MasterGU.noted = ชื่อบทจากเว็บนอก -> Tiger and Snow/เสือและหิมะ (2)
มื้อเที่ยง, หลังจากผ่านช่วงเช้าอันวุ่นวาย
ณ ทางเดินอันเปล่าเปลี่ยวจากเขตตึกเรียนปีหนึ่งไปสู่เขาปีกสวรรค์
ฉันตัดสินใจใช้เวลานั่งย่อยอาหารเพื่อตรวจสอบข้อความค้างอ่าน
สิ่งแรกที่เห็นคือคำท้าแข่งหมากรุก
‘ที่แชมป์เก่าอย่างชอนดงฮาไม่ลงแข่งทัวร์นาเมนต์ เพราะหลังจากได้แชมป์แล้วถูกคนท้าแข่งจนเบื่อ?’
มาจินซึงส่งข้อความท้าที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายตกใจ แค่ได้อ่านก็ชวนให้นึกถึงเสียงโหวกเหวก
การท้าแข่งอย่างสุภาพจากศิษย์ของฉัน รวมถึงกวักคยุงกูเพื่อนของเขา
คู่หูกึมชานวังชานที่ส่งคำท้าแข่งมาในนามเพื่อนร่วมห้อง เอซชมรมละคร—ยอนการัม
พัคซึงยอนที่ทักมาชวนเล่นพร้อมกับทักทายพอเป็นพิธี
‘สัปดาห์นี้หนักหน่วงแน่…’
ถึงจะน่าเสียดาย แต่ฉันต้องให้ความสำคัญกับการสืบข้อมูลตำนานสยองขวัญของซองกุกอุนก่อน
ไล่อ่านคำท้าจนหมด ถัดไปเป็นข้อความที่ไม่คาดคิด
[คิมชินรก] สวัสดี ท่านโชอึยชิน
ลูกหลานเผ่าแท้รายนี้ติดต่อมาหาฉันทำไม
[คิมชินรก] ครูประจำชั้นชั่วคราวได้ก่อปัญหาบ้างไหม
ยงเจกอนเคยเล่าว่า เขาเป็นเพื่อนกับคิมชินรก
แม้จะแค่ชั่วคราว แต่คิมชินรกคงกังวลเรื่องที่สหายของตนต้องเป็นครูประจำชั้นของผู้นำเผ่าเสือ
…คงถามจากยงเจกอนหรือวังจีโฮไม่ได้ ก็เลยมาถามเราแทน
‘แม้เผ่ามังกรรายนี้จะมีนิสัยค่อนข้างพิสดาร แต่เขาไม่บกพร่องในหน้าที่ครู’
หลังตอบไปว่ายงเจกอนเข้ากับเพื่อนร่วมชั้นได้ดีมาก ฉันเห็นข้อความจากครูอีกหนึ่งคน
[ฮัมกึนยอง] ครูได้ยินเรื่องมินกือรินแล้ว
[ฮัมกึนยอง] ดูเหมือนครูต้องอยู่ทำธุระต่ออีกสักพัก ฝากดูแลเธอด้วยนะ
เมื่อวานเขาคงได้รับสายจากซงแดซอกที่พลิกแผ่นดินหามินกือริน มาวันนี้ยังได้ฟังเรื่องที่เด็กชมรมศิลปะกรูเข้ามาล้อมมินกือรินอีก จึงเป็นห่วงจนต้องสละเวลาส่งข้อความหาฉัน
‘ถ้าเป็นปกติควรจะติดต่อหาคิมยูรี ผู้เป็นทั้งหัวหน้าห้องและเพื่อนเพศเดียวกับมินกือริน’
แต่ครูประจำชั้นอย่างฮัมกึนยองคงทราบดีว่า คิมยูรีแอบผนึกแสงประทานเอาไว้
เขาไม่อยากสร้างภาระให้กับเธอ จึงไหว้วานฉันแทน
…แม้ธุระที่ฮงชอนจะยุ่งขนาดนี้ แต่เขายังเป็นห่วงเป็นใยนักเรียนตลอดเวลา
[ฉัน] ได้ครับ ครูไม่ต้องเป็นห่วงนักเรียนในห้อง
[ฉัน] ขอให้ธุระราบรื่นนะครับ
ฉันจ้องหน้าต่างข้อความอยู่สักพัก แต่ก็ไม่ขึ้นว่า ‘อ่าน’ เสียที
ฮัมกึนยองดูจะไม่ค่อยว่างแม้เป็นช่วงเวลาพักเที่ยง
หากเป็นไปได้ ฉันก็อยากบอกให้วังจีโฮช่วยลดภาระงานของครูประจำชั้นห้องเราลงหน่อย
ข้อความถัดมาเป็นห้องแชตรวมที่มีจางนัมอุกและอูซังฮุน
[อูซังฮุน] เอาไหม
[อูซังฮุน] (รูปภาพ)
ฉันสงสัยว่าอูซังฮุนส่งรูปแบบไหนมา เมื่อกดเข้าไปดูจึงได้เห็นกล่องกิฟต์เซต (Gift Set) กองพะเนินเหนือศีรษะอูซังฮุน
กิฟต์เซตประกอบด้วยอาหารสุขภาพ น้ำชา และของใช้ในชีวิตประจำวันแบรนด์ดัง
ไม่รู้ว่าไปได้มาจากไหน
[จางนัมอุก] ยังไม่เข้าช่วงเทศกาลเลย ทำไมกิฟต์เซตเยอะขนาดนี้
[อูซังฮุน] คุณอูซังฮี
[จางนัมอุก] หมายถึงยังไง? อ้อ กำลังจะบอกว่าของขวัญพวกนี้ถูกส่งมาให้พี่ซังฮี? นั่นสินะ ด้วยสกิลรักษาของพี่ซังฮี คงมีคนไม่น้อยได้รับความช่วยเหลือแล้วส่งของขวัญมาขอบคุณ
[อูซังฮุน] ม (ไม่)
[จางนัมอุก] ฉันคงพูดอะไรผิดไปสินะ หืม… หรือว่าของขวัญทั้งหมดมาจากคนคนเดียว?
[อูซังฮุน] ช (ใช่)
ของขวัญจากคนคนเดียว?
‘หรือว่าจะเป็นหมอนั่น…’
ฉันเริ่มเห็นโลโก้ของ ‘วังมยองกรุป’ หลังจากลองซูมภาพ
…กิฟต์เซตส่วนใหญ่ตีตราแบรนด์ในเครือวังมยองกรุป
‘เป็นวังจีโฮจริงๆ’
เขาเคยบอกว่าจะตอบแทนที่ช่วยรักษาเสือแดง
แม้อูซังฮีจะปฏิเสธ แต่ก็ไม่มีทางที่คนอย่างวังจีโฮจะไม่ทำอะไร
[จางนัมอุก] ไม่อยากเชื่อว่าคนคนเดียวจะส่งของขวัญมาเยอะขนาดนี้… ถ้าเยอะเกินไปทำไมไม่ลองส่งกลับดูล่ะ
[อูซังฮุน] ลองแล้ว
ลองแล้ว?
[อูซังฮุน] หลังจากนั้นเพื่อนร่วมห้องของอึยชินก็ส่งไปที่ตึกสภานักเรียนแทน ㅡㅡ
เขาคงผ่านความยากลำบากมาไม่น้อย ดูได้จากการที่พิมพ์ยาวกว่าปกติ
‘เด็กห้องเรา… หมายความว่าหมอนั่นส่งของขวัญในชื่อวังจีโฮ?’
นั่นสินะ ตอนอูซังฮีรักษาเสือแดง วังจีโฮก็อยู่ในห้องเดียวกัน
[อูซังฮุน] พอหมาบ้าโดวอนอูเห็นเข้า เขาก็ส่งของขวัญแบบเดียวกันมาที่บ้านทันที
[อูซังฮุน] ถึงจะลำบากนิดหน่อย แต่ในที่สุดฉันก็ติดต่อพ่อแม่ของหมาบ้าสำเร็จและรบกวนพวกเขาให้มารับคืนไป
ฟังจากที่อูซังฮุนเล่า ฉันเริ่มเข้าใจสถานการณ์อย่างคร่าว
ตอนแรกวังจีโฮส่งของขวัญไปที่บ้านอูซังฮี แต่พอถูกตีกลับ หมอนั่นก็ส่งไปที่สภานักเรียนแทน
ส่งผลให้โดวอนอูเห็นของขวัญเหล่านั้น
เมื่อตระหนักว่ามีรุ่นน้องเพศชายส่งของขวัญจำนวนมากมาให้อูซังฮี โดวอนอูจึงกระหน่ำส่งของขวัญไปที่บ้านเธอพร้อมกับเกทับด้วยเงิน
[อูซังฮุน] ช่วยแบ่งไปหน่อยสิ มันเยอะเกินไป
เนื่องจากสื่อสารกับวังจีโฮไม่ได้ ทางบ้านสองพี่น้องจึงยอมแพ้เรื่องการคืนของขวัญ
เพื่อช่วยเหลืออูซังฮุนที่อุตส่าห์พิมพ์ยาวๆ เพราะต้องผ่านสถานการณ์อันยากลำบาก ฉันกับจางนัมอุกตัดสินใจแบ่งอุปกรณ์ดูแลความสะอาดมาจำนวนหนึ่ง
‘แต่บุญคุณระดับช่วยชีวิตเสือแดง… วังจีโฮคงไม่น่าจะจบแค่กิฟต์เซตกองใหญ่’
ได้แต่นึกสงสัยว่าตัวละครของฉัน—อูซังฮีผู้ไม่มีความโลภ จะรับ ‘ของขวัญพิเศษ’ นั้นไว้ไหม
ข้อความถัดไปมาจากสามพี่น้องเสือเงิน
‘ทำไมจำนวนข้อความถึงเยอะขนาดนี้’
เยอะกว่าปกติหลายเท่าตัว
[อึนอีโฮ] อึยชินอปป้า! สัตว์ศักดิ์สิทธิ์เตรียมบางสิ่งไว้ให้พี่ด้วย!
[อึนซอโฮ] ข้าอยากให้พี่มาเห็นด้วยตาตัวเอง แต่ท่านเสือเหลืองบอกว่าพี่อึยชินยุ่งมาก… ㅠㅠ
เจ้าบ่วงเตรียมบางสิ่งไว้ให้ฉัน…!
ฉันทั้งดีใจและรู้สึกของคุณมัน ถึงจะยังไม่รู้ว่าเตรียมอะไรไว้ก็เถอะ
หลังจากเลื่อนข้อความลงไปเรื่อยๆ
[อึนแจโฮ] (รูปภาพ)
[อึนแจโฮ] (รูปภาพ)
…
…
…
น้องเล็กอึนแจโฮกระหน่ำส่งรูปเจ้าบ่วงมาให้
เป็นรูปสุนัขขนขาวปุยในชุดต่างๆ ที่ฉันซื้อไปฝาก
ยิ่งดูก็ยิ่งชวนให้ตกตะลึง
‘ทำไมถึงไม่มีชุดไหนดูไม่เข้าเลยล่ะ…? ทุกชุดเหมาะไปหมด!’
ไม่ว่าจะชุดนอนสัตว์ลายเสือ เสื้อเชิ้ตลายโพลกาดอต ผ้าคลุมแบบมีฮู้ด หรือยีนส์จัมพ์สูท…
เจ้าบ่วงสวมทุกชุดได้อย่างไร้จุดตำหนิ
ทุกสีสันสามารถเข้ากันได้ดีกับลูกสุนัขขนขาวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
…ถ้าเจอของที่คล้ายกันวางขายอีก คราวนี้เราจะเหมามาให้หมด!
ไม่ผิดจากที่คิด ไม่มีสีไหนดูไม่เหมาะเลย
‘เสื้อผ้าก็ส่วนหนึ่ง แต่ที่เจ๋งคือท่าโพสถ่ายรูป!’
เจ้าบ่วงแสนรู้ของฉันจะเปลี่ยนอิริยาบถและสีหน้าไปตามเครื่องแต่งกาย
ใบหน้ายิ้มแย้มนัยน์ตาแวววาวเอย ภาพมุมข้างที่กำลังมองไปทางหน้าต่างเอย ทั้งหมดดูน่ารักและมีเสน่ห์ไม่เบา
ฉันหยุดคิดมากแล้วกระหน่ำกดปุ่มบันทึกรูปแบบไม่พัก
แต่ทันใดนั้นก็พบปัญหาสำคัญ
‘ลืมซื้อของตกแต่ง!’
หมวก ผ้าพันคอ เครื่องประดับ ถุงเท้า กระเป๋า เป็นต้น
ไม่อยากเชื่อว่าคนอย่างฉันจะลืมซื้อของที่ช่วยเสริมเสน่ห์เจ้าบ่วง
…ขนาดว่าเราเป็นไอ้โง่ที่รู้จักแค่การซื้อเสื้อผ้า แต่เจ้าบ่วงก็ยังอัจฉริยะพอที่จะดึงเสน่ห์จากเสื้อผ้าเพียงอย่างเดียว
“อึยชิน? หืม… ทำไมถึงดูฉลาดน้อยกว่าทุกทีล่ะ น่าแปลกจัง”
ยงเจกอนปรากฏตัวขณะฉันไล่ดูเทศกาลเสื้อผ้าของเจ้าบ่วง
“มีอะไรหรือครับ” ɴᴏᴠᴇʟɢᴜ.ᴄᴏᴍ
“หืม… กลับเป็นปกติแล้ว”
ฉันปิดหน้าต่างโฮโลแกรมโดยไม่แยแสความงงงวยของยงเจกอน
ถึงจะไม่รู้ว่ายงเจกอนหาฉันเจอได้อย่างไร แต่ด้วยฝีมือระดับเขาคงไม่ใช่เรื่องยาก
“ข้าคุยกับท่านประธานเสือเหลืองเรื่อง ‘ดวงตา’ เสร็จแล้ว”
หมายถึงเรื่องเมื่อตอนเช้า?
หลังจบคาบโฮมรูม วังจีโฮ ยงเจกอน และฉันคุยกันต่ออีกสักพัก
เนื้อหาเกี่ยวกับ ‘ดวงตา’ ที่เฝ้ามองเขตอึนกวางซึ่งผู้นำเผ่าหนูแจ้งเข้ามา
ในเขตโรงเรียนแสงเงินหรืออาคารของวังมยองกรุปนั้นหายห่วง แต่เด็กเจ้าเล่ห์เตือนว่าในละแวกอื่นๆ ค่อนข้างเป็นปัญหา
วังจีโฮที่หน้าเปลี่ยนสีเมื่อยงเจกอนพูดว่า ‘ข้าเองก็สัมผัสได้’ ตัดสินใจนัดเผ่ามังกรผู้อ่อนไหวต่อสายตารายนี้ไปคุยต่อที่ห้องประธานใหญ่
ฉันจึงบอกกับพวกเขาว่า ‘คุยกันจบแล้วเล่าให้ฟังด้วย’ แล้วก็แยกตัวมาเรียน
“ท่านประธานเสือเหลืองมิได้อ่อนไหวต่อสายตาเหมือนข้ากับเด็กเจ้าเล่ห์ จึงไม่ผิดที่จะไม่ทราบ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ดูโมโหตัวเองมาก… ผิดจากเมื่อก่อนที่เอาแต่ทำตัวเฉื่อยชาลิบลับ”
ดูเหมือนว่า ‘ตา’ นั่นจะสัมผัสได้เฉพาะคนที่อ่อนไหวมากๆ เช่นยงเจกอนหรือเด็กเจ้าเล่ห์
ยงเจกอนพูดต่อ
“เจ้าคงทราบดีอยู่แล้ว บนคาบสมุทรเกาหลีมีสิ่งที่เรียกว่าพันธมิตรสิบสองจักรราศี ในกลุ่มนี้มีคนทรยศที่หวังปองร้ายเผ่าเสืออยู่ ดังนั้นการถูกดวงตาจ้องมองจากภายนอกจึงถือเป็นประเด็นละเอียดอ่อน แต่ประธานเสือเหลืองกลับเรียกข้าที่อาจเป็นหนึ่งในเผ่าทรยศไปปรึกษา… น่าแปลกจริงๆ”
มุมปากยงเจกอนค่อยๆ ยกขึ้น
“… ‘เผ่ามังกรไม่ใช่คนทรยศ’ ประธานเสือเหลืองเล่าว่าเจ้าพูดแบบนั้น”
วังจีโฮเล่าเรื่องนี้ด้วย?
ถึงจะมีพันธสัญญาผูกมัด แต่การที่ให้เผ่าแท้อย่างยงเจกอนมาสอนในโรงเรียนแสงเงินก็ยังถือว่าไม่ปกติ
ดูเหมือนวังจีโฮจะเชื่อใจยงเจกอนตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว
เพราะเผ่ามังกรรายนี้สนิทกับคิมชินรก?
“นั่นยิ่งทำให้ข้ามั่นใจ ว่าเจ้าอยู่เบื้องหลังการปรับปรุงตัวของประธานเสือเหลือง รวมถึงความเคลื่อนไหวแปลกๆ ของเผ่าเสือในช่วงนี้”
ยงเจกอนทำหน้าซาบซ่านอันเป็นเอกลักษณ์
จริงอยู่ คราวนี้วังจีโฮบอกใบ้ค่อนข้างเยอะ
แต่เขารู้ความจริงเร็วเกินไปไหม?
“เจ้าให้ดีไวซ์โค้ดกับจุนยอลไปแล้วสินะ… ในฐานะจอมโจรผาแดงน่ะ”
เรื่องนี้ก็เหมือนกัน รู้ได้ยังไง?
“…ยังไม่ได้บอก”
“หืม… ‘ยัง’ … แปลว่ากำลังจะบอกสินะ”
แม้การได้ยิน ‘ชื่อนั้น’ จะทำให้ฉันรู้สึกมวนท้อง แต่ก็ต้องยอมรับว่าฉันตกหลุมพรางบทสนทนาอันเจ้าเล่ห์ของยงเจกอนอีกครั้ง
“คุณรู้ได้ยังไง”
“จุนยอลซื้อดีไวซ์มาใหม่น่ะ ข้าเชื่อว่าต้องมีเหตุผลอยู่เบื้องหลัง ถึงเขาจะบอกว่าแค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศเฉยๆ ก็เถอะ”
ดูเหมือนย็อมจุนยอลจะลงทุนซื้อดีไวซ์ใหม่สำหรับติดต่อกับอาจารย์โดยเฉพาะ
ในเมื่อลูกศิษย์อยากได้รหัสขนาดนี้ คราวหน้าไม่ให้ก็คงจะไม่ได้
* * *
หลังเลิกเรียน, ชมรมหนังสือพิมพ์
วังจีโฮ—เสือเหลืองร่างวัยรุ่น ซึ่งหายตัวไปตลอดทั้งวันหลังจากเรียกยงเจกอนไปคุย
หมอนั่นกำลังนั่งอยู่ในห้องเด็กใหม่ของชมรมหนังสือพิมพ์
“ไม่เข้าเรียน แต่มาเข้าชมรม…”
“ฉันคือวังมยองโฮ ประธานใหญ่ของโรงเรียนนี้เชียวนะ ต้องมีช่วงเวลาพักสมองกันบ้างสิ”
ดูเหมือนตอนนี้ประธานวังมยองโฮจะกลับมาทำงานที่โรงเรียนเต็มตัวแล้ว
‘ถามเกี่ยวกับ ‘ดวงตา’ ที่ยงเจกอนกับวังจีโฮนัดคุยกันดีกว่า’
ทันใดนั้น ประตูห้องชมรมปีหนึ่งเปิดออกและเผยให้เห็นมุนแซรอน
“โย่ว! เด็กห้องศูนย์มีเรื่องอีกแล้วสินะ! ได้ยินว่าคราวนี้จิตรกรมินกือรินถูกคุกคามใช่ไหม”
มุนแซรอนพูดด้วยสีหน้าคันปาก
“เรื่องมันจบไปตั้งแต่ที่ครูยงเจกอนเข้ามาช่วยไว้แล้ว… หรือมีอะไรมากกว่านั้น?”
“มีสิ! นี่เป็นสถานการณ์สืบเนื่องมาจากมายาเกตยังไงล่ะ”
มายาเกต?
เมื่อเห็นฉันกับวังจีโฮปิดปากเงียบ มุนแซรอนเล่าต่อด้วยสีหน้าร่าเริง
“จุดเริ่มต้นมาจากการที่จิตรกรระดับชาติอย่างฮงคยุงบ๊กประกาศวางมือ”
มุนแซรอนฉายโฮโลแกรมราวกับสืบข้อมูลมาเสร็จสรรพ
บนโฮโลแกรมแสดงความสัมพันธ์ระหว่างฮงคยุงบ๊กกับอดีตลูกศิษย์ รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับมายาเกต
‘ชื่อพวกนี้… เราเคยเห็นในมายาลิสต์’
ฮงคยุงบ๊กได้ทำลายอนาคตของอดีตลูกศิษย์ที่มีหน้ามีตาในวงการศิลปะ จากนั้นก็ประการวางมือ
วงการศิลปะเริ่มสั่นคลอนเนื่องจากศิษย์เหล่านั้น ถูกตามขุดคุ้ยอดีตที่เคยกระทำความผิดร่วมกับคนดังอื่นๆ ในวงการ
และนั่นเปิดโอกาสให้มายาเกตเข้าครอบงำวงการศิลปะ
“พวกนายรู้หรือไม่ ว่างานศิลปะมักถูกใช้เพื่อยักยอกเงิน เลี่ยงภาษี สร้างกองทุนลับ และฟอกเงินสีดำ”
“ก็เคยได้ยินอยู่… เนื่องจากคุณค่าของงานศิลป์ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ ในหลายกรณีจึงถูกใช้เพื่อเลี่ยงภาษีของขวัญหรือภาษีมรดก”
“ใช่! กฎหมายภาษียังมีช่องโหว่ค่อนข้างมากหากเป็นขอบเขตของงานศิลปะ มายาเกตจึงแอบจับมือกับคนดังในวงการเพื่อปลอมแปลงมูลค่างานศิลปะตามใจชอบ”
“…เริ่มเข้าใจแล้วว่าเกี่ยวข้องกับมินกือรินยังไง”
วังจีโฮพูดขึ้น ดูเหมือนเขาจะได้ข้อสรุปเดียวกันฉัน
“ครูศิลปะเกือบทุกคนในโรงเรียนแสงเงินถูกไล่ออกเพราะคดีมายาเกต และการรับสมัครเพิ่มทำได้ไม่ง่าย เพราะเงื่อนไขคือต้องเป็นเพลเยอร์ที่มีฝีมือในระดับหนึ่ง ปราดเปรื่องในเรื่องศิลปะ มีใบอนุญาตสอน และต้องไม่เคยพัวพันกับมายาเกต”
“ถูกต้อง! คดีมายาเกตทำให้ครูที่ปรึกษาชมรมศิลปะถูกไล่ออกเกือบทั้งหมด เหลือไว้เพียงครูอัตราจ้างหนึ่งคน และเขากำลังจะตายเพราะตอนนี้ทำงานหนักเกินไป ฮะฮะฮะ!”
…ปัญหาความขัดแย้งระหว่างชมรมศิลปะที่อูซังฮีเคยเล่าให้ฟัง เกิดจากครูที่ปรึกษาไม่พอนี่เอง
“เมื่อชมรมศิลปะขาดครูที่ปรึกษาเพราะถูกเด้งในคดีมายาเกต นักเรียนในชมรมจึงไม่มีทางเลือกนอกจากหันมาพึ่งพาคำแนะนำจากมินกือริน… พอได้ทราบเรื่องพวกนี้ ฉันเริ่มเข้าใจหัวอกพวกเขาขึ้นมาบ้าง แต่ไม่ได้สนับสนุนการกระทำหรอกนะ!”
ได้ยินคำอธิบายทั้งหมดจากมุนแซรอน สีหน้าวังจีโฮยิ่งดำมืด
การต้องนั่งฟังผลเสียที่เกิดจากความละเลยเมื่อครั้งอดีตของตน คงไม่ใช่เรื่องที่น่าอภิรมย์สักเท่าไร
“นี่ ลองดูสิ”
“มีอะไร”
ฉันฉายภาพเทศกาลเสื้อผ้าของเจ้าบ่วงที่สามพี่น้องเสือเงินส่งมาให้ โดยหวังปลอบประโลมจิตใจวังจีโฮ
ได้เห็นรูปพวกนี้ วังจีโฮเริ่มทำหน้าบูดบึ้ง
“…โชอึยชิน ฉันซาบซึ้งเจตนาของนายนะ แต่พอดีว่าเห็นทุกวันจนเบื่อแล้ว ไม่จำเป็นต้องเอามาให้ดูหรอก”
“ได้เห็นของจริงกับเห็นในรูปไม่เหมือนกันนะ”
“พอเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ สติปัญญาของนายมักจะ…”
เขาทำท่าเหมือนเตรียมจะพูดประโยคยาว แต่สุดท้ายก็ปิดปากเงียบ
สีหน้าดูดีขึ้นจากตอนแรกเล็กน้อย
…เป็นไงล่ะ บอกแล้วว่าอานุภาพของรูปเจ้าบ่วงนั้นทรงพลัง
ถัดมาไม่นาน สมาชิกชมรมทยอยเดินเข้ามาในห้องและเริ่มทำกิจกรรมร่วมกัน
“เฮ้อ… วันนี้ก็คงไปติวสายเหมือนเดิม”
“ทำไม”
“มีสกิลที่อยากฝึกน่ะ”
“สกิล?”
“สกิลที่ได้จากยาวิเศษของนายไง… เนตรส่องน่ะ ฉันอยากรีบฝึกให้ชำนาญ”
วังจีโฮที่เดินมาด้วยกัน ชะงักฝีเท้าแล้วมองเข้ามาในดวงตาฉัน
“…นายได้สกิลเนตรส่อง?”
สีหน้าของเขาเผยความตกตะลึงโดยไม่เก็บซ่อน