📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี – ตอนที่ 478

บทที่ 478 - ฝึกมือกันแบบนี้ทุกวันเลยเหรอ
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

วันเสาร์ที่ 9 เมษายน

ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู สาขามหาวิทยาลัยฮั่นตง

หลังจากจัดการแผนกเกมทั้งสองแห่งและเตรียมการเบื้องต้นสำหรับฟิตเนสเสร็จแล้ว เผยเชียนก็วางแผนว่าวันหยุดสุดสัปดาห์นี้เขาจะพักผ่อนเต็มที่หลังจากที่ไม่มีเวลาได้พักมานาน

เขานั่งจิบกาแฟสบายๆ อยู่ตรงที่นั่งข้างหน้าต่างของร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู เฝ้าดูผู้คนเดินกันขวักไขว่ไปมาบนท้องถนนข้างนอก พลันเริ่มทบทวนงานทั้งหมดที่ต้องจัดการต่อจากนี้

อีกไม่นานบริษัทจะได้ส่วนแบ่งกำไรจากยอดขายตั๋วหนัง จะมีเงินมหาศาลโอนเข้ามาในบัญชีธนาคารของบริษัท

เผยเชียนคิดไว้แล้วว่าจะเอาเงินก้อนนั้นไปใช้ยังไง เขาจะทำโปรเจ็กต์คอนโดมิเนียม

ก็คงไม่ต่างจากฟิตเนสฝากประจำ นอกจากจะช่วยให้ตัวเลขของเขาติดลบ ยังใช้เป็นสวัสดิการให้พนักงานในบริษัทได้ด้วย ถือว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว!

แน่นอนว่าเขาต้องลงเงินจำนวนมากกับโปรเจ็กต์นี้ ก็เลยต้องคิดให้รอบคอบหน่อย

เผยเชียนคิดว่าจะซื้ออาคารเหมาะๆ สักแห่งแล้วเปลี่ยนมันให้กลายเป็นคอนโดมิเนียม แล้วใช้มันทดลองตลาดก่อน ถ้าทุกอย่างราบรื่นดี เขาค่อยทุ่มเงินส่วนที่เหลือเช่าอาคารหลังอื่นๆ แล้วรีโนเวตมัน

ระบบห้ามเก็งกำไรจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ พูดอีกอย่างคือเขาจะซื้ออาคารบ้านเรือนได้ก็ต่อเมื่อนำมาประกอบกิจการ จะซื้อทิ้งไว้เฉยๆ แล้วรอทำเงินตอนราคาตลาดขึ้นไม่ได้

หากมองอย่างนี้ การเช่าซื้ออาคารเพื่อมาเปิดร้านอาหารหรือโรงแรม จึงนับว่าเป็นการ ‘ประกอบกิจการ’

แต่หลังจากซื้อครัวส่วนตัวหมิงหยุนครั้งนั้น เผยเชียนก็ยังไม่มีความคิดที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์แห่งอื่นอีก หลักๆ เป็นเพราะสองสามรอบบัญชีที่ผ่านมา เงินตั้งต้นของเงินทุนระบบยังน้อยเกินไป

เวลาคำนวณเงินทุนระบบ มูลค่าสินทรัพย์ถาวรของบริษัทจำนวน 10% จะถูกนำไปคำนวณด้วย ซึ่งย่อมส่งผลกับการสรุปบัญชี

ถ้าเผยเชียนซื้ออาคารราคา 30-40 ล้านหยวน ตอนสรุปบัญชีระบบจะนำเงิน 3-4 ล้านหยวนเข้ามาคำนวณด้วย ในรอบบัญชีที่ผ่านมา เขามีเงินทุนตั้งต้นแค่ 10 ล้านหยวนเท่านั้น จำนวนสินทรัพย์ถาวรที่เพิ่มขึ้นมาจะคิดเป็น 30-40 % ของเงินทุนตั้งต้นเลยทีเดียว

การจะทำให้ขาดทุนต้องลำบากยิ่งกว่าเดิมแน่ๆ ดีไม่ดีทุกอย่างจะพาลผิดแผนไปหมด

แต่รอบนี้เงินทุนตั้งต้นที่ระบบให้มาคือ20 ล้านหยวน ถ้าใช้ลงทุนซื้ออาคารซัก 30-40 ล้านหยวน ก็คงไม่กระทบตอนสรุปบัญชีเท่าไหร่นัก

แน่นอนว่าทุกการลงทุนมีความเสี่ยง มูลค่าของอาคารเหล่านี้ล้วนเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา

ถึงจะรู้อย่างนั้น แต่เผยเชียนก็ยังตัดสินใจลงทุนซื้ออาคารอยู่ดีด้วยสามเหตุผลหลักๆ

ข้อแรก โลกนี้แตกต่างจากโลกที่เขาจากมา ราคาอสังหาริมทรัพย์ในโลกนี้ไม่ได้ขึ้นเร็วขนาดนั้น ข้อที่สอง ต่อให้ราคาอสังหาริมทรัพย์จะขึ้นเร็วจริง ก็คงไม่ใช่ภายในสองปีนี้แน่นอน ข้อที่สาม ต่อให้ราคาเพิ่มขึ้นเร็วในช่วงเวลานี้จริงๆ ก็คงไม่แซงหน้าอัตราการเพิ่มขึ้นของเงินทุนตั้งต้นในแต่ละรอบบัญชีแน่นอน

ถ้าเงินทุนตั้งต้นของระบบเพิ่มขึ้นสม่ำเสมอด้วยอัตราเดียวกัน แปลว่ามันจะขึ้น 10 ล้านหยวนทุกๆ หกเดือน หมายความว่าจะคุ้มกว่าถ้าต่อจากนี้เผยเชียนจะซื้อสินทรัพย์ถาวรมูลค่า 30-50 ล้านหยวนทุกรอบบัญชี

ซึ่งสามารถจัดเป็นรายจ่ายประจำได้ด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น เผยเชียนต้องอัปเดตความเป็นไปของบริษัทลงทุนหยวนเมิ่งกับจางหยวนซะหน่อย

เพราะหลังจากมอบหมายงานให้ไอ้หม่าไปแล้ว เขาก็ยังไม่ได้ข่าวคราวความคืบหน้าเกี่ยวกับโปรเจ็กต์ใหม่ๆ อีกเลย

ซึ่งนั่นทำให้เผยเชียนแฮปปี้สุดๆ ยังไงเขาก็ไม่คิดจะไปเร่งงานไอ้หม่าอยู่แล้ว

แต่เขาก็ต้องคอยเฝ้าระวังหม่าหยางกับเฮ่อเต่อเซิ่ง ว่าจะไปเก็บตัวก่อความไม่สงบอะไรกันโดยที่เขาไม่รู้รึเปล่า ถ้าเผยเชียนไม่รอบคอบ อาจมีปัญหาใหญ่ตามมาภายหลังก็ได้ และเรื่องนี้จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด

ฝ่ายจางหยวนนั้น เขาควรตั้งใจจัดการเรื่องสโมสรอีสปอร์ตมากกว่า แต่ก็ดูไม่มีทีท่าจะสนใจมันเท่าไหร่นัก จนถึงตอนนี้ทุกอย่างยังอยู่ในขั้นตอนเตรียมงานอยู่เลย

เผยเชียนวางแผนว่าจะหาเวลาเข้าไปดูงานที่นั่น และ ‘ชี้แนะ’ อะไรอีกฝ่ายซักหน่อย

นอกจากนี้ก็มีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อีกสองสามเรื่องที่เผยเชียนต้องคิด

เผยเชียนรู้สึกว่าความผิดพลาดที่ผ่านมา หลักๆ ล้วนเกิดจากการที่เขาไม่มีข้อมูลว่าอะไรคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว เขาต้องหาวิธีจับตาดูการเคลื่อนไหวของทุกกิจการให้ดีกว่านี้

แถมตอนนี้ภารกิจของระบบที่ให้ลงทุนกับ ‘ความรู้ของตัวเอง’ ก็ยังไม่คืบหน้าด้วยซ้ำ

ระหว่างนี้เขายังต้องจับตาดูกิจการอื่นๆ ที่ตอนนี้เหมือนไม่เป็นพิษเป็นภัยอะไรด้วย เท่าที่รู้มาบริษัทลูกทั้งหลายสามารถก่อปัญหาและแทงข้างหลังเขาได้เสมอ…

ยิ่งคิดเผยเชียนก็ยิ่งหดหู่หัวใจ

ชีวิตของฉันมันช่างโดดเดี่ยวเดียวดายกลางสายลมหนาวยิ่งนัก

ขณะที่เผยเชียนกำลังพร่ำเพ้อเวทนากับตัวเองอยู่นั้น เขาก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยเดินเข้ามาในร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู

“เอ๊ะ บอสเผยเหรอครับ

“แขกพิเศษ แขกพิเศษจริงๆ”

พอเห็นบอสเผยนั่งจิบกาแฟอยู่ที่มุมร้าน หร่วนกวางเจี่ยนก็อดตื่นเต้นและประหลาดใจไม่ได้

เผยเชียน “หืม”

เดี๋ยวนะ หมายความว่าไงวะ ไอ้ ‘แขกพิเศษ’ เนี่ย!

ฉันแค่งานยุ่งจนไม่มีเวลามาเยี่ยมดูร้านอินเทอร์เน็ตนี่เฉยๆ แล้วถ้าจำไม่ผิด ร้านนี้ก็เป็นกิจการของฉันด้วยไม่ใช่รึไง

ตอนนั้นเองหร่วนกวางเจี่ยนก็รู้ตัวว่าตัวเองหลุดปากพูดอะไรออกไป เขายิ้มแก้เก้อแล้วเอ่ยขึ้น “เอ่อ ขอโทษครับบอส ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่ สมองมันเลยตื้อไปชั่วขณะ

“ยังไงร้านนี้ก็เป็นของบอสอยู่แล้วนี่นะครับ ฮ่าๆๆๆ

“แต่ต้องยอมรับเลยว่ากาแฟอร่อยจริงๆ”

ตอนนี้ชื่อของหร่วนกวางเจี่ยนขึ้นมาติดอันดับสูงสุดในบัญชีดำของบอสเผย

อาจารย์เฉียวเองก็เป็นคู่แข่งตลอดกาลที่สูสีตีคู่กันมา แต่ก่อนหน้านี้เผยเชียนได้แก้เผ็ดอาจารย์เฉียวไปแล้ว เลยให้อภัยได้มากกว่าไอ้หร่วนกวางเจี่ยนตรงหน้านี่

ปกติใครก็ตามที่ติดบัญชีดำของเผยเชียน เขาจะประเคนเหตุวินาศสันตะโรอย่างรถไฟเหาะ เรือไวกิ้ง บันจี้จัมป์ และบ้านผีสิงให้ จนกว่าคนพวกนั้นจะกลับมาเชื่องอีกครั้ง

แต่ไอ้หร่วนกวางเจี่ยนนี่เป็นคนเดียวที่ไม่เหมือนชาวบ้าน!

ต่อให้ประเคนรถไฟเหาะกับเรือไวกิ้งให้นั่งแล้ว หมอนี่ก็ยังหน้าชื่นตาบานอยู่ได้!

เจ้านี่บอกเองว่ากลัวผีมากๆ แถมยังกรี๊ดดังกว่าใครตอนที่เข้าบ้านผีสิง แต่พอออกมากลับลิงโลดดี๊ด๊ากว่าใครเพื่อนซะงั้น!

คนอย่างนี้เป็นเหมือนสุดยอดมนุษย์หนังหนาที่ทนทานต่อทุกคนและทุกสิ่ง วิธีจัดการของเผยเชียนไม่อาจทำอะไรหร่วนกวางเจี่ยนได้

ถ้าเผยเชียนอยากแก้แค้นอีกฝ่ายจริงๆ เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำให้หร่วนกวางเจี่ยนต้องเจ็บจนสำนึก

แต่ก็นั่นแหละ เผยเชียนยังไม่มีวิธีเหมาะๆ

ตอนนี้เลยทำได้แค่ปล่อยให้หร่วนกวางเจี่ยนโฉบไปโฉบมาอยู่รอบตัว คอยเสนอหน้าใส่เขาไปวันๆ

เผยเชียนจิบกาแฟแล้วยิ้ม “เป็นยังไงบ้างครับตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่จิงโจว ปรับตัวกับชีวิตที่นี่ได้รึยัง ถ้ายังละก็จะดีกว่าไหมถ้าคุณจะย้ายกลับไปเซี่ยงไฮ้…”

ยังไม่ทันที่เผยเชียนจะพูดจบ หร่วนกวางเจี่ยนก็ขัดขึ้นซะก่อน “ไม่ต้องห่วงเลยครับบอสเผย ผมปรับตัวได้แล้ว ปรับตัวได้ดีเลยด้วย!

“ทุกคนที่ออฟฟิศเองก็พากันเสียดายที่เราไม่รีบย้ายมาที่นี่ให้เร็วกว่านี้!

“เราน่าจะย้ายมาจิงโจวตั้งแต่ตอนก่อตั้งสตูดิโอด้วยซ้ำ!”

มือข้างที่ถือแก้วกาแฟอยู่ของเผยเชียนถึงกับค้างกลางอากาศ “?”

เขาพยายามใช้น้ำเสียงแดกดันที่สุดแล้ว แต่ดูเหมือนหร่วนกวางเจี่ยนก็คิดว่าเขาพูดด้วยความเป็นห่วงจากใจ

พนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งเดินเข้ามาหาทั้งคู่ พร้อมถุงกระดาษใบใหญ่สองใบ ข้างในมีกาแฟอยู่เจ็ดแปดแก้ว

“พี่หร่วน กาแฟได้แล้วครับ”

หร่วนกวางเจี่ยนเอื้อมมือไปหยิบถุงมา “โอเค ขอบใจมากนะ”

ดูเหมือนหร่วนกวางเจี่ยนจะมาที่นี่ประจำ ขนาดพนักงานเสิร์ฟยังรู้จักเขาเป็นอย่างดี แปลว่าเขาน่าจะโทรมาสั่งกาแฟไว้ก่อน แล้วแวะมาเพื่อรับกาแฟไป

เผยเชียนถึงกับตะลึง “เจ้าของสตูดิโอมารับกาแฟให้ลูกน้องเหรอครับ”

หร่วนกวางเจี่ยนหัวเราะร่วน “ผมต้องออกมาเดินเล่นให้สมองปลอดโปร่งอยู่แล้วน่ะครับ ปกติเราก็สลับกันออกมารับกาแฟนะครับ

“บอสเผย พอจะมีเวลาไปแวะออฟฟิศของเราหน่อยไหมครับ”

เผยเชียนกำลังจะปฏิเสธคำชวนตามสัญชาตญาณ

ฉันไม่มีอะไรที่ดีกว่านี้ให้ทำรึไง ทำไมต้องแวะชมโรงงานที่ชอบผลิตอาวุธมาแทงข้างหลังฉันด้วยล่ะ

แต่พอคิดดูดีๆ เขาก็รู้ว่าการจะชนะศึกครั้งนี้ได้ นอกจากต้องเก็บกัลยาณมิตรไว้ใกล้ตัวแล้ว ยังต้องเก็บศัตรูไว้ให้ใกล้ตัวยิ่งกว่าด้วย

ศัตรูอุตส่าห์ดาหน้ามาถึงอาณาเขตจิงโจวของเขาทั้งที ภัยร้ายมารออยู่หน้าประตูขนาดนี้แล้ว เผยเชียนควรจะใช้โอกาสนี้ศึกษาศัตรูของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น เพื่อเตรียมรับมือกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น

เมื่อคิดได้ดังนี้เผยเชียนก็ผุดลุกขึ้น “ได้ครับ ไปดูออฟฟิศคุณกัน”

หร่วนกวางเจี่ยนถือถุงกาแฟข้ามถนนไปกับเผยเชียน พาอีกฝ่ายมุ่งหน้าไปยังกวงหวงสตูดิโอ

นี่เป็นครั้งแรกที่เผยเชียนได้มาเยี่ยมกวงหวงสตูดิโอ

ก่อนหน้านี้มันเคยเป็นร้านหนังสือสองชั้น แต่กิจการก็เจ๊งไปจนเจ้าของต้องจำใจขายพื้นที่ทิ้ง หร่วนกวางเจี่ยนเลือกชัยภูมินี้เพราะที่นี่อยู่ตรงข้ามร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู และอยู่ใกล้ตึกเฉินฮว่าแกรนด์วิว เขาจึงยินดีที่จะเช่ามัน

ความประทับใจแรกที่เผยเชียนมีหลังจากก้าวเข้าไปในออฟฟิศแห่งนี้ คือที่นี่เต็มไปด้วยสีสันและความมีชีวิตชีวา

อุณหภูมิกำลังพอเหมาะ แสงอาทิตย์อ่อนๆ ฉายผ่านกระจกหน้าต่างเต็มบานชวนให้รู้สึกอบอุ่นสบายใจ

พืชพรรณไม้นานาชนิดเรียงรายอยู่บริเวณหน้าทางเข้า บนโต๊ะทำงานและตามมุมอาคาร แถมยังมีงานศิลปะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรูปปั้นหรือภาพวาดก็ล้วนประดับตกแต่งอยู่เต็มไปหมด

โต๊ะทำงาน เก้าอี้ และโครงสร้างทั้งหมดของออฟฟิศล้วนแลดูสบายๆ แต่ไม่ได้ถึงขั้นยุ่งเหยิงไร้ระเบียบ เห็นได้ชัดว่าวางเลย์เอาต์มาเป็นอย่างดี

บรรยากาศโดยรวมทำให้คนที่อยู่ในพื้นที่รู้สึกผ่อนคลาย ซึ่งช่วยกระตุ้นจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ได้เป็นอย่างดี

พอมีคนเห็นว่าหร่วนกวางเจี่ยนเดินเข้ามาพร้อมเผยเชียน พวกเขาก็เริ่มเข้ามาทักทายทีละคน

“หืม บอสเผยนี่!”

“สวัสดีครับบอสเผย!”

“ยินดีต้อนรับค่ะบอสเผย!”

ทุกคนล้วนกระตือรือร้นกันสุดๆ

ยังไงซะพวกเขาก็เห็นบอสเผยเป็นทั้งเพื่อนสนิทของหร่วนกวางเจี่ยนและหุ้นส่วนคนสำคัญของกวงหวงสตูดิโอ บอสเผยถือเป็นแหล่งเงินทุนสำคัญที่พวกเขาต้องพึ่งพา โดยเฉพาะเมื่อย้ายมาอยู่ที่เมืองจิงโจวแห่งนี้

แต่เผยเชียนกลับมองต่างไป ถ้าหร่วนกวางเจี่ยนเป็นมือสังหารที่พร้อมจะแทงข้างหลังเขาตลอดเวลา ลูกน้องเหล่านี้ก็ไม่ต่างอะไรจากคนที่พร้อมจะผลักเขาล้ม เพื่อให้มีดซึ่งเสียบอยู่กลางหลังแทงเข้าไปได้ลึกยิ่งขึ้น

เผยเชียนตั้งใจไว้แล้ว เขาจดชื่อทุกคนลงในบัญชีดำเล่มน้อยของตัวเองเรียบร้อย!

แต่บอสเผยก็ยังรู้จักวางตัว ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่น เขาจึงยิ้มและโบกมือทักทายทุกคน

หร่วนกวางเจี่ยนยื่นถุงใส่กาแฟให้พนักงานคนหนึ่ง “ไอ้หวง เอาไปแจกทุกคนซิ เดี๋ยวฉันพาบอสเผยไปดูรอบๆ ก่อน”

เผยเชียนตามหร่วนกวางเจี่ยนขึ้นไปข้างบน และเดินดูรอบๆ ออฟฟิศโuเวลกูดoทคoม

หร่วนกวางเจี่ยนอธิบายส่วนต่างๆ ของออฟฟิศ พลันอดซาบซึ้งใจไปด้วยไม่ได้

“ดีจริงๆ เลยครับที่เราตัดสินใจย้ายสตูดิโอมาอยู่ที่จิงโจว!

“ค่าครองชีพของที่นี่ถูกกว่าที่เซี่ยงไฮ้ตั้งเยอะ

“เราประหยัดกันได้เพียบเลย ทั้งค่าเช่าห้องและค่าใช้จ่ายรายวัน

“ที่ทำงานก็กว้างขึ้นด้วย บรรยากาศการทำงานยิ่งดีเข้าไปใหญ่ ดูก็รู้ว่าทุกคนที่นี่ทำงานกันได้เต็มที่ขึ้น สุขภาพกายสุขภาพจิตของพวกเขาก็ดีขึ้นเหมือนกัน

“ยิ่งไปกว่านั้น ชีวิตที่นี่ก็สะดวกสบายกว่ากันเป็นกอง!

“ทุกวันนี้อยากกินอะไรเราก็สั่งโมหยูเดลิเวอรี่ เพราะทั้งอร่อยแล้วก็มีประโยชน์ แถมราคาไม่แพงอีกต่างหาก

“ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูกับนี่เฟิงโลจิสติกส์ก็ช่วยให้เราใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นด้วย

“ที่สำคัญที่สุดคือการที่เถิงต๋ากรุ๊ปพัฒนาพื้นที่ละแวกนี้มากเท่าไหร่ ชีวิตในเมืองจิงโจวของเราก็ยิ่งสะดวกสบายมากขึ้นเท่านั้น เศรษฐกิจของที่นี่ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่เมืองรองทุกเมืองหรอกนะครับที่จะรุ่งเรืองได้ขนาดนี้….”

เผยเชียนฟังหร่วนกวางเจี่ยนแล้วก็รู้สึกได้อยู่อย่างเดียว

เจ็บใจจังโว้ย!

ดูสิ หร่วนกวางเจี่ยนเพลิดเพลินกับที่นี่จนลืมกำพืดไปแล้ว!

พอได้มาอยู่ที่จิงโจว เขาก็ลืมเซี่ยงไฮ้ไปสนิทเลย!

ไอ้เวรเอ๊ย!

จากที่หร่วนกวางเจี่ยนพร่ำพรรณนาออกมาด้วยความตื่นเต้น เผยเชียนก็พอรู้ว่าหร่วนกวางเจี่ยนรักเมืองนี้ขนาดไหน

เฮ้อ ดูทรงแล้วคงเป็นไปไม่ได้เลยสินะ ที่จะโน้มน้าวให้กวงหวงสตูดิโอกลับไปอยู่ที่เซี่ยงไฮ้เหมือนเดิม…

น่าหงุดหงิดจริงๆ

หร่วนกวางเจี่ยนพาเผยเชียนเดินดูรอบออฟฟิศไปเรื่อยๆ จนกลับมาจบที่โต๊ะทำงานของตัวเอง

เขาไม่ได้มีห้องทำงานแยกจากคนอื่น มองอีกมุมเป็นเพราะสายงานศิลปะจำเป็นต้องทำงานร่วมกัน เรียนรู้จากกันและกัน และพัฒนาไปด้วยกัน แรงบันดาลใจมากมายล้วนเกิดจากการสนทนา อีกมุมหนึ่งหร่วนกวางเจี่ยนเองก็ต้องคอยตรวจสอบคุณภาพของแต่ละโปรเจ็กต์ที่สตูดิโอถืออยู่ เพื่อให้มั่นใจว่าสไตล์ของพวกเขาจะไปในทิศทางเดียวกัน

เผยเชียนสังเกตเห็นว่าหน้าจอคอมพิวเตอร์ของหร่วนกวางเจี่ยนเปิดโปรแกรมวาดภาพค้างไว้ ภาพที่วาดอยู่นั้นสวยงามอย่างยิ่ง

ส่วนมุมซ้ายล่างของจอก็มีภาพถ่ายบุคคลจริงซึ่งกินพื้นที่อยู่ประมาณเศษหนึ่งส่วนสี่ของจอ

ภาพถ่ายนั้นเป็นภาพชายผิวขาววัยประมาณสี่สิบปีคนหนึ่ง หน้าตาของคนคนนี้หล่อเหลาดูใจดี นอกนั้นก็ไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ

เผยเชียนถึงกับชะงักไปเพราะภาพบนหน้าจอที่วาดออกมานั้นดูไม่เหมือนภาพถ่ายเลยสักนิด ไม่เพียงมีรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเข้ามา แต่ยังมีการแก้ไขบางจุดด้วย

ตัวอย่างเช่น ริ้วรอยต่างๆ ที่ใส่เพิ่มเข้ามาบนใบหน้าของแบบ มันไม่ได้ทำให้เขาดูแก่ขึ้นหรือดูอ่อนล้า ริ้วรอยเหล่านั้นกลับทำให้ใบหน้าของเขามีเสน่ห์มากขึ้นด้วยซ้ำ

หนวดและทรงผมก็ถูกตกแต่งให้ดูเรียบร้อยขึ้น โดยเฉพาะหนวดซึ่งทำให้เขาดูเป็นผู้ชายรวยๆ ที่มีเวลาว่างมากพอจะเอาใจใส่ขนทั้งหลายที่ขึ้นบนใบหน้า

สีหน้าของเขาก็แตกต่างไปเหมือนกัน ในภาพถ่ายเขาดูใจดี แต่ในภาพวาดเขาดูมุ่งมั่นแน่วแน่ แววตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจท่วมท้น

ไรผมที่เถิกขึ้นไปกลางกระหม่อมเล็กน้อยถูกแก้ให้กลายเป็นผมดกหนา ทำให้ภาพของเขาดูมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น

ถ้าจะอธิบายผู้ชายในภาพถ่ายว่าเป็น ‘ชายผิวขาววัยกลางคนธรรมดาทั่วไป’ ภาพวาดนี้ก็ทำให้เขากลายเป็น ‘ชายชนชั้นสูงผิวขาวที่ประสบความสำเร็จในทุกแง่มุมของชีวิต’ เลยก็ว่าได้

แค่เปรียบเทียบภาพถ่ายกับภาพวาด เผยเชียนก็พอจะเข้าใจแล้วว่า ‘การเพิ่มองค์ประกอบศิลป์ให้เกินจริง’ และ ‘การตัดต่อด้วยศิลปะ’ นั้นสำคัญเพียงใด

พอเห็นแบบนี้เผยเชียนก็อดประทับใจไม่ได้ “ภาพนี้วาดออกมาได้ดีจริงๆ! ถ้าผู้ชายในภาพถ่ายได้คะแนนหน้าตาไป 70 คะแนน ผมจะให้คะแนนหน้าตาผู้ชายในภาพวาด 95 คะแนนเลย

“คุณไม่เพียงคงตัวตนดั้งเดิมของเขาเอาไว้ ยังช่วยเสริมบุคลิกภาพและภาพลักษณ์ของเขาได้ด้วย!

“ศิลปินอย่างพวกคุณฝึกมือกันแบบนี้ทุกวันเลยเหรอ

“พวกคุณสุ่มภาพถ่ายใครก็ไม่รู้ มาวาดให้เป็นตัวละครที่มีชีวิตขึ้นมาเหรอ

“ศิลปินที่แท้จริงนี่ไม่หยุดฝึกฝนทักษะของตัวเองจริงๆ”

เผยเชียนสำรวจภาพวาดนั้นด้วยความสนใจอย่างยิ่ง พลางเอ่ยปากชมหร่วนกวางเจี่ยนไปด้วย

สีหน้าของหร่วนกวางเจี่ยนแปลกไป “เอ่อ…บอสเผยครับ

“จริงๆ ตารางงานเราค่อนข้างแน่น ปกติจะไม่เสียเวลามานั่งวาดภาพสวยๆ เพื่อฝึกมือหรอกครับ

“นี่เป็นโปรเจ็กต์ที่เรากำลังทำอยู่ตอนนี้ คุณดูไม่ออกเหรอครับ ฝ่ายเกมเถิงต๋าเพิ่งขอให้ทีมเราช่วยรับงานนี้เอง

“ตัวเอกเวอร์ชันคนรวยของเกม ‘ดิ้นรน’ ไงล่ะครับ”

เผยเชียน “…”

เรื่องเซอร์ไพรส์นี้ทำเอาเผยเชียนถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

Losing Money to Be a Tycoon, 亏成首富从游戏开始, Kui Cheng Shoufu Cong Youxi Kaishi(donghua), Losing Money to Become the Richest Person Starts From the Game, システムで出世してしまった
Score 9.4
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: , ต้นฉบับ: 1673 Chapters (จบแล้ว)
เผยเชียนย้อนเวลากลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน โดยมีระบบสั่งให้เขาตั้งบริษัทอะไรก็ได้เพื่อหาเงินทำกำไรโดยจะมีการประเมินกำไรขาดทุนเป็นรอบๆ แต่เผยเชียนเป็นคนหัวหมอ เขาดูแล้วว่าถ้าเขาทำธุรกิจได้กำไร เขาจะได้ส่วนแบ่งเข้ากระเป๋าตัวเองแค่ 1:100 แต่ถ้าเขาขาดทุน เขาจะได้ส่วนแบ่ง 1:1 เขาจึงคิดจะตั้งบริษัทเกม และหาทางทำให้บริษัทขาดทุน.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset