📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ตัวประกอบแรงค์ EX – ตอนที่ 101

บทที่ 101
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

MasterGU.noted = ชื่อบทจากเว็บนอก -> The Deal Unseen/ข้อตกลงที่มองไม่เห็น (1) //ไม่เห็นผู้แปลใส่ชื่อไว้ แถมบทถัดๆไปก็ใส่สลับๆผิดบทเมื่อเทียบกับเว็บนอกด้วย

เผ่าอสูรก็ถือเป็นหนึ่งในเผ่าแท้

แต่ไม่เหมือนกับเผ่าแท้อื่นๆ พวกมันไม่เลือกผู้นำ รวมถึงไม่จับกลุ่ม

ยกเว้นในสามกรณี

กรณีแรก นักบวชผู้รับใช้เบื้องบน—เทพอสูรองค์เดียวกัน

กรณีที่สอง สาวกของ ‘ราชันอสูร’ ที่พิสูจน์ตัวเองด้วยการเข่นฆ่าเผ่าอสูรเป็นจำนวนมาก

กรณีที่สาม ผู้อุทิศตัวให้กับการศึกษาเวทมนตร์ในหัวข้อเดียวกัน

เผ่าอสูร ‘กลุ่มนี้’ ถือเป็นกรณีที่สาม

“ตือหงอเหนงติดต่อมาแล้ว”

ในหมู่พวกมัน เผ่าอสูรผู้รับผิดชอบการติดต่อกับภายนอก พึมพำในความมืด

ได้ยินเช่นนั้น เผ่าอสูรพากันหลับ ‘ตาที่สาม’ ซึ่งเชื่อมต่อกับโลกปัจจุบัน

พวกมันทยอยลุกขึ้นจากวงแหวนเวทของตัวเอง

รอบตัวมีคลื่นพลังวิเศษและพลังเวทลอยฟุ้ง

“ตือหงอเหนง? เจ้าหมายถึงผู้นำเผ่าหมู ตือโป๊ยก่าย?”

“ใช่ เจ้านั่นยื่นข้อเสนอกับท่านผู้นั้นโดยตรง”

“ข้อเสนอ? คราวนี้อยากได้อะไรอีกล่ะ”

เมื่อคำอธิบายสั้นๆ เกี่ยวกับข้อเสนอของตือหงอเหนงจบลง เผ่าอสูรทยอยเปิดปาก

“ค่อนข้างซับซ้อนนะ แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้”

“แล้วจะจ่ายด้วยอะไร”

ท่ามกลางเสียงจ้อน้ำไหลไฟดับ เผ่าอสูรตนหนึ่งมอบคำตอบ

“…ทางนั้นจะอนุญาตให้เรารับชมปาร์ตี้บนเรือที่จูโอกับ TC กำลังจะจัดขึ้น”

เสียงหัวเราะแหบแห้งดังมาจากทั่วมิติ

เผ่าอสูรไม่เก็บซ่อนความไม่พอใจ

“คิดจะแลกเปลี่ยนด้วยของแค่นี้รึ”

“อนุญาตอะไรกัน… โอหังสิ้นดี ข้าไม่ชอบใจเลย หากไม่ใช่แดนศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีสถานที่ใดเล็ดลอดสายตาพวกเราได้อยู่แล้ว”

“ถูกต้อง ขอแค่รู้ตำแหน่งล่วงหน้าและมีเวลาเตรียมตัว ต่อให้ถูกเบื้องบนแทรกแซง เราก็ยังสามารถรับชมได้แม้จะไม่ชัดเจนนัก”

หัวข้อการสนทนาระหว่างเผ่าอสูร เปลี่ยนเป็นการดูแคลนตือหงอเหนง

“ตือหงอเหนงที่ถูก ‘ผู้รู้แจ้ง’ แต่งตั้งให้เป็นพุทธพิธีทูตสินะ… เหตุใดเจ้านั่นถึงสนใจทางโลกด้วยล่ะ ยังขาดพุทธภาวะด้วยการสั่งสมบารมีไม่ใช่รึไง”

“เจ้าตือหงอเหนงนั่นถูกกัดกร่อนไปตั้งแต่เกิดส่งครามกับต่างโลกแล้ว เห็นว่าเพื่อให้ได้จับมือกับ ‘ท่านผู้นั้น’ มันถึงกับยอมละทิ้งการตรัสรู้ไปหลายหน”

“พอมาคิดว่าระดับแม่ทัพเทียนเผิง ผู้เคยท่องไปทั่วทางช้างเผือกพร้อมกับกองทัพนาวาสวรรค์กว่าแปดหมื่นนายต้องมาอยู่ในสภาพนี้…”

“พอถูกปลดจากตำแหน่งพุทธพิธีทูต ก็ไม่หลงเหลือความน่าสนใจแล้วสินะ”

บุคคลที่รายงานข้อเสนอของตือหงอเหนงกล่าวต่อไป

“ที่น่าสนใจก็คือ เจ้าตือหงอเหนงอวดดีนั่น… เจาะจงเลือกหนึ่งในพวกเราไปร่วมงาน ด้วยเหตุผลว่าอยากเห็นฝีมือคนที่เก่งที่สุด”

คลื่นพลังวิเศษและพลังเวทที่แผ่จากร่างกายเผ่าอสูร สั่นกระเพื่อมตามจังหวะอารมณ์ของพวกมัน

“เจ้าหมูตอนนั่น… บังอาจจัดลำดับพวกเรา?”

“ชักอยากรู้แล้วว่ามันเลือกใคร”

เสียงแหบพร่าของเผ่าอสูรดังกังวานท่ามกลางแรงกระเพื่อมของคลื่นพลังวิเศษ ซึ่งเปลี่ยนสีและรูปร่างไปตามความชั่วร้ายของแต่ละตน

“เจ้านั่นเลือกนักบวชของท่านอินวิเดียส—หนึ่งในเจ็ดบาปมหันต์”

นักบวชของอินวิเดียส หนึ่งในเจ็ดบาปมหันต์

เผ่าอสูรประหลาด ผู้เพิกเฉยการรวมกลุ่มของนักบวช เพื่อมาจับกลุ่มวิจัยเวทมนตร์แช่แข็งรอยแยก

เมื่อได้ยินชื่ออีกฝ่าย เผ่าอสูรต่างพากันยอมรับแม้จะไม่ค่อยเต็มใจนัก

“…ถ้าเป็นเจ้านั่นล่ะก็”

“จะปฏิเสธว่าเจ้านั่นมิได้เก่งกาจที่สุดก็คงพูดได้ไม่เต็มปาก”

“ฮึ่ม”

บทสนทนาเริ่มเบนเป้าไปหานักบวชของอินวิเดียส

“แล้วตอนนี้มันอยู่ไหน ข้ามองไม่เห็นเลย”

“พักหลังเห็นว่าเข้าออกโลกบ่อยๆ โดยอ้างเหตุผลว่า ‘กังวลเกี่ยวกับหน้ากากอีกา’ … คงกลับไปที่โลกอีกแล้วกระมัง”

“เมื่อลองมานึกดู พักหลังก็ไม่ค่อยได้เห็นหน้าเจ้านั่นเท่าไรเลย”

เป็นเสียงของเผ่าอสูรผู้เงียบมาสักพัก

มันมิใช่นักบวชของอินวิเดียส แต่เป็นนักบวชของเทพอสูรองค์อื่น

ได้ยินนักบวชพูดเช่นนั้น เผ่าอสูรตนอื่นต่างพากันคิดว่า ‘พวกอสูรประหลาดมักชอบอยู่ด้วยกันสินะ’

“เจ้านั่นไปที่โลกแล้ว เห็นว่ามีเรื่องต้องไปจัดการ”

“มีเรื่องต้องจัดการ?”

“จะทำข้อตกลงกับแปดเซียนแห่งหมีแท้น่ะ”

เผ่าอสูรตนอื่นถามเพิ่มเติม

“แปดเซียนแห่งหมีแท้… ฝั่งไหน พวกเสียสติ?”

“ฝั่งที่ไม่เสียสติ”

“ใครกัน… ถ้าเป็นหมีแห่งปีติ ข้าก็อยากลองไปเจอดูสักครั้ง ได้ยินว่าเจ้านั่นเพิ่งคิดค้นวิธีดื่มที่น่าสนุก”

นักบวชของเทพอสูรตอบพลางส่ายศีรษะในความมืด

“อุงเนียจอมคร่ำครวญ”

* * *

“นายจะไม่บอกจริงๆ หรือว่าเมื่อวานไปไหนมา… น่าจะอยู่กับเผ่าแท้ค่อนข้างนานเลยนะ”

วังจีโฮถามฉันที่กำลังครุ่นคิด

เผ่าแท้ที่ค่อนข้างน่ารำคาญ

เผ่าแท้ผู้มอบพรคุ้มครองให้ฮงกยูบิน

ดูเหมือนว่าเมื่อคืนเราจะอยู่ใกล้กับเผ่าแท้คนนี้ค่อนข้างนาน

‘นานจนกลิ่นอายติดตัวข้ามคืน?’

เมื่อคืนหลังจากแยกกับวังจีโฮ มีสถานที่สามแห่งที่ฉันอยู่ค่อนข้างนาน

ริมบาเรียของโรงเรียนแสงเงินบริเวณทางเข้าหลัก

แอร์ลีมูซีนของจาเร็ดลี

ตึกสำนักงานทีมทะเลสาบนิรันดร์, ห้องซ้อมของควอนเจอิน

‘บาเรียของโรงเรียนแสงเงินเพิ่งถูกยกระดับหลังจากเหตุการณ์ผีเสื้อส่งข้อความ คงไม่ใช่แน่… น่าจะเป็นห้องซ้อมของควอนเจอิน’

ตอนแรกคิดจะเก็บไว้ถามควอนเจอินวันหลัง แต่ถามวังจีโฮตอนนี้เลยก็ไม่เลว

“เมื่อวานฉันไปหารุ่นพี่ควอนเจอินมา”

“ควอนเจอิน… เจ้านั่นเอื้อมถึงบลูไวโอลินิสต์แล้วรึ…”

วังจีโฮขมวดคิ้ว

ถ้านิยามอีกฝ่ายว่าเป็นตัวน่ารำคาญ ความสัมพันธ์ก็คงจะไม่ดีสักเท่าไร

“อีกฝ่ายเป็นเผ่าแท้แบบไหน”

“นายเคยเจอแล้วในวงแหวนเวท”

เผ่าแท้ที่เราเคยเจอผ่านวงแหวนเวท?

ในการประชุมสิบสองพันธมิตรจักรราศี?

หนึ่งในสิบสองผู้นำเผ่าแท้ที่ตั้งชื่อยังกับเด็กประถม

“ผู้นำเผ่าหนู… เด็กเจ้าเล่ห์”

ดูเหมือนผู้นำเผ่าหนูจะคอยป้วนเปี้ยนอยู่รอบๆ ควอนเจอินกับฮงกยูบินสินะ

‘คงปวดหัวน่าดู’

อย่างไรก็ดี กับฉันที่มีวังจีโฮอยู่ข้างๆ คงไม่มีสิทธิ์ไปสงสารใคร

* * *

มื้อเที่ยง

ฉันเลือกเมนูที่คิดว่ากินง่ายและเร็วที่สุดเป็นอาหารกลางวัน

น่องไก่ต้มขิงกับหัวหอม

ไข่ต้มซอสรามยอน

สุดท้าย ข้าวหน้าไก่เห็ดเข็มทอง ที่โรยเห็ดเข็มทองสะดุ้งไฟ

‘ใจจริงอยากกินจานซีฟู้ดนึ่งที่มีปูหิมะ หอยแมลงภู่ หมึก และกุ้งมากกว่า…’

ถ้านักชิมเม็งเฮียวทงรู้เรื่องนี้ เขาคงด่าฉันว่าตัดสินใจได้โง่มาก

แต่ฉันกินเมนูซีฟู้ดไม่ได้จริงๆ เพราะใช้เวลานานกว่าจะทำเสร็จและกินเสร็จ

ฉันมีบางสิ่งต้องตรวจสอบให้ได้ในช่วงพักกลางวัน

‘วันนี้ก็มีข้อความให้กำลังใจอย่างล้นหลามเหมือนเคย’

หลังมื้อเที่ยง ฉันหานั่งหลบมุมตรงทางเดินปลอดคน

เมื่อหย่อนก้นบนม้านั่งแล้วเปิดดีไวซ์ ฉันเห็นข้อความเชียร์การแข่งหมากรุกที่ไม่มีโอกาสได้เปิดอ่านในตอนเช้า

ฉันไล่ขอบคุณทุกคนสั้นๆ พลางค้นหาชื่อที่ต้องการ

[ฉัน] สวัสดีครับ หัวหน้าทีมฮงกยูบิน

[ฉัน] ผมมีเรื่องสงสัย ตอนนี้ยุ่งอยู่ไหม

ฮงกยูบินตอบกลับเร็วกว่าที่คิด

[ฮงกยูบิน] ก็ยุ่งอยู่นะอึยชิน แต่อยู่ระหว่างพักกลางวัน พอจะคุยได้ ^^!

[ฮงกยูบิน] เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ пᴏveʟɢᴜ.cᴏᴍ

ฮงกยูบินที่ชอบถามว่า ‘มีอะไรเกิดขึ้นที่โรงเรียนไหม’ จนติดเป็นนิสัย พักหลังมานี้เริ่มถามถี่

และเป็นไปได้ว่า เหตุผลที่พฤติกรรมของเขาเปลี่ยนไป จะเกี่ยวข้องกับคำถามของฉัน

[ฉัน] รู้จักเผ่าหนูที่เรียกตัวเองว่าเด็กเจ้าเล่ห์บ้างไหม

เมื่อฉันส่งข้อความไป ฮงกยูบินกระหน่ำตอบกลับมาราวกับพายุ

[ฮงกยูบิน] สุดท้ายหมอนั่นก็ไปหานาย? ^^;;;;;

[ฮงกยูบิน] เมินเขาซะ! ถ้าเข้าไปพัวพันกับหมอนั่นนายจะเจอแต่ปัญหา!

[ฮงกยูบิน] ฉันเคยรำคาญตอนที่ถูกตามตื๊อขอมอบพรคุ้มครอง แต่หลังจากได้รับพรคุ้มครอง ฉันต้องรำคาญยิ่งกว่าเดิม! ทุกครั้งที่เขาเบื่อ จะโผล่ออกมาพูดว่า ข้าชอบสิ่งนั้น! ข้าไม่ชอบสิ่งนี้! ทำไมไม่ลองดูนี่ล่ะ! ลองสืบนี่ดูสิ!

[ฮงกยูบิน] ห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเด็ดขาด! เจ้านั่นเป็นเผ่าแท้ที่เกาะแกะและน่ารำคาญที่สุดในชีวิตฉัน!

คู่หูกึมชานวังชานก็ใช้คำนิยาม ‘เกาะแกะและน่ารำคาญ’ เรียกฮงกยูบินเหมือนกัน

ดูท่าเพลเยอร์กับเผ่าแท้ที่คอยคุ้มครองจะไม่ต่างกันเลยสินะ

[ฮงกยูบิน] โดยเฉพาะตอนที่ไอ้เด็กเจ้าเล่ห์นั่นเริ่มพูดสุภาพขึ้นมา หรือยิ้มมุมปากพร้อมกับพูดว่า ‘ข้าล่ะชอบอะไรแบบนี้จริงๆ!’

[ฮงกยูบิน] เผ่นหนีโดยไม่ต้องเหลียวหลัง! หนีเข้าไปหลบในบาเรียของโรงเรียนแสงเงินทันที!

เด็กเจ้าเล่ห์—ผู้นำของเผ่าหนูคงคอยตามเกาะแกะฮงกยูบินเพราะสกิลนิมิต

ฉันเองก็ไม่แน่ใจ แต่ถ้าเจ้าแห่งการเกาะแกะอย่างฮงกยูบินออกปากเตือนด้วยตัวเอง จะไม่ฟังเลยก็คงไม่ได้

[ฉัน] เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณครับ

[ฮงกยูบิน] เดี๋ยวนะอึยชิน… เมื่อลองมาคิดดู เธอได้ยินคำว่า ‘เด็กเจ้าเล่ห์’ มาจากไหน ไม่ใช่ว่าพัวพันไปแล้วหรือ ตอบฉันด้วย!

สถานการณ์ยังละเอียดอ่อนเกินกว่าจะใช้คำว่า ‘พัวพัน’

และเราก็ตอบไม่ได้ว่าได้ยินฉายา ‘เด็กเจ้าเล่ห์’ มาจากไหน

กลบเกลื่อนยังไงดีล่ะ

อีกเดี๋ยวก็คงยุ่งอยู่กับงานกระมัง ถ้าอย่างนั้นแค่เมินไปก็สิ้นเรื่อง

ขณะกำลังคิดแบบนั้น

“นักเรียนอึยชิน”

ใครบางคนเข้ามาใกล้ฉันโดยไม่รู้ตัวแล้วก็เรียกชื่อ

เป็นเสียงที่สะอาดและสดชื่น แต่ก็ชวนให้ตกใจถ้าได้ยินแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

“ครูกงชองวอน…”

บุคคลที่มาทักทายคือครูประจำวิชา ‘แนะนำเอนามี’ และยังเป็นครูของฮันอี

อาจารย์ปีศาจที่ลบตัวตนได้เก่งกาจจนน่าทึ่ง แค่ฉันละสายตาจากกระดานดำเพื่อก้มหน้าอ่านหนังสือเรียนครู่เดียว ก็สัมผัสถึงตัวตนของเขาไม่ได้แล้ว

คงทำแบบนั้นจนติดเป็นนิสัย

“ครูเป็นห่วงน่ะ เห็นเธอขาดเรียนคาบที่แล้ว”

ในวันครู ฉันโดดเรียนคาบครูกงชองวอนเพื่อไปที่โรงเรียนเก่าของเม็งเฮียวทง—โรงเรียนมัธยมต้นทันแร

คงมาหาฉันเพราะเรื่องนั้น

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าโรงเรียนก็ตั้งกว้างขนาดนี้ เขาหาฉันพบได้ยังไง

“นักเรียนอึยชิน มีอะไรอยากพูดกับครูไหม”

กงชองวอนกล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

ถ้ามาลองนึกดู… ทุกคาบที่เราเคยโดดเรียนเป็นวิชาของครูกงชองวอนทั้งนั้น…

จึงไม่แปลกหากกงชองวอนจะเข้าใจว่าฉันไม่ชอบวิชาของเขา

ยิ่งไปกว่านั้น ฉันยังโดดเรียนในวันครู

“…ขอโทษครับ”

“คราวหลังถ้าจะไม่เข้าเรียนก็บอกกันล่วงหน้านะ”

กงชองวอนทำหน้าขื่นขมเล็กน้อย

“นักเรียนอึยชินเข้าแข่งหมากรุกด้วยใช่ไหม ได้ยินว่าวันนี้แข่งวันสุดท้ายแล้ว… หรือบ่ายวันนี้อยากหยุดพักเพื่อเตรียมตัว?”

กำลังถามอ้อมๆ สินะว่าฉันจะโดดอีกไหม

แต่ฉันคิดจะเข้าเรียนตั้งแต่แรกแล้ว

“ไม่ครับ ผมจะเข้าเรียน”

กงชองวอนดูจะพอใจกับคำตอบ

“เข้าเรียนสินะ”

“ครับ”

อย่างที่คิด ดูเหมือนเขาจะมาต้อนเราเข้าเรียนเหมือนกับคราวก่อน

‘น่าแปลกมาก รู้สึกยังกับว่า… ปฏิเสธเขาไม่ได้เลย’

ถ้อยคำและสีหน้าล้วนอ่อนโยน แต่กลับถูกข่มขวัญอย่างน่าประหลาด

“กริ่งเปลี่ยนคาบเริ่มแล้ว เดินไปห้องเรียนกันเถอะ”

กริ่งเปลี่ยนคาบที่แจ้งว่าพักกลางวันจบลงแล้ว คือซิมโฟนีหมายเลข 6 ‘Pastorale’ ของบีธเฟ่น ซึ่งมีพื้นหลังเป็นป่าในเมือง ‘ไฮลิเกนชตัดท์’ ที่อยู่แถบชานเมืองของกรุงเวียนนา

จากทั้งเพลง ห้องดนตรีที่ 4 มีชื่อว่า ‘อัสนี, วายุ’

เป็นซิมโฟนีที่พรรณนาถึงสายฝน สายลม และสายฟ้าในป่า รวมถึงฝูงสัตว์ที่แตกตื่น

‘ชมรมกระจายเสียงคงเลือกเพลงนี้เพราะอยากให้ตื่นจากอาการงัวเงียเนื่องจากท้องอิ่ม’

เหมือนกับ ‘In the Hall of the Moutain King’ ของเอ็ดเวิร์ด·กรีกเมื่อคราวก่อน

ยิ่งเมื่อได้เผชิญหน้ากับกงชองวอน เพลงบรรเลงเหล่านี้ยิ่งทำให้บรรยากาศดูเหมือน ‘ห้องบอส’

อย่างไรก็ดี ถึงฉันจะมีสภาพไม่ต่างจากเด็กเกเรถูกครูจับได้ก่อนโดดเรียน แต่การได้เรียนวิชาแนะนำเอนามีของกงชองวอนก็นับว่าคุ้มกับเวลาชีวิต

* * *

หลังเลิกเรียน, ชมรมหนังสือพิมพ์

“ห้อง 3/0 สร้างสวนลอยฟ้าอีกแล้ว!”

“พวกเขายกมันลอยด้วยหลักการอะไรกันนะ”

มีข่าวลือว่าห้อง 3/0 เริ่มเคลื่อนไหวเพื่อแก้แค้นพลังจักรวาลแล้ว

เหตุผลที่ไม่ลงมือทันทีแต่รอให้เลิกเรียนก่อน คงเพราะพวกเขายอมแพ้ต่อครูประจำชั้นไปแล้ว จึงต้องเข้าเรียนตามปกติ

“คราวนี้ต้องจับหางให้ได้! ฉันจะขุดเข้าไปในสมองของพวกรุ่นพี่เสียสติ!”

มุนแซรอนผู้คว้าน้ำเหลวกับการทำข่าวปี 3/0 มาหลายหน พูดปลุกใจตัวเอง

สมาชิกชมรมหนังสือพิมพ์คนอื่นๆ ต่างก็ช่วยกันวางแผนทำข่าว

จากนั้น มุนแซรอนหันมาทางฉันแล้วพูด

“ถึงฉันจะไปเชียร์รองหัวหน้าห้องศูนย์จอมพิรุธไม่ได้ แต่ฉันขอฝากกำลังใจไปห่างๆ นะ!”

“ใช่แล้ว ถึงจะทำตัวมีพิรุธก็ไม่เป็นไร สู้เค้านะ!”

ในที่สุดมันก็ลามมาถึงชมรมหนังสือพิมพ์แล้ว

วลีเชียร์ยอดฮิตที่เพื่อนร่วมห้องของฉันนำไปแปะข้างภาพเหมือนที่มินกือรินวาด

มันกลายเป็นประเด็นพูดคุยในบอร์ดรวมมาได้สักพักแล้ว คนของชมรมหนังสือพิมพ์ย่อมต้องเคยเห็นผ่านตา

ผนวกกับความโด่งดังของศิลปินอย่างมินกือริน วลีเชียร์จึงแพร่กระจายเป็นวงกว้างเกิดความจำเป็น

“ฮะฮะฮะฮะ! ลามมาถึงชมรมหนังสือพิมพ์แล้วสินะ!”

วังจีโฮหัวเราะชอบใจเอามากๆ

อย่างไรก็ตามแต่ ฉันเลิกกิจกรรมชมรมด้วยกำลังใจอันล้นหลามจากทุกคน

ถึงเวลามุ่งหน้าไปแข่งหมากรุกแล้ว

* * *

ย่านอาคารชมรม, โรงยิมหมายเลขสาม

ทัวร์นาเมนต์หมากรุกผ่านไปแล้วสี่เกมภายในสองวัน

จำนวนผู้เข้าแข่งจากหกสิบกว่าคน เหลือแค่สี่คนเท่านั้น

‘ผู้เข้าแข่งที่เหลือล้วนเป็นตัวละครที่ควบคุมได้ทั้งหมด! ต้องพยายามเต็มให้ที่!’

สาย A เป็นศึกระหว่างย็อมจุนยอลกับพัคซึงยอน

สาย B เหลือฉันกับกวักคยุงกู

‘ไม่เหลือปีสามเลยแฮะ’

คู่แข่งในรอบรองชนะเลิศของฉันคือกวักคยุงกู—สภานักเรียนชั้นปีที่สอง

เป็นเพื่อนของย็อมจุนยอล และยังเป็นศิษย์ร่วมอาจารย์กับจูซูย็อก

เฉกเช่นเพลเยอร์ที่ใช้ดาบคู่อย่างจูซูย็อก ฝ่ามือของกวักคยุงกูแข็งยังกับเหล็ก

‘ในโรงเรียนแสงเงิน ฝีมือดาบคู่ของเขาเป็นรองแค่จูซูย็อก’

ผลการโยนเหรียญ

กวักคยุงกูได้สีขาว ส่วนฉันสีดำ

“เริ่มการแข่งได้”

เสียงของยงเจกอนดังไปทั่วสนามแข่ง

MasterGU.edited = ได้ไป, เบื่อจะ->เบื่อ จะ

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ตัวประกอบแรงค์ EX

ตัวประกอบแรงค์ EX

EX Rank, Ex Rank Supporting Role’s Replay in a Prestigious School, EX Rank Side Character's School Replay, 명급리, 명문고 EX급 조연의 리플레이
Score 9.1
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
หลังจากเคลียร์บทสุดท้ายของเกมกากแห่งชาติสำเร็จ เขากลายเป็นตัวประกอบไร้นามในเกมที่ตัวเองเคยเล่น ตัวประกอบแรงค์ EX ที่เหนือธรรมดาและยากจะหยั่งถึง ผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังทุกสิ่ง!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset