42. ราคาสำหรับเติมเต็มความปรารถนา (8)
* * *
สวะเดนตายติดเกม ผู้เป็นยอดพีระมิดของเกมกากแห่งชาติ—เพลเยอร์·เมอิสเตอร์·โกเกียว
ฉันเคยคิดว่า ‘ฉายา’ นี้เหมาะสมกับตัวเองแล้ว โดยไม่รู้สึกอับอายแต่ประการใด
แต่พอถูกส่งมาที่โลกนี้ กลับมีบางเวลาที่ฉันนึกสงสัยว่า ตนเหมาะกับฉายานั้นแล้วจริงหรือ
ดังเช่นในตอนนี้เป็นต้น ระหว่างที่ตัวละครของฉันอย่างซาวอลเซอึม ควอนเลนา และ NPC ฮันอีกำลังต่อสู้กัน
บึ้ม! โครม! เพล้ง!
เศษกระถางดอกไม้พุ่งชนหน้าต่าง จนกระจกเสริมแกร่งแตกกระจาย
มันช่วยให้ฉันมองเห็นข้างในชัดแจ๋ว
ด้านในห้องรับรองอันยุ่งเหยิง
การใช้ศาสตร์แห่งลมของซาวอลเซอึม ทำให้เครื่องเรือนมากมายในห้องปลิวกระจาย
“ครูกงชองวอนกำชับว่าห้ามไม่ให้เธอไปไหน! ในข้อความที่ส่งเข้าดีไวซ์ของเธอ มันมีมนต์ดำฝังอยู่หรือไง! เป็นบ้าไปแล้วใช่ไหม!”
ไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นซาวอลเซอึมเรียกเพื่อนร่วมชั้นว่าคนบ้า
ภาพที่ควอนเลนากำลังใช้แส้เฆี่ยนเพื่อนร่วมชั้น ก็พบเห็นได้ยากเช่นกัน
วิ้ว! เพี้ยะ!
แส้ของควอนเลนา สะบัดแหวกผ่านสายลมฝีมือซาวอลเซอึมโดยหวังจับกุมตัวฮันอี
แต่ก่อนที่ปลายแส้จะสัมผัสร่างกาย ฮันอีใช้มือปัดมันออกอย่างชำนาญ
วังจีโฮถึงกับเอ่ยปากชมว่า ‘เป็นแม่ไม้ที่ดี เธอคงหมั่นฝึกมวยพยัคฆ์ทุกวันไม่เว้นแม้แต่ช่วงปิดเทอม’ สื่อเป็นนัยว่าเมื่อครู่เป็นท่าพื้นฐานของมวยพยัคฆ์
“…หลีกไป ไม่อย่างนั้นพวกเธอจะเจ็บตัว”
ทั้งสองที่รู้ฝีมือฮันอีเป็นอย่างดี เริ่มทำหน้าเครียด
แต่กระนั้นก็ยังกล้าตะโกนโดยไม่เสียขวัญ
“ไม่หลีก… พวกเราจะพยายามไม่ให้เจ็บตัว”
“ใช่แล้ว ต่อให้พวกเราบาดเจ็บก็ยังรักษาได้ด้วยไอเท็มฟื้นฟู เราจะไม่ยอมให้ฮันอีไปไหน! ต่อให้เธอต้องบาดเจ็บก็ตาม!”
“เลนาพูดถูก คนพวกนั้นน่ากลัวมาก นอนอยู่ในห้องพยาบาลของโรงเรียนยังจะปลอดภัยซะกว่า!”
“ใช่! ห้องพยาบาลของโรงเรียนเรามีอุปกรณ์ครบครัน เตียงก็นุ่มสบาย ของว่างก็อร่อยทุกอย่าง!”
“ให้ฮันอีไปอยู่ห้องพยาบาลยังดีกว่าเลย!”
“พวกเราจะคอยดูแลเธอเอง!”
“ใช่!”
ตัวละครของฉันพูดออกมาอย่างเปิดเผยว่าจะส่งเพื่อนร่วมชั้นไปนอนห้องพยาบาล…!
แม้จะฟังดูแปร่งหูเล็กน้อย แต่ถ้าลองคิดให้ลึก สองคนนี้กำลังทำเพื่อตัวฮันอี
อย่างที่คิด ตัวละครของฉันช่างมีจิตใจงดงาม
และเด็กๆ จะยิ่งเติบโตได้เร็วผ่านการต่อสู้
ฉันตัดสินใจแล้วว่า จะคอยให้กำลังใจในศึกแรกของพวกเขา จนกว่าจะมีใครสักคนได้รับบาดเจ็บ หรือตึกเริ่มถล่มลงมา
“ฉันจะไม่ออมมือแล้วนะ…!”
แม้จะเป็นการรุมสองต่อหนึ่ง แต่สองคนที่อ่อนแอที่สุดในห้องอย่างซาวอลเซอึมกับควอนเลนาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฮันอี
ที่ตอนนี้ยังดูเหมือนเสมอ เป็นเพราะฮันอียังลังเล ไม่เหมือนกับควอนเลนาและซาวอลเซอึม
แต่ตรงข้ามกับสิ่งที่ประกาศ ฮันอียังคงขยับมืออย่างสองจิตสองใจ เนื่องจากกลัวว่าเพื่อนทั้งสองจะได้รับบาดเจ็บ
“นึกถึงตอนที่สู้กับเสือครามเมื่อก่อนเลยแฮะ… เจ้านั่นไม่เคยอ่อนข้อให้ข้าแม้แต่ครั้งเดียว”
ตาเฒ่ากำลังหวนนึกถึงความทรงจำเก่า เมื่อได้เห็นฮันอีต่อสู้ด้วยมวยพยัคฆ์
เสือแก่อายุห้าพันปีที่จิตใจห่อเหี่ยวมาจนถึงเมื่อครู่ กำลังยืนดูเด็กในชั้นเรียนต่อสู้ด้วยตาเป็นประกาย
“จังหวะการใช้ขายังไม่แหลมคม เธอมีพรสวรรค์ แต่ยังฝึกไม่มากเท่าฉัน”
ไม่มียางอายเลยหรือไง ถึงได้กล้านำระยะเวลาการฝึกของตาเฒ่าอายุห้าพันปี ไปเทียบกับเด็กสาวอายุสิบเจ็ด?
‘ท่านประธาน’ ที่โอ้อวดด้วยรอยยิ้ม ดูจะไม่สนใจเรื่องที่ทรัพย์สินของโรงเรียนกำลังพังถล่ม
กลับกัน ฉันเริ่มตงิดใจว่าวัฒนธรรมในการ ‘มุง’ การต่อสู้ของนักเรียน อาจได้รับอิทธิพลมาจากท่านประธานผู้ชอบดูคนทะเลาะกัน
“เฮ้ย! เด็กห้องศูนย์กำลังสู้กันว่ะ!”
“สู้กันในหอพักครูด้วย!”
ได้ยินใครบางคนตะโกน คนรอบข้างทยอยขี่แอร์บอร์ดมามุงดู
“ปีอะไร? ปีสอง? หรือปีสาม?”
“ปีสองตามหัวหน้าฝ่ายธุรการไปทัศนศึกษา… ส่วนปีสามกำลังฝึกพิเศษบนเกาะร้าง…!”
“ก็ต้องเป็นปีหนึ่งน่ะสิ!”
“เจ้าพวกนั้นเข้าเรียนกันด้วยหรือ”
แม้รอบๆ จะมีคนมุงดูอยู่เต็ม แต่เด็กห้องฉันยังคงจดจ่ออยู่กับการต่อสู้สุดฤทธิ์
‘ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้ผิดใจกัน…’
และถ้าข่าวลือแพร่ไปไกล ก็คงไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไร
ขณะฉันเตรียมเข้าไปห้าม
“อึยชิน ถอยออกไป”
“…”
ประธานสมาคมปีกธรณี—ซองซีวาน—เข้ามาขวางทางฉัน
ใกล้กับซองซีวานที่มองดูด้วยสีหน้าผ่อนคลาย คือบรรดาคนของสมาคมปีกธรณี รวมถึงคเยอีดัม
คล้ายกับพวกเขาทำงานอยู่แถวนี้ก่อนแล้ว จนกระทั่งข่าวลือดังไปถึงหู
“ฮะฮะฮะ! ฉันรู้อยู่แล้วว่าจะต้องมีวันที่เด็กห้อง 1/0 ก่อเรื่อง… นึกว่าจะต้องรอให้เข้าเทอมสองก่อน”
ซองซีวานหัวเราะอย่างร่าเริง ก่อนจะหันไปพูดกับคเยอีดัม
“อีดัม เข้าไปหยุดพวกรุ่นน้องให้หน่อย”
“รุ่นพี่ซองซีวาน ให้ผมทำเองเถอะ”
ซองซีวานส่ายหน้าเมื่อได้ยินคำพูดฉัน
“เด็กปีหนึ่งยังควบคุมพลังวิเศษได้ไม่นิ่งเท่ารุ่นพี่ ปล่อยให้เราจัดการดีกว่า อีดัมถนัดการห้ามศึกยิ่งกว่าฉันอีกนะ”
ท่ามกลางห้องรับรองที่กำลังอลหม่านเพราะพายุ แส้ และหมัดเท้า คเยอีดัมกระโจนเข้าไปอย่างอาจหาญ
เสียงพูดของเด็กๆ ดังขึ้นทันที มีทั้ง ‘ได้โปรดอย่าเข้ามายุ่งครับ!’ ‘รุ่นพี่เป็นใคร?’ ‘เดี๋ยว…!’ ‘ทำไมถึงใช้พลังวิเศษไม่ค่อยออก…!’
สถานการณ์เงียบลงภายในไม่กี่วินาที คเยอีดัมที่สบายดี เดินออกมาพร้อมกับเด็กปีหนึ่งสามคนที่มีแผลเต็มตัว
ฟ้าว!
ใครบางคนกระโดดลงจากแอร์บอร์ด
ครูประจำชั้นของเรา ฮัมกึนยอง
ไทยมุงชาวโรงเรียนแสงเงินที่รับชมการต่อสู้อย่างตื่นเต้น พากันถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเห็นใบหน้าอันดุร้ายของฮัมกึนยอง
ได้เห็นบาดแผลบนร่างกายนักเรียนตัวเอง ฮัมกึนยองกล่าวด้วยเสียงน่ากลัวไม่แพ้หน้าตา
“…พวกเธอสามคนไปที่ห้องพักครู ไม่สิ ก่อนหน้านั้นต้องไปที่ห้องพยาบาล”
แม้น้ำเสียงจะฟังดูน่ากลัวจนสร้างความผวาให้ไทยมุง แต่มันก็แฝงไว้ด้วยความห่วงใยศิษย์ในห้องที่ทะเลาะกันเป็นครั้งแรก
ทั้งซาวอลเซอึมและควอนเลนา ต่างก็ดีใจที่รู้ว่าจะได้ไปห้องพยาบาล
“ไปห้องพยาบาลกันเถอะ! วู้ว!”
“อื้อ! รีบไปกันเถอะ”
เมื่อเห็นซาวอลเซอึมกับควอนเลนายืนประกบฮันอีขณะพูดแบบนั้น ฮัมกึนยองทำหน้าไม่เข้าใจ
“…ไม่ได้ทะเลาะกันหรอกหรือ”
ไล่ตั้งแต่เพื่อนร่วมชั้น สมาคมปีกธรณี แล้วนี่ยังครูฮัมกึนยอง ฮันอีที่รู้ตัวว่าหมดสิทธิ์ไล่ตามครูกงชองวอนไปแล้ว เผยสีหน้าหมองคล้ำ
“ครูฮัมกึนยองคะ! ครูกงชองวอนเขา…”
“ครูกงชองวอนไม่เป็นอะไรหรอก เดี๋ยวฉันตามไปดูให้เอง”
แม้ฮัมกึนยองจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ แต่พอได้ยินฉันพูด เขาทำเพียงปิดปากเงียบ
ซาวอลเซอึมช่วยเสริม
“ถ้าอึยชินไปดูด้วยตัวเอง พวกเราก็สบายใจได้แล้ว! ไปห้องพยาบาลกันเล๊ย!”
“ฉันจะทำแผลให้เธอเอง!”
“ฉันด้วย!”
ทุกคนต่างก็เห็นเหมือนกันว่า ซาวอลเซอึมกับควอนเลนา เจ็บหนักกว่าฮันอีพอสมควร แต่ทั้งสองกลับยังพูดแบบนั้นหน้าตาเฉย
ฮันอีเม้มปากด้วยความสับสน แต่สุดท้ายก็พูด ‘ที่อยู่’ ขึ้นมาด้วยเสียงอันไร้เรี่ยวแรง
“…รบกวนด้วย”
ฮันอีน่าจะขอร้องฉัน แต่วังจีโฮเป็นฝ่ายตอบ
“ไม่ต้องห่วง ฉันคนนี้ไปดูด้วยตัวเองทั้งที… จริงสิ ท่าชกของเธอหลังจากหลบแส้พ้นน่ะ มันยังไม่ดีพอนะ จังหวะการใช้ ‘พยัคฆ์ย่ำ’ ไม่สอดคล้องกับท่าโจมตีหลังจากนั้น สิ่งนี้เกิดจากการอ่อนซ้อม อย่าลืมกลับไปฝึกเพิ่มวันละร้อยครั้งด้วยล่ะ”
ฮันอีที่อ่านปากวังจีโฮ ทำหน้าบูดบึ้งทันที
ได้เห็นสีหน้านั้น วังจีโฮระเบิดเสียงหัวเราะ ‘ฮะฮะฮะฮะ!’
หลังจากฮัมกึนยองพาเด็กทั้งสามไปห้องพยาบาล และฉันกับวังจีโฮเตรียมไปที่โรงงานร้างเพื่อไล่ตามกงชองวอน
เสียงของสมาคมปีกธรณีที่กำลังเก็บกวาดจุดเกิดเหตุ ดังแว่วจากด้านหลังโuเวลกูดอทคฺอม
“…พวกเขาสู้กันไม่ใช่หรือไง”
“ห้องศูนย์เหมือนกัน… แต่ยังกับอยู่คนละมิติ”
“เรียกหุ่นยนต์ดูดฝุ่นมาดีกว่า…”
“พังน้อยกว่าที่คิดนะเนี่ย ไม่จำเป็นต้องซ่อมก็ได้!”
“…นึกแล้วเชียว เด็กห้องศูนย์ปีนี้เป็นพวกเรียบร้อย”
แค่บทสนทนาสั้นๆ ก็ช่วยให้ฉันทราบว่า งานเก็บกวาดของสมาคมปีกธรณีเบาแค่ไหน
* * *
จงโร 1-ก, ตึกทีมสิงโตแดง
เผ่ามังกรที่เป่ายิ้งฉุบชนะและได้รับสิทธิ์ให้ใช้เวลาร่วมกับย็อมจุนยอลในช่วงพัก กำลังเดินเตร่อยู่ในห้องฝึกอันกว้างขวาง
แต่เขากลับไม่พบย็อมจุนยอลแถวน้ำตก ในถ้ำ หรือใต้บ่อน้ำที่สร้างจากพลังวิเศษ
‘ด้วยนิสัยของย็อมจุนยอล ไม่มีทางที่เขาจะออกจากห้องฝึกโดยไม่คูลดาวน์*…’
(Cooldown – ทำให้ร่างกายเย็นลงหลังจากออกกำลังกาย)
เผ่ามังกรเพ่งประสาทด้วยพลังวิเศษ
เพียงครู่เดียว เผ่ามังกรผู้กลั้นหายใจ ตรวจพบย็อมจุนยอลกำลังนั่งสมาธิอยู่ในร่มเงาต้นไผ่
ด้วยเหตุผลบางประการ กลิ่นอายของย็อมจุนยอลจางลงกว่าปกติ แต่ก็ไม่ใช่ระดับที่น่ากังวล
“จุนยอล! ร้อนไหม? ห้องฝึกถูกตั้งค่าให้มีอุณหภูมิสอดคล้องกับด้านนอก… ให้ลดหน่อยไหม?”
“ไม่เป็นไรครับ ผมคือลูกหลานมังกรที่ใช้ไฟ”
“แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องรักษาความชุ่มชื้นของร่างกายเอาไว้ เอ้านี่! น้ำเกลือแร่กับผ้าเช็ดตัวเปียก ข้าส่งเอกสารสัมภาษณ์ของวันนี้เข้าดีไวซ์แล้วนะ”
“ขอบคุณครับ”
ย็อมจุนยอลขอบคุณอย่างสุภาพแล้วลุกขึ้นยืน
แม้สีหน้าจะดูสดใส แต่ในใจยังคงผิดหวังที่ตัวเองฝึก ‘ลบกลิ่นอาย’ ซึ่งเป็นการบ้านของอาจารย์ได้ไม่ชำนาญนัก
เพื่อจะกลบความประหม่า เขาเปิดดีไวซ์อ่านเอกสารสัมภาษณ์ จากนั้นก็ถาม
“รายชื่อผู้เข้าร่วมออดิชัน… ได้ข้อสรุปหรือยังครับ”
“ก็ยังเปิดรับเรื่อยๆ นะ พวกนี้เป็นรายชื่อของเพลเยอร์ในรอบแรกที่ยืนยันแล้ว”
ในเอกสารรายชื่อประกอบไปด้วย รูปถ่ายและประวัติโดยสังเขปของเพลเยอร์ที่มีนัดถ่ายออดิชัน
แม้จะยังไม่ได้โปรโมตรายการเต็มตัว แต่กลับมีเพลเยอร์ได้ยินข่าวและสมัครเข้ามากันเยอะพอสมควร
ย็อมจุนยอลที่กำลังไล่รายชื่อ ทำหน้าผงะเล็กน้อย
“มีอะไร เจอคนรู้จัก?”
“เปล่าครับ แค่เพื่อนร่วมชั้นของรุ่นน้องที่รู้จัก”
“จากโรงเรียนแสงเงิน? มีเด็กโรงเรียนแสงเงินมาออดิชันด้วยหรือ… ว่าแต่รุ่นน้องคนไหน? เจ้าสนิทกับรุ่นน้องคนไหนในโรงเรียน? คงไม่ได้ไปคบกับเด็กแปลกๆ หรอกนะ”
เผ่ามังกรเริ่มตื่นตูม
พวกเขาคอยเฝ้าสังเกตทุกความสัมพันธ์ของย็อมจุนยอล แต่กลับไม่มีข้อมูลของรุ่นน้องที่โรงเรียน
“ชื่อเซอึมกับอึยชินครับ เราเคยแข่งหมากรุกกัน”
“อ้อ… หมากรุก…”
เผ่ามังกรที่ระลึกถึงความพ่ายแพ้ในทัวร์นาเมนต์หมากรุก เริ่มทำหน้าเจ็บปวด
มังกรครามผู้คอยสอดส่องจากระยะไกล ยิงคลื่นพลังวิเศษอันแหลมคมตรงเข้าใส่
คล้ายกับเป็นการย้ำเตือนว่า เลิกจุ้นจ้านกับความทรงจำอันน่าเจ็บปวดของย็อมจุนยอลได้แล้ว
ย็อมจุนยอลที่ไม่ได้ตระหนักถึงการปะทะของคลื่นพลังวิเศษ เปิดเอกสารให้เผ่ามังกรดูพร้อมกับยิ้มอย่างร่าเริง
บนเอกสารมีรูปถ่ายของเด็กสาวผมสีชมพู
“เธอชื่อว่าด๊กโกมีโร นักเรียนห้อง 1/0 ของโรงเรียนแสงเงิน ผมเองก็เพิ่งเคยได้ยินชื่อนี้เหมือนกัน… พอดีว่าเด็กใหม่ห้องศูนย์ปีนี้เข้าเรียนค่อนข้างน้อย”
* * *
เมื่อมาถึงโรงงานร้างในย่านกวางอิล, ชายขอบเขตอึนกวาง
วังจีโฮเผยสีหน้าแปลกประหลาด
“เกิดอะไรขึ้น”
“…ฉันสัมผัสถึงการปะทะกันระหว่างคลื่นพลังวิเศษ”
ครูกงชองวอนกำลังต่อสู้อยู่?
แต่วังจีโฮผู้เคยอมยิ้มขณะดูเพื่อนร่วมชั้นทะเลาะกัน คงไม่ทำสีหน้าแบบนี้ขณะครูของโรงเรียนกำลังต่อสู้กับคนนอก
วังจีโฮกระโดดข้ามรั้วลวดหนามขึ้นสนิม พลางพึมพำกับตัวเอง
“กลิ่นอายพลังที่ชวนให้นึกถึงวันเก่า…”
ยิ่งเข้าไปลึกในโรงงานร้าง ความเร็วของวังจีโฮก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
เมื่อฉันเริ่มสัมผัสถึงคลื่นพลังวิเศษบ้าง เรือนผมกับนัยน์ตาของวังจีโฮกลายเป็นสีทองเรียบร้อยแล้ว
‘เขาเป็นอะไรไป…!’
วังจีโฮเริ่มรวบรวมพลังระหว่างกำลังวิ่ง
ในโรงงานร้างที่มีโครงสร้างคล้ายเขาวงกต เขาเคลื่อนที่ด้วยความเร็วซึ่งยากจะมองทันด้วยตาเปล่า
จนกระทั่งเขาไปถึงโซนใจกลางโรงงาน
จากจุดห่างไกล ฉันเห็นกงชองวอนกำลังเล่นงานกลุ่มผู้ชายที่ถือท่อนเหล็ก
“เสือคราม…!”
อะไรนะ? เสือคราม?
ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ถาม วังจีโฮชักพลองออกมาแล้วพุ่งเข้าไป
คลื่นพลังวิเศษและสายลมสีทองระยิบระยับ ห้อมล้อมกลุ่มคนที่กำลังตะลุมบอนในพริบตา
วาบบบ!
เกิดแสงสว่างจ้าจนฉันมองไม่เห็นอะไร จึงต้องรีบเปิดใช้งานสกิล
〈สกิล ‘เนตรส่อง’ ทำงาน〉
แม้ทิวทัศน์จะยังสว่างไสว แต่เมื่อสกิลเริ่มทำงาน กระแสคลื่นพลังวิเศษและเงาคนในโรงงาน พลันกระจ่างชัดในตาฉัน
‘วังจีโฮปราบทุกคนได้ในการโจมตีครั้งเดียว?’
ดูเหมือนว่าคราวนี้เขาไม่คิดจะทำตัวเป็นผู้ชม
ขณะกลุ่มนักเลงของบริษัทรับจ้างทยอยล้มลง คนที่ยังยืนอยู่มีเพียงวังจีโฮและกงชองวอน
‘หมอนั่นคิดจะทำอะไร…!’
ปลายพลองสีทองที่วังจีโฮถือ กำลังเล็งไปที่คอกงชองวอน
ณ ส่วนปลายของไม้พลอง พลังเวทและคลื่นพลังวิเศษสีทองกำลังถักทอจนแสบตา
วังจีโฮถามด้วยลมหายใจติดขัด
“ไปเอาพรคุ้มครองนี้มาจากไหน? ทำไมเจ้าถึงมีพรคุ้มครองของเสือคราม!”