ซงแดซอกกลับถึงบ้านหลังจากไปเล่นสนุกเต็มคราบที่บ้านหัวหน้าห้อง
เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สมัยประถม ที่เขาได้เล่นกับเพื่อนในวัยเดียวกันที่ไม่ใช่มินกือริน
หลังจากเริ่มไปโรงเรียน ซงแดซอกค่อยๆ กลมกลืนไปกับกลุ่มเด็กเพี้ยนห้อง 1/0 โดยไม่ได้ตั้งใจ
อย่างไรก็ดี ช่วงที่ผ่านมาเป็นเทศกาลสอบปลายภาค ดังนั้นแม้จะได้นั่งใกล้กัน กินอาหารร่วมกัน แต่ก็ไม่มีโอกาสเล่นสนุกกันมากนัก
‘ทำไมเราถึงทำตัวแบบนั้น… น่าอับอายจริงๆ’
เขาเล่นสนุกจนสาแก่ใจ แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกผิด
ไม่สิ ต้องบอกว่า ‘รู้สึกผิดเพราะเล่นสนุกเกินไป’
‘ในตอนที่เจ้าสมองหินต่อสู้บนเวที… กือรินไม่ได้อยู่ด้วยแท้ๆ แต่ทำไมถึงได้ตื่นเต้นนัก…’
ท่ามกลางกลิ่นอายความสนุกที่ยังหลงเหลือจากการทำกิจกรรมกับกลุ่มเพื่อน ภาพที่ตัวเองเล่นเป็นเด็กฉายซ้ำในหัวอีกครั้ง
ย้อนกลับไปก่อนที่เม็งเฮียวทงจะเริ่มชกกับบังยุนซบ ซงแดซอกมิได้สนใจว่าใครจะแพ้หรือชนะ และอันที่จริงก็ไม่อยากไปดูเท่าไร
แต่พอรู้ตัวอีกที เขาลุกขึ้นมาตะโกนเชียร์เพื่อนบนเวที
ซงแดซอกยังจำได้ดี ว่าแขนขาของตนสั่นระริกขณะกำหมัดตะโกนสุดเสียง
‘และตอนเล่นบอร์ดเกม…’
ในบ้านที่ไม่คุ้นเคย เขาโต้รุ่งยันเช้าโดยไม่ได้หลับเต็มอิ่ม เนื่องจากไม่ได้พกหมอนใบประจำไปด้วย
ซงแดซอกแสร้งทำเป็นหลับ เพราะไม่อยากถูกเพื่อนดูแคลนว่าเป็นเด็กติดหมอน
แต่สุดท้ายก็ยังถูกจับได้ แล้วโดนลากตัวไปเล่นบอร์ดเกม
แม้จะคุ้นเคยกับกฎของเกมดี อีกทั้งมินกือรินยังคอยช่วยปกป้องซงแดซอกอย่างเต็มที่ แต่เขาก็ยังมิอาจหลีกเลี่ยงการได้ที่โหล่
จนกระทั่งผ่านไปสักพัก เมื่อเขาลบล้างอาถรรพ์บ๊วยตลอดกาลได้ด้วยการคว้าอันดับหนึ่ง ซงแดซอกเผลอตะโกนด้วยความสะใจ
‘มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ… เราไม่ควรสนิทกับใคร’
มหาบุรุษแขนเหล็ก ซงมันซอก
ไม่มีลูกหลานคนใดของเขาปลุกพลังวิเศษขึ้นมาได้
ยกเว้นซงแดซอก
ไม่เพียงเท่านั้น ซงแดซอกยังเกิดมาพร้อมกับพลังวิเศษอันแข็งแกร่ง อีกทั้งรูปร่างหน้าตาก็ละม้ายคล้ายซงมันซอกสมัยเด็ก คนรอบข้างจึงยิ่งคาดหวัง
เพื่อไม่ทำให้ใครต้องผิดหวัง เขาต้องยิ้มทั้งที่ไม่มีความสุข และฝืนกลืนความรู้สึกที่แท้จริงลงคอ
อย่างไรก็ดี เมื่อมีคนชื่นชอบซงแดซอกมากขึ้น มินกือรินก็เริ่มถูกกลั่นแกล้งด้วยความอิจฉา
‘แต่เด็กกลุ่มนี้ต่างออกไป… พวกเขาไม่สนเรื่องที่เราเป็นหลานชายของมหาบุรุษแขนเหล็ก… ไม่มีการแบ่งแยก…’
แบบนี้ก็สามารถคบหาเพื่อนได้ไม่ใช่หรือ…
ได้ทำในสิ่งที่อยากทำก็น่าจะมีความสุขดีนะ
…กือรินก็คงอยากเห็นเราสนิทกับเพื่อนร่วมชั้น และเราก็อยากทำมัน
ความคิดของเขาปั่นป่วนมาเนิ่นนานเพราะความเห็นแก่ตัวและความรู้สึกผิดต่อมินกือริน—เพื่อนสมัยเด็ก
มองเข้าไปในกระจก ซงแดซอกเห็นผมเผ้าอันยุ่งเหยิงห้อยลงมาปิดดวงตา
ในพักหลัง เขาเลื่อนการตัดสินใจเรื่องหนึ่งมาจนถึงปัจจุบัน
‘…ต้องถ่ายรูปใหม่สินะ’
ตำแหน่งเด็กฝึกงานของสมาคมเพลเยอร์ที่รองหัวหน้าห้องจอมพิรุธ*แนะนำมา
(*ไม่แน่ใจว่าเคยบอกไปหรือยัง คำว่า ‘พิรุธ’ ที่เด็กๆ เรียกกัน ทาง raw ใช้ว่า ‘อึยชิม 의심’ ซึ่งมันคล้ายกับชื่อ ‘อึยชิน 의신’ ก็เลยกลายเป็นฉายาที่เกิดจากการแกล้งเรียกผิดให้ดูตลก)
ตอนแรกเขาลังเลว่าควรสมัครไปดีไหม จนผ่านไปสักพักก็ตัดสินใจสมัคร
แต่เอกสารการสมัครงานถูกตีกลับเพราะรูปถ่ายใบหน้าไม่ชัด ไม่ผ่านระเบียบขั้นตอนความปลอดภัย
…ถึงตอนถ่ายรูปจะเสยผมขึ้นมาได้ แต่มันคงเป็นปัญหาแน่ถ้าตัวจริงยังถูกผมปิดหน้าอยู่
ซงแดซอกไตร่ตรองอยู่นาน
‘…ต้องตัดสินะ’
* * *
‘…ลองขอให้ตัดดูดีไหม’
ในหอพัก
ฉันกำลังนึกทบทวนบทสนทนากับวังจีโฮ
—ตอนนี้เผ่าเสือกำลังไล่ตามภาพวาด ‘อีมูกีสู่สวรรค์’ อยู่
หลังจากประเด็นของคิมยูรีจบลง วังจีโฮเปิดเรื่องใหม่
—พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติเคยเกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้นหลายครั้ง หนึ่งในนั้นเกี่ยวพันกับศิษย์เก่าของฮงคยุงบ๊กที่มือขวาของมันถูกตัดเพราะ ‘อุบัติเหตุ’
เกริ่นมาแบบนี้ ฉันนึกออกอยู่สองเหตุการณ์
อันแรก การปรับปรุงพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ
กล่าวกันว่าพิพิธภัณฑ์ที่ทำเงินเป็นกอบเป็นกำจากการแสดงภาพวาดของจิตรกรฮงคยุงบ๊กและมินกือริน ถูกเสนอให้ดำเนินการปรับปรุงภายในใหม่ โดยอ้างว่าทำไปเพื่อเพิ่มความเป็นมิตรกับประชาชน
—ระหว่างการปรับปรุง เห็นว่าผู้อำนวยการไม่ได้เลือกบริษัทที่เข้าประมูลงานด้านต่างๆ อย่างโปร่งใส ประเด็นนี้กำลังถูกตรวจสอบโดยส.ส. ที่กำลังตามขุดคุ้ยอยู่… ในฐานะเผ่าแท้ผู้จ่ายภาษีให้รัฐบาลเกาหลี ถือว่าเขาทำหน้าที่ตัวแทนประชาชนได้ดีทีเดียว
น่าจะหมายถึงซองกุกอุน
หมอนี่กล้าใช้งานตัวละครของฉัน?
แต่ฉันที่มักใช้งานวังจีโฮอยู่บ่อยๆ ก็ไม่มีสิทธิ์ไปว่าใครเหมือนกัน
—อย่างไรก็ดี การร้องขอข้อมูลของหมอนั่นทำให้ภาระงานครูโรงเรียนเราเพิ่มขึ้นมาก เรียกได้ว่ามีผู้บริสุทธิ์ต้องรับเคราะห์ไม่น้อย รวมถึงเจ้าเด็กมีปัญหาของเผ่าเสือด้วย
ได้ยินแบบนั้น หากพิจารณาจากภาระงานของครูในโรงเรียนแสงเงิน ฉันค่อนข้างเห็นด้วยกับวังจีโฮ
นึกถึงใบหน้าของเพื่อนร่วมชั้นที่อยากถาม ‘เทคนิค’ จากรุ่นพี่ห้อง 2/0 เพราะไม่มีโอกาสได้เล่นกับครูฮัมกึนยองมากนัก ดูเหมือนในกรณีนี้ซองกุกอุนจะทำไม่ถูก
…ไม่สิ เขาแค่ทำในสิ่งที่ควรทำ จะไปโทษว่าเป็นความผิดก็ไม่ได้
สุดท้ายตัวละครของฉันก็ไม่ผิด
—ปัญหาเรื่องที่สอง พนักงานของพิพิธภัณฑ์มีสุขภาพจิตแย่ลงอย่างผิดวิสัย
—พนักงานทุกคนที่ร้องเรียนปัญหาด้านสุขภาพจิตของตน ล้วนเป็นผู้ดูแลงานศิลป์ในช่วงปรับปรุงพิพิธภัณฑ์ทั้งสิ้น
—ดูเหมือนว่าไอ้ขยะนั่นจะถูกจ้างให้เข้าไปครอบงำสุขภาพจิตของพนักงาน ด้วยการแทรกซึมเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ในฐานะพนักงานทำความสะอาด แล้วแอบปลูกฝังสกิลควบคุมจิตใจระดับกลางเอาไว้
ทันทีที่ได้ฟัง หน้าอกของฉันพลันร้อนผ่าว
ไอ้ขยะที่ปล่อยข่าวลือว่ามินกือรินใช้ความรุนแรงกับพนักงาน แล้วอ้างว่าอดีตพนักงานพิพิธภัณฑ์เคยร้องเรียนปัญหาด้านสุขภาพจิต ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการใช้ความรุนแรงของเธอ
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ไอ้เวรนี่อาศัยเมล็ดพันธุ์ที่เคยหว่านไว้เพื่อขโมยภาพวาด ย้อนกลับมาทำร้ายมินกือรินอีกครั้ง
คิดถึงตรงนี้ ฉันเริ่มลังเล
‘…ให้หมอนั่นช่วยตัดมืออีกข้างทิ้งไปดีไหม’
ถ้าขอร้องไปล่ะก็ วังจีโฮทำแน่
—ฮงคยุงบ๊กที่เข้าใจสถานการณ์ ตัดสินใจตรวจสอบงานศิลป์ทั้งหมดในพิพิธภัณฑ์ด้วยตัวเอง จนสามารถยืนยันได้ว่ามีผลงานไม่ต่ำกว่าสามสิบชิ้นถูกสับเปลี่ยน ยกเว้นส่วนน้อยที่วาดโดยมินกือรินกับฮงคยุงบ๊กในภายหลัง… ข่าวจะถูกประกาศไปทั่วประเทศในวันนี้
เมื่อลองตรวจสอบเว็บไซต์รวมข่าว หน้าแรกสุดมีบทความแปะภาพใบหน้าฮงคยุงบ๊กและรายชื่องานศิลป์ที่ถูกขโมยไป
—อดีตพนักงานพิพิธภัณฑ์ได้รับอาการทางจิตรุนแรงกว่าที่คิด ต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะสอบปากคำรู้เรื่อง
คำพูดวังจีโฮจบลงตรงนี้
ได้ยินเรื่องราวทั้งหมด ฉันรู้สึกสับสน
‘รายชื่องานศิลป์ที่ถูกขโมยไปมีมากกว่าที่คิด… หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับ ‘เหตุการณ์นั้น’ ?’
ในเกมจะมีตัวละครที่ควบคุมได้ปรากฏตัวขึ้นในปีหน้า ส่งผลให้โลกที่ปั่นป่วนอยู่แล้วยิ่งอลหม่านกว่าเดิมโน!วลกูดoทคอม
บุคคลดังกล่าวปรากฏตัวแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แล้วก็หายไป
ฉันคือสวะติดเกมที่เอ็นดูตัวละครทั้งหมด
แต่ตัวละครนั้นกลับทำให้รู้สึกขนลุก ไม่สิ รู้สึกมวนท้องและนิ้วมือหงิกเกร็ง
‘มีเบาะแสน้อยเกินไป ยังด่วนสรุปไม่ได้!’
อาจเพราะอยากหลีกหนีจากความจริง ฉันเปิดแอปฯ ข้อความที่ปิดแจ้งเตือนเอาไว้ทั้งวัน
ข้อความค้างอ่านมีมากกว่าที่คิด
โดยเฉพาะในห้องแชตหนึ่ง ตัวเลขแจ้งจำนวนค้างอ่านมีมากกว่าห้องอื่นอย่างเทียบไม่ติด
[กึมชานซอล] เฮ้
[วังชานซอล] ไอ้จอมพิรุธ อ่านข้อความสักที!
[กึมชานซอล] เฮ้!!!
[วังชานซอล] หลับไปแล้วหรือไง
[กึมชานซอล] นี่มันใช่เวลานอนหรือไง
เมื่อวานแทบไม่ได้นอน ตอนนี้ฉันจึงง่วงมาก
คู่หูนรกโวยวายอะไรกันตั้งแต่เช้า?
[กึมชานซอล] นายเป็นคนเรียกไอ้จืดน่ารำคาญนั่นมาใช่ไหม! นักเรียนคนแรกของเขาน่ะ! เรารู้ทุกอย่างแล้ว!
[วังชานซอล] ตอนที่ครูจูเก่อถามเขาว่ารู้ได้ยังไง หมอนั่นเปิดรูปถ่ายให้ดู ถ้าคำนวณจากตำแหน่งและองศาที่ถ่าย มันคือที่นั่งของรุ่นน้องจอมพิรุธยังไงล่ะ!
…แค่ก็เห็นรูปถ่ายก็รู้ได้ทันที?
พวกเด็กบ้าห้อง 2/0 ไม่ธรรมดาจริงๆ
ว่าแต่ ฮงกยูบินทำอะไรลงไป?
[กึมชานซอล] ไอ้นักเรียนคนแรกนั่น! หลังจากกินข้าวพลางคุยเกี่ยวกับสมาคม เขาก็ฉวยโอกาสพาตัวครูจูเก่อกลับไป! เรายังไม่ทันจะได้กินของหวานกันเลย!
[วังชานซอล] ฉันแอบเตรียมของหวานมาตลอดทั้งคืนเลยนะ!
ดูเหมือนฮงกยูบินจะรีบมาที่โรงเรียนหลังจากเห็นรูปถ่ายนั่น
…แถมขโมยตัวครูไปจากพวกเด็กห้องศูนย์อีก
นอกจากนี้ยังมีข้อความถูกส่งมาจากฮงกยูบิน
[ฮงกยูบิน] ขอบคุณที่บอกนะอึยชิน เป็นเพราะเธอ ฉันถึงได้มีช่วงเวลาดีๆ กับครู!
[ฮงกยูบิน] ในเมื่อครูแต่งตัวดีแบบนี้ ก็ควรได้นั่งดื่มชาในที่ดีๆ ด้วย
[ฮงกยูบิน] หลังจากนี้คงต้องรบกวนอีกบ่อยๆ แล้วล่ะ ^^!
ชัดเจนแล้วว่าฮงกยูบินใช้ข้ออ้าง ‘เรื่องงาน’ เพื่อลากจูเก่อแจกอลไปไหนมาไหน
‘สร้างกำแพงเหล็กมาได้ตั้งนาน ฮงกยูบินชวนอีท่าไหนถึงได้ยอมตามไป?’
ฉันสลัดคำถามไร้สาระ แล้วเริ่มอ่านใจความสำคัญของคู่หูกึมชานวังชาน
[กึมชานซอล] นายคงอยู่อยู่แล้วสินะ! ให้ตายสิ… ทุกครั้งที่อ้าปาก หมอนั่นจะเอาแต่พูดชื่อครูจูเก่อ!
เป็นความจริงที่ฮงกยูบินจะพูดถึงครูจูเก่อแจกอลแทบทุกครั้งที่อ้าปาก
แต่ฉันก็ไม่คิดว่าเขาจะตามมาขโมยตัวถึงโรงเรียน
[วังชานซอล] น่าหงุดหงิดชะมัด! มาตัดเสื้อตัวใหม่ให้ครูจูเก่อกันเถอะ
[กึมชานซอล] อุอุ! เอาสิ! ใช้หัวหน้าดีไซเนอร์ออกแบบไปเลย!
[วังชานซอล] ไม่มีปัญหา เขาเองก็เปรยๆ อยู่ว่า อยากเจอคนใส่ตัวเป็นๆ เพื่อวัดร่างกายกับมองหาแรงบันดาลใจ
[กึมชานซอล] ถ้าหัวหน้าดีไซเนอร์ของนือรูลงมือเองก็ไม่มีอะไรต้องกังวล …ส่วนข้ออ้างเอาเป็นว่า ‘ก็เมื่อวานครูหนีกลับไปก่อน’ ก็แล้วกัน คึคึคึ!
[วังชานซอล] เจอการัมบีบน้ำตาแน่! อุอุ!
ดูเหมือนชุดกรรมการที่จูเก่อแจกอลสวมเมื่อวาน จะไม่ใช่สูทสำเร็จรูปของนือรู แต่เป็นรุ่นสั่งตัดพิเศษ
ทั้งสองหลงลืมการมีอยู่ของฉัน โดยเริ่มคุยกันเองเพื่อหารือรูปแบบชุดปาร์ตี้และชุดว่ายน้ำที่ครูจูเก่อแจกอลจะได้สวม
‘…ไม่ได้ส่งข้อความมาเพื่อตำหนิเราหรือไง’
ฉันปิดกลุ่มแชตไปโดยไม่ได้ตอบ เพราะดูแล้วคงไม่มีปัญหา
[ย็อมจุนยอล] สวัสดีครับอาจารย์
[ย็อมจุนยอล] วันนี้เขตอึนกวางมีโอกาสฝนตก 60% ได้ยินว่าฤดูฝนจะมาเร็วกว่าปกติเล็กน้อย อย่าลืมพกร่มเผื่อไว้ด้วยนะครับ!
หลังจากแลกเปลี่ยนรหัสกับย็อมจุนยอล ฉันได้รับคำทักทายทุกวัน
ส่วนใหญ่จะเป็นการรายงานสภาพอากาศ หรือไม่ก็สรุปสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขาเอง ก่อนจะปิดท้ายด้วยคำทักทาย
เมื่อฉันถามว่าไม่เหนื่อยบ้างหรือ คำตอบของย็อมจุนยอลก็คือ:
—ท่านพ่อคอยเน้นย้ำอย่างเคร่งครัดว่า ตามมารยาทแล้ว ศิษย์ควรไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบและทักทายอาจารย์ทุกวันครับ! แต่อาจารย์คนที่สองของผมไม่ได้เคร่งเรื่องนี้สักเท่าไร เขารักการท่องเที่ยวและมักไม่อยู่บ้าน
ถึงจะบอกว่าเป็นอิทธิพลจากคำสอนของพ่อ แต่ฉันเชื่อไม่ลง
พ่อที่ตามใจลูกอย่างย็อมบังยอลเนี่ยนะจะเข้มงวดขนาดนั้น?
‘ย็อมจุนยอลแค่อยากทักมาหาเราทุกเช้ามากกว่า’
…ต้องใช่แน่
ฉันเตรียมตอบย็อมจุนยอลกลับไปว่า ไม่ต้องทักมาทุกวันก็ได้ ไม่อยากรบกวนเวลาอันมีค่าสำหรับการฝึกช่วงเช้า
แต่หลังจากไตร่ตรองดูสักพัก ประโยคดังกล่าวฟังดูเหมือน ‘นายกำลังรบกวนเวลาอันมีค่าของฉัน มันเสียมารยาทนะ’ สุดท้ายจึงไม่ได้ส่งไป
ลงเอยด้วย ฉันปล่อยให้ย็อมจุนยอลทำตามใจชอบ โดยการตอบกลับไปสั้นๆ :
[ฉัน] ขอบใจนะ เธอก็พกร่มด้วยล่ะ
[ย็อมจุนยอล] ครับ! ขอบคุณครับ!
[ย็อมจุนยอล] (สติกเกอร์)
สติกเกอร์ที่ยอมจุนยอลส่งมา คือภาพตัวการ์ตูนมังกรแดงที่เป็นแสงประทานของเขา
ฉันอ่านข้อความถัดไปด้วยหัวใจอบอุ่น
[คิมยูรี] อึยชิน พรุ่งนี้เป็นวันประชุมตัวแทนนักเรียนไตรมาสที่สองนะ!
[คิมยูรี] ฉันเตรียมเอกสารเสร็จหมดแล้ว! อย่าลืมอ่านก่อนสักรอบล่ะ! ^▽^!
เธอทำเหมือนเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ฉันเองก็ไม่แน่ใจ ว่าคิมยูรีตีความคำว่า ‘ถึงจะอาละวาดก็ไม่เป็นไร’ เอาไว้แบบไหน
แต่ช่างเถอะ ไม่สำคัญว่าตอนนี้คิมยูรีจะคิดอะไรอยู่
‘ถ้าเป็นไปได้ คราวหน้าเราอยากช่วยเธอทำเอกสารประชุม’
[ฉัน] ตกลง เดี๋ยวจะอ่านไปก่อน
[ฉัน] ประชุมคราวหน้าให้ฉันช่วยทำเอกสารด้วยนะ
ไม่ว่าตอนนี้เธอจะคิดอะไรอยู่ แต่ฉันมั่นใจว่าคิมยูรีจะได้เข้าร่วมการประชุมตัวแทนนักเรียนในไตรมาสที่สามด้วยกันแน่นอน
* * *
วันจันทร์, หลังเลิกเรียน
ผลสอบปลายภาคถูกประกาศออกมาแล้ว จบไปหนึ่งภาคเรียนอันวุ่นวาย
ที่ 1 และ 2 ของชั้นปีสามคือโดวอนอู และอูกีฮวัน
ที่ 1 และ 2 ของชั้นปีสองคือชอนดงฮา และย็อมจุนยอล
ที่ 1 ร่วมของชั้นปีหนึ่งคือจูซูย็อก และอันดาอิน
‘ย็อมจุนยอลบอกว่าเล็งที่หนึ่งไว้ น่าเสียดายแฮะ’
ลูกศิษย์ของฉันตั้งใจเรียนอย่างหนักโดยหวังที่หนึ่ง
แต่ก็ช่วยไม่ได้ ถ้าวัดกันแค่สมอง ในชั้นปีสองคงไม่มีใครเกินอัจฉริยะชอนดงฮาที่เป็นตัวละครของฉัน
ขณะคิดแบบนั้น ฉันกับคิมยูรีกำลังมุ่งหน้าไปยังหอประชุมสภานักเรียน
ปิ๊งป่อง!
ได้รับข้อความจากมุนแซรอน
[มุนแซรอน] โย่ว! โชอึยชิน!
[มุนแซรอน] อยู่กับยูรีใช่ไหม?
[ฉัน] ทำไมหรือ
[มุนแซรอน] อย่าเข้าประตูหน้า! อ้อมมาเข้าทางประตูหลัง!
ถึงจะไม่เข้าใจ แต่ฉันก็ยอมทำตามนั้น
“เปลี่ยนไปเข้าประตูหลัง? ฉันนำทางเอง!”
หลังจากคิมยูรีช่วยนำทางจนได้เข้าห้องประชุม A ผ่านประตูหลัง
ไม่นานฉันก็เข้าใจเจตนาของมุนแซรอน
“ฉันประทับใจที่ทั้งตัวเอกและตัวประกอบ ต่างก็มีเหตุผลของการกระทำชัดเจน”
“ใช่… ทุกบรรทัดละลายเข้าไปในหัวฉันเลย…”
จูซูย็อกกับอันดาอินกำลังทำตัวเหมือน ‘ชมรมวิจารณ์วรรณกรรม’ บนทางเดินใกล้กับประตูหน้า