MasterGU.noted = ชื่อบทจากเว็บนอก -> Tiger and Snow/เสือและหิมะ (3)
เด็กชมรมคนอื่นกลับบ้านกันไปหมดแล้ว ในห้องชมรมหนังสือพิมพ์จึงไม่เหลือใครนอกจากพวกเรา
วังจีโฮมองฉันด้วยสีหน้าตกตะลึง
“ไหนลองใช้ใส่ฉัน”
วังจีโฮเคยพูดเองไม่ใช่หรือ ว่าการดื่มยาวิเศษจะช่วยให้ได้พลังเนตรของเผ่าเสือ แล้วทำไมถึงต้องตกใจขนาดนั้น?
แม้จะมีคำถาม แต่ในเมื่อผู้นำเผ่าเสืออยากเห็นสกิลด้วยตาตัวเอง ฉันรีบเปิดใช้งานโดยไม่รีรอ
〈สกิล ‘เนตรส่อง’ ทำงาน〉
วาบ—!
ทิวทัศน์เปลี่ยนไป ลูกตาและสมองเริ่มสั่น
สิ่งที่ชัดเจนที่สุดในทิวทัศน์นั้น คือนัยน์ตาสีทองอร่ามของวังจีโฮ
‘วังจีโฮก็เปิดใช้เนตรส่องเหมือนกัน?’
คลื่นพลังวิเศษในดวงตาวังจีโฮหายไปหลังจากสบตากันสักพัก
“…เป็นเนตรส่องจริงๆ”
แปลว่าฉันเข้าใจถูก
ดูเหมือนผู้ใช้เนตรส่องจะตระหนักถึงกันและกันขณะสกิลทำงาน
“แปลกมาก เรียนรู้ได้เร็วเกินไป… โชอึยชิน นายไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับเผ่าเสือแท้ๆ แล้วทำไมถึง…”
“แปลกยังไง”
“นอกเหนือจากการดื่มน้ำวิเศษในบ่อเทวสมบัติของเผ่าเสือ ยังมีอีกหนึ่งเงื่อนไขที่ต้องบรรลุเพื่อให้ได้ครอบครองเนตรส่อง”
“เงื่อนไข?”
ฉันถามขณะเปิดเนตรส่องค้างไว้
วังจีโฮมองเข้าไปในดวงตาฉันราวกับจะค้นหาเบาะแส
“หนึ่งในเงื่อนไขการได้รับเนตรส่อง คือต้องถูกเนตรส่อง ‘ส่อง’ เป็นเวลานาน”
มีเงื่อนไขแบบนั้นด้วยหรือ
ไม่แน่ใจว่า ‘เป็นเวลานาน’ ของวังจีโฮนั้นนานแค่ไหน แต่คงนานมากเพราะวังจีโฮดูจะตกใจพอสมควร
“ตามปกติแล้ว เป้าหมายที่ถูกพวกเรา ‘ส่อง’ เป็นเวลานาน หากไม่ใช่เหยื่อ ก็จะเป็นการจงใจถ่ายทอดเนตรส่องให้… ดังนั้น แม้จะมีใครมาขโมยน้ำในบ่อเทวสมบัติไปดื่ม อย่างมากก็แค่ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในความมืดได้เล็กน้อย”
วังจีโฮก้มมองท้องของฉัน
“ตอนที่เห็นนายถูกคราดซ่างเป่าซินจินทะลวงท้องบนดาดฟ้าของคีโมโพลียา ฉันตั้งใจว่าจะถ่ายทอดเนตรส่องให้ แต่นี่มันเร็วเกินไป ตามปกติแล้วควรจะใช้เวลาสามปีเป็นอย่างต่ำ หรือในกรณีพิเศษจริงๆ แบบนาย ฉันคำนวณไว้ว่าเร็วที่สุดคือตอนจบปีหนึ่ง”
ถ้าอิงจากที่วังจีโฮพูด เท่ากับว่าฉันถูกเนตรส่อง ส่องมาเป็นเวลานานแล้ว
‘จากที่ไหน… ได้ยังไง?’
คิดไปก็ไม่มีคำตอบ
“ไม่มีเบาะแสเลยหรือว่านายได้มันมายังไง”
ลืมเรื่องเบาะแสไปก่อน ฉันเพิ่งมาถึงโลกนี้ยังไม่ถึงปีด้วยซ้ำ
ต่อให้ถูกเผ่าแท้สักคนใช้เนตรส่องเพ่งมองตั้งแต่วินาทีแรก แต่ระยะเวลาก็ยังไม่เข้าเกณฑ์
และถ้าเป็นแบบนั้นจริง บรรดาเผ่าแท้ในโรงเรียนแสงเงินก็ต้องสังเกตเห็น
“นึกไม่ออกเลย”
“อาฮะ…”
วังจีโฮดูจะไม่ได้คาดหวังคำตอบแต่แรก
“ฉันจะช่วยนายพัฒนาเนตรส่องเอง วางแผนฝึกไว้แบบไหนล่ะ”
“มีคนรับปากว่าจะสอนฉันแล้ว”
ฉันมีนัดฝึกเพิ่มค่าความชำนาญให้คราดซ่างเป่าซินจินเป็นทุนเดิม
“เดี๋ยวฉันถามให้”
“…?”
ดูท่ายังจีโฮจะยังเดาคนสอนไม่ถูก
อีกฝ่ายคงไม่สนใจนักว่าวังจีโฮจะมาด้วยกันไหม แต่ฉันอยากขออนุญาตก่อนตามมารยาท
[ฉัน] วังจีโฮบอกว่าจะไปด้วย
ข้อความถูกอ่านและตอบกลับมาทันที
[แบคโฮกุน] ตกลง
วันนี้ฉันจะได้ฝึกกับเทพนิยายเผ่าเสือทั้งสองคนเลยสินะ
* * *
[คิมยูรี] วังจีโฮก็จะมาช้าเหมือนกัน?
[คิมยูรี] ก่อนจะเลิกติว พวกเราวางแผนว่าจะสอบวัดผลกัน ต้องมาให้ได้นะ!
[คิมยูรี] ที่หนึ่งกับที่สองจะได้สิทธิ์เลือกเมนูอาหารเย็นของวันพรุ่งนี้! ฮิฮิ
[คิมยูรี] ฉันจะรอนะ! ^▽^
ขณะนั่งแอร์บอร์ดไปหอฝึกสีเงิน ฉันแลกเปลี่ยนข้อความกับคิมยูรี
‘ดูเหมือนสภาพจิตใจของเธอจะดีขึ้นแล้ว คงเพราะได้อยู่กับเพื่อนร่วมห้องนานกว่าปกติ’
คิมยูรีผู้มีอาการหวั่นวิตกหลังจากบิดาเข้าโรงพยาบาล และผลการยืดอายุผนึกแสงประทานไม่เป็นใจ
พักนี้ดูเธอมีเรี่ยวแรงเหมือนได้นอนหลับพักผ่อนเพียงพอ
การได้อยู่กับเพื่อนนานขึ้นคงมีส่วนช่วยมาก
‘ถึงจะเป็นแค่มาตรการชั่วคราวก็เถอะ…’
เมื่อนึกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ฉันมีแรงกระตุ้นที่จะฝึกให้หนักขึ้น
“ใกล้ถึงแล้ว ฉันขอไปก่อนนะ!”
วังจีโฮตะโกนจากแอร์บอร์ดเครื่องข้างๆ
แอร์บอร์ดของเขาเป็นรุ่นที่ควบคุมเองได้ ไม่เหมือนกับรุ่นที่แจกให้เด็กนักเรียนอย่างฉัน
วังจีโฮแสดงฝีมือการเร่งความเร็วและร่อนลงจอดอันน่าทึ่ง แค่ดูยังรู้เลยว่าไม่ง่าย
‘ลองขอยืมเครื่องแบบนี้มาใช้บ้างดีไหม…’
ขณะครุ่นคิด แอร์บอร์ดของฉันร่อนลงจอดอย่างนุ่มนวล
เมื่อพับแอร์บอร์ดเก็บเสร็จ แบคโฮกุนปรากฏตัวจากอีกฟากหนึ่งของทะเลสาบหมอก
“ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าเจ้าคอยช่วยโชอึยชินฝึก ทำไมถึงไม่เล่าอะไรให้ฟังเลยล่ะ? เสือขาว”
แบคโฮกุนชำเลืองวังจีโฮด้วยหางตา แต่ก็ไม่ตอบ เพียงเดินผ่านบาเรียปัดเป่าเข้าไป
“คงมองว่าไม่จำเป็นต้องตอบสินะ… ยังแค้นเรื่องเก่าอยู่หรือ? เช่นเรื่องที่ข้าไม่ยอมเตือนว่าลูกหลานตัวปัญหานั่นแอบวางแผนกลั่นแกล้งเจ้า… ทุกวันนี้ก็ยังขุ่นเคืองไม่หายใช่ไหม ฮะฮะฮะ!”
“…”
แบคโฮกุนไม่พูดแม้แต่คำเดียว แต่น่าทึ่งมากที่บทสนทนายังคงดำเนินต่อไป
ชวนให้นึกถึงแชตระหว่างจางนัมอุกช่างจุกจิก กับอูซังฮุนผู้มักพิมพ์แค่พยัญชนะห้วนๆ ที่ดันคุยกันรู้เรื่องอย่างน่าอัศจรรย์
บทสนทนาสุดพิลึกระหว่างสองเทพนิยายเผ่าเสือดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งพวกเรามาถึงห้องฝึกที่มีเจ็ดดาวประจิมลอยอยู่บนเพดาน
“ที่นี่ไม่เปลี่ยนไปเลย… เจ็ดดาวเสือขาวแห่งขุนเขาอินวังซีดเซียวลงไปมากแล้ว คงเพราะไม่ได้รับพลังของเจ้าเลยสินะ”
ดูเหมือนหมู่ดาวในห้องฝึกจะเชื่อมต่อกับพลังของแบคโฮกุน
แบคโฮกุนแหงนมองเพดานโรงฝึกพร้อมกับชักเขี้ยวขาว
คงคิดจะเริ่มฝึกทันที
“วันนี้ฉันอยากฝึกใช้สกิลนี้ควบคู่ไปด้วย”
ก่อนที่แบคโฮกุนจะเริ่มบุก ฉันเปิดใช้งานเนตรส่อง
ส่วนวังจีโฮรีบฉากหลบเข้าหากำแพงด้วยดวงตาเป็นประกาย
〈สกิล ‘เนตรส่อง’ ทำงาน〉
วาบ!
ทันทีที่เนตรส่องทำงาน นัยน์ตาแบคโฮกุนส่องแสงสีขาวก่อนจะเลือนหายไป
เสือขาวชะงักด้วยท่าทีครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ตามด้วยผงกศีรษะ
“ตกลง”
“…ปรับตัวได้เร็วจังนะ”
วังจีโฮทำหน้าผิดหวังเมื่อเห็นว่าแบคโฮกุนไม่ประหลาดใจอย่างที่คิด
แต่ไม่กี่อึดใจถัดมา เสือเหลืองทำตาเป็นประกายยิ่งกว่าเก่า
“หืม…”
ท่าทีดังกล่าวทำเอาฉันรู้สึกใจคอไม่ดี
คลื่นพลังวิเศษสีขาวเริ่มเอ่อล้นจากร่างแบคโฮกุน
“นี่คือพยัคฆ์เงา บริวารที่เกิดจากการเลียนแบบข้า”
สิ้นเสียงเสือขาว กระแสคลื่นพลังวิเศษไหลมารวมตัวกันเป็นรูปร่างเสือ
บริวารเงาที่ปราศจากวิญญาณหรือความคิด
บริวารที่เสือขาวจะเรียกออกมาได้แค่ในถิ่นของตัวเอง
‘คิดจะใช้เจ้านี่ในการฝึก…?’
ฉันพอจะรับรู้ความน่ากลัวของพยัคฆ์เงาได้คร่าวๆ จากในเกม
เงาสีขาวที่กำลังนอนหมอบเรียบร้อยข้างเท้าแบคโฮกุน สามารถตะปบแขนคนขาดได้ในพริบตาเดียว
“โชอึยชิน ใช้เนตรส่องเพื่อตรึงพยัคฆ์เงา และใช้คราดซ่างเป่าซินจินรับมือข้า”
…ไอ้เราก็นึกว่าจะฝึกแยกกัน
อยู่ดีๆ แบคโฮกุนก็เพิ่มระดับความยากโดยไม่ปรึกษา
‘…แค่เขี้ยวขาวก็เต็มกลืนแล้วแท้ๆ!’
ฉันเริ่มเห็นความลำบากอยู่รำไร
วังจีโฮเอาแต่ทำตาเป็นประกายราวกับจะยิงลำแสงออกมา
แบคโฮกุนพุ่งใส่ฉันทันทีที่คราดซ่างเป่าซินจินถูกเสก
* * *
หลังจากฝึกเสร็จ, ที่บ้านคิมยูรี
เพื่อนทุกคนกำลังติวหนังสือในห้องนั่งเล่น ยกเว้นมินกือรินที่กลับไปก่อน
“ยินดีต้อนรับ! เรากำลังจะเริ่มทำข้อสอบกันพอดี”
“หือ… อึยชินดูเหนื่อยๆ นะ”
อย่างที่ควอนเลนาพูด ฉันเหนื่อยจริงๆ
แบคโฮกุนกับบริวารโหมบุกใส่ฉันโดยแทบไม่ปล่อยให้พักหายใจ การฝึกวันนี้หนักหน่วงจนต้องพึ่งพาไอเท็มฟื้นฟูโนเวลกูดอทคoม
เพื่อให้มาติวทันเวลา ฉันจำใจต้องใช้มันอย่างไม่มีทางเลือก
‘อย่างน้อยการฝึกก็ช่วยให้ลูกตาสั่นน้อยลงขณะใช้เนตรส่อง อีกทั้งความชำนาญของคราดซ่างเป่าซินจินก็ยังเพิ่มขึ้นมาก’
การฝึกของแบคโฮกุนเป็นไปอย่างเข้มข้นและเอาจริงเอาจัง
วังจีโฮที่รับชมการฝึกจนจบ ถึงกับต้องพูดออกมา
— …หนักหน่วงกว่าตอนที่ฝึกเจ้าเด็กมีปัญหากับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เสียอีก
ก็น่าดีใจอยู่หรอกที่ตัวละครควบคุมได้ช่วยเคี่ยวเข็ญฉันอย่างหนัก
แต่ความสุขไม่ช่วยให้ร่างกายหายเหนื่อย
เมื่อลองนึกย้อนกลับไป ฉันเริ่มพบความไม่ชอบมาพากล
‘ว่าแต่… เจ้าบ่วงต้องฝึกด้วยหรือ ฝึกแบบไหน? สู้ยังไง? ฝากถ่ายรูปมาได้ไหม? หรือถ้าให้นั่งดูด้วยจะยินดีมาก’
ความคิดฟุ้งซ่านของฉันถูกหยุดด้วยเสียงแจ้งเตือน
บิ๊บิ๊บิ๊บ!
หน้าจอของแอปฯ ข้อสอบปิดตัวลงพร้อมกับเสียงแจ้งเตือนหมดเวลา
“เอาล่ะ ฉันจะประกาศผลเลยนะ! ขอแจ้งให้ทราบล่วงหน้า สำหรับแอปฯ นี้ ค่าเฉลี่ยของนักเรียนโรงเรียนแสงเงินจะอยู่ที่เจ็ดสิบคะแนน!”
คิมยูรีผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มติวของห้อง 1/0 ทำการฉายโฮโลแกรมอันดับคะแนน
[โชอึยชิน – 100 คะแนน]
[ฮันอี – 100 คะแนน]
[คิมยูรี – 95 คะแนน]
[ซาวอลเซอึม – 86 คะแนน]
[มินกือริน – 85 คะแนน]
[อีเลนา – 59 คะแนน]
[วังจีโฮ – 40 คะแนน]
[เม็งเฮียวทง – 29 คะแนน]
คะแนนออกมาใกล้เคียงกับผลสอบกลางภาค
ต่างกันตรงที่ครั้งนี้เม็งเฮียวทงสอบตก
ดูเหมือน ‘คุณสมองหิน’ ต้องลำบากตรากตรำเพิ่มขึ้นอีกมากในการสอบกลางภาค
“ได้ยังไง… รองหัวหน้าห้องไม่ได้อยู่ติวด้วยกันแท้ๆ ทำไมถึงได้เต็ม!”
“ฉันก็เล็ง 100 คะแนนไว้เหมือนกัน น่าเสียดายจัง…!”
“กือรินสอบทางไกลทันเวลาสินะ! ตอนแรกฉันกลัวว่าจะเวลาคลาดเคลื่อน”
เด็กๆ ชื่นชมผลคะแนนจากโฮโลแกรมอยู่สักพัก
“จีโฮก็ได้สี่สิบคะแนนเหมือนครั้งก่อนๆ … รอดพ้นจากการสอบตกอย่างหวุดหวิด”
“ฟังดูยากเกินกว่าจะตั้งใจทำได้ทุกครั้งนะ”
“ฮะฮะฮะฮะ!”
…สอบคาบเส้นได้ทุกครั้งแบบนี้ พวกนายดูยังไงถึงคิดว่าไม่ได้ตั้งใจ?
วังจีโฮเอาตัวรอดจากการสอบตกได้เสมอ ขณะเดียวกันก็ช่วยเป็นขั้นบันไดให้นักเรียนคนเหยียบขึ้นไป
“ถ้าอย่างนั้น สิทธิ์ในการเลือกเมนูมื้อค่ำวันพรุ่งนี้ตกเป็นของฮันอีกับอึยชิน! พวกเธออยากกินอะไร?”
“วันนี้ฉันมาสาย ขอยกสิทธิ์ให้ฮันอีก็แล้วกัน”
ได้ยินคำตอบฉัน ฮันอีอมยิ้มพลางเลือกเมนูหวานๆ อย่างอารมณ์ดี
เมนูมื้อเย็นวันพรุ่งนี้ได้แก่ ‘โคโคนัตมิลค์คาเร’ (Coconut Milk Curry) และ ‘ตอติญ่าน้ำผึ้งกระเทียม’ (Honey Garlic Tortillas)
ฉันสัญญาว่าพรุ่งนี้จะมาติวให้ตรงเวลาและร่วมโต๊ะอาหารพร้อมหน้าทุกคน
(*Coconut Milk Curry – อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจว่าชื่อไทยควรเป็นอะไร แต่จะแปลตรงตัวว่า ‘แกงกะหรี่กะทิ’ ก็คงไม่ได้ เท่าที่ลองค้นหาข้อมูลดู มันคือเมนูแกงกะหรี่ดัดแปลงที่รสชาติอ่อนกว่าปกติ แต่จะออกไปทางหวานๆ มันๆ หอมกะทิ)
* * *
เช้าวันถัดมา
ฉันตื่นแต่เช้าเพื่อไปโรงเรียน ระหว่างทางก็อ่านข้อความที่ซองซีวานส่งมาเมื่อคืน
[ซองซีวาน] ฉันลองค้นประวัติของคุณปู่สมัยที่เคยเรียนโรงเรียนแสงเงินดูแล้ว
[ซองซีวาน] เขาสร้างวีรกรรมไว้เพียบเลยล่ะ คงต้องใช้เวลาอีกสักพัก… ฮะฮะฮะ!
ซองซีวานเริ่มสืบจากเบาะแสที่ตนเห็นในห้องบอส
‘พอเห็นว่าเป็นคุณปู่ ดูจะกระตือรือร้นขึ้นมาทันทีเลยนะ’
แต่กำลังจะบอกว่า อดีตประธานสมาคมเพลเยอร์สาขาเกาหลีสร้างวีรกรรมไว้มากมายสมัยเรียน?
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ซองกุกอุน หรือกุกอุนไร้เทียมทาน เดินตามรอยเท้าคุณปู่เป๊ะๆ เลยสินะ
[ซองซีวาน] อ๊ะ! จริงสิ สุดสัปดาห์นี้ฉันจะไปเดินสำรวจห้องอ่านหนังสือของคุณปู่ อึยชินอยากมาด้วยกันไหม
[ซองซีวาน] อีดัมบอกว่าจะมาด้วย ถ้านายว่างก็มาได้นะ ฮะฮะ!
ขณะฉันกำลังเขียนคำตอบ ใครบางคนเดินมาตบไหล่
“ไง”
เมื่อหันไปมองก็ได้เจอกับเม็งเฮียวทง
ฉันไม่ได้คิดว่าจะเจอใคร เพราะออกมาเร็วกว่าปกติราวหนึ่งชั่วโมง
“นายตื่นเช้าจัง”
“ก็นิดหน่อย… เมื่อวานมีพวกแปลกๆ มาก่อกวนไม่ใช่รึไง”
เม็งเฮียวทงอาจไม่แสดงออก แต่เขาคงหัวเสียเรื่องที่มินกือรินถูกคุกคามเมื่อวาน
พวกเราเดินตรงไปทางเขตอาคารเรียนปีหนึ่ง พลางพูดคุยเกี่ยวกับมื้อเช้าของโรงอาหารอย่างซีเรียลบลูเบอร์รี กับปลาเนื้อขาวย่างติดหนัง
“อรุณสวัสดิ์! ทุกคนมาเร็วกันหมดเลยสินะเนี่ย”
“สุดยอด ตื่นเช้ากันหมดเลย…”
“สวัสดี”
นักเรียนทุกคนในห้อง มาถึงโรงเรียนแต่เช้าโดยมิได้นัดหมาย
หากไม่นับมินกือรินกับวังจีโฮ ฉันกับเม็งเฮียวทงถือเป็นสองคนสุดท้าย
“ถึงครูยงจะจัดการไปแล้ว แต่ฉันก็ไม่อยากนิ่งนอนใจ… ทุกคนคิดเหมือนกันเลยสินะ!”
คิมยูรีกล่าวด้วยรอยยิ้มสดใส
อย่างที่คิด เด็กทุกคนในห้องนิสัยดีจริงๆ
แม้จะไม่เห็นวี่แววของนักเรียนชมรมศิลปะหรือกลุ่มย่อยภาพวาดตะวันออก แต่นักเรียนห้อง 1/0 ตัดสินใจยืนคุยกันอยู่หน้าห้องเพื่อรอมินกือรินมา
ไม่นานวังจีโฮก็มาถึง ไล่เลี่ยกับเด็กนักเรียนปีหนึ่งห้องอื่นๆ ที่มาโรงเรียนตามเวลาปกติ
จนกระทั่งมินกือรินแอบย่องมาจากเส้นทางที่ปลอดคน
“เอ่อ… ทุกคนมากันเร็วจัง…”
เด็กห้อง 1/0 ที่เตรียมจะกล่าวทักทายมินกือริน ต่างพากันชะงักคำพูด
เพราะด้านหลังของเธอ ซงแดยอกกำลังยืนอยู่ในชุดลำลอง