โตเป็นผู้ใหญ่ วางตัวดี เป็นเด็กเรียบร้อย
นั่นคือคำชมเชยที่อีเรนาได้รับมาตลอด
เธอที่ไม่ค่อยร้องไห้กระจองอแง ถูกมองว่าเป็นเด็กดีเมื่อเทียบกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน
แต่ในความจริง อีเรนาไม่เคยคิดว่าเธอเป็นเด็กดีเลยสักครั้ง
‘ถึงร้องไปก็คงไม่มีใครปลอบ… ถึงบ่นไปก็ไม่มีใครรับฟัง’
ความทรงจำที่เก่าแก่ที่สุดของอีเรนา คือภาพที่เธอนั่งอยู่ตามลำพังบนพื้นห้องนั่งเล่นที่กว้างและเย็นเยียบ
พ่อแม่ของอีเรนามักจะยุ่งอยู่กับการพบปะสังสรรค์ในหมู่ผู้ใหญ่ทุกค่ำคืน
และเพราะอายุห่างกันเกินไป เธอจึงไม่เคยเห็นหน้าพี่สาวคนโตนับตั้งแต่อีกฝ่ายย้ายไปอยู่หอ
ครอบครัวที่มีสมาชิกสี่คนแทบไม่มีโอกาสได้อยู่พร้อมหน้า
‘เมื่อลองมานึกดู ทุกคนเริ่มทำตัวห่างเหินนับตั้งแต่เรามีพลังพิเศษ… ที่ครอบครัวเป็นแบบนี้อาจจะเกี่ยวกับพลังพิเศษของเราก็ได้’
หลังจากพลังพิเศษตื่นขึ้น สมองของเธอพัฒนาขึ้นมาก ร่างกายก็แข็งแรงกว่าเดิม จึงได้รับฉายา ‘นักเรียนดีเด่น’ เพิ่มเข้ามา
อาจเห็นว่าอีเรนาต้องดิ้นรนเพื่อไม่ให้เรียนซ้ำชั้น แต่ในความเป็นจริงเธออยู่ฝั่งนักเรียนหัวดี
‘…แต่ถึงอย่างนั้น เราก็ไม่เคยได้รับคำชมจากพ่อแม่’
พ่อแม่อีเรนาคอยเน้นย้ำอยู่เสมอ ว่าเงินและความพากเพียรที่พวกเขาทุ่มเทให้เธอ ทำให้พวกเขาไม่มีความสุข
แต่อีเรนาจะทำอย่างไรได้ เธอไม่มีทางเลือกนอกจากแบมือขอเงินพ่อแม่และอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน
เป็นเหตุผลว่าทำไม อีเรนาถึงเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย และพยายามทำให้เงินที่พ่อแม่หามาทุกบาททุกสตางค์เกิดคุณค่าสูงสุด
ยกเว้นเพียงเรื่องเดียว – การเปิดโปงงานประมูลมายา
‘พ่อแม่บอกว่าทั้งหมดก็เพื่อตัวเรา… แต่เราอยากให้งานประมูลมายาหายไป’
อีเรนาถูกบังคับให้เข้าร่วมงานประมูลมายาตั้งแต่ยังเรียนอยู่มัธยมต้น
เธอรู้สึกกลัวเมื่อได้เห็นเพลเยอร์ที่มีพลังพิเศษหายาก ต้องเผชิญทุกข์ต่างๆ นานา
อีเรนาพยายามโน้มน้าวกับพ่อแม่ ว่าเธออยากทำลายคำสาปสาบานให้เงียบ เพื่อบอกความจริงกับสมาคมเพลเยอร์และตำรวจ โดยแลกกับการต้องสูญเสียลิ้นไปตลอดกาล
แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือ คำด่าทอและการลงโทษทางร่างกาย
‘ที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อให้แกมีชีวิตที่ดี!’
‘เราพยายามตีสนิทกับคนใหญ่คนโตเพื่อแก!’
‘ทำให้ถึงขนาดนี้แล้ว กล้าพูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง! นังเด็กเปรต!’
แม้จะได้ยินถ้อยคำเลวร้ายเหล่านั้น แต่อีเรนายังเชื่อว่าพ่อแม่ของเธอ เข้าร่วมงานประมูลมายาเพื่อประโยชน์ของเธอจริงๆ
ดังนั้นอีเรนาจึงมองหาวิธีประสบความสำเร็จ เพื่อให้พ่อแม่ไม่ต้องเดือดร้อนเข้าร่วมงานประมูลมายาเพราะตน
ลงเอยด้วยเธอพยายามสอบเข้าโรงเรียนเพลเยอร์ที่ดีที่สุดของเกาหลีใต้ – โรงเรียนแสงเงิน
แต่หลังจากสอบผ่าน อีเรนาแทบลมจับเมื่อได้ยินคำว่า ‘ในเมื่อลูกสาวสอบติดโรงเรียนแสงเงินได้ พ่อกับแม่ก็ต้องเข้าร่วมงานประมูลมายาเพื่อให้ดูดีในสายตาคนใหญ่คนโตของโรงเรียน’
อย่างไรก็ดี งานประมูลมายาถูกทำลายลงด้วยฝีมือจอมโจรผาแดง และคนใหญ่คนโตของโรงเรียนแสงเงินถูกจับเกือบทั้งหมด
‘เราเคยเชื่อว่าทุกปัญหาจะจบลงเมื่องานประมูลมายาที่พ่อแม่เข้าร่วมหายไป’
อีเรนายินดีให้ปากคำอย่างละเอียด ตราบใดที่ไม่ละเมิดคำสาปสาบานให้เงียบ ขณะเดียวกันก็ปิดปากเงียบทุกเรื่องที่เกี่ยวกับจอมโจรผาแดง
เธอทำไปโดยเชื่อว่า สมาชิกในครอบครัวที่ต้องเข้าร่วมงานประมูลบ้าๆ นั่นเพราะเธอ จะไม่ต้องเจ็บปวดอีกต่อไป
แต่ความเป็นจริงช่างโหดร้าย พ่อแม่ของอีเรนาแค่อยากเติมเต็มความต้องการส่วนตัวโดยใช้เธอเป็นข้ออ้าง
คำให้การของอีเรนาจึงเปรียบดังเชื้อเพลิง ที่กระตุ้นให้ความโกรธแค้นของพวกเขาปะทุสุดขีด
‘…เราเข้าใจผิดมาตลอดสินะ’
พ่อแม่ของอีเรนาหัวเสียมาก จนถึงกับไล่ให้เธอไปตาย
แต่อยู่ๆ การติดต่อก็ขาดหายไปโดยสิ้นเชิง นับตั้งแต่พวกเขาถูกจับในคดีตึกโลกีย์หน้าโรงเรียนแสงเงิน
‘จะยังไงก็ช่าง… เราดีใจงานประมูลมายาหายไป และเซอึมรอดมาได้อย่างปลอดภัย’
เมื่อซาวอลเซอึมมาโรงเรียนครั้งแรกในวันเอพริลฟูล อีเรนาตกตะลึงจนพูดไม่ออก
เธอรู้สึกขยะแขยงกับความจริงที่ว่า หากวันนั้นไม่มีจอมโจรผาแดง เพื่อนร่วมคนนี้ก็จะถูกขายเป็นทาสให้คนรวย
‘ถ้าทุกคนรู้ว่าเราคือหนึ่งในผู้ร่วมประมูลวันนั้น เซอึมกับเพื่อนคนอื่นๆ คงผิดหวังในตัวเรามาก…’
ครูฮัมกึนยองพยายามปกป้องเธอจากบรรดาคณะกรรมการที่คิดจะเพิกถอนสิทธิ์การเรียนของอีเรนา โดยยืนกรานว่าจะรับเธอเข้าเรียนในห้องศูนย์
ในวันแรกของการเปิดเทอม รองหัวหน้าห้องที่ชื่อโชอึยชิน ช่วยชีวิตเธอที่พยายามกระโดดหลังคาหอพักเพื่อฆ่าตัวตาย
ในวันแรกของการไปโรงเรียน หัวหน้าห้องที่ชื่อคิมยูรี ยิ้มต้อนรับอย่างสดใสพร้อมกับขอร้องให้เธอเข้าเรียนทุกวัน
ในช่วงสอบกลางภาค ฮันอียอมสละเวลาอ่านหนังสือของตัวเองเพื่อช่วยติวให้
เม็งเฮียวทงและซาวอลเซอึมที่อ่านหนังสือโต้รุ่ง คอยเป็นเพื่อนให้กำลังใจกันและกัน
และในคอนเสิร์ตของควอนเจอินที่กำลังจะมาถึง วังจีโฮช่วยหาตำแหน่งงานรายวันที่ยังว่างอยู่
ทุกครั้งที่นึกถึงใบหน้าเพื่อนร่วมห้อง หัวใจของหญิงสาวพลันพองโต แต่ขณะเดียวกันมันก็หนักอึ้ง
‘ทุกคนเป็นเพื่อนที่ดี… แต่เรา…’
บนโต๊ะอ่านหนังสือภายในห้องพัก
อีเรนากำลังตำหนิตัวเองพลางมองดูรูปหมู่ของชั้นปี 1/0 ที่ถ่ายมาจากวันปิกนิก
ตอนอยู่กับเพื่อน เธอไม่ได้คิดอะไรมาก แต่เมื่ออยู่คนเดียว คำพูดทำร้ายจิตใจจากพ่อแม่คอยถาโถมเด็กสาวในห้องมืดๆ ตามลำพัง
‘…วันนี้รีบไปโรงเรียนดีกว่า’
วันนี้เป็นวันงานคอนเสิร์ตของควอนเจอิน หัวหน้าทีมทะเลสาบนิรันดร์
เนื่องจากนอนไม่หลับ เธอจึงตื่นแต่เช้าตรู่และเต็มไปด้วยความคิดฟุ้งซ่าน
หลังจากแต่งตัวเสร็จ อีเรนาติดเข็มกลัดสัญลักษณ์ไวโอลินที่ได้รับจากชมรมเครื่องสายลงบนชุดนักเรียน
นักเรียนในสังกัดชมรมดนตรี จะมีโอกาสได้ร่วมงานกันบ่อย
ด้วยเหตุนี้จึงถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่จะติดเข็มกลัดแสดงเครื่องดนตรีที่ตนเล่น เพื่อให้ความร่วมมือเป็นไปอย่างราบรื่น
แม้อีเรนาจะยังไม่เคยเล่นรวมวงกับใครเลยก็ตาม
‘ว่าแต่… ถ้ารุ่นพี่ย็อมจุนยอลไม่ใช่จอมโจรผาแดง แล้วใครเป็น?’
จอมโจรผาแดง, ย็อมจุนยอล
ถึงจะไม่ได้คุยกับทั้งคู่นานนัก แต่เธอมั่นใจว่าเป็นคนละคน
จอมโจรผาแดงที่ช่วยเพื่อนร่วมชั้นกับเธอไว้
ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะหาโอกาสขอบคุณสักครั้ง
* * *
ฮอลล์คอนเสิร์ตที่มีความจุหนึ่งพันที่นั่ง — หอพยัคฆ์สำแดงในเขตส่วนกลางของโรงเรียน
ยังเหลือเวลาอีกสักพักกว่าคอนเสิร์ตจะเริ่ม แต่บริเวณรอบๆ หอพยัคฆ์สำแดงกำลังคลาคล่ำไปด้วยผู้คน
“เนื่องจากโรงเรียนแสงเงินมีมาตรการความปลอดภัยที่เข้มงวดและซับซ้อน บุคคลภายนอกที่ไม่มีบัตรผ่านตลอดชีพจึงต้องเผื่อเวลาเดินทาง”
‘…คงเพราะวินัยดีขนาดนี้ ถึงได้กลายเป็นผู้ชนะในสงครามแย่งชิงบัตรคอนเสิร์ต’
ปี 1/0 พ่ายแพ้ในสงครามแย่งชิงบัตรคอนฯ อย่างย่อยยับ จนต้องแก้สถานการณ์ด้วยการเป็นพนักงานรายวัน
จากบรรดาเด็กห้องศูนย์ทั้งหมด มีสี่คนรับงานเสริมเป็นพนักงานหลังฉาก
ฉัน ซาวอลเซอึม คิมยูรี อีเรนา
วังจีโฮก็อยากมาด้วย แต่ตำแหน่งพนักงานรายวันว่างแค่สี่ที่
‘ถ้าวังจีโฮที่เป็นญาติสนิทกับประธานวังมยองโฮมาทำงานพิเศษ นั่นคงสะดุดตาเกินไป’
เมื่อฉันโน้มน้าวด้วยคำพูด วังจีโฮตัดพ้อเบาๆ ก่อนจะยอมถอดใจ
หลังจากทอดทิ้งเขา เราสี่คนเข้ามาถึงหลังเวทีของหอพยัคฆ์สำแดงอย่างราบรื่น
“…ความเอาแน่เอานอนไม่ได้ของหัวหน้าทีม กำลังทำให้ทุกคนต้องลำบาก… เฮ้อ… ทำไมอยู่ๆ ถึงอยากจัดคอนเสิร์ตที่เกาหลี? แถมยังไม่ใช่เวทีที่มีอุปกรณ์ครบครันอย่างหอพยัคฆ์สง่า แต่เป็นหอพยัคฆ์สำแดงที่มีแค่หนึ่งพันเก้าอี้… เจอินคิดอะไรอยู่กันแน่นะ”
หนึ่งในสมาชิกทีมทะเลสาบนิรันดร์ ถูกมอบหมายให้เป็นผู้ดำเนินการจัดคอนเสิร์ต Live in Korea
จาเร็ด·ลี
เมื่อได้เห็นพรสวรรค์ด้านพลังพิเศษและด้านดนตรีของควอนเจอิน เขาที่เป็นฝรั่งหัวทองตัดสินใจออกจากทีม ‘สัจจะสามอัศวิน’ ที่ติดท็อปสิบของโลก ณ เวลานั้น
‘จริงอยู่ ตอนนี้ทะเลสาบนิรันดร์ก็ติดท็อปสิบเหมือนกัน แต่นั่นคือเรื่องราวหลังจาเร็ดออกจากทีมเก่า’
ควอนเจอินแทบไม่เคยออกสื่อ
จาเร็ดจะช่วยรับหน้าแทนเสมอ
ในเกาหลีใต้ เขาเป็นคนดังเจ้าของฉายา ‘ฝรั่งผมทองที่พูดเกาหลีเก่งกว่าคนเกาหลี’
“พวกเราคนไม่พอเพราะนี่เป็นงานที่จัดขึ้นอย่างฉุกละหุก ขอบใจมากนะเด็กๆ”
ด้วยภาษาเกาหลีที่สมบูรณ์แบบ จาเร็ดแจกนามบัตรให้เราสี่คนพร้อมกับทักทายอย่างเป็นมิตร
น้ำเสียงและสำเนียงเหมือนคนเกาหลีทุกประการ ยังกับกำลังดูหนังฝรั่งพากย์เกาหลี
จาเร็ดอธิบายทีละขั้นตอนถึงสิ่งที่พวกเราควรทำและควรระวัง
‘ทั้งที่เป็นแค่งานเบ็ดเตล็ด ทำไมเขาถึงต้องอธิบายกับพนักงานพาร์ตไทม์ด้วยตัวเอง? หรือเพราะเราคือรุ่นน้องของควอนเจอิน?’
งานของเราไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร
หน้าที่รับผิดชอบมิได้ละเอียดอ่อนถึงขนาดต้องใช้พนักงานที่มีความชำนาญพิเศษ หรือต้องจ้างมืออาชีพมาทำ
ยกอุปกรณ์
ตรวจสอบและแจกจ่ายแผ่นพับ
แปะโปสเตอร์กระดาษ
แนะนำที่นั่งให้คนดู
ฉันเพิ่งได้รู้ว่าคนหลังเวทีต้องทำงานหนักแค่ไหน เพียงเพื่อจัดแสดงคอนเสิร์ตแค่ไม่กี่ชั่วโมง
‘มาลุยกันสักตั้ง!’
การแสดงสดของควอนเจอินที่เคยเห็นแค่จากหน้าจอเกม
แม้จะเป็นงานเบ็ดเตล็ด แต่การเป็นได้ส่วนหนึ่งนั้นคุ้มค่ากว่าที่คิดโนlวลกูดอทคoม
“เอาอันนี้ติดบนเพดานใช่ไหมครับ?”
“ใช่ แล้วก็อยากให้ช่วยปรับมุมของไฟบนกำแพงด้วย”
“ครับ! จะให้หันไปด้านไหนดี?”
ในบรรดาเราสี่คน พนักงานที่โดดเด่นที่สุดคือซาวอลเซอึม
ซาวอลเซอึมอาจมีร่างกายอ่อนแอที่สุดในหมู่เพลเยอร์ของโรงเรียนแสงเงิน แต่กล้ามเนื้อของเขาก็ยังดีกว่ามาตรฐานคนส่วนใหญ่ แถมยังมีสกิลด้านการบิน
‘คงเพิ่งเคยทำงานพาร์ตไทม์เกี่ยวกับคอนเสิร์ตเป็นครั้งแรก ก็เลยดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ…’
การบินไปพร้อมกับยกของหนักถือเป็นงานที่ยาก แถมเพลเยอร์ที่มีสกิลบินก็ไม่ได้จ้างกันง่ายๆ เพราะถูกมองว่าเป็นแรงงานคุณภาพสูง
ซาวอลเซอึมผู้ทำทุกสิ่งข้างต้นด้วยรอยยิ้ม ย่อมได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น
“เราใช้งานนักเรียนที่มีสกิลบินหนักไปไหม? เจอินจะไม่มาด่าฉันทีหลังแน่นะ?”
“หัวหน้าก็มีส่วนผิดเหมือนกันที่เปลี่ยนตารางเวลากะทันหัน… ถ้าโดนบ่นก็ทำเป็นหูทวนลมไปละกัน”
ขณะตรวจสอบแผ่นพับ ฉันได้ยินคนงานฝ่ายคุมเสียงซุบซิบนินทาระหว่างกัน
ถึงจะเรียกว่าคนงานฝ่ายคุมเสียง แต่เกือบทั้งหมดคือสมาชิกทีมทะเลสาบนิรันดร์ที่ควอนเจอินพามาด้วย
‘เพลเยอร์ระดับโลกกำลังช่วยกันจูนเสียงเวทีคอนเสิร์ต… ไม่ได้เห็นกับตาคงเชื่อไม่ลงจริงๆ’
แม้จะเกิดมาพร้อมกับพลังพิเศษ แต่เพลเยอร์ของทีมทะเลสาบนิรันดร์ส่วนใหญ่สนใจดนตรีมากกว่าการจู่โจมต่างโลก
คนที่เคยเอาแต่หมกตัวเล่นดนตรีอยู่กับบ้าน ถูกท่วงทำนองของควอนเจอินสะกดจนตัดสินใจเข้าร่วมทะเลสาบนิรันดร์ ส่งผลให้ทีมโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
‘ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แฟนคลับของควอนเจอินไม่ได้มีแค่เผ่าแท้… มีแม้กระทั่งเบื้องบน’
ในตอนที่ควอนเจอินเล่นคอนเสิร์ตเดี่ยวที่แมนเชสเตอร์อารีน่า เมื่อจบเพลง ‘for LENA’ กลุ่มผู้ชมต่างตะโกนร้องขออังกอร์
ไม่มีใครในโลกไม่รู้จักเหตุการณ์ที่ ‘เทิร์ปซิคอเร’ , ‘ยูเทอพี’ และ ‘แคลลีโอพี’ – สามจากเก้าพี่น้องมิวส์ (เก้าเทพธิดาแห่งกวี) เสด็จลงมาเต้นในคอนเสิร์ตของควอนเจอินนานหนึ่งนาทีเต็มก่อนจะหายตัวไป
“พวกเราขอแผ่นพับกับโปสเตอร์ที่เหลือกลับไปได้ไหม…?”
“ได้สิ วันนี้เตรียมมาเหลือเฟือ พวกเธออยากได้เท่าไรก็เอาไปเลย”
“ขอบคุณค่ะ…!”
“ดีใจด้วยนะเรนา! ถ้ามีแผ่นพับเหลือฉันขอด้วย!”
อีเรนากำลังซาบซึ้งใจกับคำพูดของจาเร็ด
คิมยูรีที่กำลังตรวจสอบแผ่นพับอยู่ข้างๆ ก็มีความสุขไม่ต่างกัน
เมื่อฉันตรวจแผ่นพับในส่วนของตัวเองเสร็จ สมาชิกทีมทะเลสาบนิรันดร์คนหนึ่งหันมาเรียก
“นักเรียนโชอึยชิน ช่วยนำโปสเตอร์พวกนี้ไปติดในตำแหน่งที่คุยกันไว้หน่อยสิ… ปกติแล้วจะใช้โฮโลแกรม แต่หัวหน้าของเราชอบโปสเตอร์กระดาษมากกว่า”
“ได้ครับ”
ซาวอลเซอึมกำลังยุ่งอยู่กับการทำงานระดับสูง
อีเรนาและคิมยูรียังตรวจสอบแผ่นพับไม่เสร็จ แถมยังอยากอยู่ดูการแสดงรอบซ้อมด้วย
มีแค่ฉันที่เหมาะจะออกจากหอพยัคฆ์สำแดง
ช่วยไม่ได้ล่ะนะ
ฉันเดินออกจากหอพยัคฆ์แสดงพร้อมกับกล่องบรรจุโปสเตอร์ เทปกาว และกรรไกร
* * *
ด้านหน้าหอพยัคฆ์สำแดงมีรูปปั้นเสือวางอยู่สองแห่ง
บรรยากาศแถวนี้กำลังครื้นเครง
กลุ่มนักเรียนแสงเงินในเครื่องแบบต่างจับกลุ่มพูดคุย
ดูท่าจะเป็นนักเรียนที่ได้รับชัยชนะในสงครามการจองตั๋ว
“เป่า… ยิ้ง… ฉุบ!”
“เสมออีกแล้ว! วังชานอย่าออกตามฉันสิ! เจ้าบ้า!”
“เธอต่างหากที่ลอกฉัน!”
“นายนั่นแหละลอก!”
เสียงที่คุ้นเคยดังแว่ว
‘คู่หู่กึมชานวันชานแห่งปี 2/0…!’
และถ้าสังเกตให้ดี จะเห็นครูจูเก่อแจกอลกำลังยืนท่ามกลางกลุ่มเด็กห้อง 2/0
“เหลือเชื่อ… สองคนนั้นออกเหมือนกันมาสิบครั้งแล้วนะ”
“พวกเด็กประหลาดมักมีความคิดคล้ายๆ กัน เวลาเล่นเป่ายิ้งฉุบที่ต้องใช้จิตวิทยาสูง จึงมักจะใจตรงกัน”
ฟังจากบทสนทนา นักเรียนชั้นปี 2/0 ได้ช่วยกันจองตั๋วเพื่อเข้าชมคอนเสิร์ตแบบกลุ่ม และดูท่าจะประสบความสำเร็จอย่างงดงาม
‘เพราะเจ้าพวกนี้นี่เอง… ห้องเราถึงได้พ่ายแพ้อย่างราบคาบ!’
และตอนนี้กลุ่มนักเรียนห้อง 2/0 ที่จองตั๋วสำเร็จ กำลังเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์เป่ายิ้งฉุบอยู่ใกล้ๆ จูเก่อแจกอล
เดาได้ไม่ยากว่าที่นั่งฝั่งขวามือของจูเก่อแจกอลซึ่งสำคัญที่สุด ตกเป็นของเอซชมรมละครเวที ผู้มีจิตแข็งจนสามารถพิชิตสมรภูมิจิตวิทยาของปี 2/0 ได้ง่ายดาย
ปัญหาคือที่นั่งฝั่งซ้าย
สองตัวแทนห้องที่ต่างก็มีจิตแข็งไม่แพ้กัน กำลังแย่งชิงที่นั่งดังกล่าวอย่างดุเดือด
ขณะไล่แปะโปสเตอร์บนผนัง ฉันแอบอยู่หลังเสาพอเป็นพิธีเพื่อไม่ให้สะดุดตาเกินไปนัก
‘…แกล้งทำเป็นไม่รู้จักดีกว่า’
ปี 2/0 ยังคงสร้างความวุ่นวายเหมือนทุกครั้ง แม้จะอยู่ระหว่างชั่วโมงเรียน
เนื่องจากวันนี้จะมีคอนเสิร์ต Live in Korea ของควอนเจอิน ณ หอพยัคฆ์สำแดง ชมรมกระจายเสียงจึงเปลี่ยนกริ่งคาบเรียนทั้งหมดให้เป็นรายการเพลงที่เธอแต่ง
อย่างไรก็ดี ปี 2/0 ได้แอบเปลี่ยนเพลงทั้งหมดให้เป็น ‘for LENA’
และพวกเขายังฝากความคิดเห็นของตนลงบนเว็บไซต์ชมรมกระจายเสียงไว้ว่า:
[เพลงระดับมาสเตอร์พีช ยิ่งได้ฟังก็ยิ่งเหมือนเพลงใหม่]
ส่งผลให้กริ่งเปลี่ยนคาบทั้งวัน กลายเป็นเพลง ‘for LENA’ ตั้งแต่เช้าจรดเย็น
อย่างไรก็ดี แม้จะเพลงเดิม แต่ก็มีการเปลี่ยนเครื่องดนตรีและนักร้องไปเรื่อยๆ
นำมาจากเวอร์ชันคัฟเวอร์ทั้งหมดของเพลง for LENA ที่ชมรมดนตรีเคยบันทึกไว้
และไม่ผิดจากที่ปี 2/0 พูด ยิ่งได้ฟังก็ยิ่งรู้สึกแปลกใหม่ขึ้นเรื่อยๆ
‘เรากลับชอบเวอร์ชันบรรเลงด้วยปี่เป็นพิเศษ…’
หลังจากเสร็จงานบนผนังฝั่งด้านหน้าตึก ฉันหันกลับมามองปี 2/0 อีกครั้ง และพบว่าพวกเขาต่างก็ติดเข็มกลัดที่มีวันที่และข้อความเขียนอยู่
จูเก่อแจกอลก็ติดด้วย แต่เข็มกลัดของเขาเป็นสีทองล้วน
‘ยังสนิทกันเหมือนเดิมสินะ’
ถ้ามีจูเก่อแจกอลคอยคุม ฉันก็ไม่ต้องกังวลว่าเด็กแสบพวกนี้จะก่อเรื่องระหว่างคอนเสิร์ต
แม้จะอยากรู้ผลการเป่ายิ้งฉุบระหว่างวังชานกับกึมชานในนัดชิง แต่ใจหนึ่งก็อยากเร่งมือทำงานให้เสร็จทันเวลามากกว่า
ตรวจสอบโฮโลแกรมสักพัก ฉันเคลื่อนย้ายไปยังจุดถัดไป
จนกระทั่งพบกับกลุ่มคนใส่สูท
คนที่ยืนอยู่ตรงกลางดูคุ้นหน้าเหลือเกิน
‘…วังจีโฮ!’
ไม่เพียงทรงผมจะต่างกัน แต่ทั้งสีผมและดวงตาดูเข้มกว่าวังจีโฮเล็กน้อย
เนื่องจากเคยเห็นในเกมอยู่หลายครั้ง เป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะลืมใบหน้านี้
เสือเหลืองในเวอร์ชันสุภาพบุรุษวัยสามสิบ
—
MasterGU.edited = ไม่โลกใน->ในโลกไม่, เสร็จลง->เสด็จลง