุ่มพวกเราด้วยสีหน้าตกตะลึง
ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าคนที่ไม่ใช่เพลเยอร์ ไม่น่าจะบอกได้ว่านี่คือเม็งเฮียวทง ทางนั้นคงแค่รู้ว่ามีนักเรียนยืนอยู่
ครูคนดังกล่าวรีบลุกขึ้นและวิ่งออกมา
“เฮียวทง!”
เมื่อประตูห้องพักครูเปิดออก อีกฝ่ายเข้ามาจับแขนเม็งเฮียวทงที่ไม่กระดุกกระดิกมาสักพัก
“ครูเป็นห่วงแทบแย่… ทำไมถึงไม่แวะมาที่โรงเรียนเลยหลังจากวันประกาศผล? ครูลองไปหาเธอที่บ้านสองสามครั้ง แต่คุณพ่อบอกว่าเฮียวทงกำลังยุ่ง แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ขายบ้านแล้วหายไปเลย!”
“…ขอโทษครับ”
เม็งเฮียวทงเคยเล่าว่า อดีตครูประจำชั้นคือคนที่แจ้งผลการสอบเข้าโรงเรียนแสงเงินกับเขา
เม็งเฮียวทงคงถูกขายให้ไฟต์คลับหลังจากนั้น
ส่งผลให้ขาดการติดต่อระหว่างกันโน!วลกูดoทคอม
‘คงเป็นห่วงเม็งเฮียวทงมาตลอดเลยสินะ’
ได้ยินคำขอโทษแผ่วเบาจากเม็งเฮียวทง อดีตครูประจำชั้นรีบเปลี่ยนวิธีพูด
“ขอบคุณที่ยังกลับมาหาครู… เฮียวทง… สบายดีใช่ไหม? กินอาหารครบทุกมื้อใช่ไหม?”
“…ครับ”
บทสนทนาของศิษย์และครูเริ่มต้นขึ้น แม้เม็งเฮียวทงจะยังตอบอ้ำอึ้ง
ฉันกับจูซูย็อกเปิดโอกาสให้พวกเขาอยู่ด้วยกันตามลำพัง
“ไปรอข้างนอกนะ”
“คุยกับครูเสร็จแล้วตามมานะ”
พวกเราออกมารออยู่ใกล้กับทางเข้าตึกข้างๆ ห้องพักครู
ผ่านไปราวสามสิบนาที
ครูผู้มีดวงตาปูดโปนเล็กน้อย เดินโอบไหล่เม็งเฮียวทงเข้ามาหาพวกเรา มือข้างหนึ่งถือกระเช้าดอกไม้
“พวกเธอเป็นเพื่อนที่โรงเรียนของเฮียวทงใช่ไหม”
“ครับ”
อดีตครูประจำชั้นเผยรอยยิ้มเมื่อได้ฟังคำตอบจูซูย็อก
“ถ้ามีเรื่องอะไรอยากให้ช่วย ติดต่อหาครูได้ทันที ไม่ต้องเกรงใจ”
ฉันกับจูซูย็อกแลกเปลี่ยนดีไวซ์โค้ดกับอีกฝ่าย
ก่อนจะเดินกลับห้องพักครู เขาอำลาพร้อมกับทิ้งท้ายว่าอยากเลี้ยงข้าวพวกเราสักมื้อ แต่ติดว่าตอนนี้งานยุ่งมาก
“นายแลกรหัสกับครูแล้วใช่ไหม”
“แลกแล้ว… เอาไว้ถามโจทย์เลขน่ะ”
คงเล่าให้ฟังแล้วว่าลงเรียนคณิตศาสตร์ไปด้วย
เม็งเฮียวทงไม่ได้อธิบายว่าคุยอะไรกับอดีตครูประจำชั้นบ้าง แต่สีหน้าดูดีขึ้นกว่าขามาพอสมควร
คงโล่งใจที่ได้พูดขอบคุณออกไปแล้ว
‘โชคดีจริงๆ ที่มาส่งดอกคาร์เนชั่นทันเวลา แต่ว่า…’
หันกลับไปมองทางเข้าตึกด้านหลัง
จากตรงนี้พอจะเห็นด้านในห้องพักครูได้รางๆ
ครูคนหนึ่งกำลังพูดบางอย่างกับอดีตครูประจำชั้นของเม็งเฮียวทงด้วยสีหน้าไม่พอใจ
เป็นคนเดียวกับที่เอาแต่นั่งคุยไม่ยอมทำงานจนถึงเมื่อครู่
‘สิ่งอำนวยความสะดวกล้าหลังมากเมื่อเทียบกับงบประมาณที่กระทรวงฯ จัดสรรให้… ร้องเรียนไปทางสำนักงานการศึกษาจังหวัดคยองกีสักหน่อยดีกว่า… หรือเอาเป็นศูนย์ร้องทุกข์ชาวบ้านดี?’
ขณะร่างเอกสารร้องเรียนอยู่ในหัว เม็งเฮียวทงจ้องหน้าฉันแล้วพูดบางอย่าง
“ทำไมนายถึงยิ้มมีพิรุธอีกแล้ว”
มันมีพิรุธขนาดนั้นเลยรึไง
ทันใดนั้น จูซูย็อกช่วยเสริมว่า ‘ใช่เลย! มีพิรุธมาก!’
แม้แต่พระเอกของโลกก็ยังเอากับเขาด้วยสินะ
* * *
หลังจากเรียกแอร์แท็กซี่และอยู่ระหว่างรอ พวกเราเดินเข้าร้านขายของกินเล่นตามแนะนำของเม็งเฮียวทง
เขาสั่งทุกเมนูในร้าน
ต๊อกบกกี ราบกกี รามยอน ซุนแด มินิคิมบับ คิมมารี ไข่ ของทอด…
โต๊ะอาหารเต็มไปด้วยเมนูของกินเล่น
“อยากลองร้านนี้มานานแล้ว”
“เพิ่งเคยมา? ไม่เคยกินเลยสักครั้ง?”
“ใช่”
เนื่องจากเม็งเฮียวทงไม่เคยพกเงินสดมาโรงเรียน เป็นธรรมดาที่จะไม่เคยแวะเข้าร้านขายของกินเล่น
จูซูย็อกทำหน้าไม่เข้าใจ แต่ก็บรรจงกินอาหารว่างเข้าไปโดยไม่ไต่ถาม
รสชาติค่อนไปทางกลางๆ แต่พวกเราก็กินจนเกลี้ยงทุกชาม
เม็งเฮียวทงยืนกรานหนักแน่นว่าจะเลี้ยงทั้งที่พวกเราขอแยกจ่าย
* * *
เมื่อกลับถึงโรงเรียน กิจกรรมช่วงบ่ายทั้งหมดได้จบลงแล้ว
วันนี้ฉันมีนัดกินมื้อเย็นกับซองซีวาน จึงแยกกับเม็งเฮียวทงที่หน้าทางเข้าหลัก
ขณะยืนอยู่ตามลำพัง ฉันตรวจสอบข้อความจำนวนมากที่ขึ้นว่ายังไม่ได้อ่าน
‘เกือบทั้งหมดมาจากเพื่อนร่วมห้องและเพื่อนในชมรม’
พวกเขาส่งมาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง เพราะฉันไม่ได้เข้าทั้งคาบบ่าย โฮมรูมเย็น และชมรม
ฉันแจ้งเรื่องนี้ให้ฮัมกึนยองกับประธานชมรมหนังสือพิมพ์ไปแล้ว แต่ดูเหมือนพวกเขาจะสื่อสารไม่ครอบคลุม
ขณะไล่ตอบทุกคำถามยกเว้นของวังจีโฮ ข้อความใหม่ถูกส่งเข้ามา
[มินกือริน] นี่
[มินกือริน] ขอรูปถ่ายเพื่อนร่วมชั้นหน่อย
เป็นข้อความที่คาดไม่ถึงจริงๆ
สงสัยมินกือรินจะอยากเห็นใบหน้าเพื่อนร่วมห้อง
[ฉัน] ได้สิ
ฉันส่งรูปหมู่ที่ถ่ายตอนไปปิกนิกริมแม่น้ำฮันให้
บนเสื้อแก๊งมีชื่อเขียนอยู่เกือบครบ จึงพอจะบอกได้ว่าใครเป็นใคร
แต่เนื่องจากชื่อของซาวอลเซอึมไม่ถูกเขียนไว้ ฉันจึงแนบข้อความ ‘ไก่=ซาวอลเซอึม’ ต่อจากรูปภาพ
[มินกือริน] …เยอะจัง
[ฉัน] เธอจะใช้ใบหน้าพวกนี้เป็นภาพอวตาร?
คิดจะเปลี่ยนใบหน้าบนตุ๊กตายัดนุ่นที่เห็นผ่านแว่น AR?
ถึงจะเป็นตุ๊กตายัดนุ่นก็เถอะ แต่ก็มีโอกาสที่สมองจะเห็นว่าเป็นคนจริงๆ อยู่นะ
[มินกือริน] เปล่า
[มินกือริน] ฉันจะใช้เป็นแบบอ้างอิงสำหรับวาดรูป
ถ้าเป็นภาพที่มินกือรินวาดเอง ก็คงไม่มีปัญหา
มีโปรเจกต์จะวาดภาพเพื่อนทั้งห้องอยู่สินะ
‘คงถูกใจเพื่อนกลุ่มนี้น่าดู’
ก็เข้าใจได้ เพราะทุกคนเป็นคนดีจริงๆ
มีแค่วังจีโฮคนเดียวที่น่ากังขา
[มินกือริน] ขอถามได้ไหมว่าถ่ายเมื่อไร
[ฉัน] ตอนไปปิกนิก
[มินกือริน] ไปปิกนิกริมแม่น้ำฮัน? โรงเรียนจัด?
ฉันตัดสินใจอธิบายจุดเริ่มต้นการปิกนิกของห้องเราให้เธอฟัง
ไล่จากเสื้อแก๊งและข้อความตลกๆ
การแข่งเรือเป็ดโดยมีสิทธิ์การเลือกรสไก่ทอดเป็นเดิมพัน
บอร์ดเกมที่ฮัมกึนยองชนะขาดลอย
จบคำอธิบายของฉัน มินกือรินส่งข้อความกลับมา
[มินกือริน] ครั้งหน้าฉันอยากไปด้วยจัง…
[มินกือริน] แต่แม่น้ำฮันคนเยอะ… คงไม่ได้แน่เลย
ฉันเองก็อยากพาซงแดซอกกับมินกือรินไปปิกนิกคราวหน้าเหมือนกัน
ภาพของแผ่นหลังซงมันซอก ผู้ปั่นจักรยานไปรอบแม่น้ำฮัน ผุดขึ้นมาในความคิดทันที
ขณะกำลังคิดหนักว่าต้องทำอย่างไรถึงจะพาสองคนนั้นไปด้วยได้
ใครบางคนเรียกชื่อฉัน
“สวัสดีอึยชิน! ขอโทษที่ให้รอนะ”
เป็นซองซีวานที่นัดไว้ว่าจะกินมื้อเย็นด้วยกัน
“เปล่า… ผมมารอก่อนเวลาเอง”
“ฮะฮะ! ตามมารยาท คนนัดก็ควรจะมาถึงก่อนล่ะนะ”
หน้าทางเข้าหลักของโรงเรียน
ฉันกับซองซีวานยืนรอลูกพี่ลูกน้องของเขาด้วยกัน
“ว่าแต่… ลูกพี่ลูกน้องของรุ่นพี่เป็นใคร”
“ถ้าจะให้ฉันโม้ให้ฟังล่ะก็ วันนี้ก็ไม่เสร็จหรอก”
ซองซีวานตัดสินใจเล่าระหว่างรอ
หยาบกระด้างแต่เป็นคนดี
เก่งกับคนเก่ง อ่อนแอกับคนอ่อนแอ
เพลเยอร์ผู้มีพลังวิเศษไร้เทียมทาน
เพลเยอร์ชั้นยอดผู้ไม่เคยสอบได้อันดับต่ำกว่าที่หนึ่งตลอดการเรียนในโรงเรียนแสงเงิน
ไม่ผิดจากที่ซองซีวานพูด ถ้าปล่อยให้โม้ล่ะก็ยาวจริงๆ
“ฉันเข้าสมาคมปีกธรณีเพราะลูกพี่ลูกน้องคนนี้เลย”
“ทางนั้นก็เป็นประธานสมาคมปีกธรณี?”
“เปล่า… เขาเป็นประธานนักเรียน เมื่อสิบสามปีก่อนยังไม่มีสมาคมปีกธรณี ไม่สิ… ฉันอยู่ปีสามแล้ว ก็ต้องเป็นเมื่อสิบห้าปีก่อน… ลูกพี่ลูกน้องคนนี้แหละที่ก่อตั้งสมาคมปีกธรณีขึ้นมา”
หา… ลูกพี่ลูกน้องซองซีวานคือประธานนักเรียนเมื่อสิบห้าปีก่อน?
ก่อนที่คำสำคัญจะหลุดออกมา ซองซีวานชะงักคำพูด
“มาแล้ว!”
แอร์ซีดาน (Air Sedan) แล่นมาจอดข้างๆ เรา
ประตูที่นั่งฝั่งคนขับเปิดออก
จากนั้น คนขับลุกขึ้นมาเปิดประตูหลัง
“พี่! ไม่ได้เจอกันนานเลย!”
บุคคลที่ซองซีวานสนทนาอย่างยิ้มแย้ม คือคนที่ฉันรู้จัก
กลับกลายเป็นว่า ประธานนักเรียนเมื่อสิบห้าปีก่อน แท้จริงแล้วคือตัวละครที่ควบคุมได้