ยิ่งได้คุยกับผู้อาวุโสตระกูลซาวอลก็ยิ่งเห็นด้วยกับสำนวนที่ว่า ‘เชื้อไม่ทิ้งแถว’
เหล่าผู้อาวุโสเป็นพวกขี้สงสัยไม่ต่างจากเจ้าหนูจำไมซาวอลเซอึม พวกเขายิงคำถามใส่ฉันไม่พัก ขณะเดียวกันก็หันไปคุยกับโอเยจองเรื่องที่เธอจะอยู่ในบ้านหลังนี้ต่อ
โอเยจองปฏิบัติตัวต่อตระกูลซาวอลด้วยความอ่อนโยนและเคารพ จึงเป็นธรรมดาที่จะได้รับความเอ็นดูกลับมา
ดูเหมือนในครอบครัวนี้จะมีแค่ซาวอลเซมินคนเดียวที่คัดค้านการแต่งงาน
‘ตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับคู่รักอยู่แล้ว’
บนโต๊ะกินข้าว ซาวอลเซมินกับโอเยจองคอยดูแลกันทุกครั้งที่สบโอกาส
ถึงจะดูเป็นเรื่องปกติสำหรับโอเยจองที่เป็นฝ่ายขอแต่งงานก่อน แต่ก็น่าตกใจอยู่ไม่น้อยที่ได้เห็นซาวอลเซมินคอยนำจานโปรดไปวางใกล้ๆ กับฝ่ายหญิง แถมคอยยังดูแลไม่ให้ชาพร่องแก้ว
เขาเอาแต่ดูแลโอเยจองจนไม่ทันรู้ตัวว่า สี่อาวุโสและซาวอลเซอึมกำลังมองดูด้วยความเอ็นดู
เราสนทนาสลับกับกินอาหารกันต่อ โดยระวังไม่ให้รบกวนคนทั้งสอง
“เซอึมยังกินน้อยไม่เปลี่ยนเลยนะ”
“ถึงจะไม่ใช่เด็กเลือกกิน แต่ก็กินน้อยจนน่าเป็นห่วง… โชคดีที่พอเข้าโรงเรียนแสงเงินแล้วน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น”
ซาวอลเซอึมที่วางตะเกียบลงเพื่อดื่มชา นั่งจ้องเห็ดนางรมหั่นชิ้นเล็กในจับเชราวกับมันคือของมีค่า
‘ปกติเขากินอาหารตะวันตกเยอะมาก โดยแทบไม่แตะอาการเกาหลีเลย’
ซาวอลเซอึมมักจะกินอาหารตะวันตกเกินสองจานในโรงอาหารหอพัก
และไม่ได้กินเก่งแค่ที่หอ แต่ทุกครั้งที่มีเวลาว่างก็จะชวนฮันอีออกไปลองเบเกอรี่ร้านเด็ดตาม ‘บังยุนซบลิสต์’
‘คงเพราะเมนูที่เสิร์ฟในบ้านซาวอลมีแต่อาหารเกาหลี’
วันนี้ก็เช่นกัน
จริงอยู่ การกินอาหารเกาหลีเพียงอย่างเดียวช่วยให้ได้รับสารอาหารครบห้าหมู่ แต่ทุกคนมีรสนิยมต่างกัน
เห็นได้ชัดว่าอาหารเกาหลีไม่ถูกปากทายาทผู้ส่งสารจากปัจฉิมราชวงศ์
…หลังจากนี้คงต้องชวนไปลิ้มลองร้านอาหารตะวันตกชื่อดังสักครั้ง เพื่อแสดงความขอบคุณที่ชวนมาเที่ยวบ้าน
หลังจบมื้ออาหารอันแสนอบอุ่นในบ้านตระกูลซาวอล
ขณะผู้อาวุโสและว่าที่คู่แต่งงานใหม่เดินมาส่งฉันกลับหอพัก
ว่าที่เจ้าบ่าวเปิดปาก
“วันนั้นสถานการณ์มันค่อนข้างฉุกละหุก จนฉันไม่มีโอกาสได้แสดงความขอบคุณอย่างเป็นทางการ… ขอบคุณที่ช่วยเซอึมออกมานะ”
ได้เห็นคิวบู๊อันดุเดือดของโอเยจองในวันนั้น ฉันเขาได้ใจถ้าเขาจะเสียสมาธิจนไม่มีจังหวะพูดขอบคุณฉัน
“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเยจี รีบติดต่อหาฉันทันทีเลยนะ”
โอเยจองดูจะเป็นห่วงโอเยจีมาก
“วันปิดภาคเรียนฤดูร้อนยังเหลืออีกตั้งนาน ฉันอยากเจอหน้าเพื่อนๆ บ่อยๆ จังเลย!”
ซาวอลเซอึมผู้ต้องออกจากหอพักเพื่อกลับบ้านในช่วงเปิดเทอมใหญ่ กล่าวด้วยใบหน้าเจือความเสียดาย
ฉันกล่าวคำอำลาและปิดท้ายตามมารยาทไปว่า ไว้มีโอกาสจะมาเที่ยวอีกนะครับ แล้วก็ถือโอกาสเดินทางกลับโรงเรียน
* * *
หลังจากฝึกซ้อมประจำวันเสร็จ
ในห้องที่กว้างเกินกว่าจะอยู่คนเดียว ฉันหมกมุ่นอยู่กับการค้นคว้าเพื่อสลัดความคิดฟุ้งซ่าน
หัวข้อการค้นคว้าคือเผ่าระกา
‘เผ่าระกาที่เชื่อมโยงกับโอเยจองต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับจูโอกรุปแน่… ยิ่งมีข้อมูลของจูโอกรุปมากขึ้น เราก็ยิ่งเข้าใจสถานการณ์ของจูซูย็อกกับโอเยจี และยังเป็นประโยชน์กับพรคุ้มครองของซาวอลเซอึม’
บนคาบสมุทรเกาหลีมีธรรมเทียมที่กษัตริย์และข้าราชบริพารต้องแลกเปลี่ยนรูปแซฮวา (รูปวาดโบราณ) เพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่
ตามตำนานตงกุกเซชิกิ ไม่เพียงรูปแซฮวาจะนิยมวาดภาพเสือและมังกร แต่ยังรวมถึงภาพไก่ด้วย
เสียงไก่ขันคือสัญญาณการสิ้นสุดยามกลางคืน และการมาเยือนของรุ่งสาง จึงถูกตีความว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งแสงสว่าง
ขณะไล่ตรวจสอบความเชื่อเกี่ยวกับไก่ คำบางคำสะดุดตาฉันเป็นพิเศษ
‘ไข่กลายเป็นไก่ และไก่กลับมาวางไข่… วัฏจักรนี้คือตัวแทนของสังสารวัฎ—กฎของธรรมชาติเกี่ยวกับชีวิตและความตาย’
วลี ‘สังสารวัฏ’ คอยกวนใจฉันอย่างน่าประหลาด
เหมือนกับว่าเพิ่งได้ยินคำนี้จากปากเผ่าแท้สักคน
—แตกต่างจากเผ่าแท้คนอื่น ข้าไม่มีวันวิญญาณหลุดออกจากร่างหรือกลายเป็นนิทรา… หรือต่อให้สูญเสียร่างเนื้อก็จะกลับมาใหม่ได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่ต้องผ่านบ่วงแห่งสังสารวัฏ แต่อาจต้องใช้เวลานานหน่อย
วันที่ TC ไนท์สแพ้สิบนัดรวด
กระต่ายหยกอ๊กโทยอนกล่าวไว้แบบนั้น
เมื่อนึกทบทวนคำพูดดังกล่าว มันดันมีมากกว่าหนึ่งจุดที่ฟังดูไม่ชอบมาพากล
‘กำลังจะบอกว่าการนิทราของเผ่าแท้ ไม่ได้เป็นแค่ภาวะสมองตายหรือการนอนเป็นผักเหมือนมนุษย์? แล้วอะไรคือวิญญาณหลุดออกจากร่าง? ปกติคำว่า ‘สังสารวัฏ’ ก็หมายถึงการกลับมาเกิดใหม่อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง… หรือยังมีความหมายอื่นอีก?
ฉันก้มหน้าค้นคว้าต่อไปโดยทดไว้ในใจว่า ครั้งถัดไปที่ได้เจอกับวังจีโฮหรืออ๊กโทยอนจะหาโอกาสถามเรื่องนี้
ขณะอ่านถึงพิธีกรรมทางไสยเวทเกี่ยวกับการเสริมดวงชะตาโดยใช้ไก่เป็นสื่อกลาง เนื่องจากไก่คือสัญลักษณ์ของชีวิต ซึ่งส่วนใหญ่มักใช้เพื่อสังเวย ‘ชีวิตและชะตากรรม’ ของ ‘เครื่องเซ่น’ แด่ทวยเทพ
ปิ๊งป่อง
มีข้อความใหม่
เมื่ออ่านชื่อผู้ส่งก็พบว่าเป็นศิษย์ของฉัน—ย็อมจุนยอล
ปกติแล้วเขาจะทักมาในช่วงเช้า การทักมาตอนบ่ายแก่ๆ เช่นนี้จึงนับว่าไม่ปกติ
ด้วยลางสังหรณ์บางอย่าง ฉันเปิดดีไวซ์เพื่ออ่านข้อความ
[ย็อมจุนยอล] สวัสดีครับท่านอาจารย์
[ย็อมจุนยอล] (รูปภาพ)
ในรูปคือย็อมจุนยอลในเสื้อโค้ทตัวหนาที่ไม่เข้าหน้าร้อน กำลังยืนอยู่ข้างมังกรแดง
ฉากหลังคือสนามเด็กเล่นที่ปกคลุมด้วยหิมะ
แค่ดูก็รู้ทันทีว่าเป็นการถ่ายแบบ
ย็อมจุนยอลเจ้าของทรงผมหยักศกเล็กน้อย แต่งกายในโค้ทสีแดงทับชุดนักเรียน ด้านข้างเป็นมังกรแดงที่เกล็ดส่องแสงระยิบระยับ
‘ถ่ายแบบชุดนักเรียนฤดูหนาว? กว่าจะโปรโมตจริงก็อีกตั้งหลายเดือน เป็นเด็กที่ขยันทำงานจริงๆ’
ย็อมจุนยอลจัดสรรเวลาให้กับการเป็นเพลเยอร์และนักเรียนได้อย่างเหมาะสมเสมอ
แต่เนื่องด้วยสถานะของสตาร์เพลเยอร์ เขาจำเป็นต้องแบ่งเวลาให้กับวงการบันเทิงด้วย
เดิมทีย็อมจุนยอลปฏิเสธวงการบันเทิง แต่ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจเริ่มถ่ายแบบ เนื่องจากพบว่าตนสามารถใช้ความนิยมช่วยประชาสัมพันธ์ให้สังคมตระหนักถึงอันตรายจากรอยแยก และเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับวงการเพลเยอร์
นอกจากนั้น ในฐานะที่เกิดมาพร้อมกับ ‘ช้อนเพชรแดง’ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดของการคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด ย็อมจุนยอลไม่เคยขัดสนด้านเงินทองโนฺเวลกูดอทคอม
รายได้ทั้งหมดจากวงการบันเทิงจะถูกนำไปบริจาคเพื่อการกุศล ส่งผลให้แอนตี้แฟนที่มีอยู่น้อยนิดไม่มีช่องว่างให้ตำหนิสตาร์เพลเยอร์ผู้นี้ได้
รูปถ่ายที่ย็อมจุนยอลส่งมา คือหลักฐานยืนยันความตั้งใจที่จะทำเพื่อส่วนรวมของเขา
‘แต่ถ้าส่งมาให้อาจารย์ดู… มันอาจมีความหมายอื่น’
ฉันใช้สัญชาตญาณของสวะเดนตายแห่งเกมกากเพื่อเพ่งพิจารณารูปถ่าย
ไม่นานก็พบความแตกต่างระหว่างย็อมจุนยอลบนรูปถ่าย กับตัวจริงที่ได้เจอในคลาสเรียนตัวต่อตัว
มังกรแดงโตขึ้น
ตัวสูงจากเดิมราวหนึ่งคืบ และคิ้วเปลวไฟก็ลุกโชนกว่าแต่ก่อน
[ฉัน] มังกรแดงโตขึ้นนะ ยินดีด้วย
[ย็อมจุนยอล] สมแล้วที่เป็นท่านอาจารย์! สังเกตเห็นได้โดยที่ผมไม่ต้องบอก!
ดูจากปฏิกิริยา ฉันคงตอบถูกสินะ
ไม่ว่าจะเป็นเพราะพัฒนาการจากการฝึก ‘ฮุบกลืนพลังวิเศษ’ หรือการเติบโตตามธรรมชาติของย็อมจุนยอลที่เพิ่งอยู่ในช่วงวัยรุ่น ความก้าวหน้าของศิษย์ฉันถือเป็นเรื่องน่ายินดีเสมอ
[ย็อมจุนยอล] ขอบคุณครับ ท่านอาจารย์!
[ย็อมจุนยอล] (สติกเกอร์)
เขาส่งสติกเกอร์มังกรแดงชูมือเพื่อแสดงความดีใจ
[ย็อมจุนยอล] ผมว่าจะออกแบบสติกเกอร์ใหม่ให้เข้ากับมังกรแดงที่โตขึ้น
มังกรแดงโตขึ้นก็จริง แต่มันไม่ได้เด่นชัดขนาดนั้น
ต่อให้ออกแบบสติกเกอร์ใหม่ก็คงแทบไม่ต่างจากเดิม จำเป็นต้องลงทุนถึงขั้นนั้นเชียว?
…ถึงเราจะดีใจก็เถอะที่ได้เห็นพัฒนาการตัวละครผ่านสติกเกอร์
[ย็อมจุนยอล] เผ่ามังกรเป็นคนออกแบบสติกเกอร์ชุดนี้ครับ พวกเขาจะเริ่มออกแบบใหม่ทุกครั้งที่เห็นว่ามังกรแดงโตขึ้น
ถ้ามีเผ่ามังกรอยู่เบื้องหลังก็คงช่วยไม่ได้ล่ะนะ
สติกเกอร์เซตนี้จะถูกออกแบบใหม่เรื่อยๆ ตามพัฒนาการของมังกรแดง
หลังจากจบประเด็นการเติบโตของมังกรแดง บทสนทนาเปลี่ยนไปเป็น ‘การบ้านในช่วงปิดเทอม’ ของย็อมจุนยอล
[ฉัน] การบ้านที่ฝากไว้ ยังไปได้สวยหรือเปล่า
[ย็อมจุนยอล] …พยายามอยู่ครับ แต่ไม่ราบรื่นเท่าไร
ย็อมจุนยอลส่งคำตอบในแง่ลบ แต่ก็ไม่ผิดจากที่ฉันคาด
‘…การบ้านคราวนี้ไม่ง่ายเหมือนฮุบกลืนพลังวิเศษ’
การบ้านที่ฉันมอบให้ย็อมจุนยอลคือ ‘ลบกลิ่นอาย’
แม้ย็อมจุนยอลจะไม่แข็งแกร่งเท่าเผ่ามังกร แต่เขาก็มีออร่ามังกร และเมื่ออัญเชิญมังกรแดง ออร่าดังกล่าวก็จะยิ่งทรงพลัง
ฉันสอนพื้นฐานการลบกลิ่นอายไปแล้ว แต่ดูเหมือนเขาจะยังทำได้ไม่ชำนาญ
‘คงมีโอกาสฝึกไม่บ่อยนัก เพราะรอบตัวเต็มไปด้วยเผ่ามังกรที่คอยกระวนกระวายเมื่อจับสัญญาณของย็อมจุนยอลไม่ได้ แถมตอนอยู่บ้านก็ต้องฝึกท่าโจมตีเป็นหลัก’
อาจเพราะฉันส่งคำตอบกลับไปล่าช้า ย็อมจุนยอลรีบร่ายยาวด้วยความกังวล
[ย็อมจุนยอล] เอ่อ… ถึงวันนี้จะมีถ่ายแบบ แต่ผมไม่ก็ได้ละเลยการบ้านของท่านอาจารย์เลยนะครับ! พยายามหาจังหวะฝึกในช่วงพักเป็นระยะ แต่ผลลัพธ์ก็ไม่ดีเท่าไร
[ย็อมจุนยอล] ตอนนี้ถ่ายแบบเสร็จแล้ว ผมจะตั้งใจฝึกให้หนักกว่าเดิมครับ!
ฉันรีบตอบเพื่อปลอบประโลมศิษย์ที่กำลังหวั่นวิตก
[ฉัน] ดีมาก แต่ไม่ต้องหักโหมนะ
[ย็อมจุนยอล] ครับ! ผมจะทำให้เต็มที่โดยไม่หักโหม
ศิษย์คนนี้ทั้งจริงใจและไม่เคยโกหก ฉันจึงหมดห่วง
หลังจากปิดท้ายด้วยการชื่นชมในความพยายาม ฉันปิดหน้าต่างบทสนทนา
มีข้อความใหม่ถูกส่งเข้ามาระหว่างที่คุยกับย็อมจุนยอล
[ซองกุกอุน] รุ่นน้อง
[ซองกุกอุน] เจอร่องรอยของอีมูกีสู่สวรรค์แล้ว
เป็นข้อความที่ส่งมาส่วนตัว ไม่ใช่แชตกลุ่มที่มีซองซีวานอยู่ด้วย
…พบเบาะแสก่อนวังจีโฮ ตัวละครของฉันเก่งกาจจนน่าทึ่งจริงๆ
[ฉัน] มันอยู่ที่ไหนครับ
[ซองกุกอุน] ยังไม่มั่นใจ แต่ยืนยันได้ว่าอยู่นอกประเทศ
นอกประเทศ
อีมูกีสู่สวรรค์อยู่นอกคาบสมุทรเกาหลี?
ดูท่าฝีมือการวาดรูปของยอดจิตรกรกับศิษย์เอกแห่งคาบสมุทรเกาหลี จะได้รับการยกย่องในต่างประเทศอยู่ไม่น้อยจนมีราคาซื้อขายค่อนข้างสูง
ไม่รู้ว่าควรภูมิใจกับเรื่องนี้ดีไหม
[ซองกุกอุน] ระหว่างที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะถูกปรับปรุงครั้งใหญ่ ฉันพบความเชื่อมโยงระหว่างบริษัทรับเหมากับโบรเกอร์ข้ามชาติ
ประเด็นนี้ช่วยไขความคาใจได้หนึ่งข้อ
มันแปลกเกินไปที่ ‘อีมูกีสู่สวรรค์’ จะหายเข้ากลีบเมฆทั้งที่ส.ส. คนดังของเกาหลี และหนึ่งในตระกูลมหาอำนาจอย่างเผ่าเสือช่วยกันพลิกแผ่นดินหา
ที่หาไม่เจอเพราะมันไม่ได้อยู่บนคาบสมุทรเกาหลีแล้ว
ซองกุกอุนยังเสริมด้วยว่า การขอความร่วมมือจากต่างชาติถือเป็นเรื่องยาก
[ซองกุกอุน] ไว้ถ้ามีความคืบหน้าแล้วจะติดต่อไปใหม่
[ซองกุกอุน] ช่วงนี้เธอพักผ่อนไปก่อน ปล่อยให้ฉันจัดการเรื่องนี้เอง ปิดเทอมฤดูร้อนทั้งทีก็ไปหาความสุขใส่ตัวเถอะ
ฉันรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีของเขาจากข้อความสุดท้าย
คงเป็นห่วงรุ่นน้องที่เพิ่งผ่านช่วงเวลายากลำบากในคดีค่ายยุวชนอันโด่งดัง
แต่ฉันไม่คิดจะปล่อยให้ซองกุกอุนทำงานนี้ตามลำพัง
ระหว่างกำลังวางแผนโดยคำนวณจากสถานการณ์ปัจจุบันและปัจจัยในต่างประเทศ
ใครบางคนโทรเข้ามา
[ผู้โทร: จางนัมอุก]
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จางนัมอุกช่างจ้อจะโทรมาชวนคุย แต่ฉันมีลางไม่ดี
กระแอมล้างคอหนึ่งครั้ง ฉันกดปุ่มรับสาย
“ว่าไง”
[อึยชิน]
เสียงที่เรียกชื่อฉันฟังดูหนักอึ้ง
“เกิดอะไรขึ้น”
[…]
ตรงข้ามกับการทักทายน้ำท่วมทุ่งที่จางนัมอุกชอบทำ เขาเข้าประเด็นทันที
[ซีฮูบาดเจ็บ]