ก่อนจะถึงคาบโฮมรูมเย็น
เด็กในห้องต่างพากันตื่นเต้น เพราะคาดหวังอีเวนต์ใหญ่ที่ใกล้จะเริ่มเต็มที
ยกเว้นเม็งเฮียวทง
“ที่ติดอยู่บนสัญลักษณ์ ‘1-0’ คืออัญมณีต่างโลกใช่ไหม? แถมยัง… ส่องแสงขณะปล่อยคลื่นพลังวิเศษออกมาได้ด้วย!”
“อัญมณีต่างโลกถูกสั่งแยกจากร้านเครื่องประดับทำมือทางฝั่งประตูตะวันออกน่ะ! ซื้อมาไม่แพงเนื่องจากงบหมด มันก็เลยดูไม่ว้าวเท่าไร”
“ฉันซื้อแอปฯ โฮโลแกรมมาแล้ว สามารถใช้มันช่วยเพิ่มความว้าวได้”
“…”
ระหว่างที่เพื่อนๆ กำลังคลี่ผ้าพันคอเชียร์ พลางจับกลุ่มคุยด้วยสีหน้าตื่นเต้น เม็งเฮียวทงในชุดพละเอาแต่ยืนเหม่อ
โดยไม่เหลียวแลพระเอกของงานอย่างเม็งเฮียวทง บทสนทนาของเด็กๆ ยังคงดำเนินต่อไป
“เลือกผ้าพันคอเชียร์ได้ดีมากเลย… ถ้ามีของแบบนี้ตั้งแต่อึยชินแข่งทัวร์นาเมนต์หมากรุกก็ดีสิ”
“นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้เตรียมตัวเชียร์ล่วงหน้าไง คราวก่อนยังขาดประสบการณ์ แต่หนนี้ได้อึยชินช่วยมอบคำแนะนำดีๆ ตั้งหลายเรื่อง”
“ถ้ามีของที่ระลึกด้วยก็คงจะดี”
พวกเขาได้ไอเดียนี้มาจากการเห็นรุ่นพี่ห้อง 2/0 ประดับของที่ระลึกเนื่องในโอกาสมาชมคอนเสิร์ตควอนเจอินที่หอพยัคฆ์สำแดง
“เฮียวทง ผ้าพันคอด้านหน้ากับด้านหลังมีลายไม่เหมือนกัน นายชอบฝั่งไหนมากกว่า? ฉันจะชูฝั่งนั้นเป็นหลัก”
“ไม่รู้สิ ก็ไม่เห็นจะต่างกัน”
ได้ยินคำถามคิมยูรี เม็งเฮียวทงมองผ่านๆ ทั้งด้านหน้าและหลังก่อนจะโยนคืนไป
ไม่ได้มีแค่คนเดียวที่ไม่พอใจกับคำตอบนั้น
“องค์ประกอบสีต่างกันชัดเจน และรายละเอียดการปักตรงนี้ก็ต่างกันมาก! ด้านหน้าปักรางวัลที่เฮียวทงเคยได้ในช่วงม.ต้น ส่วนด้านหลังปักเกรดของเอนามีที่นายเคยจัดการไปในช่วงม.ปลาย รวมถึงวันที่จัดการพวกมัน”
“ด้านหน้าคือใบหน้าซีกซ้ายของนาย ด้านหลังเป็นใบหน้าซีกขวา! กือรินตั้งใจวาดมากเลยนะ มันต้องต่างกันอยู่แล้ว พูดอะไรออกมาน่ะ!”
“แดซอกพูดถูก… ถึงใบหน้าของเฮียวทงจะสมมาตรมาก แต่ทรงผมค่อนข้างกระเซิง ฝั่งซ้ายกับฝั่งขวาจึงแตกต่างพอสมควร ฉันพยายามเก็บรายละเอียดเพื่อให้ดูสมจริงที่สุด…”
“ข…ขอโทษ”
เม็งเฮียวทงได้สติกลับมาหลังจากถูกรุมตำหนิโดยซาวอลเซอึมและสองคู่หูเพื่อนสมัยเด็ก
“นี่… ทีตอนรองหัวหน้าห้องแข่ง พวกนายแอบไปเซอร์ไพรส์ระหว่างแข่ง… แต่ทำไมกับฉันถึงเฉลยก่อนล่ะ? แล้วเอาเวลาที่ไหนไปเตรียมของพวกนี้!”
ได้ยินคำถามเม็งเฮียวทง เพื่อนร่วมชั้นทุกคนตอบเป็นเสียงเดียว
“ก็แอบเตรียมตอนที่เฮียวทงไม่ได้มาจับกลุ่มติวไง พวกเราซุ่มกันตัวโก่งเลยล่ะ”
“อึยชินบอกว่านี่เป็นบทความที่ได้รับความนิยมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน คงจะแปลกน่าดูถ้าพวกเราไม่เชียร์การแข่งที่มีชื่อเม็งเฮียวทงอยู่บนพาดหัวข่าว”
“บางคนก็อยากเก็บไว้เซอร์ไพรส์ตอนแข่งทีเดียวเลยนะ แต่สุดท้ายพวกเราลงความเห็นว่าควรเฉลยก่อนแข่ง”
“อึยชินดูเป็นคนใจเย็น คงไม่ตกใจระหว่างแข่ง แต่เฮียวทงดูตื่นตูมมากกว่า อาจจะตกใจจนทำผิดพลาดระหว่างการสู้”
ฉันเห็นด้วยกับความคิดของเพื่อนร่วมชั้น
เพราะเม็งเฮียวทงคือเด็กที่ชาชินกับความมุ่งร้ายหรือริษยา แต่ไม่คุ้นเคยกับกำลังใจและความปรารถนาดี
“นอกจากนั้น การเป็นฝ่ายเฉลยเอง ก็ดีกว่าปล่อยให้ถูกจับได้ระหว่างแอบเตรียม”
“คราวที่แล้วก็เกือบถูกจับได้เพราะใครบางคน”
ซาวอลเซอึมกับฮันอีหันไปมองวังจีโฮ
“สุดท้ายก็ไม่ถูกจับได้สักหน่อย”
วังจีโฮตอบอย่างไร้ยางอาย
ด้านหลังตาแก่หน้าไม่อายคนนั้น ฉันเห็นมินกือรินก้มมองผ้าพันคอเชียร์สักพักแล้วพูดขึ้น
“…ในทางกลับกัน ถ้าไม่มีเพื่อนคอยเชียร์ ฉันคงผิดหวังจนไม่มีกะจิตกะใจจะต่อสู้… สมมติว่าถ้าเป็นฉันล่ะนะ”
“กือริน ไม่ว่าเธอจะสู้กับใคร ฉันจะคอยตามเชียร์เสมอ!”
“นายสนใจการต่อสู้ด้วยหรือ”
“แน่นอน!”
ซงแดซอกกล่าวอย่างมั่นใจ เพื่อนร่วมชั้นที่ได้ยินทยอยหันไปมอง
มินกือรินพูดราวกับว่ารออยู่แล้ว
“ดีมาก การต่อสู้ของเฮียวทงวันนี้น่าจะมีคนมาดูเยอะ ฉันคงไปด้วยไม่ได้ แดซอกช่วยไปดูแทนแล้วมาเล่าให้ฟังหน่อยนะ”
ใบหน้าซงแดซอกพลันบิดเบี้ยวเหมือนอยากจะถอนคำพูด
อย่างที่คิด มินกือรินเข้าใจนิสัยของเพื่อนสมัยเด็กอย่างทะลุปรุโปร่งและรู้วิธีหลอกใช้
‘ช่วงแรกเธอยังดูหงุดหงิดกับนิสัยของแดซอกอยู่เลย มินกือรินพัฒนาเร็วมาก!’
ระหว่างที่ฉันชื่นชมในใจ กริ่งเปลี่ยนคาบดังขึ้น
กริ่งวันนี้เป็นเพลง Light Cavalry Overture ที่เล่นโดยชมรมออเคสตร้า
เนื้อหาสื่อถึงชีวิตในกองพลยานเกราะเบาของทหารฮังการี บรรเลงด้วยทรัมเป็ต ฮอร์น และทรอมโบนอย่างไพเราะ
ฟังดูไม่เข้ากับคาบโฮมรูมเย็นที่เป็นบทสรุปประจำวันสักเท่าไร
‘เลือกเพลงมาเพื่ออีเวนต์วันนี้สินะ’
กระทั่งเม็งเฮียวทงที่ไม่มีความรู้ด้านดนตรีคลาสสิกเลย ก็ยังเข้าใจความหมายของกริ่งเปลี่ยนคาบ
ฉันได้ยินเขาพึมพำ ‘ไอ้พวกชมรมกระจายเสียง…’
ฮันอีที่หูหนวกแต่ขยันอ่านข้อมูล แสยะยิ้มขณะมองโฮโลแกรม
* * *
หลังเลิกเรียน, ย่านอาคารเรียนปีสาม
ย่านอาคารเรียนปีสามจะมีขนาดใหญ่กว่าและทนทานกว่าของปีหนึ่งกับปีสองมาก
เพลเยอร์จะโตเร็วเป็นพิเศษในช่วงม.ปลาย และปะทุถึงขีดสุดในช่วงปีสาม แต่จะมาพร้อมกับความไม่เสถียรทางอารมณ์เนื่องจากต้องแบกรับความกดดันในฐานะพี่ใหญ่ของโรงเรียนม.ปลาย
ลงเอยด้วย ทุนทรัพย์และเวลาถูกนำไปใช้เพื่อพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับเด็กปีสามโดยเฉพาะ เพื่อความปลอดภัยของตัวนักเรียนเอง ความปลอดภัยของโรงเรียน และความปลอดภัยของประชาชนในละแวกใกล้เคียง
โรงยิมหมายเลขสองในเขตอาคารเรียนปีสามที่พวกเรากำลังยืนอยู่ คือหนึ่งในสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านั้น
“ใหญ่กว่าโรงยิมที่อึยชินเช่าไว้ตอนแรกอีกนะ ทำอีท่าไหนถึงเช่าโรงยิมปีสามมาได้เนี่ย”
“เพราะอีเวนต์ของห้อง 3/0 ก็ถูกจัดพร้อมกันยังไงล่ะ พวกนั้นหูดียังกับผี มาถามฉันว่าจัดทั้งทีเอาแบบยิ่งใหญ่ไปเลยไหม”
ประธานชมรมหนังสือพิมพ์และรองประธาน ที่ต่างก็ติดเข็มกลัดทีมงาน กล่าวพลางติดตั้งโปสเตอร์โฮโลแกรมหน้าโรงยิม
ตามผนังโรงยิมเต็มไปด้วยโฮโลแกรมชีวประวัติของผู้เข้าร่วมอีเวนต์
นอกเหนือจากนั้น ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่สะดุด
‘…ฝีมือวังจีโฮ?’
บอลลูนโฆษณากำลังลอยอยู่บนฟ้าพร้อมกับติดป้ายเชิญชวนเข้าร่วมอีเวนต์
บนผิวป้ายมีตราของโรงเรียนแสงเงินแกะสลักอยู่
ยืนมองข้อความบนป้ายประกาศ มุนแซรอนเอียงคอสงสัย
“ห้อง 3/0 ไม่มีฉายาสักหน่อยหรือ จืดชืดไปหน่อยแฮะ… หืม…”
ด้านหน้าชื่ออิมยอนวามีคำว่า ‘ครูประจำชั้นสุดแกร่ง’ เขียนกำกับไว้
ที่จริงแค่ชื่อ 3/0 ก็น่าเกรงขามมากพอแล้ว เพียงแต่มันดูจืดชืดไปหน่อย
เด็กชมรมหนังสือพิมพ์ปีสามซึ่งรับหน้าที่ทำข่าวของปีสาม เผยสีหน้าลำบากใจ
“ฉันก็อยากปรึกษากับพวกห้องศูนย์อยู่หรอก แต่ติดต่อไม่ได้เลยเนี่ยสิ”
“พวกเขาบอกว่ายุ่งอยู่กับการฝึก และถ้าเป็นกรณีที่สู้กับครูประจำชั้น เราห้ามตั้งฉายาให้พวกเขาส่งเดช ไม่อย่างนั้นถ้าแพ้ขึ้นมา พวกเขาจะโทษว่าฉายาที่เราตั้งให้พาซวย”
เคยมีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นมาแล้วสินะ
…พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมพวกรุ่นพี่ชมรม ถึงยึดติดกับการเปิดโปงพลังจักรวาลและสวนลอยฟ้านัก
“ว่าแต่ ทำไมครูจูเก่อแจกอลยังไม่มาอีก? ใกล้ถึงเวลาซ้อมคิวแล้วด้วย”
“เด็กปีสองที่ถือชุดครูจูเก่อไปก็ยังไม่กลับมาเลย”
อีเวนต์ในวันนี้จัดโดยชมรมหนังสือพิมพ์
ครูที่ต้องรับบทเป็นกรรมการและพิธีกร ย่อมต้องเป็นจูเก่อแจกอล—ที่ปรึกษาชมรมหนังสือพิมพ์
ทันใดนั้น
“ถ่ายรูปรวมเสร็จแล้ว พวกเธอเข้าไปรอข้างในเถอะ”
“แต่เรายังไม่ได้ถ่ายรูปเดี่ยวเลยนะ!”
“ใช่! ฉันไม่ได้ใส่ชุดเท่ๆ มานานแล้ว อยากถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกเยอะๆ!”
เสียงอันเปี่ยมชีวิตชีวาของกึมชานซอลกับวังชานซองดังแทรกเข้ามาในรูหู
บรรดานักเรียนห้อง 2/0 ผู้เป็นแฟนตัวยงของจูเก่อแจกอล กำลังถ่ายรูปครูประจำชั้นในชุดสูทตัวใหม่
‘ถึงจะดูฉูดฉาดไปหน่อยสำหรับกรรมการ แต่ก็เข้ากันดี’
เพื่อเป็นการฉลองอีเวนต์ ชุดกรรมการของจูเก่อแจกอลถูกจัดซื้อด้วยงบของชมรมหนังสือพิมพ์
ตอนแรกจูเก่อแจกอลปฏิเสธ แต่ประธานชมรมหนังสือพิมพ์รบเร้าว่าเป็นการทำเพื่อเด็กๆ ที่เหนื่อยจากการสอบ เขาจึงยอมใจอ่อน
“เฮ้ย! พวกนายจะทำอะไรน่ะ! รอให้เราถ่ายเสร็จก่อนสิ”
“หมายความว่ายังไง? พวกนายถ่ายไปหลายรูปแล้วนี่ ยังไม่เสร็จอีกหรือไง”
“ใช่! พออีเวนต์จบก็จะไปปาร์ตี้กับครูจูเก่อด้วย”
“ไม่มั้ง? ครูมีนัดปาร์ตี้กับชมรมหนังสือพิมพ์แล้วนะ”
“แต่ครูจูเก่อเป็นครูประจำชั้นห้องเรา!”
“ใช่ ยิ่งไปกว่านั้น…”
วังชานซอลก้าวออกมาพร้อมกับถอดชุดนักเรียนโยนทิ้ง
ด้านในคือเสื้อยืดที่เขียนด้วยปากกาเมจิกว่า ‘ฉันคือสปอนเซอร์’
“สรรเสริญฉันสิ!”
“สปอนเซอร์จงเจริญ!”
“ครูจูเก่อเป็นครูประจำชั้นพวกเรา และอีเวนต์นี้สปอนเซอร์โดย ‘นือรู’ ของรองหัวหน้าห้อง … นั่นเท่ากับว่าห้อง 2/0 ของเราชนะ!”
ฉันก็ไม่รู้ว่าพวกเขา ‘ชนะ’ อะไร แต่ประธานชมรมหนังสือพิมพ์มิอาจเก็บซ่อนสีหน้าของผู้พ่ายแพ้
ทว่า
“ก็ไปปาร์ตี้พร้อมหน้ากันทุกคนนี่แหละ… ไว้ค่อยถ่ายรูปกันทีหลังนะ”
“…ครับ!”
“ค่ะ!”
แค่จูเก่อแจกอลเอ่ยปาก สถานการณ์ก็สงบลงทันที
แม้ติดขัดเล็กน้อยในตอนเริ่ม แต่การซ้อมคิวก็ผ่านไปอย่างราบรื่นจนผู้ชมทยอยเข้ามานั่ง
ณ เวทีแปดทรงเหลี่ยมใจกลางโรงยิมหมายเลขสองของชั้นปีสาม ซึ่งไฟทุกดวงกำลังดับสนิท
ขณะจูเก่อแจกอลเดินขึ้นมา แสงสปอตไลท์สว่างขึ้น
‘เข้าใจแล้วว่าทำไมห้อง 2/0 ถึงรบเร้าให้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก’
ตอนแรงก็เป็นห่วงว่าสูทสีเบอร์กันดี้ (Burgundy) จะเข้ากับจูเก่อแจกอล—เพลเยอร์ผู้รักความยุติธรรมและใสสะอาดหรือไม่
แต่ตอนนี้หายคาใจแล้ว
จูเก่อแจกอลในชุดสูทสีสันสดใสใจกลางเวที ดูไม่มีปัญหากับเครื่องแต่งกายแม้แต่น้อย
“…ถ้าอย่างนั้น ผมขอประกาศเริ่มอีเวนต์อย่างเป็นทางการ ณ บัดนี้!”
สิ้นคำประกาศของจูเก่อแจกอล ผนังด้านนอกของโรงยิมเปลี่ยนเป็นสีใสพร้อมกัน
ขณะถูกดึงดูดด้วยบอลลูนยักษ์และป้ายโฆษณาบนท้องฟ้า ทัศนียภาพของฉันพลันท่วมท้นด้วยดอกไม้ไฟโน!วลกูดoทคอม
ปัง! บึ้มบึ้ม!
“สุดยอด… ไม่ใช่ CG แต่เป็นดอกไม้ไฟของจริง!”
“มีจุดพลุในอีเวนต์แบบนี้ด้วยหรือ!”
“ทุ่มทุนสร้างชะมัด!”
“เงินจำนวนเท่ากับที่ลูกจ้างของมูลนิธิวังมยองหามาได้อย่างยากลำบาก กำลังระเบิดเล่นอยู่บนท้องฟ้า!”
“ทั้งหมดนี้ราคาเท่าไร… แต่ช่างเถอะ ยังไงพวกเราก็มาโรงเรียนโดยไม่ต้องจ่ายเงินสักวอนอยู่แล้ว อยากใช้ทำอะไรก็เชิญตามสบาย”
ผู้ชมต่างพากันออกปากชม
วังจีโฮที่ติดป้ายทีมงาน แหงนมองดอกไม้ไฟด้วยสีหน้าพึงพอใจ
หลังจากเทศกาลดอกไม้ไฟจบลง จูเก่อแจกอลเริ่มแนะนำผู้เข้าแข่ง
บุคคลแรกที่ปรากฏตัวคือ ‘ครูประจำชั้นสุดแกร่ง’ อิมยอนวา
“จะกีฬาอะไรก็ได้ เข้ามาเลย!”
อิมยอนวาในชุดพละติดตราโรงเรียน ตะโกนอย่างเร่าร้อน
นักเรียนห้อง 3/0 ยังไม่ขึ้นไปบนเวทีแปดเหลี่ยม
“ถัดไปเป็นการเปิดเผยหัวข้อการแข่ง!”
[อีเวนต์การแข่ง: มวยปล้ำ 1 ต่อ 1]
เมื่อโฮโลแกรมขนาดใหญ่ถูกฉาย จูเก่อแจกอลเริ่มอธิบายอย่างกระชับ
“ห้ามใช้พลังวิเศษและไอเท็มทุกชนิด ถ้ามีการตรวจพบคลื่นพลังวิเศษจะถูกปรับแพ้ทันที… ครูอิมยอนวาจะดวลกับนักเรียนห้อง 3/0 ทีละคน”
หัวใจผู้ชมถูกเขย่าโดยคำบรรยายของจูเก่อแจกอล
หากเป็นไปตามกติกาดังกล่าว อิมยอนวาต้องกำราบนักเรียนห้อง 3/0 ด้วยพละกำลังล้วนๆ
เมื่อจูเก่อแจกอลอธิบายเสร็จ นักเรียนห้อง 3/0 ทยอยเดินขึ้นเวทีในสภาพสวมผ้าเตี่ยวทับชุดพละ
‘ไม่อ่านหนังสือเตรียมสอบปลายภาค ไม่ยอมให้สัมภาษณ์กับชมรมหนังสือพิมพ์… ที่แท้ก็ไปซุ่มปั้นกล้ามมา!’
บรรยากาศรอบตัวทุกคนดูเหมือนไปแอบฟิตหุ่นมาเพื่อการแข่งโดยเฉพาะ
“ขอทำการประกาศเงื่อนไขของทั้งสองฝั่ง… หากห้อง 3/0 ได้รับชัยชนะ ระหว่างปิดภาคเรียน ครูอิมยอนวาจะต้องทำงานหนักเยี่ยงกรรมกรเพื่อช่วยนักเรียนห้อง 3/0 ต่อต้านพลังจักรวาล”
เป็นเงื่อนไขที่บ้าบิ่นมาก
สีหน้าจูเก่อแจกอลดูประหลาดใจขณะอ่านบท แต่ยังสามารถขยับไปบรรทัดถัดไปอย่างสุขุม
“หากครูอิมยอนวาเป็นฝ่ายชนะ นักเรียนห้อง 3/0 ทุกคนต้องเข้าค่ายที่ครูประจำชั้นเป็นคนจัด… เดี๋ยวนะ นักเรียนทุกคนต้องเรียนซ่อม? ถูกต้องใช่ไหม”
ได้ยินคำถาม ทุกคนบนเวทีผงกศีรษะรับ
ดูเหมือนจะยอมรับเงื่อนไขนี้ได้
“แล้วครูอิมยอนวาจะรับคำท้าไหม”
จูเก่อแจกอลถามพร้อมกับยื่นผ้าเตี่ยวให้
อิมยอนวารับผ้าเตี่ยวไป พลางตะโกนอย่างมั่นใจ
“รับ!”
ได้เห็นสีหน้าของเธอ จูเก่อแจกอลเผยความกังวล
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาเป็นห่วงนักเรียนห้อง 3/0 มิใช่อิมยอนวา ทั้งที่กติกาเอื้ออำนวยกับฝ่ายแรกมากกว่า
และการแข่งหลังจากนั้นก็มิได้สูสีเลยแม้แต่น้อย
“นี่ วังจีโฮ”
“ว่าไง”
“…ครูอิมยอนวาเป็นมนุษย์แน่หรือ”
“มนุษย์แน่นอน ฉันตรวจสอบหลายรอบแล้ว”
ผ่านไปไม่นาน อิมยอนวาตะเบ็งคำรามหลังจากชนะเด็กห้อง 3/0 สิบกว่าคนไปอย่างขาดลอย
“ไม่สนุกเลย เข้ามาทีละสองเถอะ!”
อิมยอนวายื่นข้อเสนอ และนักเรียนห้อง 3/0 ที่กำลังยืนตัวสั่นด้วยความอับอาย รีบตอบรับทันควันเพื่อเพิ่มโอกาสคว้าชัยชนะ
“นี่มันไม่ใช่ระดับของมนุษย์แล้ว… ในบรรดาเผ่าแท้มีกอริลลาอยู่ด้วยไม่ใช่หรือไง”
“เห็นว่าพอถูกคนเข้าใจว่าเป็นเผ่าแท้มากเข้า เธอตัดสินใจศึกษาเกี่ยวกับเผ่าแท้จนแตกฉานวิชานี้ไปเลย”
ได้ฟังเสียงกระซิบกระซาบจากเด็กชมรมหนังสือพิมพ์ ดูท่าครูอิมยอนวาจะเป็นมนุษย์จริงๆ
ขณะผู้ชมกำลังพูดคุย ฉันเห็นอิมยอนวาใช้มือจับผ้าเตี่ยวของเด็กห้อง 3/0—หนึ่งข้างหนึ่งคน จากนั้นก็เหวี่ยงทั้งคู่ลอยไปในอากาศ
“เนื่องจากครูประจำชั้นห้องศูนย์อยู่ภายใต้ข้อจำกัดที่ว่า หากไม่แข็งแกร่งก็คงเอาตัวรอดได้ยาก… ฮัมกึนยอง จูเก่อแจกอล และอิมยอนวา… ก็อย่างที่นายรู้ ทุกคนถูกเลือกเพราะเป็นเพลเยอร์ที่แข็งแกร่ง ฉันสืบประวัติอย่างละเอียดแล้ว พวกเขาเป็นแค่มนุษย์จริงๆ”
วังจีโฮพูดแบบนั้น พลางจับตามองอิมยอนวาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ได้ตรวจสอบพนักงานทั้งโรงเรียนเลยไหม?”
“ไม่ เห็นแบบนี้ฉันก็งานยุ่งนะ ไม่มีเวลาไปเจอหน้าเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนห้าร้อยกว่าคนหรอก อย่างมากก็อ่านเอกสารเอา”
แล้วทำไมไอ้คน ‘งานยุ่ง’ ถึงว่างขนาดมานั่งดูมวยปล้ำ?
“จริงสิ พอลองมานึกดู… ในบรรดาครูที่มีฝีมือใกล้เคียงสามคนนั้น มีอยู่หนึ่งคนที่ฉันไม่เคยไปเจอหน้าเลย”
“ใคร”
“กงชองวอน”
กงชองวอนยังไม่เคยเจอหน้าเสือเหลือง?
ไม่นานการแข่งก็จบลง
การโจมตีประสานระหว่างหัวหน้ากับรองหัวหน้าห้อง 3/0 ซึ่งเป็นสองคนสุดท้าย จบลงอย่างเปล่าประโยชน์ ไม่นานทั้งสองนอนแผ่อยู่บนกองทราย
“ครูอิมยอนวาเป็นฝ่ายชนะ!”
“ย๊าาาห์—!!”
เมื่อจูเก่อแจกอลประกาศผล อิมยอนวาร้องคำรามอย่างผู้มีชัย
ด้านนอกสังเวียน—บนกระบะทราย นักเรียนห้อง 3/0 กำลังยืนรวมตัว
เกือบทุกคนสะอื้นด้วยใบหน้าเจ็บใจ
หลังจากฉลองชัยชนะตามแรงยุของกองเชียร์ ด้วยการเดินวนไปรอบสังเวียน อิมยอนวามองไปทางนักเรียนของตนที่กำลังมีสภาพน่าเห็นใจ
เธอแย่งไมค์ไปจากจูเก่อแจกอลแล้วพูด
“เด็กๆ … ไม่ต้องร้องไห้นะ”
เสียงของเธอฟังดูเหมือนครูทั่วไปที่ห่วงใยนักเรียน
แม้จะขัดกับภาพลักษณ์ แต่มันก็จริงใจจนคนฟังรู้สึกอบอุ่น
“ครู…”
คำปลอบประโลมของอิมยอนวายิ่งทำให้พวกเขาร้องไห้หนักกว่าเก่า
เธอยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะเสริม
“การร้องไห้จะทำให้กล้ามเนื้อเล็กลงนะ ถ้าพวกเธออ่อนแอไปมากกว่านี้ ชีวิตจะไม่ยิ่งลำบากเอาหรือ”
ราวกับคำพูดนั้นแทงใจดำ สีหน้าของอูกีฮวันและนักเรียนห้อง 3/0 ต่างเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
ดูเหมือนไฟแห่งการต่อสู้ที่เคยดับมอดไป จะลุกโชนกลับมาอีกครั้ง