MasterGU.noted = ชื่อบทจากเว็บนอก -> The Deal Unseen/ข้อตกลงที่มองไม่เห็น (2)
ได้ยินสัญญาเริ่มแข่งจากยงเจกอน สายตากวักคยุงกูหันมาทางกระดานหมากรุก
ปึก!
เมื่อคนเดินทีหลังอย่างฉันกดนาฬิกา กวักคยุงกูขยับเบี้ยโดยไม่ลังเลราวกับเตรียมมาจากบ้าน
เป็นการเปิดด้วยเบี้ยหน้าคิง เบี้ยสีขาวเดินจาก e2 มายัง e4
ถึงตรงนี้ ถ้าฉันเดินเบี้ยดำจาก e7 ไปยัง e5 จะถือเป็นการเปิดเกมแบบ ‘โอเพ่นเกม’ (Open Game) แต่ถ้าเดินหมากอื่นจะเป็น ‘เซมิ-โอเพ่น’
‘เดินให้ต่างจากคราวก่อนดีกว่า’
ฉันเดินไนท์ (ม้า) สีดำจาก g8 ถึง f6
กวักคยุงกูก้มมองกระดานด้วยสีหน้าครุ่นคิด
เห็นแบบนี้ ฉันรู้ได้ทันที
‘ศึกษาหมากของเรามาสินะ’
รอบนี้ฉันเปิดเกมด้วย อเล็กไคน์-ดีเฟนซ์ (Alekhine-Defense)
เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การเปิดเกมสมัยใหม่ที่ยอมปล่อยให้คู่แข่งยึดครอง ‘4 ช่องกลางกระดาน’ (e4,d4,e5,d5) ซึ่งถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการคว้าชัยชนะ ตามความเชื่อเก่าแก่ของทฤษฎีหมากรุก
เพื่อแลกกับการปล่อยให้เบี้ยสีขาวยึดครองกลางสนาม การเปิดเกมแบบอเล็กไคน์-ดีเฟนซ์จะมุ่งเน้นไปที่การ ‘ล่า’ เบี้ยกลางสนามด้วยไนท์แทน
‘หากไม่นับสกอล่าเมต นี่คือการเดินหมากเปิดเกมที่ดุดันที่สุดในมือเรา… ก้าวเดินที่เหนือความคาดหมายคงทำให้เขากำลังสับสน’
ศึกษาการเดินหมากของเราได้ในเวลาสั้นๆ เชียว?
เหมือนกับในเกมไม่มีผิด กวักคยุงกูเป็นคนเอาจริงเอาจัง
ดูจากใบหน้าเคร่งเครียดที่ปากปิดสนิทจนเป็นเส้นตรง เดาได้ไม่ยากว่าเขาเข้มงวดกับตัวเองแค่ไหน
‘ไม่อยากเชื่อว่าคนแบบนี้จะเคยออกนอกลู่นอกทาง’
ไทม์ไลน์ก่อนที่เกมจะเริ่ม
ช่วงต้นปีที่แล้วตามเวลาของโลกปัจจุบัน
กวักคยุงกูผู้อายุย่างเข้าสิบเจ็ด เผชิญความสิ้นหวังหลังจากลองใช้แสงประทานเป็นครั้งแรก
แสงประทานของกวักคยุงกู ‘พรร้อยวิ’ ก็ตรงตามชื่อ เขาสามารถใช้มันได้แค่หนึ่งร้อยวินาทีต่อวัน
‘เป็นพลังที่ช่วยเพิ่มสมรรถภาพร่างกาย แต่ไม่ได้ใกล้เคียงกับการเพิ่มพลังโจมตี… กวักคยุงกูที่แม้จะเปิดแสงประทานแล้วแต่ก็ยังตกเป็นรองพ่อของตนกับจูซูย็อก—นักดาบอัจฉริยะ คงท้อแท้สิ้นหวังมากในตอนนั้น’
โชคยังดี เขาออกนอกลู่นอกทางไม่นานนัก
กวักคยุงกูซื้อเหล้าด้วยใบหน้าที่อ่อนเยาว์กว่าพลทหารไม่มาก แม้จะเป็นแค่นักเรียนม.ปลายปีหนึ่ง
เขาโหมดื่มโซจูหน้าโรงฝึก พลางนำขวดมาวางเรียงกันประหนึ่งเจงก้า ระหว่างนั้นก็เอาแต่ตะโกนว่า ‘ถ้าอยากไล่ออกก็เชิญ!’
เป็นเหตุให้กวักคยุงกูถูกบิดาของตน ‘อาจารย์กวัก’ ขว้างขวดโซจูใส่
โซจูแตกไปขวดแล้วขวดเล่า แต่ร่างกายกวักคยุงกูกลับไม่มีบาดแผล
ร่างกายเพลเยอร์ทนทานกว่าคนปกติเป็นทุนเดิมก็จริง แต่สาเหตุหลักที่ไม่มีแผลเลย เกิดจากแสงประทาน ‘พรร้อยวิ’ ที่ช่วยเสริมความแข็งของร่างกาย
[ลูกหมาเอ๊ย… แสงประทานของฉันมีไว้รับขวดโซจูอย่างเดียวรึไงวะ!]
ได้ยินกวักคยุงกูตะโกนด้วยเสียงเมามาย อาจารย์กวักหยุดทำร้ายลูกตัวเองด้วยขวดโซจู
กลับกัน เขารอให้หมดขีดจำกัดหนึ่งร้อยวินาที แล้วก็ลากกวักคยุงกูเข้าไปในโรงฝึก เพื่อบังคับดวลดาบคู่นานกว่าหนึ่งชั่วโมง
แม้จะตกอยู่ในสภาพนี้ทุกวัน แต่กวักคยุงกูก็ยังไม่เป็นโล้เป็นพาย เอาแต่ใช้ชีวิตไปวันๆ จนกระทั่งเข้าโรงเรียนแสงเงิน
อย่างไรก็ดี หลังจากเหตุการณ์หนึ่ง กวักคยุงกูได้รับอิทธิพลจากศิษย์ร่วมอาจารย์—จูซูย็อกจนเริ่มเปลี่ยนความคิดแล้วหันมาฝึกซ้อมอย่างจริงจัง
‘จูซูย็อกอาจไม่รู้ตัว แต่เขาช่วยผู้คนไว้มากมายก่อนที่เกมจะเริ่มเสียอีก’
ปึก!
กวักคยุงกูเดินหมากแล้วกดปุ่มนาฬิกาหมากรุก
ถึงตาฉัน
‘หวังว่าการดวลกับเราจะช่วยฝึกจิตใจให้กวักคยุงกูได้’
ตอนนี้กวักคยุงกูเป็นคนใหม่แล้ว
คู่ควรที่จะรับสมญานาม ‘ร้อยวิ’ จากเพลเยอร์ SAT-K
‘เขาคือหนึ่งในตัวละครที่มีศักยภาพยอดเยี่ยม’
แสงประทานของเขา ‘พรร้อยวิ’ ซึ่งเจ้าตัวคิดว่าเป็นแค่การเพิ่มพลังป้องกันนานหนึ่งร้อยวินาที
ในภายหลัง มีการค้นพบว่าแสงประทานนี้มีคุณสมบัติ ‘ฟื้นฟูร่างกายตามพลังใจ’ ซึ่งนั่นทำให้กวักคยุงกูกลายเป็นหนึ่งในตัวละครสุดโกง
แต่ตอนนี้เขายังอยู่ระหว่างการพัฒนา
‘ช่วงแรกอาจพัฒนาได้ช้า แต่ถ้าได้เริ่มแล้วก็จะง่ายขึ้น เขาเป็นตัวละครที่ช่วยให้เราปลดล็อกกลยุทธ์ใหม่ๆ ได้มากที่สุด’
หากฝึกฝนจนถึงขีดจำกัด กวักคยุงกูจะเข้าสู่โหมดไร้เทียมทานได้นานหนึ่งร้อยวินาทีต่อวัน ระหว่างนั้นจะได้รับพลังป้องกันและการฟื้นฟูเพิ่มจากปกติหลายเท่า
เขาคือตัวละครแนะนำสำหรับภารกิจเก็บไอเท็มท่ามกลางกับดัก รวมถึงการรื้อถอนแก่นบาเรีย
‘แต่จะไร้เทียมทานแค่หนึ่งร้อยวินาที หากถูกกระหน่ำโจมตีเป็นเวลานาน ต้องคิดหาทางแก้ไขสถานการณ์อย่างเป็นระบบและใจเย็น’
ปึก!
ฉันเดินแล้วกดนาฬิกาหมากรุก
นับตั้งแต่ตาเดินเปิดเกม จนถึงตอนนี้ก็ยังรักษาความดุดันเอาไว้
อาจมีอาการปวดหัวคอยก่อกวน แต่สภาพร่างกายของฉันนับว่าดีที่สุดในรอบหลายวัน
มั่นใจว่าสามารถบุกอย่างดุดันได้โดยไม่สร้างความผิดพลาด
‘ถ้าเอาแต่ป้องกันตัว กวักคยุงกูจะถูกรุกฆาตในอีกไม่กี่ตาเดิน’
ฉันปล่อยให้เบี้ยสีขาวยึดครองกลางกระดานก็จริง แต่ปีกทั้งสองฝั่งของเขา ถูกฉันบีบจนขยับได้ลำบากแล้ว
ก้าวแล้ว ก้าวเล่า
ผ่านไปหลายตาเดิน แต่กวักคยุงกูยังแทบไม่มีโอกาสชกกลับ
ระหว่างที่หมากของฉันค่อยๆ โอบล้อมคิงสีขาว
“ขอยอมแพ้ครับ”
กวักคยุงกูยกมือขึ้นแล้วประกาศยอมแพ้
‘ทำไมรีบยอมจัง…’
เมื่อคู่แข่งประกาศยอมแพ้ ชัยชนะจึงตกเป็นของฉันโดยปริยาย
กวักคยุงกูลุกจากเก้าอี้แล้วขอจับมือ
เมื่อเห็นฉันทำหน้าไม่เข้าใจ กวักคยุงกูยกมุมปากแล้วพูด
“สงสัยสินะว่าฉันยอมทำไม”
กวักคยุงกูก้มมองกระดานหมากรุก
“ไม่ว่าฉันจะเดินยังไง ในอีกไม่เกินสี่ถึงแปดตาเดิน นายก็จะรุกฆาตฉันได้”
สีหน้ากึ่งผ่อนคลายกึ่งผิดหวัง
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฉันไม่ชอบสีหน้านี้เลย
เขาเคยทำหน้าแบบเดียวกันในตอนที่ใช้ร่างกายตัวเองเป็นโล่ให้จูซูย็อก แล้วก็จบชีวิตลงเมื่อครบหนึ่งร้อยวินาที
“ขอเดินหมากสีขาวได้ไหมครับ”
“เชิญ”
ในบรรดาหมากสีขาวบนพื้นที่ฝั่งของกวักคยุงกู ควีนแทบไม่มีการขยับเขยื้อน
เพราะควีนขาวถูกหมากสีดำกดไว้ตั้งแต่ต้นเกม
“นี่มัน…!”
พลิกชะตาในก้าวเดียว
ควีนสีขาวบุกขึ้นมาเล็งคุกคามควีนกับคิงสีดำพร้อมกัน
อาจไม่ใช่การรุกฆาต แต่การเดินเมื่อครู่ทำให้หมากสีดำต้องเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายตั้งรับชั่วคราว
สถานการณ์นี้ทำให้เกมจะไม่จบลงภายในแปดตาเดินตามที่กวักคยุงกูด่วนสรุป
“ฉันมองข้ามไปได้ยังไง…”
สีหน้าของเขาดูตกใจเจือความเสียดาย
ฉันชอบสีหน้านี้มากกว่าแววตาของคนที่ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างเต็มใจ
* * *
โรงยิมหมายเลขสาม, ห้องพักรับรอง
การแข่งระหว่างย็อมจุนยอลกับพัคซึงยอนยังไม่จบ ทีมงานของสเทลเมตจึงนำทางฉันมายังห้องพัก
เมื่ออยู่ตามลำพัง ฉันนำการ์ดไอเท็มฟื้นฟูออกมาใช้
ทันทีที่การ์ดหายไป ความเจ็บปวดตามร่างกายหายไปชั่วขณะ แต่ไม่นานก็หวนกลับมา
‘อาการปวดหัวรักษาด้วยไอเท็มฟื้นฟูไม่ได้…’
ฉันเคยคิดว่าอาการปวดหัวและหูแว่ว เกิดจากการที่แผลใจไปกระตุ้นการทำงานของสมอง
กล่าวอีกนัยหนึ่ง อาการนี้อาจเป็นแค่ความเจ็บปวดเชิงกายภาพ ฉันจึงพยายามแก้ไขด้วยไอเท็มฟื้นฟู แต่ก็เปล่าประโยชน์
‘หรือจะเป็นเพราะคลื่นพลังวิเศษ? ความผิดปกติของจิตใจส่งผลให้ร่างกายแผ่คลื่นพลังวิเศษออกมา’
คลื่นพลังวิเศษไม่สามารถรักษาได้ด้วยไอเท็มฟื้นฟู
ทำได้แค่ควบคุมตัวเอง หรือไม่ก็ให้เพลเยอร์คนอื่นช่วยระงับมันไว้
เหมือนที่วังจีโฮทำกับควอนเจอินและเสือแดง
ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูหยุดความคิดของฉัน
ทีมงานของสเทลเมตเข้ามาเรียกไปแข่งรอบถัดไป?
“ครับ เข้ามาเลย”
เมื่อประตูเปิด คนที่เดินเข้ามาไม่ใช่ใครนอกจากพัคซึงยอน
ได้เห็นใบหน้าอีกฝ่าย ฉันรับรู้ได้ทันที
‘แพ้สินะ’
ใบหน้าที่เคยเห็นมานับไม่ถ้วนสมัยยังเป็นเซียนหมากรุก
ฉันบอกได้ทันทีโดยไม่ต้องรอฟังคำอธิบาย
“…ขอโทษนะ ฉันแพ้แล้ว เราคงไม่ได้เจอกันรอบชิง”
พัคซึงยอนขอโทษขอโพยด้วยใบหน้าหดหู่
คำนวณจากเวลา ดูเหมือนทั้งคู่จะใช้เวลาของตัวเองไปเกือบหมด
แม้จะยังไม่เห็นบันทึกการแข่ง แต่สีหน้าเจือความอ่อนเพลียของพัคซึงยอนบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นเกมที่สูสีโนเวลกูดอทคอม
“เรื่องแบบนี้ใครเขาขอโทษกัน ไว้มีเวลาค่อยมาเล่นกันนะ”
“อื้อ…”
พัคซึงยอนทำตัวอมทุกข์
ขณะฉันคิดหาวิธีช่วยปลอบ
โครม!
ประตูเปิดออกโดยไม่มีการเคาะ
ชายในชุดพละของโรงเรียนชะโงกหน้าเข้ามา แล้วตะโกนทันทีที่เห็นพัคซึงยอน
“เฮ้ย! นายเข้ามาทำอะไรในนี้! ไปกันเถอะ ไปหาอะไรกิน! ฉันเลี้ยงเอง”
“ฉันอยากอยู่ดูนัดชิงก่อน”
“ไม่เห็นจะเข้าท่าเลย สเทลเมตมีถ่ายทอดสดไม่ใช่รึไง กินไปดูไปเถอะน่า ฉันเลี้ยงเอง”
อีกฝ่ายคือนักเรียนปีเดียวกันที่เคยเจอในล็อบบี้หอพักวันเอพริลฟูล
ฟังจากบทสนทนา เขาคงเป็นเพื่อนสนิทของพัคซึงยอน
“ไม่เอา นายมาเชียร์ฉัน ดังนั้นฉันเลี้ยงเอง…”
“ก็ได้… รีบไปกันเถอะ!”
ชายในชุดพละเริ่มลากตัวพัคซึงยอนโดยไม่สนใจความเห็นของฝ่ายหลัง
คำนึงจากนิสัยของพัคซึงยอน การมีคนแบบนี้คอยดูแลอย่างใกล้ชิด คงไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายอะไร
“นายก็เหมือนกัน… ชนะให้ได้ล่ะ เพื่อชื่อเสียงของปีหนึ่ง”
“อึยชิน… ชนะให้ได้นะ!”
ขณะทั้งสองเดินออกไป ทีมงานสเทลเมตเดินสวนเข้ามาเพื่อเรียกไปแข่งรอบชิง
ระหว่างที่ได้คุยกับพัคซึงยอน อาการปวดหัวกับหูแว่วของฉันทุเลาลงเล็กน้อย
ณ ลานแข่งทัวร์นาเมนต์หมากรุก
ย็อมจุนยอลเดินออกจากห้องพักสาย A ส่วนฉันเดินออกจากห้องพักสาย B
เมื่อเราสองคนยืนเผชิญหน้ากันโดยมีโต๊ะหมากรุกคั่นกลาง เสียงเชียร์พลันกระหึ่มมาจากฝั่งผู้ชม
เฮ—!
ยงเจกอนยกเลิกศาสตร์แห่งมิติแล้ว?
ขณะฉันมองไปรอบๆ ด้วยความคิดดังกล่าว ไฟทุกดวงในโรงยิมดับลงพร้อมกัน
แชะ!
มิติขนาดเล็กนับร้อยนับพันชิ้น ทยอยส่องแสงสีแดงพลางประกอบกันเป็นรูปร่าง
มิติเหล่านั้นเชื่อมกันเหมือนตัวต่อ ไม่นานก็กลายเป็นมังกร
‘มังกรแดง!’
กลุ่มก้อนมิติสีแดงที่จับตัวเป็นมังกรแดง แหวกว่ายไปในอากาศพร้อมกับมอบความสว่างตรงที่นั่งผู้ชม
นักเรียนที่มาร่วมเชียร์เริ่มมองมังกรแดงด้วยเสียงฮือฮา บางคนใช้ดีไวซ์ถ่ายรูปเก็บไว้
อาศัยแสงไฟที่มังกรแดงแผ่ออกมา ฉันมองเห็นใบหน้าของผู้ชมบนอัฒจันทร์
‘สภานักเรียนมากันเกือบครบ!’
ประธานนักเรียนโดวอนอู, รองประธานจีมยองซู, เลขานุการอูซังฮี
รวมถึงกวักคยุงกูที่เพิ่งแข่งกับฉันไป
นอกจากนี้ยังมีอันดาอิน
‘มองมาทางนี้ด้วยแฮะ’
ระหว่างที่ย็อมจุนยอลคอยโบกมือให้คนรู้จัก โดวอนอูมองมาทางพวกเราด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
อูซังฮีคอยเชียร์ทั้งฉันและย็อมจุนยอล เป็นธรรมดาที่โดวอนอูจะไม่ชอบหน้า
เมื่ออูซังฮีหันไปเห็นหน้าบอกบุญไม่รับของโดวอนอู เธอพูดออกมาสองสามประโยค ส่งผลให้จีมยองซูข้างๆ พยายามกลั้นขำ
สภานักเรียนคนอื่นก็ทำตัวไม่ต่างจากจีมยองซู
‘แฟนคลับเจ้าย็อมจุนยอลเยอะชะมัด’
มังกรแดงที่เกิดจากศาสตร์แห่งมิติ ทยอยบินสาดแสงไปทางกลุ่มแฟนคลับของย็อมจุนยอล ซึ่งกำลังฉายโฮโลแกรมหรือไม่ก็ป้ายสีสำหรับเขียนคำเชียร์
เมื่อย็อมจุนยอลยิ้มพลางโบกมือให้ เสียงตะโกนเชียร์พลันท่วมท้นสนามแข่งหมากรุก
‘กลัวพวกเพื่อนๆ จะใจฝ่อจัง’
มังกรแดงบินครบครึ่งรอบอัฒจันทร์แล้วเลือนหายไป
จากนั้น แสงสีขาวอันเจิดจ้าเริ่มสว่างไสวไปทั่วโรงยิม
มิติรูปร่างดวงดาวจำนวนมาก ช่วยแต่งแต้มสีสันของเพดานโรงยิมให้ดูคล้ายทางช้างเผือก
จากบรรดาดาวทุกดวง ดาวที่ใหญ่และสุกสว่างที่สุดเริ่มลอยไปรอบโรงยิม
‘…สื่อถึงซูเปอร์โนว่าไร้นามสินะ’
กองเชียร์กลุ่มแรกที่แสงดาวฉายไปถึง คือนักเรียนห้อง 2/0
ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ดูเหมือนพวกเขาจะมาช่วยเชียร์
กึมชานซอล วังชานซอล ยอนการัม และนักเรียนปี 2/0 คนอื่นๆ ต่างกำลังฉายโฮโลแกรม
ข้อความทุกประโยคต้องมีคำว่า ‘พิรุธ’
‘ขาดคำนี้ไม่ได้เลยสินะ’
ถัดมาเป็นกลุ่มของกรรมการรักษาระเบียบ
กรรมการรักษาระเบียบเกือบทั้งหมด เช่นโอเยจีและมาจินซึงที่เคยแข่งกับฉัน รวมถึงแชมป์เก่าอย่างชอนดงฮา คอยเชียร์นักกีฬาทุกคนอย่างเป็นกลาง
มีแค่จูซูย็อกที่ฉายโฮโลแกรมเชียร์ฉันอย่างออกนอกหน้า
‘ไว้ส่งข้อความไปขอบคุณดีกว่า’
ซูเปอร์โนว่าลอยไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหยุดเหนือศีรษะโซนที่นั่งของปี 1/0
วลีเชียร์ในธีม ‘พิรุธ’ ของพวกเขายังคงเหมือนเดิม แต่ขนาดของป้ายใหญ่ขึ้น สีสันฉูดฉาดมากขึ้น
ดูเหมือนจะลงทุนซื้อแอปฯ ฉายโฮโลแกรมแบบเสียเงินมาโดยเฉพาะ
นอกจากนั้นยังมีภาพวาดมุมข้างของใบหน้าฉัน ซึ่งถูกเสกสรรจากปลายพู่กันของมินกือริน
“รองหัวหน้าห้อง สู้เค้านะ!”
“อึยชิน! เลี้ยงเนื้อย่างพวกเราให้ได้นะ!”
“ชนะให้ได้!”
ท่ามกลางเสียงเชียร์อย่างอึกทึกภายใต้โชว์ของยงเจกอน
ฉันได้ยินเสียงตะโกนของเพื่อนร่วมห้องดังชัดเจนอย่างน่าประหลาด
เมื่อมังกรแดงและซูเปอร์โนว่าสิ้นสุดการเดินทางรอบโรงยิม
ยงเจกอนประกาศกับฉันและย็อมจุนยอลที่เลือกสีของหมากเสร็จแล้ว
“ทัวร์นาเมนต์หมากรุกของกลุ่มย่อยสเทลเมต… นัดชิงชนะเลิศ เริ่มได้!”
ฉันเป็นหมากขาว ส่วนย็อมจุนยอลหมากดำ
ย็อมจุนยอลซึ่งเดินทีหลัง กดปุ่มบนนาฬิกาเพื่อเป็นสัญญาณการเริ่มแข่ง
* * *
“ตกลง… ข้ารับข้อเสนอ อุงเนียจอมคร่ำครวญ”
เผ่าอสูรที่หุ้มร่างกายหัวจรดเท้าด้วยชุดคลุม ตอบกลับเสียงร่าเริง
ชุดคลุมถักตราของอินวิเดียส—เทพอสูรแห่งเจ็ดบาปมหันต์ ถูกย้อมจนดำสนิทด้วยคลื่นพลังวิเศษที่แผ่จากร่างกาย
ดูเหมือนมันจะพึงพอใจกับข้อตกลงมาก
“ฮุฮุ… เยี่ยมเลย”
อุงเนียจอมคร่ำครวญในเดรสสีแดง เอนตัวเล็กน้อยขณะตอบ
“เจ้ายังอยากได้อะไรเพิ่มอีกไหม เพื่อแลกเปลี่ยนกับการเก็บเรื่องนี้เป็นความลับจากหมีจอมปีติและหมีจอมชิงชัง… ข้าจะบริการอย่างดีเลย”
ได้ยินเสียงเริงร่าของเผ่าอสูร อุงเนียจอมคร่ำครวญครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มจนเผยให้เห็นซี่ฟันเรียงสวย
“มีบางสิ่งที่ข้าอยากให้เจ้ามองดูด้วยดวงตานั่น”
อุงเนียจอมคร่ำครวญเลื่อนริมฝีปากเข้ามาใกล้ใบหูของเผ่าอสูร
จากนั้นก็กระซิบชื่อหนึ่ง
—
MasterGU.edited = กายไป->หายไป