📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ตัวประกอบแรงค์ EX – ตอนที่ 132

บทที่ 132
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

MasterGU.noted = ชื่อบทจากเว็บนอก -> Tiger and Snow/เสือและหิมะ (1)

เนตรส่อง—สกิลที่ฉันเคยเห็นบนหน้าต่างสถานะแค่ไม่กี่ครั้ง แม้จะนับรวมโลกใบนี้เข้าไปด้วย

เนตรส่องเป็นสกิลที่พบได้ในแบคโฮกุน เสือแดง วังจีโฮ และประธานวังมยองโฮ

‘จะใช่เนตรส่องเดียวกับที่เรารู้จักไหมนะ…’

ฉันนำอาวุธเกรด SR ‘ไม้เท้าฤษีแห่งความมืด’ ออกมาเล็งใส่นักเรียนชมรมศิลปะและกลุ่มย่อยรูปวาดตะวันออก พลางยืนยันรายละเอียดของสกิลเนตรส่อง

〈สกิล ‘สรรพภัณฑ์’ ทำงาน〉

〈เรียกดูข้อมูลของสกิล〉

ข้อความระบบสองชนิดแสดงผลขึ้นมาพร้อมกัน โดยที่หน้าต่างสีน้ำเงินปรากฏอยู่ด้านหน้าสุด

[ชื่อสกิล] เนตรส่อง

[เกรด] SSR

[สกิลเลเวล] 1

[เอฟเฟกต์] สร้างปรากฏการณ์พิเศษโดยการรวบรวมคลื่นพลังวิเศษไว้ที่ดวงตา

[คำอธิบาย]

สกิลหายากที่มีแค่ในเผ่าแท้บางตน

หรือถ้าสามารถบรรลุเงื่อนไขพิเศษบางอย่าง มนุษย์บางคนก็มีได้เช่นกัน แต่ในกรณีนี้พบได้น้อยมาก

‘ยังกับหลุดมาจากหนังสือคู่มือของเพลเมโก!’

เป็นสกิลเนตรส่องเดียวกันที่ฉันรู้จักจริงๆ

ในเกมมิได้ระบุว่า ‘เงื่อนไขพิเศษ’ คืออะไร แต่เมื่อคำนึงจากสถานการณ์ในปัจจุบัน ฉันพอจะเดาได้หนึ่งข้อ

‘ตลอดหนึ่งสัปดาห์เต็มต้องฝืนกินยาวิเศษที่ปรุงโดยเผ่ากวาง ซึ่งใช้น้ำจากบ่อที่มีเทวสมบัติของเผ่าเสือปรากฏ’

อย่างไรก็ดี ระบบคอยเน้นย้ำคำว่า ‘พบได้น้อยมากในมนุษย์’ สื่อได้ว่าเงื่อนไขข้ออื่นๆ ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน

“นี่… เราจะทำยังไงกันดี ฉันไม่ได้พกแอร์บอร์ดมาด้วย!”

มินกือรินกล่าวเสียงสั่น แต่ฉันไม่คิดว่าสถานการณ์เลวร้ายขนาดนั้น

มีตัวเลือกให้ใช้เยอะเกินไปด้วยซ้ำ

‘ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ทดสอบสกิลใหม่เลยดีกว่า’

ปัจจุบัน ‘เนตรส่อง’ มีเลเวล 1

ยังถือว่าระดับต่ำ แม้จะมาพร้อมเอฟเฟกต์พิเศษ

…อย่างมากคนนอกก็คงมองเป็นแค่สกิลธรรมดาหรือไม่ก็แสงประทาน ไม่ใช่ของหายากจนต้องตกอกตกใจ

‘มาดูกันว่าเราจะใช้พลังเนตรนี้ได้ถึงไหน’

〈สกิล ‘เนตรส่อง’ ทำงาน〉

การมองเห็นในดวงตาของฉัน เริ่มเปลี่ยนไปตามปริมาณของคลื่นพลังวิเศษที่ควบแน่น

…สายตาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

กระแสคลื่นพลังวิเศษเปลี่ยนแปลงไปตามลักษณะการกลอกตา

‘นี่สินะ ความรู้สึกของการได้ ‘จับด้วยสายตา’ !’

ระหว่างที่ชมรมศิลปะและกลุ่มย่อยมัวแต่ทะเลาะกันเองขณะวิ่งเข้าหามินกือริน

ฉันจ้องพวกเขาโดยมีคลื่นพลังวิเศษฉาบรอบดวงตา

วาบ—!

แสงจ้าพลันท่วมท้นการมองเห็น ลูกตาและสมองของฉันสั่นสะเทือนจนปวดแปลบ

ทันทีที่อาการสั่นหยุดลง กลุ่มคนที่เคยอยู่ในขอบเขตการมองเห็น ต่างยืนตัวแข็งทื่อหรือไม่ก็เคลื่อนไหวได้ช้าลง

“หือ? ทำไมอยู่ดีๆ ร่างกายหนักขึ้น”

“…!”

“เดี๋ยวนะ นี่มันคลื่นพลังวิเศษ!”

เนตรของเผ่าเสือซึ่งจะยิ่งทรงพลังในความมืด

แผนเดิมของฉันคือการโจมตีด้วยเวทมืดเพื่อลดทอนแสงสว่างในบรรยากาศ

‘ใช้ในที่สว่างยังได้ผลขนาดนี้เชียว…’

ผลลัพธ์ออกมาดีเกินกว่าที่คาด หากคำนึงว่าเป้าหมายคือกลุ่มนักเรียนระดับหัวกะทิของประเทศเกาหลี

“ซูเปอร์โนว่าไร้นาม!”

“คงเป็นแสงประทานหรือไม่ก็สกิลของเขา…”

“…จริงสิ สองคนนี้อยู่ห้อง 1/0 เหมือนกัน”

ดูเหมือนว่าจนถึงเมื่อครู่ ในสายตานักเรียนชมรมศิลปะจะมีแค่มินกือริน

ฉันเล็งไม้เท้าไปยังกลุ่มเด็กนักเรียนที่เริ่มตระหนักถึงการมีอยู่ของซูเปอร์โนว่าไร้นาม พลางส่งคำขู่ด้วยสีหน้าขึงขัง

“ช่วยถอยออกไปด้วยครับ”

บางคนเริ่มลังเลเมื่อสังเกตเห็นกระแสมานาที่ไหลเวียนรอบไม้เท้า

แต่คนที่ดูเหมือนหัวโจกของกลุ่ม แข็งแกร่งจน ‘เนตรส่อง’ ตรึงไว้ได้ไม่สมบูรณ์

ฟังจากคำพูดคงเป็นแฟนตัวยงของมินกือริน

“ขอคุยกับเธอสักครู่ไม่ได้หรือ แค่ห้านาทีเท่านั้น!”

“ไม่ได้จะทำร้ายเธอสักหน่อย!”

“พวกเราขอร้องครูฮัมกึนยองไปสองครั้งแล้ว แต่ก็ถูกปฏิเสธทั้งหมด จึงกลัวจนไม่กล้าขอครั้งที่สาม!”

“ใช่! พวกเรารู้ว่ามินกือรินเป็นเด็กโรงเรียนนี้ แต่กลับไม่เคยเจอหน้าหรือได้เห็นเธอวาดรูปสดๆ เลยสักครั้ง! เหลวไหลสิ้นดี!”

“จิตรกรที่เขินอายและถ่อมตนแบบนี้… ฉันอยากฝากตัวเป็นศิษย์เหลือเกิน!”

“…! …!”

แม้แต่คนที่ถูก ‘เนตรส่อง’ ทำให้ปากแข็งก็ยังฝืนพะงาบปากเปล่งลม

ถึงจะยังไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ฉันพอดูออกว่าคนพวกนี้เป็นแฟนมินกือรินด้วยความปรารถนาดี

แต่มินกือรินในปัจจุบันยังไม่พร้อมที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า

“ไม่ได้ครับ ได้โปรดถอยกลับไปด้วย ถ้าเข้าใกล้มากกว่านี้ผมคงต้องตอบโต้”

ฉันเร่งประสิทธิภาพของ ‘เนตรส่อง’ เมื่อสังเกตเห็นว่ามีนักเรียนปีสามแอบย่องเข้ามาใกล้

〈สกิล ‘เนตรส่อง’ ทำงาน〉

วาบ—!

แรงดันในลูกตาเพิ่มขึ้น แต่แรงกดทับที่อีกฝ่ายได้รับก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าเช่นกัน

“คึก…!”

“เดี๋ยวสิ! เขายังไม่ทันร่ายคาถาด้วยซ้ำ!”

“แอบใช้สกิลอื่นนอกจากเวทมนตร์?”

“กำลังจะร่ายเวทแบบไหนกันแน่!”

มากกว่าครึ่งของคนที่บุกเข้ามาถูกตรึงไว้ด้วยเนตรส่อง แต่ปัญหาคือคนที่เหลือ

พวกเขายังโจมตีได้แม้เสรีภาพทางร่างกายบางส่วนจะถูกผนึกไว้ชั่วคราว

‘ใช้เวทมืดเก็บกวาดแล้วพาตัวไปห้องพักครูดีไหม…’

หรือว่าลากไปที่ห้องประธานใหญ่ในตึกเงินจรัสก็ไม่เลว

…ในเมื่ออีกฝ่ายทำให้มินกือรินกลัว ก็น่าลองลากตัวไปหาผู้นำเผ่าเสือที่เอ็นดูเด็กห้องศูนย์

ยังไงเสียฉันก็เป็นเด็กห้องศูนย์อยู่แล้ว จะทำเรื่องหลุดโลกบ้างก็คงไม่แปลก

ขณะกำลังวางแผน เลือกคาถา แล้วเตรียมร่ายเวท

เป๊าะ!

ปัซ! ป๊าซ! ปัซ!

เมื่อสิ้นเสียงดีดนิ้ว ลูกบาศก์มิติจำนวนมากถูกสร้างครอบกลุ่มเด็กชมรมศิลปะและกลุ่มย่อย

ใครบางคนปรากฏตัวท่ามกลางลูกบาศก์มิติสีเขียวหยก

“อรุณสวัสดิ์ เจี๊ยวจ้าวกันแต่เช้าเลยนะ”

ยงเจกอนกล่าวด้วยใบหน้าสดชื่น

เขาเหล่มองมินกือรินด้านหลังฉันแล้วไปหันทางกลุ่มเด็กชมรมศิลป์

“ครูยง! พวกเราแค่อยากคุยกับมินกือรินเท่านั้นเองครับ!”

“ได้โปรด!”

“คงไม่ได้”

ด้วยนิสัยของยงเจกอน ฉันคิดว่าเขาจะลังเลเล็กน้อยเพื่อเลือกฝั่งที่น่าสนุกกว่า

แต่กลับตอบปฏิเสธทันควัน

“ครูฮัมกึนยองที่เป็นหัวหน้าฝ่ายกิจการนักเรียนน่ะ ฝากฝังให้ข้าดูแลเด็กพวกนี้ให้ดี หากเกิดปัญหาใดขึ้น ข้าจะหมดสิทธิ์เป็นผู้ช่วยครูประจำชั้นห้องศูนย์ทันที”

เขากำลังเล็งตำแหน่งผู้ช่วยครูประจำชั้นห้อง 1/0?

การที่ครูประจำชั้นเข้ามาแทรกแซงและจบปัญหา ย่อมดีกว่านักเรียนอย่างฉันใช้กำลังปราบปรามรุ่นพี่แล้วจับส่งห้องประธานใหญ่

ในเมื่อตัวละครที่ควบคุมได้อาสาจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกังวล

“ทำยังไงดีนะ… ฝากไว้ที่สภานักเรียนก็แล้วกัน อยากเจอหน้าจุนยอลพอดี”

ยงเจกอนมาโรงเรียนพร้อมกับย็อมจุนยอลทุกเช้าแท้ๆ แต่กลับพูดเหมือนไม่ได้เจอหน้ากันแรมปีโuเวลกูดoทคอม

“ข้าจะกลับมาก่อนเริ่มคาบโฮมรูม ถ้าอยู่ในมืออึยชินคงไม่ต้องห่วงสินะ ฝากดูแลกือรินด้วยล่ะ”

ยงเจกอนหิ้วนักเรียนในลูกบาศก์มิติลอยไปทางหอประชุมสภานักเรียน

เมื่อเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ ฉันหันไปคุยกับมินกือรินที่ยังสั่นกลัวอยู่ด้านหลัง

“ไม่เป็นไรแล้วนะ”

“อื้อ… ขอบคุณที่ช่วย”

เธอขอบคุณด้วยใบหน้าซาบซึ้งผสมเจ็บใจ

…คงตระหนักว่าตัวเองยังเอาชนะความกลัวไม่ได้สินะ

เป็นทัศนคติที่น่าชื่นชมมาก กล้ามาโรงเรียนทั้งที่ยังกลัวเพราะอยากเอาชนะโรคนั้นให้ได้

“ขอบคุณอะไรกัน ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย…”

“เป็นกระแสคลื่นพลังวิเศษที่งดงามมาก! นักเรียนที่ได้รับฉายาก่อนจะสอบติดม.ปลายนี่ต่างออกไปจริงๆ … โดยเฉพาะฉากที่นายรวบรวมคลื่นพลังวิเศษพร้อมกับควบแน่นมานาไว้ที่ปลายไม้เท้า… มันดูเท่จนฉันอยากจะจับพู่กันวาดเลยล่ะ”

มินกือรินพูดขอบคุณพร้อมกับบรรยายฉากที่เธอเห็น

…เปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า ถ้าปล่อยให้พูดต่อไปคงเอาแต่ชมไม่หยุด

ฉันชี้ถุงกระดาษในมืออีกฝ่าย

“ทำมาเองหรือ เพื่อนๆ ต้องชอบกันแน่”

“หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะ… อ๊ะ จริงสิ เมื่อวานแดซอกทำตัวน่ากลัวๆ ในบ้านคิมยูรีรึเปล่า”

สภาพของซงแดซอกดูน่ากลัวในตอนแรกก็จริง แต่บรรยากาศดูอบอุ่นกว่าที่คิดเพราะตัวละครของฉันแสดงความห่วงใยต่อเพื่อนสมัยเด็ก

“ไม่เลยสักนิด”

“แน่นะ…”

“เขาดูใจดีอยู่นะ”

“…พูดจริง?”

มินกือรินทำหน้าไม่เชื่อ แต่ฉันเน้นย้ำว่าซงแดซอกทำตัวอบอุ่นและดูเป็นมิตรจริงๆ

…ไม่ได้พูดอะไรผิดสักหน่อย พื้นเพซงแดซอกเป็นคนดีจริงๆ

ฉันนำทางมินกือรินที่ยังดูตกใจเข้าห้องเรียน

“เมื่อวานฉันได้คุยกับอาจารย์ที่ไม่ได้ติดต่อกันมานานด้วยล่ะ”

ระหว่างคุยเล่นเรื่อยเปื่อย เธอเปลี่ยนประเด็นหลังจากเดินเข้ามาในห้อง

“…คิดถึงอาจารย์จัง”

ก่อนที่มินกือรินจะตาย

เธอเสียใจเรื่องที่ไม่มีโอกาสได้เจอหน้าจิตรกรฮงคยุงบ๊กหลังจาก ‘เหตุการณ์นั้น’ แม้แต่ครั้งเดียว

ประสบการณ์อันน่ากลัวคงทำให้เธอนึกถึงอาจารย์

“งั้นก็แวะไปหาท่านกันเถอะ”

“หือ…? อะ…เอ่อ…”

มินกือรินพูดติดอ่าง

ฮงคยุงบ๊กคงไปไหนไม่ได้เพราะยังรู้สึกผิดที่ทำให้ศิษย์คนสำคัญต้องเผชิญเรื่องเลวร้าย

แต่มินกือรินกำลังเปลี่ยนไป และเพื่อนร่วมห้องทุกคนคอยสนับสนุนอย่างเต็มที่ ในไม่ช้าเธอคงเอาชนะมันได้

“ถ้าอยากไปตอนไหนก็บอก ฉันจะเช่าแอร์บัสหรือแอร์แท็กซี่ไร้คนขับพาไป”

“ม…ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอก… ฉันโดยสารรถสาธารณะไม่ได้ก็จริง แต่ถ้าได้ยืม… เอ่อ…”

“เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน บอกกับจิตรกรฮงคยุงบ๊กว่าเธอขอพาเพื่อนร่วมห้องไปด้วย”

“หือ?”

…ได้ช่วยให้ศิษย์อาจารย์หวนกลับมาพบกันอีกครั้ง อีกทั้งยังได้สืบหาเบาะแสของ ‘อีมูกีสู่สวรรค์’ มีแต่ได้กับได้ชัดๆ

“ฉันอยากเจอกับอาจารย์ฮงคยุงบ๊กสักครั้งเพราะสนใจภาพวาดเกาหลีเหมือนกัน แต่ถึงท่านจะปฏิเสธ ฉันแค่ไปส่งเธอหน้าบ้านก็ได้ ถือว่าได้ไปเที่ยว”

พิจารณาจากนิสัยของฮงคยุงบ๊ก เขาคงอยากเห็นหน้าเพื่อนร่วมชั้นของศิษย์ที่เหลือเพียงคนเดียวอยู่แล้ว

ถ้าได้ยินว่ามินกือรินกับเพื่อนร่วมห้องอยากพบหน้าล่ะก็ คงรีบแจ้นมาด้วยตัวเองหรือไม่ก็เรียกลีมูซีนส่วนตัวมารับ

“…ตกลง”

ขณะมินกือรินพยักหน้า ประตูอัตโนมัติหน้าห้องเรียนเปิดออก

ครืด—!

“อรุณสวัสดิ์”

“อรุณสวัสดิ์!”

ประตูเปิดออกพร้อมกับเผยให้เห็นซาวอลเซอึมและฮันอี

สงสัยจะบังเอิญเจอกันระหว่างทางจากหอใน ก็เลยเดินมาด้วยกัน

ฉันกล่าวทักทายพร้อมกับเดินออกจากห้อง

“ถ้าอย่างนั้นขอตัวไปซื้อเครื่องดื่มกับรองเท้าก่อนนะ”

“หือ? รองเท้า? อ้อ… รองเท้ากือรินขาดนี่เอง”

“ตอนที่เพื่อนของเธออุ้มท่าเจ้าหญิงกลับไป เขาลืมรองเท้าไว้ที่บ้านยูรีน่ะ”

มินกือรินเปลี่ยนสีหน้าทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘อุ้มท่าเจ้าหญิง’

“ตะ…ตอนที่แดซอกอุ้มฉัน… เพื่อนเห็นกันทั้งห้องเลยหรือ”

“ใช่ เห็นทั้งห้อง”

“อะ…”

“พวกเธอดูสนิทกันดีนะ แดซอกก็อยู่ห้องเราด้วยใช่ไหม”

ฉันปิดประตูห้องเรียนหลังจากเห็นว่ามินกือรินคุยกับซาวอลเซอึมและฮันอีอย่างเป็นกันเอง

ใจจริงฉันอยากออกไปซื้อรองเท้าและเครื่องดื่มมากินคู่กับคุกกี้ของมินกือรินนานแล้ว

แต่คงปล่อยให้มินกือรินนั่งหวาดระแวงอยู่ในห้องตามลำพังไม่ได้

‘เคยเห็นที่ร้านมีขายรองเท้าแตะ แต่ไม่รู้ว่ามีรองเท้าเพลเยอร์ไหม’

ขณะคิดเช่นนั้น ฉันมุ่งหน้าไปยังร้านค้าในเขตตึกเรียนปีหนึ่ง

โชคร้ายที่ร้านไม่มีขายรองเท้าเพลเยอร์ แต่ก็เต็มไปด้วยเครื่องดื่มหลายชนิด ฉันจึงเลือกซื้อกระป๋องที่ถูกปากเพื่อนแต่ละคนกลับไป

ไม่นานเด็กๆ ก็ทยอยมาถึงตามเวลาและเข้าสู่คาบโฮมรูม

ใครบางคนกระโดดมาร่วมวงอย่างคาดไม่ถึง

‘นั่งคุยกับเด็กๆ ได้หน้าตาเฉยเลยแฮะ’

ยงเจกอนกำลังนั่งยิ้มอยู่ข้างฉัน พลางกินคุกกี้โรยผงชาเขียวคู่กับมันฝรั่งทอดรสพิสทาชิโอ้

ฉันรู้มาก่อนว่าเขาสนิทกับนักเรียน แต่คิดไม่ถึงว่าจะมาร่วมวงปาร์ตี้น้ำชากับเด็กห้อง 1/0

…เพื่อนทุกคนล้วนเป็นเด็กดี จึงไม่แปลกที่เขาอยากจะสนิทสนม

“เมื่อเช้าขอบคุณที่ช่วยไว้นะคะ”

“ในฐานะครูประจำชั้นชั่วคราว ข้าต้องช่วยเหลือนักเรียนในห้องอยู่แล้ว… ถ้าเจ้าซาบซึ้งใจล่ะก็ช่วยชมข้าต่อหน้าฮัมกึนยองสิ เขาจะได้ประเมินข้าดีขึ้น”

“…คะ?”

ยงเจกอนยิ้มพลางจ้องใบหน้าอันงงงวยของมินกือริน

ฉันสัมผัสได้ถึง ‘ความตั้งใจที่จะดูแลเด็กห้อง 1/0’ ของเขา

“อึยชิน ข้าบอกแล้วไงว่าถ้ามีอะไรให้เรียก ขอโทษนะที่ไม่ได้มาช่วยตั้งแต่ต้น”

“ครูยงรู้จักกับอึยชินอยู่แล้วหรือ”

“เพราะอึยชินลงแข่งทัวร์นาเมนต์หมากรุก?”

ฉันเริ่มกระอักกระอ่วนเมื่อหัวข้อสนทนาเบี่ยงเข้าหาตัวเอง

จึงทำได้เพียงตอบแบบขอไปที แล้วปิดปากให้เงียบที่สุด

‘ป่านนี้วังจีโฮคงฝืนกลั้นขำอย่างมีความสุขอยู่แน่’

มองไปทางวังจีโฮ อีกฝ่ายกำลังนั่งจิบชาใบสนโดยไม่พูดไม่จา

กระป๋องนั้นฉันซื้อมาเผื่อคนที่มีรสนิยมแบบตาลุง ดูท่าหมอนั่นจะชอบ

‘ทำไมวันนี้ตอบสนองแปลกๆ …’

วังจีโฮที่สัมผัสถึงการจ้องมอง หรี่เสียงลงแล้วกระซิบกลับ

“ตอนนี้ฉันกำลังเจรจากับหนึ่งในผู้นำเผ่าแท้”

…พูดต่อหน้ายงเจกอนเลยหรือ?

อย่างที่คิด ยงเจกอนผู้มีโสตประสาทเฉียบแหลมกว่ามนุษย์หลายเท่า ชำเลืองสายตามาทันที

“ใครล่ะ”

“เด็กเจ้าเล่ห์”

ดูเหมือนว่าร่างแบ่งภาคของผู้นำเผ่าเสือ จะเจรจาอยู่กับผู้นำเผ่าหนูอยู่ที่ใดสักแห่ง

* * *

ระหว่างที่ห้อง 1/0 จัดปาร์ตี้น้ำชา

ณ ตึกระฟ้าแห่งเดียวในเขตอึนกวาง—วังมยองทาวเวอร์

เสือเหลืองในร่างชายหนุ่มวัยสามสิบกล่าวต้อนรับแขก

“ไม่ได้เจอกันเสียนาน ผู้นำเผ่าหนู”

“นั่นเพราะระหว่างที่ท่านเอาแต่ทำตัวเฉื่อยชา ข้างนอกวุ่นวายจนข้าแทบไม่ได้พัก”

ใบหน้าวังจีโฮพลันบิดเบี้ยวเมื่อได้ยินเด็กเจ้าเล่ห์ใช้ภาษาสุภาพ

“อ้อ แล้วก็ช่วยเรียกข้าว่าเด็กเจ้าเล่ห์ด้วย… ท่านเสือเหลือง”

ยิ่งเด็กเจ้าเล่ห์ยิ้ม วังจีโฮก็ยิ่งทำหน้าบอกบุญไม่รับ

แต่ไหนแต่ไร ไม่เคยมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นถ้าเด็กเจ้าเล่ห์ทำหน้าแบบนี้

“ข้ามีบางสิ่งจะบอกท่านเกี่ยวกับ ‘ดวงตา’ ที่เฝ้ามองเขตอึนกวาง”

MasterGU.edited = เผ่าแท้บางคน->เผ่าแท้บางตน

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ตัวประกอบแรงค์ EX

ตัวประกอบแรงค์ EX

EX Rank, Ex Rank Supporting Role’s Replay in a Prestigious School, EX Rank Side Character's School Replay, 명급리, 명문고 EX급 조연의 리플레이
Score 9.1
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
หลังจากเคลียร์บทสุดท้ายของเกมกากแห่งชาติสำเร็จ เขากลายเป็นตัวประกอบไร้นามในเกมที่ตัวเองเคยเล่น ตัวประกอบแรงค์ EX ที่เหนือธรรมดาและยากจะหยั่งถึง ผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังทุกสิ่ง!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset