MasterGU.noted = ชื่อบทจากเว็บนอก -> Tiger and Snow/เสือและหิมะ (1)
เนตรส่อง—สกิลที่ฉันเคยเห็นบนหน้าต่างสถานะแค่ไม่กี่ครั้ง แม้จะนับรวมโลกใบนี้เข้าไปด้วย
เนตรส่องเป็นสกิลที่พบได้ในแบคโฮกุน เสือแดง วังจีโฮ และประธานวังมยองโฮ
‘จะใช่เนตรส่องเดียวกับที่เรารู้จักไหมนะ…’
ฉันนำอาวุธเกรด SR ‘ไม้เท้าฤษีแห่งความมืด’ ออกมาเล็งใส่นักเรียนชมรมศิลปะและกลุ่มย่อยรูปวาดตะวันออก พลางยืนยันรายละเอียดของสกิลเนตรส่อง
〈สกิล ‘สรรพภัณฑ์’ ทำงาน〉
〈เรียกดูข้อมูลของสกิล〉
ข้อความระบบสองชนิดแสดงผลขึ้นมาพร้อมกัน โดยที่หน้าต่างสีน้ำเงินปรากฏอยู่ด้านหน้าสุด
[ชื่อสกิล] เนตรส่อง
[เกรด] SSR
[สกิลเลเวล] 1
[เอฟเฟกต์] สร้างปรากฏการณ์พิเศษโดยการรวบรวมคลื่นพลังวิเศษไว้ที่ดวงตา
[คำอธิบาย]
สกิลหายากที่มีแค่ในเผ่าแท้บางตน
หรือถ้าสามารถบรรลุเงื่อนไขพิเศษบางอย่าง มนุษย์บางคนก็มีได้เช่นกัน แต่ในกรณีนี้พบได้น้อยมาก
‘ยังกับหลุดมาจากหนังสือคู่มือของเพลเมโก!’
เป็นสกิลเนตรส่องเดียวกันที่ฉันรู้จักจริงๆ
ในเกมมิได้ระบุว่า ‘เงื่อนไขพิเศษ’ คืออะไร แต่เมื่อคำนึงจากสถานการณ์ในปัจจุบัน ฉันพอจะเดาได้หนึ่งข้อ
‘ตลอดหนึ่งสัปดาห์เต็มต้องฝืนกินยาวิเศษที่ปรุงโดยเผ่ากวาง ซึ่งใช้น้ำจากบ่อที่มีเทวสมบัติของเผ่าเสือปรากฏ’
อย่างไรก็ดี ระบบคอยเน้นย้ำคำว่า ‘พบได้น้อยมากในมนุษย์’ สื่อได้ว่าเงื่อนไขข้ออื่นๆ ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
“นี่… เราจะทำยังไงกันดี ฉันไม่ได้พกแอร์บอร์ดมาด้วย!”
มินกือรินกล่าวเสียงสั่น แต่ฉันไม่คิดว่าสถานการณ์เลวร้ายขนาดนั้น
มีตัวเลือกให้ใช้เยอะเกินไปด้วยซ้ำ
‘ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ทดสอบสกิลใหม่เลยดีกว่า’
ปัจจุบัน ‘เนตรส่อง’ มีเลเวล 1
ยังถือว่าระดับต่ำ แม้จะมาพร้อมเอฟเฟกต์พิเศษ
…อย่างมากคนนอกก็คงมองเป็นแค่สกิลธรรมดาหรือไม่ก็แสงประทาน ไม่ใช่ของหายากจนต้องตกอกตกใจ
‘มาดูกันว่าเราจะใช้พลังเนตรนี้ได้ถึงไหน’
〈สกิล ‘เนตรส่อง’ ทำงาน〉
การมองเห็นในดวงตาของฉัน เริ่มเปลี่ยนไปตามปริมาณของคลื่นพลังวิเศษที่ควบแน่น
…สายตาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
กระแสคลื่นพลังวิเศษเปลี่ยนแปลงไปตามลักษณะการกลอกตา
‘นี่สินะ ความรู้สึกของการได้ ‘จับด้วยสายตา’ !’
ระหว่างที่ชมรมศิลปะและกลุ่มย่อยมัวแต่ทะเลาะกันเองขณะวิ่งเข้าหามินกือริน
ฉันจ้องพวกเขาโดยมีคลื่นพลังวิเศษฉาบรอบดวงตา
วาบ—!
แสงจ้าพลันท่วมท้นการมองเห็น ลูกตาและสมองของฉันสั่นสะเทือนจนปวดแปลบ
ทันทีที่อาการสั่นหยุดลง กลุ่มคนที่เคยอยู่ในขอบเขตการมองเห็น ต่างยืนตัวแข็งทื่อหรือไม่ก็เคลื่อนไหวได้ช้าลง
“หือ? ทำไมอยู่ดีๆ ร่างกายหนักขึ้น”
“…!”
“เดี๋ยวนะ นี่มันคลื่นพลังวิเศษ!”
เนตรของเผ่าเสือซึ่งจะยิ่งทรงพลังในความมืด
แผนเดิมของฉันคือการโจมตีด้วยเวทมืดเพื่อลดทอนแสงสว่างในบรรยากาศ
‘ใช้ในที่สว่างยังได้ผลขนาดนี้เชียว…’
ผลลัพธ์ออกมาดีเกินกว่าที่คาด หากคำนึงว่าเป้าหมายคือกลุ่มนักเรียนระดับหัวกะทิของประเทศเกาหลี
“ซูเปอร์โนว่าไร้นาม!”
“คงเป็นแสงประทานหรือไม่ก็สกิลของเขา…”
“…จริงสิ สองคนนี้อยู่ห้อง 1/0 เหมือนกัน”
ดูเหมือนว่าจนถึงเมื่อครู่ ในสายตานักเรียนชมรมศิลปะจะมีแค่มินกือริน
ฉันเล็งไม้เท้าไปยังกลุ่มเด็กนักเรียนที่เริ่มตระหนักถึงการมีอยู่ของซูเปอร์โนว่าไร้นาม พลางส่งคำขู่ด้วยสีหน้าขึงขัง
“ช่วยถอยออกไปด้วยครับ”
บางคนเริ่มลังเลเมื่อสังเกตเห็นกระแสมานาที่ไหลเวียนรอบไม้เท้า
แต่คนที่ดูเหมือนหัวโจกของกลุ่ม แข็งแกร่งจน ‘เนตรส่อง’ ตรึงไว้ได้ไม่สมบูรณ์
ฟังจากคำพูดคงเป็นแฟนตัวยงของมินกือริน
“ขอคุยกับเธอสักครู่ไม่ได้หรือ แค่ห้านาทีเท่านั้น!”
“ไม่ได้จะทำร้ายเธอสักหน่อย!”
“พวกเราขอร้องครูฮัมกึนยองไปสองครั้งแล้ว แต่ก็ถูกปฏิเสธทั้งหมด จึงกลัวจนไม่กล้าขอครั้งที่สาม!”
“ใช่! พวกเรารู้ว่ามินกือรินเป็นเด็กโรงเรียนนี้ แต่กลับไม่เคยเจอหน้าหรือได้เห็นเธอวาดรูปสดๆ เลยสักครั้ง! เหลวไหลสิ้นดี!”
“จิตรกรที่เขินอายและถ่อมตนแบบนี้… ฉันอยากฝากตัวเป็นศิษย์เหลือเกิน!”
“…! …!”
แม้แต่คนที่ถูก ‘เนตรส่อง’ ทำให้ปากแข็งก็ยังฝืนพะงาบปากเปล่งลม
ถึงจะยังไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ฉันพอดูออกว่าคนพวกนี้เป็นแฟนมินกือรินด้วยความปรารถนาดี
แต่มินกือรินในปัจจุบันยังไม่พร้อมที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า
“ไม่ได้ครับ ได้โปรดถอยกลับไปด้วย ถ้าเข้าใกล้มากกว่านี้ผมคงต้องตอบโต้”
ฉันเร่งประสิทธิภาพของ ‘เนตรส่อง’ เมื่อสังเกตเห็นว่ามีนักเรียนปีสามแอบย่องเข้ามาใกล้
〈สกิล ‘เนตรส่อง’ ทำงาน〉
วาบ—!
แรงดันในลูกตาเพิ่มขึ้น แต่แรงกดทับที่อีกฝ่ายได้รับก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าเช่นกัน
“คึก…!”
“เดี๋ยวสิ! เขายังไม่ทันร่ายคาถาด้วยซ้ำ!”
“แอบใช้สกิลอื่นนอกจากเวทมนตร์?”
“กำลังจะร่ายเวทแบบไหนกันแน่!”
มากกว่าครึ่งของคนที่บุกเข้ามาถูกตรึงไว้ด้วยเนตรส่อง แต่ปัญหาคือคนที่เหลือ
พวกเขายังโจมตีได้แม้เสรีภาพทางร่างกายบางส่วนจะถูกผนึกไว้ชั่วคราว
‘ใช้เวทมืดเก็บกวาดแล้วพาตัวไปห้องพักครูดีไหม…’
หรือว่าลากไปที่ห้องประธานใหญ่ในตึกเงินจรัสก็ไม่เลว
…ในเมื่ออีกฝ่ายทำให้มินกือรินกลัว ก็น่าลองลากตัวไปหาผู้นำเผ่าเสือที่เอ็นดูเด็กห้องศูนย์
ยังไงเสียฉันก็เป็นเด็กห้องศูนย์อยู่แล้ว จะทำเรื่องหลุดโลกบ้างก็คงไม่แปลก
ขณะกำลังวางแผน เลือกคาถา แล้วเตรียมร่ายเวท
เป๊าะ!
ปัซ! ป๊าซ! ปัซ!
เมื่อสิ้นเสียงดีดนิ้ว ลูกบาศก์มิติจำนวนมากถูกสร้างครอบกลุ่มเด็กชมรมศิลปะและกลุ่มย่อย
ใครบางคนปรากฏตัวท่ามกลางลูกบาศก์มิติสีเขียวหยก
“อรุณสวัสดิ์ เจี๊ยวจ้าวกันแต่เช้าเลยนะ”
ยงเจกอนกล่าวด้วยใบหน้าสดชื่น
เขาเหล่มองมินกือรินด้านหลังฉันแล้วไปหันทางกลุ่มเด็กชมรมศิลป์
“ครูยง! พวกเราแค่อยากคุยกับมินกือรินเท่านั้นเองครับ!”
“ได้โปรด!”
“คงไม่ได้”
ด้วยนิสัยของยงเจกอน ฉันคิดว่าเขาจะลังเลเล็กน้อยเพื่อเลือกฝั่งที่น่าสนุกกว่า
แต่กลับตอบปฏิเสธทันควัน
“ครูฮัมกึนยองที่เป็นหัวหน้าฝ่ายกิจการนักเรียนน่ะ ฝากฝังให้ข้าดูแลเด็กพวกนี้ให้ดี หากเกิดปัญหาใดขึ้น ข้าจะหมดสิทธิ์เป็นผู้ช่วยครูประจำชั้นห้องศูนย์ทันที”
เขากำลังเล็งตำแหน่งผู้ช่วยครูประจำชั้นห้อง 1/0?
การที่ครูประจำชั้นเข้ามาแทรกแซงและจบปัญหา ย่อมดีกว่านักเรียนอย่างฉันใช้กำลังปราบปรามรุ่นพี่แล้วจับส่งห้องประธานใหญ่
ในเมื่อตัวละครที่ควบคุมได้อาสาจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกังวล
“ทำยังไงดีนะ… ฝากไว้ที่สภานักเรียนก็แล้วกัน อยากเจอหน้าจุนยอลพอดี”
ยงเจกอนมาโรงเรียนพร้อมกับย็อมจุนยอลทุกเช้าแท้ๆ แต่กลับพูดเหมือนไม่ได้เจอหน้ากันแรมปีโuเวลกูดoทคอม
“ข้าจะกลับมาก่อนเริ่มคาบโฮมรูม ถ้าอยู่ในมืออึยชินคงไม่ต้องห่วงสินะ ฝากดูแลกือรินด้วยล่ะ”
ยงเจกอนหิ้วนักเรียนในลูกบาศก์มิติลอยไปทางหอประชุมสภานักเรียน
เมื่อเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ ฉันหันไปคุยกับมินกือรินที่ยังสั่นกลัวอยู่ด้านหลัง
“ไม่เป็นไรแล้วนะ”
“อื้อ… ขอบคุณที่ช่วย”
เธอขอบคุณด้วยใบหน้าซาบซึ้งผสมเจ็บใจ
…คงตระหนักว่าตัวเองยังเอาชนะความกลัวไม่ได้สินะ
เป็นทัศนคติที่น่าชื่นชมมาก กล้ามาโรงเรียนทั้งที่ยังกลัวเพราะอยากเอาชนะโรคนั้นให้ได้
“ขอบคุณอะไรกัน ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย…”
“เป็นกระแสคลื่นพลังวิเศษที่งดงามมาก! นักเรียนที่ได้รับฉายาก่อนจะสอบติดม.ปลายนี่ต่างออกไปจริงๆ … โดยเฉพาะฉากที่นายรวบรวมคลื่นพลังวิเศษพร้อมกับควบแน่นมานาไว้ที่ปลายไม้เท้า… มันดูเท่จนฉันอยากจะจับพู่กันวาดเลยล่ะ”
มินกือรินพูดขอบคุณพร้อมกับบรรยายฉากที่เธอเห็น
…เปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า ถ้าปล่อยให้พูดต่อไปคงเอาแต่ชมไม่หยุด
ฉันชี้ถุงกระดาษในมืออีกฝ่าย
“ทำมาเองหรือ เพื่อนๆ ต้องชอบกันแน่”
“หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะ… อ๊ะ จริงสิ เมื่อวานแดซอกทำตัวน่ากลัวๆ ในบ้านคิมยูรีรึเปล่า”
สภาพของซงแดซอกดูน่ากลัวในตอนแรกก็จริง แต่บรรยากาศดูอบอุ่นกว่าที่คิดเพราะตัวละครของฉันแสดงความห่วงใยต่อเพื่อนสมัยเด็ก
“ไม่เลยสักนิด”
“แน่นะ…”
“เขาดูใจดีอยู่นะ”
“…พูดจริง?”
มินกือรินทำหน้าไม่เชื่อ แต่ฉันเน้นย้ำว่าซงแดซอกทำตัวอบอุ่นและดูเป็นมิตรจริงๆ
…ไม่ได้พูดอะไรผิดสักหน่อย พื้นเพซงแดซอกเป็นคนดีจริงๆ
ฉันนำทางมินกือรินที่ยังดูตกใจเข้าห้องเรียน
“เมื่อวานฉันได้คุยกับอาจารย์ที่ไม่ได้ติดต่อกันมานานด้วยล่ะ”
ระหว่างคุยเล่นเรื่อยเปื่อย เธอเปลี่ยนประเด็นหลังจากเดินเข้ามาในห้อง
“…คิดถึงอาจารย์จัง”
ก่อนที่มินกือรินจะตาย
เธอเสียใจเรื่องที่ไม่มีโอกาสได้เจอหน้าจิตรกรฮงคยุงบ๊กหลังจาก ‘เหตุการณ์นั้น’ แม้แต่ครั้งเดียว
ประสบการณ์อันน่ากลัวคงทำให้เธอนึกถึงอาจารย์
“งั้นก็แวะไปหาท่านกันเถอะ”
“หือ…? อะ…เอ่อ…”
มินกือรินพูดติดอ่าง
ฮงคยุงบ๊กคงไปไหนไม่ได้เพราะยังรู้สึกผิดที่ทำให้ศิษย์คนสำคัญต้องเผชิญเรื่องเลวร้าย
แต่มินกือรินกำลังเปลี่ยนไป และเพื่อนร่วมห้องทุกคนคอยสนับสนุนอย่างเต็มที่ ในไม่ช้าเธอคงเอาชนะมันได้
“ถ้าอยากไปตอนไหนก็บอก ฉันจะเช่าแอร์บัสหรือแอร์แท็กซี่ไร้คนขับพาไป”
“ม…ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอก… ฉันโดยสารรถสาธารณะไม่ได้ก็จริง แต่ถ้าได้ยืม… เอ่อ…”
“เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน บอกกับจิตรกรฮงคยุงบ๊กว่าเธอขอพาเพื่อนร่วมห้องไปด้วย”
“หือ?”
…ได้ช่วยให้ศิษย์อาจารย์หวนกลับมาพบกันอีกครั้ง อีกทั้งยังได้สืบหาเบาะแสของ ‘อีมูกีสู่สวรรค์’ มีแต่ได้กับได้ชัดๆ
“ฉันอยากเจอกับอาจารย์ฮงคยุงบ๊กสักครั้งเพราะสนใจภาพวาดเกาหลีเหมือนกัน แต่ถึงท่านจะปฏิเสธ ฉันแค่ไปส่งเธอหน้าบ้านก็ได้ ถือว่าได้ไปเที่ยว”
พิจารณาจากนิสัยของฮงคยุงบ๊ก เขาคงอยากเห็นหน้าเพื่อนร่วมชั้นของศิษย์ที่เหลือเพียงคนเดียวอยู่แล้ว
ถ้าได้ยินว่ามินกือรินกับเพื่อนร่วมห้องอยากพบหน้าล่ะก็ คงรีบแจ้นมาด้วยตัวเองหรือไม่ก็เรียกลีมูซีนส่วนตัวมารับ
“…ตกลง”
ขณะมินกือรินพยักหน้า ประตูอัตโนมัติหน้าห้องเรียนเปิดออก
ครืด—!
“อรุณสวัสดิ์”
“อรุณสวัสดิ์!”
ประตูเปิดออกพร้อมกับเผยให้เห็นซาวอลเซอึมและฮันอี
สงสัยจะบังเอิญเจอกันระหว่างทางจากหอใน ก็เลยเดินมาด้วยกัน
ฉันกล่าวทักทายพร้อมกับเดินออกจากห้อง
“ถ้าอย่างนั้นขอตัวไปซื้อเครื่องดื่มกับรองเท้าก่อนนะ”
“หือ? รองเท้า? อ้อ… รองเท้ากือรินขาดนี่เอง”
“ตอนที่เพื่อนของเธออุ้มท่าเจ้าหญิงกลับไป เขาลืมรองเท้าไว้ที่บ้านยูรีน่ะ”
มินกือรินเปลี่ยนสีหน้าทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘อุ้มท่าเจ้าหญิง’
“ตะ…ตอนที่แดซอกอุ้มฉัน… เพื่อนเห็นกันทั้งห้องเลยหรือ”
“ใช่ เห็นทั้งห้อง”
“อะ…”
“พวกเธอดูสนิทกันดีนะ แดซอกก็อยู่ห้องเราด้วยใช่ไหม”
ฉันปิดประตูห้องเรียนหลังจากเห็นว่ามินกือรินคุยกับซาวอลเซอึมและฮันอีอย่างเป็นกันเอง
ใจจริงฉันอยากออกไปซื้อรองเท้าและเครื่องดื่มมากินคู่กับคุกกี้ของมินกือรินนานแล้ว
แต่คงปล่อยให้มินกือรินนั่งหวาดระแวงอยู่ในห้องตามลำพังไม่ได้
‘เคยเห็นที่ร้านมีขายรองเท้าแตะ แต่ไม่รู้ว่ามีรองเท้าเพลเยอร์ไหม’
ขณะคิดเช่นนั้น ฉันมุ่งหน้าไปยังร้านค้าในเขตตึกเรียนปีหนึ่ง
โชคร้ายที่ร้านไม่มีขายรองเท้าเพลเยอร์ แต่ก็เต็มไปด้วยเครื่องดื่มหลายชนิด ฉันจึงเลือกซื้อกระป๋องที่ถูกปากเพื่อนแต่ละคนกลับไป
ไม่นานเด็กๆ ก็ทยอยมาถึงตามเวลาและเข้าสู่คาบโฮมรูม
ใครบางคนกระโดดมาร่วมวงอย่างคาดไม่ถึง
‘นั่งคุยกับเด็กๆ ได้หน้าตาเฉยเลยแฮะ’
ยงเจกอนกำลังนั่งยิ้มอยู่ข้างฉัน พลางกินคุกกี้โรยผงชาเขียวคู่กับมันฝรั่งทอดรสพิสทาชิโอ้
ฉันรู้มาก่อนว่าเขาสนิทกับนักเรียน แต่คิดไม่ถึงว่าจะมาร่วมวงปาร์ตี้น้ำชากับเด็กห้อง 1/0
…เพื่อนทุกคนล้วนเป็นเด็กดี จึงไม่แปลกที่เขาอยากจะสนิทสนม
“เมื่อเช้าขอบคุณที่ช่วยไว้นะคะ”
“ในฐานะครูประจำชั้นชั่วคราว ข้าต้องช่วยเหลือนักเรียนในห้องอยู่แล้ว… ถ้าเจ้าซาบซึ้งใจล่ะก็ช่วยชมข้าต่อหน้าฮัมกึนยองสิ เขาจะได้ประเมินข้าดีขึ้น”
“…คะ?”
ยงเจกอนยิ้มพลางจ้องใบหน้าอันงงงวยของมินกือริน
ฉันสัมผัสได้ถึง ‘ความตั้งใจที่จะดูแลเด็กห้อง 1/0’ ของเขา
“อึยชิน ข้าบอกแล้วไงว่าถ้ามีอะไรให้เรียก ขอโทษนะที่ไม่ได้มาช่วยตั้งแต่ต้น”
“ครูยงรู้จักกับอึยชินอยู่แล้วหรือ”
“เพราะอึยชินลงแข่งทัวร์นาเมนต์หมากรุก?”
ฉันเริ่มกระอักกระอ่วนเมื่อหัวข้อสนทนาเบี่ยงเข้าหาตัวเอง
จึงทำได้เพียงตอบแบบขอไปที แล้วปิดปากให้เงียบที่สุด
‘ป่านนี้วังจีโฮคงฝืนกลั้นขำอย่างมีความสุขอยู่แน่’
มองไปทางวังจีโฮ อีกฝ่ายกำลังนั่งจิบชาใบสนโดยไม่พูดไม่จา
กระป๋องนั้นฉันซื้อมาเผื่อคนที่มีรสนิยมแบบตาลุง ดูท่าหมอนั่นจะชอบ
‘ทำไมวันนี้ตอบสนองแปลกๆ …’
วังจีโฮที่สัมผัสถึงการจ้องมอง หรี่เสียงลงแล้วกระซิบกลับ
“ตอนนี้ฉันกำลังเจรจากับหนึ่งในผู้นำเผ่าแท้”
…พูดต่อหน้ายงเจกอนเลยหรือ?
อย่างที่คิด ยงเจกอนผู้มีโสตประสาทเฉียบแหลมกว่ามนุษย์หลายเท่า ชำเลืองสายตามาทันที
“ใครล่ะ”
“เด็กเจ้าเล่ห์”
ดูเหมือนว่าร่างแบ่งภาคของผู้นำเผ่าเสือ จะเจรจาอยู่กับผู้นำเผ่าหนูอยู่ที่ใดสักแห่ง
* * *
ระหว่างที่ห้อง 1/0 จัดปาร์ตี้น้ำชา
ณ ตึกระฟ้าแห่งเดียวในเขตอึนกวาง—วังมยองทาวเวอร์
เสือเหลืองในร่างชายหนุ่มวัยสามสิบกล่าวต้อนรับแขก
“ไม่ได้เจอกันเสียนาน ผู้นำเผ่าหนู”
“นั่นเพราะระหว่างที่ท่านเอาแต่ทำตัวเฉื่อยชา ข้างนอกวุ่นวายจนข้าแทบไม่ได้พัก”
ใบหน้าวังจีโฮพลันบิดเบี้ยวเมื่อได้ยินเด็กเจ้าเล่ห์ใช้ภาษาสุภาพ
“อ้อ แล้วก็ช่วยเรียกข้าว่าเด็กเจ้าเล่ห์ด้วย… ท่านเสือเหลือง”
ยิ่งเด็กเจ้าเล่ห์ยิ้ม วังจีโฮก็ยิ่งทำหน้าบอกบุญไม่รับ
แต่ไหนแต่ไร ไม่เคยมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นถ้าเด็กเจ้าเล่ห์ทำหน้าแบบนี้
“ข้ามีบางสิ่งจะบอกท่านเกี่ยวกับ ‘ดวงตา’ ที่เฝ้ามองเขตอึนกวาง”
—
MasterGU.edited = เผ่าแท้บางคน->เผ่าแท้บางตน