📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ยอดวิถีแห่งปีศาจ – ตอนที่ 477

บทที่ 477 - ลูกโซ่ (1)
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

“นั่นคือ…โอ…โอสถทองคำหรือ!?” พอเห็นภาพนี้ สติของเตี๋ยซาจื่อที่ใกล้จะพังทลายอยู่รอมร่อก็ขาดผึงโดยสิ้นเชิง

“มีทวิลักษณ์! เป็นโอสถทองคำขั้นสองหรือนี่!” เขาหน้ามืดตาลายหายใจติดขัดอยู่ชั่วขณะ เหมือนกับการทำงานของจิตวิญญาณได้รับผลกระทบ

เตี๋ยซาจื่อได้สติกลับมาจากความตกตะลึงอย่างฉับพลัน ก่อนจะพบว่าตนเองถูกปราณโอสถนับไม่ถ้วนล้อมเอาไว้ ปราณโอสถความเย็นเหล่านี้คิดจะซึมเข้าไปในร่างของเขาอย่างบ้าคลั่งเหมือนกับสายน้ำ

ปราณโอสถในตัวเขาหายไปอย่างรวดเร็ว หมดไปมากกว่าครึ่งในเวลาไม่กี่อึดใจ กอปรกับการใช้วิชากระบี่ที่เป็นกระบวนท่าใหญ่เมื่อก่อนหน้า ยิ่งทำให้สูญเสียไปอย่างมหาศาล

‘หรือวันนี้ข้าจะตายที่นี่’ เตี่ยซาจื่อที่โอบกอดร่างของศิษย์พี่ไว้แน่นเกิดความคิดที่น่าเหลือเชื่อในใจ

เวลานี้เขาจึงค่อยสังเกตเห็นว่า ที่ตอนนี้ตนยังไม่ถูกโค่นโดยสมบูรณ์ เป็นเพียงเพราะด้านข้างมียันต์วิญญาณคู่ชีวิตที่กำลังเชื่อมต่อกับชีวิตของตัวเอง กำลังปล่อยพลังอาคมออกมาต้านทานอยู่

แต่ว่าลวดลายวิญญาณบนยันต์วิญญาณกำลังหายไปด้วยความเร็วที่ตาเนื้อมองเห็นได้ แสดงให้เห็นว่าต้านทานได้อีกไม่นานเท่าไหร่แล้ว

ของวิเศษที่เขาพยายามเก็บงำไว้ชิ้นนี้ เวลานี้กำลังถูกผลาญพลังในด้านการป้องกันช่วยชีวิตอย่างสุดบรรยาย…

‘มันมีปราณโอสถมากมายขนาดนี้ได้อย่างไรกัน!?’ เตี๋ยซาจื่อทอดตามองลู่เซิ่งไกลๆ ได้แต่เห็นเงาร่างของลู่เซิ่งผ่านปราณโอสถสีน้ำเงินเท่านั้น

“เตี๋ยซาจื่อ ที่ข้าสังหารเจ้าในวันนี้ก็เพื่อสะสางผลกรรมของพวกเราในอดีต ตอนนั้นข้าจงใจปล่อยให้เจ้าทำร้ายเพื่อหลบหนีมาโพ้นทะเล นึกไม่ถึงวันนี้จะมีโอกาสชำระแค้นในตอนนั้น” เสียงของลู่เซิ่งดังมาไกลๆ

“วิถีธรรมะ…ไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่!” เตี๋ยซาจื่อหัวเราะอย่างโศกเศร้า หมดอาลัยตายอยากในขณะที่โอบกอดร่างของศิษย์พี่เอาไว้

“ประโยคนี้ ขอคืนให้สำนักเจ้าเช่นกัน” ลู่เซิ่งแสดงสีหน้าเรียบเฉย กางฝ่ามือออก ปราณโอสถที่มากกว่าเดิมทะลักออกมาจากบนร่างของเขา

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป บนทะเลอุดร ใครเชื่อฟังข้ารุ่งเรือง ใครขัดขืนข้าตาย!”

เสียงเพิ่งขาดลง ปราณโอสถสีน้ำเงินพลันขยายออกไปอย่างสะเทือนเลื่อนลั่น ก่อนจะปกคลุมอาณาเขตหลายพันหมี่ในพริบตาเดียว

ขณะปราณโอสถทะลักออกไป ยังมีน้ำทะเลจำนวนมหาศาลด้านล่างที่ถูกกระตุ้น น้ำทะเลนับไม่ถ้วนกระเพื่อมพลิกตัวและลอยขึ้นด้านบน แล้วไหลเข้าไปในปราณโอสถพร้อมกับกลายเป็นสภาพพลิกม้วนเหมือนกับมังกรสูบน้ำอย่างรวดเร็ว

ลู่เซิ่งดึงน้ำทะเลเข้าไปในโอสถทองคำเพื่อดำเนินการทะลวงขอบเขตต่อไปในสถานการณ์เช่นนี้!

เพียงแค่ไม่กี่อึดใจ กลิ่นอายบนร่างเขาก็ทะลวงระดับสร้างโอสถช่วงกลาง ปริมาณปราณโอสถพลิกโหมและน่ากลัวกว่าเดิม ขยายจากหลายพันหมี่เป็นมากกว่าหมื่นหมี่ อาณาเขตการดึงน้ำทะเลขยายไปมากกว่าร้อยลี้แล้ว

กลิ่นอายบนร่างลู่เซิ่งเลื่อนสู่ระดับสร้างโอสถช่วงหลัง ก้าวเข้าขั้นเติมเต็มอย่างรวดเร็ว ชั่วขณะนั้นปราณโอสถบนตัวเขาบางเบาจนถึงขั้นไม่อาจจินตนาการ

ถ้าหากบอกว่าปราณโอสถของเขาในระดับสร้างโอสถช่วงต้นเป็นหลายร้อยเท่าของเตี๋ยซาจื่อ อย่างนั้นปราณโอสถบนร่างเขาในตอนนี้ก็มีมากกว่าพันเท่าของผู้บำเพ็ญในระดับเดียวกันเป็นอย่างน้อย

ขอบเขตทุกขอบเขตถูกพลังอาวรณ์ซึ่งแปลงเป็นพลังอาคมเติมเต็มปราณโอสถไปถึงขั้นที่ไม่อาจจะมากไปกว่านี้ หลังจากยกระดับแบบนี้ไปทีละขั้นๆ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือโอสถทองคำของลู่เซิ่งแข็งแกร่งอย่างไม่เคยมีมาก่อน

ทอดตามองไกลๆ เมฆสีน้ำเงินกลุ่มหนึ่งปกคลุมอยู่เหนือถ้ำยุทธพฤกษา

นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่เซิ่งแสดงพลังที่แท้จริงหรือพลังทั้งหมดของกายเนื้อกายนี้โดยสมบูรณ์ เขาปลดปล่อยปราณโอสถที่พลิกซัดอยู่ในโอสถทองคำออกมาอย่างเต็มที่ ปราณวิญญาณในฟ้าดินนับไม่ถ้วนถูกดึงเข้าไปในโอสถทองคำ จากนั้นก็กลายเป็นปราณโอสถสีน้ำเงินด้วยความเร็วสูงพร้อมกับครอบคลุมทั่วบริเวณ

เทียบกับอาณาเขตเมฆสีน้ำเงินอันไพศาล ผิวทะเลด้านล่างที่ถูกกระตุ้นให้เกิดลูกคลื่นมีอาณาเขตอลังการยิ่งกว่า

น้ำทะเลมากกว่าร้อยลี้สั่นกระเพื่อมอย่างรุนแรง เสียงดังหึ่งๆ ค่อยๆ ดังออกมาจากในอากาศ คล้ายกับมีอะไรบางอย่างกำลังสั่นสะเทือนด้วยความเร็วสูง

น้ำทะเลจำนวนมากข้างใต้เมฆสีน้ำเงินที่อยู่ตรงกลางกลายเป็นพายุแล้วพุ่งกลับด้านสู่ท้องฟ้า

พวกเตี๋ยซาจื่ออาศัยยันต์วิญญาณประคับประคองอยู่กลางก้อนเมฆอย่างยากลำบาก เคลื่อนที่ขึ้นลงตามความปรวนแปรของเมฆสีคราม ทั้งยังไหลไปตามกระแสคลื่น ใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว

ตอนนี้เหนือผิวทะเลมากกว่าร้อยลี้ด้านบนถ้ำยุทธพฤกษามีเมฆดำกลุ่มหนึ่งพุ่งมาจากที่ไกลอย่างรวดเร็ว

ผู้บำเพ็ญรูปร่างพิลึกกึกกึกหลายคนนั่งอยู่บนเมฆดำ เป็นพวกนักพรตดำและพระอาจารย์ไป๋ซาที่ก่อนหน้านี้ตกลงกันว่าจะลงมือกับวิถีธรรมมะด้วยกัน

นักพรตดำที่ใบหน้าดำเหมือนถ่าน ตาสีดำจับจ้องเมฆสีน้ำเงินที่อยู่กลางอากาศไกลออกไปเขม็งด้วยสีหน้าจริงจัง

“โลกบำเพ็ญเป็นเซียนโพ้นทะเลมียอดฝีมือยิ่งใหญ่แบบนี้โผล่มาตั้งแต่ตอนไหนกัน อานุภาพเช่นนี้ อย่างน้อยก็อยู่ในระดับระดับสร้างโอสถช่วงเจ็ดภัยพิบัติแล้ว!”

พระอาจารย์ไป๋ซาที่อยู่ด้านข้างกวาดตามองผิวทะเลด้านล่างเมฆดำด้วยความตื่นตระหนกเล็กน้อย ต่อให้เป็นที่นี่ซึ่งอยู่ไกลออกมามาก บนผิวทะเลด้านล่างก็ยังคงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงเป็นระยะ

พลังอาคมนี้…อลังการเกินไปแล้วกระมัง พระอาจารย์ไป๋ซาหน้ากระตุก เขาเคยเห็นคลื่นพลังอาคมที่มีอาณาเขตใหญ่แบบนี้ตอนที่จอมสัจจะเก้ามังกรถูกรุมโจมตีในตอนนั้น

แต่ว่าตอนนั้นเป็นการสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นจากการที่จอมสัจจะหลายคนร่วมมือผนึกกำลังกัน แต่ตอนนี้เป็นปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่ที่คนคนเดียวสร้างขึ้นมา

ในตอนนี้เองก็มีเสียงดังมาจากกลางอากาศ

“…ใครเชื่อฟังข้ารุ่งเรือง ใครขัดขืนข้าตาย…” นั่นเป็นห้วงเวลาสำคัญที่ลู่เซิ่งใช้แสดงบารมีอันยิ่งใหญ่ และประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะไม่เร้นกายอีกต่อไป

“วาจาใหญ่โตนัก! ถ้าไม่ใช่เพราะจอมสัจจะเก้ามังกรไม่อยู่ล่ะก็…” นักพรตดำไม่พอใจ แม้ว่ายอดฝีมือตรงหน้าผู้นี้จะมีพลังแข็งแกร่งน่าสะพรึงกลัว แต่หากบอกว่าแค่นี้ก็สามารถสะกดเผ่าผู้บำเพ็ญปีศาจทั้งหมดในทะเลอุดรได้ อย่างนั้นก็เป็นความเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวงแล้วโนเวลกูดอทคoม

“คนคนนี้เป็นใคร พลังฝึกปรือนี้ เกรงว่าโพ้นทะเลจะปั่นป่วนอีกแล้ว” นักพรตดำมองพิจารณาด้านในเมฆสีน้ำเงิน

“อย่างนั้นการมาพร้อมกันของเราในครั้งนี้จะเป็นเช่นไร…” พระอาจารย์ไป๋ซาถามอย่างจนใจ ตอนแรกพวกเขาคิดจะลอบลงมือกับคนจากวิถีธรรมะก่อน แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะมีคนชิงตัดหน้าไปแล้วก้าวหนึ่ง

“ทะเลอุดรปรากฏผู้ยิ่งใหญ่ฝ่ายนอกรีตเช่นนี้ ต่อจากนี้เกรงว่าจะเกิดเรื่องราวมากมายแล้ว” นักพรตดำจับจ้องพวกเตี๋ยซาจื่อที่กำลังอดทนอย่างยากลำบาก ไม่นานในที่สุดเตี๋ยซาจื่อก็ทนไม่ไหว ร่างถูกเมฆสีน้ำเงินกลบกลืนหายไปในพริบตา

ผู้บำเพ็ญนอกรีตคนอื่นที่มาด้วยกันต่างกระจ่างแจ้งดีว่า ยอดฝีมือฝ่ายนอกรีตในระดับเจ็ดภัยพิบัติคนหนึ่งมีความหมายแบบไหน

“กลับกันเถอะ พวกเราคอยดูการเปลี่ยนแปลงเงียบๆ ไปก่อน ดูว่าคนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลงมือกับวิถีธรรมะท่านนี้จะทนได้นานเท่าไหร่ วิถีธรรมะไม่ใช่พวกที่จะหาเรื่องได้ง่ายๆ…” นักพรตดำยกมือขึ้น บอกให้ทุกคนหันกลับ

“กระบี่ธารปฐพีนั่น…” มีผู้บำเพ็ญปีศาจอดถามเบาๆ ไม่ได้

พระอาจารย์ไป๋ซาแค่นเสียงอย่างเย็นชา “มีผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้อยู่ด้วย พวกเรามีคนน้อยนิด เข้าไปให้อีกฝ่ายใช้ยัดร่องฟันหรือ แม้แต่ผู้อาวุโสที่เร้นกายของวิถีธรรมมะยังถูกกำจัด กระบี่ธารปฐพีย่อมตกอยู่ในมือของคนผู้นี้แล้ว”

ผู้บำเพ็ญปีศาจที่เหลือต่างเงียบเสียง พากันใคร่ครวญว่าโลกผู้บำเพ็ญโพ้นทะเลมียอดคนฝ่ายนอกรีตเช่นนี้โผล่มาตั้งแต่ตอนไหน และจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่แบบใด

พร้อมกับที่พวกนักพรตดำแยกย้ายไป ปฏิบัติการแก้แค้นที่เดิมทีจะรวมตัวกันเพื่อเตรียมโต้กลับวีถีธรรมะจบลงโดยไม่ทันได้เริ่ม

จากนั้นสถานะของผู้บำเพ็ญในเมฆสีน้ำเงินที่สะกดยอดฝีมือวิถีธรรมะก็กระจายออกมาจากปากคนเฝ้าประตูถ้ำยุทธพฤกษาในวันถัดๆ มา

ยอดฝีมือที่ปะทะกับยอดคนของวิถีธรรมะอย่างซึ่งหน้าผู้นั้นก็คือนักพรตมู่อวิ๋นที่ผู้คนเข้าใจผิดมาโดยตลอดว่าเป็นผู้บำเพ็ญอิสระธรรมดาๆ

ว่ากันว่านักพรตมู่อวิ๋นผู้นี้เก็บประกายเร้นกาย ทำตัวสงบเสงี่ยมมาโดยตลอด ต่อให้ในอดีตจะมีปัญหากับวิถีธรรมะจนเป็นเหตุให้ถูกไล่สังหาร แต่ก็ไม่ได้เผยพลังที่แท้จริงของตนเอง

กระทั่งวันนี้ซึ่งเป็นอีกหลายสิบปีให้หลัง ในที่สุดการฝึกฝนของเขาค่อยประสบผลสำเร็จ จึงค่อยเปิดเผยตัวตน โจมตีสังหารผู้อาวุโสสองคนจากวิถีธรรมะที่มาหาเรื่อง

พอข่าวลือกระจายออกไป เผ่าปีศาจ เผ่าพันธุ์ทะเล และผู้บำเพ็ญนอกรีตในรัศมีหลายร้อยลี้รอบถ้ำยุทธพฤกษาที่ได้ประจักษ์อานุภาพของเมฆน้ำเงินในวันนั้น ส่วนใหญ่ถ้าไม่อพยพหนีไปเอง ก็เข้าใกล้ถ้ำยุทธพฤกษาเพื่อสวามิภักดิ์

ถึงอย่างไรที่พึ่งพิงซึ่งแข็งแกร่งมากพอและเข้าข้างตนเองในโลกของผู้บำเพ็ญที่ปั่นป่วน ก็เป็นสิ่งที่ผู้บำเพ็ญนอกรีตและเผ่าปีศาจเฝ้าฝันปรารถนา

แน่นอนว่าจำนวนคนที่หลบหนีมีมากกว่า เป็นเพราะผู้บำเพ็ญส่วนใหญ่ไม่เห็นดีกับความขัดแย้งระหว่างประมุขถ้ำยุทธพฤกษาและยอดคนของวิถีธรรมะ

จงหยวน เขาประกายทอง

กลางยอดเขาที่เชื่อมต่อกันซึ่งมีเมฆหมอกลอยอ้อยอิ่ง และดูล่องลอยเหมือนไม่มีจริง พุ่มหญ้าขึ้นริมลำธารเล็ก ด้านบนหินก้อนใหญ่สีขาวข้างลำธารซึ่งมีลักษณะดึกดำบรรพ์มีชายชราผมยาวคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่

หมอกสีขาวลอยอย่างช้าๆ ชายชราไว้ผมขาวยาวประบ่า คิ้วขาวหนวดขาว ท่าทางผ่อนคลาย ตรงกลางหว่างคิ้วมีสัญลักษณ์จันทร์เสี้ยวสีขาวบริสุทธิ์

เสือคลุมสีขาวที่สะอาดเรียบร้อยตัดกันอย่างชัดเจนกับก้อนหินและป่าไม้ตามธรรมชาติที่ปลอดจากฝีมือของมนุษย์

ชายชราถือแผ่นไม้ไผ่สีน้ำตาลอ่อนในมือ กำลังก้มหน้าอ่านเนื้อหาที่บันทึกไว้บนนั้นอย่างสบายอารมณ์

“อาจารย์ พวกตู้กวางชื่อกับเหยาเหลียนเกิดเรื่องแล้วขอรับ กระบี่ธารปฐพีตกไปอยู่ในมือของผู้บำเพ็ญนอกรีตคนหนึ่ง” ไม่ไกลออกไปมีเมฆสีขาวกลุ่มหนึ่งร่อนลง กลางกองหินระเกะระกาข้างลำธารปรากฏร่างร่างหนึ่ง เป็นนักพรตอาภรณ์สีดำและมีใบหน้าเป็นสีดำคนหนึ่ง นักพรตผู้นี้ก้มหัวประสานมือให้ชายชรา พร้อมกับรายงานอย่างนอบน้อม

“ฟ้าดินสงบ โลกมนุษย์ผกผัน พวกตู้กวงชื่อมีโชคชะตาพันปีของวิถีธรรมมะรวมอยู่บนร่าง เดิมสมควรประสบเรื่องราวอย่างนี้อยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงมากเกินไป” ชายชราตอบอย่างสบายๆ ด้วยรอยยิ้ม

“ทว่าแม้แต่เตี๋ยซาจื่อกับซุ่ยอินจื่อก็ถูกผู้บำเพ็ญนอกรีตคนนั้นทำร้ายไปด้วยเช่นกัน…” นักพรตหน้าดำกล่าวเสริม

ครั้งนี้รอยยิ้มของชายชราผมขาวค่อยๆ จางลง หัวคิ้วขมวดเล็กน้อย คล้ายไม่เข้าใจ

“เตี๋ยซาจื่อกับซุ่นอินจื่อหรือ…” พวกเขาสองคนควรจะพุ่งทะยานในอีกไม่กี่ปีถึงจะถูกต้อง…

“เรื่องนี้มีเลศนัยอยู่ หลายสิบปีก่อนเตี๋ยซาจื่อร่วมมือกับสำนักสร้างสถานการณ์ให้ผู้บำเพ็ญนอกรีตคนหนึ่งเข้าไปในโลกบำเพ็ญเซียนโพ้นทะเล ปัจจุบันว่ากันว่าผู้บำเพ็ญนอกรีตคนนั้นสำเร็จวิชานอกรีตจนมีสภาวะคุกคามคน อยู่ๆ ก็เปิดเผยตนเองและเล่นงานจนพวกเตี๋ยซาจื่อกับซุ่ยอินจื่อรับมือไม่ทันในแผนการที่วางไว้ให้ตู้กวงชื่อในครั้งนี้”

“ชื่อของผู้บำเพ็ญนอกรีตคนนั้นคือ?” บนใบหน้าของชายชราผมขาวในเวลานี้ปรากฏความสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ

“เป็นประมุขถ้ำยุทธพฤกษา ฉายานักพรตมู่อวิ๋น”

“นักพรตมู่อวิ๋น…” ชายชรางอนิ้วคำนวณ กลับค้นพบอย่างประหลาดใจว่าตนไม่อาจคำนวณเรื่องราวในอดีตของคนผู้นี้ได้โดยสิ้นเชิง

‘มีพลังยิ่งใหญ่ปกปิดหรือว่าเป็นความพิเศษจากคุณสมบัติร่างกัน’ เขาคิ้วสั่นไหวน้อยๆ ใคร่ครวญในใจ

“ถึงร่างกายของเตี๋ยซาจื่อกับซุ่นอินจื่อจะถูกทำลาย แต่ว่ารอยตราคู่ชีวิตของพวกเขายังอยู่ที่สำนัก ภายหลังยังมีโอกาสกลับชาติมาเกิดและฝึกบำเพ็ญใหม่ เพียงแต่ภารกิจรับตัวนี้ ต้องขอให้ขุนเขาวิญญาณหลบเร้นเปลืองสมองแล้ว”

นักพรตหน้าดำได้ยินดังนั้นก็รีบก้มศีรษะ

“นี่เป็นเรื่องภายในของเรา อาจารย์ไยต้องกล่าวมากความ เรื่องในวันนี้ก็คือจะจัดการผู้บำเพ็ญนอกรีตคนนั้นอย่างไร อาจารย์ได้โปรดบอกกล่าวด้วย แม้จะมีรอยตราคู่ชีวิตที่ทำให้กลับชาติมาฝึกบำเพ็ญใหม่ได้ แต่วิชานี้ก็ใช้ได้แค่สามครั้ง ภายหลังจะเสียชีวิตโดยสิ้นเชิง นี่เป็นการท้าทายอย่างรุนแรงต่อวิถีธรรมะของเรา ถ้าหากไม่จัดการอย่างจริงจัง จะส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อบารมีของวิถีธรรมะในจงหยวนและสถานที่อื่นๆ”

“ราชสีห์ล่ากระต่ายสุดกำลัง เจ้าจงไปขุนเขาที่สี่ ให้อวิ๋นเหย่ออกจากการกักตนแล้วไปด้วยตัวเอง นับตั้งแต่เลื่อนเป็นจอมสัจจะ เขาก็ไม่ได้ออกไปด้านนอกนานแล้ว หลังจากกำจัดผู้บำเพ็ญนอกรีตทิ้งเสร็จ ค่อยให้เขาไปสำนักกระบี่เทวะ” ชายชราค่อยๆ หลับตาลงพร้อมกับกล่าวอย่างเรียบเฉย

“น้อมรับคำสั่ง” นักพรตหน้าดำค่อยๆ ถอยไป ก้อนเมฆกลุ่มหนึ่งลอยขึ้นข้างใต้เท้า ก่อนจะพาเขาบินไปยังท้องฟ้าไกล

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

Way of the Devil, Cực Đạo Thiên Ma, Extreme Dao Heavenly Demon, WoD, 极道天魔
Score 9.3
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: , ต้นฉบับ: 1213 Chapters (จบแล้ว)
ลู่เซิ่งพนักงานรัฐวิสาหกิจ พบว่าตัวเองมาอยู่ในโลกที่ไม่คุ้นเคย กลายเป็นคุณชายร่ำรวยมีเงินทอง แต่ละวันมีกับข้าวสามมื้อ มีสาวใช้อุ่นเตียง เดิมทีเขาคิดจะใช้ชีวิตสบายๆ แบบนี้ไปจนตาย จนกระทั่งว่าที่น้องเขยของเขาตายอย่างลึกลับหลังจากตรวจสอบคดีประหลาด ทั้งยังถูกฆ่าล้างตระกูล!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset