เห็นได้ชัดว่าชิวหงรู้สึกขุ่นเคืองใจกับความผิดพลาดของตัวเอง เขาสงวนท่าทีได้ในช่วงต้น แต่น้ำเสียงก็ค่อยๆ เปลี่ยนจากการเล่าเรื่องเป็นการบ่น
เผยเชียนสัมผัสได้ถึงความอับอายจากน้ำเสียงของชิวหง
ในฐานะผู้ผลิตเกมที่เคยประสบความสำเร็จ ทักษะการออกแบบเกมของชิวหงย่อมไม่ใช่จุดที่มีปัญหาแน่ๆ
แน่นอนว่าทักษะการออกแบบที่ว่าหมายถึงทักษะการออกแบบเกมที่มีการวางเพดานค่าใช้จ่าย เขาไม่สามารถทำเกมแบบอื่นได้
แต่ปัญหาก็อยู่ที่ชิวหงไม่คิดสร้างเกมแนวอื่นด้วย เขาวางเป้าหมายชัดเจนว่าจะทำเงินด้วยการสร้างเกมที่มีการวางเพดานค่าใช้จ่าย
เห็นได้ชัดว่าความล้มเหลวของเขาไม่ได้มาจากความสามารถในการออกแบบ แต่เป็นเพราะเขาเป็นเจ้านายที่ไม่ดี
ชิวหงเน้นย้ำว่า ‘การบริหารจัดการโปรเจ็กต์’ คือปัจจัยร้ายแรงที่สุดของความผิดพลาดที่เกิดขึ้น จุดนี้เขามีเรื่องอยากพูดอยู่หลายเรื่อง
ชิวหงเล่ามาตรการต่างๆ ที่เขาใช้ส่งเสริมการบริหารจัดการโปรเจ็กต์ให้ ‘หม่าหยาง’ ฟัง
ตัวอย่างเช่น บังคับให้พนักงานตอกบัตรเข้าออก เพื่อคุมให้พนักงานเข้างานเร็วๆ และออกงานช้าๆ และแบ่งกำไร 10% ของเกมให้พนักงานเป็นโบนัส
มาตรการเหล่านี้ช่วยทำให้สถานการณ์ในบริษัทและประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มสูงขึ้น แต่ก็ยังป้องกันพวกเขาจากชะตาที่ต้องล้มเหลวไม่ได้
เผยเชียนรู้สึกปวดใจเล็กน้อย
ที่ว่ามาก็ดูเป็นปัจจัยสู่ความล้มเหลวชัดๆ
แต่ดูจะเป็นวิธีที่เขาเอามาใช้ประโยชน์ไม่ได้…
พนักงานของเขาเป็นพวกบ้างานอยู่แล้ว เขาจงใจไม่โยงการแจกโบนัสตามกำไรและหันมาแจกตามชื่อเสียงที่ได้แทนเพื่อไม่ให้พวกเขาคิดเรื่องทำเงินอย่างเดียว
ขืนแจกโบนัสตามกำไรก็ฉิบหายวายวอดกันพอดี
ประเด็นอยู่ตรงที่ชิวหงบอกว่าสาเหตุหลักที่ทำให้ล้มเหลวมาจากการที่พนักงานของเขาชอบอู้
แต่ปัญหาของเผยเชียนคือเขาส่งเสริมให้พนักงานอู้มาตลอด แต่ไม่มีใครยอมอู้!
แล้วจะทำยังไงดี
ถึงจะรู้คำตอบ แต่ก็ไม่รู้วิธีที่เป็นไปได้ในการแก้ปัญหานี้!
อารมณ์ของชิวหงเดือดขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างพูดจนเผยเชียนไม่กล้าขัด
ในที่สุดชิวหงก็หยุดเพื่อจิบกาแฟ น่าจะพูดมานานจนคอแห้ง
เผยเชียนลองถาม “งั้นผมขอถามได้มั้ยว่า มาตรการอะไรของบริษัทที่จะทำให้พนักงานอู้และตารางงานไม่คืบหน้า”
ชิวหงผงะไป “เอ๋ ไม่ใช่ว่าความขี้เกียจมันติดตัวมาตั้งแต่เกิดแล้วเหรอครับ คุณไม่ต้องทำอะไร พวกเขาก็ขี้เกียจกันเองตามธรรมชาติ”
เผยเชียน “…”
ไม่จริง ไม่เห็นตรงกับประสบการณ์ของฉันเลย
ฉันไม่สนใจบริษัทตัวเองอยู่ตั้งบ่อย เข้าออฟฟิศแค่วันละสองสามชั่วโมง ทำไมโปรเจ็กต์เกมของฉันยังดำเนินไปตามตารางเป๊ะๆ เลยล่ะ
เผยเชียนถามขึ้นอีก “งั้นถ้าไม่ให้พนักงานตอกบัตรเลย มีขนมเครื่องดื่มให้กินไม่อั้น ห้ามทำงานล่วงเวลา แจกโบนัสแบบไม่อิงกำไรของโปรเจ็กต์ ไม่ถามความคืบหน้างาน… จะเป็นไปได้มั้ยที่งานจะดำเนินไปตามตารางที่วางไว้และทำกำไรได้”
สีหน้าของชิวหงเปลี่ยนจากตื่นเต้นเป็น ‘นี่ล้อกันเล่นรึเปล่า’
“เป็นไปไม่ได้เลยครับ!
“บอสหม่า ถ้าคุณเป็นคนช่างฝัน ผมแนะนำให้ซื้อหวย น่าจะเป็นจริงได้ง่ายกว่า”
เผยเชียนปรบมือ รู้สึกเหมือนได้เจอเพื่อนรักที่เข้าใจกัน “ใช่ ผมก็คิดแบบนั้นแหละ! มันไม่น่าจะเป็นไปได้!
“แต่เท่าที่รู้มา ฝ่ายเกมของบริษัทผม…เหมือนจะทำตามที่ผมว่ามา”
ชิวหงไม่ได้ตอบกลับทันที เขาส่ายหน้าเบาๆ แล้วยกกาแฟขึ้นจิบ
ผ่านไปครู่ใหญ่เขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขมขื่น “บอสหม่าครับ ผมคิดว่าคุณน่าจะเห็นแค่เบื้องหน้า
“นั่นแสดงให้เห็นว่าความสามารถด้านการบริหารจัดการโปรเจ็กต์ของฝ่ายเกมเถิงต๋าอยู่ในระดับสูงเสียดฟ้าจนย้อนกลับมาอยู่ในจุด ‘สูงสุดคืนสู่สามัญ’
“ความสามารถด้านการบริหารจัดการที่สูงระดับนั้นไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะเอาเป็นแบบอย่างได้
“เหมือนในนิยายกำลังภายในบางเรื่อง ตัวเอกชนะคนอื่นๆ ได้แม้จะไม่มีเคล็ดวิชาอะไร แต่ถ้าคนอื่นๆ ทำตามก็จะโดนอัดจนเละ
“บอสหม่า ผมแนะนำว่าให้เอาฝ่ายเกมเถิงต๋าออกจากหัวไป คุณไม่มีทางทำตามได้
“ผมไม่ได้ดูถูกคุณ เพราะผมเองก็ทำตามไม่ได้ คนส่วนใหญ่ในโลกก็ทำตามไม่ได้เหมือนกันครับ
“นักธุรกิจอัจฉริยะแบบบอสเผยหาตัวจับได้ยากมาก ประสบการณ์ของอัจฉริยะระดับนั้นไม่ใช่สิ่งที่เราจะเอามาใช้เป็นแบบอย่างได้”
เผยเชียน “…”
เอาฝ่ายเกมเถิงต๋าออกจากหัวเหรอ
เป็นไปไม่ได้ ฉันมาเรียนก็เพราะจะไปจัดการปัญหาของฝ่ายเกมเถิงต๋า มาบอกให้ฉันยอมแพ้ได้ไง!
ระดับสูงเสียดฟ้าคืออะไร สูงสุดคืนสู่สามัญคืออะไร แกพูดเรื่องบ้าอะไรของแก!
เผยเชียนพูดอะไรไม่ออก ไหนล่ะประสบการณ์ความล้มเหลวที่ฉันอยากเรียน
ไหงกลายเป็นซ้ำศพอีกรอบได้เนี่ย!
ชิวหงหันมองนาฬิกา “โอ๊ะ หมดเวลาแล้วครับ
“วันนี้สนุกมากเลยครับบอสหม่า ผมไม่ได้คุยเปิดอกแบบนี้มานานแล้ว ได้ระบายอะไรที่อัดอั้นในใจออกมาหมดเลยครับ!”
เผยเชียน “…”
ได้ระบายอะไรที่อัดอั้นในใจออกมาหมดเลยงั้นเหรอ
แต่ฉันไม่เห็นได้ระบายอะไรเลย กลายเป็นมีเรื่องให้หนักใจขึ้นกว่าเดิมอีก…
เผยเชียนถาม “แล้วคลาสหน้าจะพูดเรื่องปัจจัยความล้มเหลวอื่นใช่มั้ยครับ”
ชิวหงพยักหน้า “ใช่ครับ ผมรู้สึกว่าเราน่าจะเป็นเพื่อนสนิทกันได้นะครับบอสหม่า เรามีอะไรบางอย่างเหมือนกัน
“มันคืออะไรกันนะ…
“เหมือนเราทั้งสองคนจะมีความทะเยอทะยานที่สูญเปล่า เรามีเป้าหมายแต่ไม่มีใครให้ความร่วมมือ
“ไม่ต้องห่วงนะครับบอสหม่า เราจะผ่านไปได้แน่นอน!
“ผมจะสอนทุกเรื่องที่ผมรู้และหาได้! เราจะก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน!”
มีเป้าหมายแต่ไม่มีใครให้ความร่วมมือเหรอ
โคตรจะจริง!
เผยเชียนเงียบไปพักหนึ่ง ถึงเขากับชิวหงจะมีเป้าหมายที่ต่างกัน แต่พวกเขาก็พยายามเต็มที่เพื่อให้หลุดจากวังวนความล้มเหลวเพื่อไปให้ถึงวันพรุ่งนี้ที่สดใส!
เราน่าจะเป็นเพื่อนสนิทกันได้จริงๆ แหละถ้าดูจากจุดนี้
เผยเชียนรู้สึกท่วมท้นจึงจับมือของชิวหงที่ยื่นมาหาไว้แน่น “โอเคครับ เราจะพยายามเต็มที่ไปด้วยกัน!”
…
…
วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม
บริษัท OTTO
ช่วงวันหยุดยาวเพิ่งผ่านไป วันนี้เป็นวันทำงานวันแรกของบริษัท OTTO พวกเขากลับมาทำงานกันอย่างขยันขันแข็งทันที
ฉางโหย่วเดินผ่านโซนทำงานในออฟฟิศ สายตาของเขากวาดมองไปรอบๆ เพื่อสังเกตพนักงานโuเวลกูดoทคอม
“จิตวิญญาณเถิงต๋ามีอิทธิพลอย่างเห็นได้ชัดขนาดนี้เลยเหรอ”
ฉางโหย่วรู้สึกสับสนเล็กน้อย
เขารู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงบางอย่างในบริษัท OTTO
ผ่านมาครึ่งปีแล้วหลังบริษัท OTTO ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว
พนักงานหลักรวมตัวฉางโหย่วเองล้วนมาจากบริษัทหงเฉิง บอสเผยไม่เคยมายุ่งกับการทำงานประจำวันในบริษัทเลย ผู้อำนวยการหลินเองก็ไม่เคยชี้นิ้วสั่งว่าต้องจัดการบริหารบริษัทยังไง
เพราะงั้นวิธีการทำงานช่วงเริ่มต้นของบริษัท OTTO จึงเหมือนที่บริษัทหงเฉิงเป๊ะ
แต่ถึงพนักงานจะเป็นเซตเดิม แต่วิธีการทำงานของทุกคนก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปตามสไตล์การทำงานของเถิงต๋า
สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดคือเวลาทำงานของทุกคนน้อยลง แต่ภาระงานยังเท่าเดิม
แสดงว่าประสิทธิภาพการทำงานของทุกคนเพิ่มขึ้น
ฉางโหย่วยังจำตอนทำงานที่บริษัทหงเฉิงได้ เขามักจะเห็นคนแอบอู้งานอยู่ตลอดตอนเดินไปที่โซนทำงาน
แน่นอนว่าเขาไม่ได้ตำหนิอะไร เพราะคิดว่าทุกคนไม่มีทางทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่ตลอดเวลา ต้องมีช่วงให้พักผ่อนบ้าง
แต่ตอนนี้ทุกคนกลับทำงานกันอย่างมีประสิทธิภาพและแทบไม่อู้งานเลย!
เรื่องนี้แค่ปรายตามองแวบเดียวก็มองออกแล้ว
ดูตัวอย่างจากวันนี้ ถ้าเป็นที่บริษัทหงเฉิง ส่วนใหญ่น่าจะวางแผนงานสำหรับสัปดาห์นี้ ตอบอีเมลที่คั่งค้างจากช่วงวันหยุด และเล่นมือถือจนหมดช่วงเช้า
แต่ตอนนี้ทุกคนใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงวางแผนงานกับตอบอีเมล แล้วใช้เวลาที่เหลือตั้งหน้าตั้งตาทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง
ที่สำคัญที่สุดเลยคือบอสเผยแทบจะไม่แวะมา แถมยังไม่เคยบอกให้พวกเขาเรียนรู้เรื่องจิตวิญญาณของเถิงต๋าด้วย
แล้วอิทธิพลนี้แทรกซึมเข้ามาอย่างเงียบเชียบได้ยังไง
ยิ่งคิดฉางโหย่วก็ยิ่งรู้สึกว่าบอสเผยมีวิธีการบริหารจัดการโปรเจ็กต์เป็นของตัวเอง!
ฉางโหย่วเคยต้องเช็กเวลาเข้างาน วางเป้าหมาย และคอยถามคำถาม
แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นแล้ว ทั้งบริษัทดำเนินไปได้ด้วยตัวเอง เพราะทุกคนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
เขารู้สึกว่าตัวเองทำงานได้สบายมากเกินไปภายใต้การบริหารจัดการโปรเจ็กต์รูปแบบนี้ เขาไม่ต้องเสียพลังงานไปกับการตามเร่งพนักงาน จึงพุ่งเป้าไปที่การกำหนดทิศทางของบริษัทได้เต็มที่
“ถ้ามีเวลาต้องไปขอคำแนะนำเรื่องวิธีบริหารงานอันสุดยอดนี้กับบอสเผย บอสทำยังไงถึงฝังแนวทางการทำงานได้อย่างแยบยลแบบนี้ หรือบอสจะมีแนวคิดเรื่องการบริหารจัดการโปรเจ็กต์ของตัวเอง”
หลังจากมโนเรื่องบอสเผยเสร็จ ฉางโหย่วก็เริ่มทำงานส่วนของสัปดาห์นี้
วันนี้เขาต้องถอดปริศนาที่บอสเผยทิ้งไว้ให้
บอสเผยเลื่อนแผนงานของบริษัท OTTO ออกไป โดยให้หยุดพัฒนามือถือรุ่นใหม่ ขยายเวลาออกไปอีกสิบเดือนเพื่อตั้งห้องวิจัยพัฒนาซอฟต์แวร์ สร้างแอปพลิเคชันที่จำเป็นต่อการใช้งาน และยกระดับอัลกอริทึมรูปภาพ
ฉางโหย่วลองวิเคราะห์เรื่องนี้ดูแล้ว
หลังจากสะท้อนคิดอย่างจริงจัง เขาก็รู้สึกว่าวิธีของบอสเผยถูกต้องมาก!
มือถือ OTTO E1 เป็นมือถือไฮเอนด์ราคาแพง แต่ขณะเดียวกันก็เป็นมือถือที่เต็มไปด้วยข้อด้อย
ถ้าพัฒนามือถือรุ่นใหม่ทันที ลูกค้าที่ซื้อมือถือ OTTO E1 ไปแล้วจะคิดยังไง
‘ฉันรักมือถือเครื่องนี้เหมือนลูก แต่พวกคุณกลับดูแลฉันแบบทิ้งๆ ขว้างๆ’
กลยุทธ์การวางราคาของ OTTO คือไม่ลดราคาเด็ดขาด แต่ถ้าปล่อยมือถือรุ่นใหม่ออกมาถี่เกินไป ลูกค้าที่ซื้อรุ่นก่อนหน้านี้ไปจะไปยืนอยู่ตรงจุดไหน
ถึงจะมีบริการนำเครื่องเก่ามาแลกเครื่องใหม่ แต่การปล่อยมือถือรุ่นใหม่ออกมาถี่ๆ จะทำลายภาพลักษณ์ของแบรนด์
เพราะงั้นบอสเผยเลยให้ใช้เวลาหนึ่งปีขัดเกลาซอฟต์แวร์ ไม่ว่าจะเป็นระบบปฏิบัติการ อัลกอริทึมรูปภาพ แอปพลิเคชันที่ใช้งานบ่อย และอื่นๆ การทำแบบนี้สามารถตีความได้อย่างน้อยสามระดับ
รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับลูกค้า
ขยายรอบการปล่อยมือถือรุ่นใหม่เป็นหนึ่งปีเพื่อให้มั่นใจว่าตอนนั้นจะมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและสมบูรณ์พอ มือถือรุ่นใหม่จะได้มีลูกเล่นมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เป็นการรักษามูลค่าของ OTTO E1 ด้วย
ลงเวลาไปกับการค้นคว้าและพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อเพิ่มมูลค่าของมือถือ กลบจุดด้อย และทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุ้มเงินที่จ่ายไป
หลังจากเข้าใจจุดประสงค์เบื้องหลังนโยบายของบอสเผย ฉางโหย่วก็ตัดสินใจทุ่มเงินก้อนโตเปิดห้องวิจัยเกี่ยวกับเรื่องรูปภาพ โดยจะทุ่มเทพัฒนาเลนส์มือถือ ปรับปรุงอัลกอริทึมรูปภาพ และพัฒนาซอฟต์แวร์เกี่ยวกับการถ่ายภาพ!
แต่บอสเผยก็ให้แนวทางการทำงานใหม่มาหลังเขาวิเคราะห์จุดประสงค์บอสเผยได้สองวัน
ตอนนี้ฉางโหย่วงงมาก
บอสเผยสั่งให้บริษัท OTTO พัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับจองคิวเข้าใช้ฟิตเนส
ฟังก์ชันที่ต้องการนั้นเรียบง่ายมาก เป็นโปรเจ็กต์เสนอโดยคนที่ชื่อกั่วลี่เฉิง หลังเข้าใช้งานแอป ลูกค้าจะเห็นข้อมูลการออกกำลังกาย ตารางการเข้าใช้งานฟิตเนส ไม่มีอะไรมากจากนี้…
ฉางโหย่วไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องให้บริษัท OTTO ทำแอปที่เรียบง่ายขนาดนี้ด้วย
ทีมซอฟต์แวร์ของพวกเขาทำแอปที่ซับซ้อนกว่านี้ได้ แต่นี่เป็นแอปลงเวลาเข้าใช้ฟิตเนสง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้ แล้วทำไมบอสเผยถึงมอบหมายงานนี้ให้พวกเขา แถมแอปนี้ก็แตกต่างจากแนวทางที่บอสเผยเคยให้ไว้อย่างสิ้นเชิง
ที่แปลกที่สุดคือ บอสเผยย้ำมาว่าห้ามลงเป็นแอปติดเครื่องตั้งแต่ต้น
ทำไมล่ะ
ฉางโหย่วมอบหมายงานต่อทันทีเมื่อได้รับคำสั่งมา แต่คิดอยู่หลายวันเขาก็ยังไม่เข้าใจจุดประสงค์เบื้องหลังคำสั่งนี้อยู่ดี
ถ้าเป็นคนที่ไม่คิดอะไรก็คงจะทำให้เสร็จๆ ไปตามที่สั่งมา
แต่หลังความสำเร็จอย่างงดงามของบริษัท OTTO E1 ฉางโหย่วก็มั่นใจว่าถึงคำสั่งของบอสเผยจะดูเรียบง่าย แต่จริงๆ มีจุดประสงค์ลึกซึ้งซ่อนอยู่
ไม่งั้นทำไมบอสเผยถึงต้องเจาะจงมอบหมายงานนี้ให้พวกเขาด้วย