หานเจวี๋ยไม่รู้เลยว่าจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนกำลังเผชิญหน้าฟางเหลียง เขาทุ่มพลังสาปแช่งอย่างเต็มที่
เตรียมพร้อมจะสาปแช่งจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนให้บาดเจ็บสาหัสให้ได้ในครั้งนี้
หลีกเลี่ยงไม่ให้เจ้าคนผู้นี้มาปองร้ายลูกศิษย์ของเขา
หานเจวี๋ยทำการสาปแช่งพลางจ้องมองหน้าจอค่าสถานะไปด้วย
อายุขัยของเขาถูกผลาญไปแปดหมื่นล้านปีแล้ว!
แปดหมื่นล้านปี ดวงดาวมากมายยังมีอายุขัยไม่มากเท่านี้เลย!
ทำต่อไป!
เก้าหมื่นล้านปี!
หนึ่งแสนล้านปี!
หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นล้านปี!
หนึ่งแสนสองหมื่นล้านปี!
หนึ่งแสนสามหมื่นล้านปี!
หนึ่งแสนสี่หมื่นล้านปี!
หัวใจของหานเจวี๋ยเริ่มหลั่งเลือดแล้ว ลังเลว่าจะทำต่อไปดีหรือไม่
มารดามันเถอะ!
สู้ตายเลยแล้วกัน!
ทุ่มเทไปมากถึงเพียงนี้ จะยอมเลิกราได้อย่างไร
ยืนหยัดต่อไปจะต้องทำสำเร็จแน่!
จะถอดใจไปก่อนไม่ได้!
หานเจวี๋ยยืนหยัดสาปแช่งต่อไป ไอดำทะมึนแปลกๆ หลายเส้นเข้าพัวพันรอบตัวเขา ช่างแปลกประหลาดและน่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง
ไม่ช้าไม่นาน อายุขัยของเขาก็ลดลงไปหนึ่งแสนห้าหมื่นล้านปี
ไม่น่าเชื่อว่าจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนจะยังสามารถยืนหยัดได้อยู่อีก!
หานเจวี๋ยโมโหแทบตายแล้ว ทำได้เพียงกัดฟันสาปแช่งต่อไป
ยามที่อายุขัยของหานเจวี๋ยลดลงเกือบหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นล้านปี ในที่สุดเขาก็มองเห็นข้อความแจ้งเตือน
[จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนศัตรูคู่อาฆาตของท่านมรรคผลแตกร้าว พลังเวทปั่นป่วน สูญเสียสติสัมปชัญญะเนื่องจากคำสาปแช่งของท่าน]
หานเจวี๋ยหยุดสาปแช่งทันที
เสียอายุขัยไปเกือบหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นล้านปีแล้ว!
หัวใจของหานเจวี๋ยหลั่งเลือดแล้ว
ช่างเจ็บปวดเหลือเกิน
มิเสียทีที่เป็นครึ่งอริยะ สาปแช่งไปขนาดนี้ก็ยังแค่สูญเสียสติสัมปชัญญะไปเท่านั้น
ดูเหมือนความคิดที่ต้องการสาปแช่งจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนให้ตายด้วยคำสาปแช่ง ยังคงเป็นการดูหมิ่นครึ่งอริยะเกินไป
สิ่งที่หานเจวี๋ยทำเป็นเพียงแค่การกระตุ้นเย้าแหย่ความรู้สึกนึกคิดของจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนเท่านั้น
หลังจากเก็บหนังสือแห่งความโชคร้าย หานเจวี๋ยก็เริ่มใช้ความคิดอย่างหนัก
สรุปแล้วต้องทำอย่างไรถึงจะสังหารจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนได้
จู่ๆ หานเจวี๋ยก็นึกถึงเซวี่ยหมิงเหอ บังเกิดความคิดอย่างหนึ่งขึ้นมา
เขารีบสำแดงพลังวิเศษความฝันอันธการเพื่อเข้าฝันเซวี่ยหมิงเหอ
จากนั้น เขาก็เข้าสู่แดนความฝัน พบกับเซวี่ยหมิงเหอ
ที่นี่คือเนินเขาแห่งหนึ่ง เซวี่ยหมิงเหอกำลังนั่งสมาธิอยู่ เขาลืมตาขึ้นทันที พอมองเห็นหานเจวี๋ย เขาพลันรู้สึกยินดีปรีดา
เขาลุกขึ้นมาทันที คุกเข่าลงตรงหน้าหานเจวี๋ย เอ่ยขึ้นว่า “น้อมพบเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ!”
หานเจวี๋ยสวมบทบาทเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ข้าต้องการให้จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนตาย”
เซวี่ยหมิงเหอเงยหน้าขึ้น กล่าวอย่างไม่ลังเล “ท่านต้องการให้ข้าทำสิ่งใด เอ่ยมาได้เต็มที่เลยขอรับ!”
ก่อนหน้านี้ตอนที่หลี่เต้าคงโจมตีจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนจนล่าถอยไป เขาก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย สาเหตุที่จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนต้องล่าถอย เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะถูกเจ้าแดนต้องห้ามอันธการสาปแช่ง
หลังจากนั้น เซวี่ยหมิงเหอก็มั่นใจในจุดหนึ่งว่า จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนมิใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการแน่นอน!
หลังจากถูกจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนทำให้อับอาย เซวี่ยหมิงเหอก็รอคอยโอกาสมาโดยตลอด
ในที่สุดโอกาสก็มาถึงแล้ว!
“จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนต้องการกวาดล้างสรรพสิ่ง เข้าแทนที่อิทธิพลของบรรพชนเต๋าที่มีต่อมรรคาสวรรค์ ครอบครองมรรคาสวรรค์เพียงผู้เดียว เจ้าจงแพร่ข่าวนี้ออกไป” หานเจวี๋ยเปิดปากเอ่ย
น้ำเสียงเขาราบเรียบ จนไม่สามารถจับอารมณ์ของเขาได้
เซวี่ยหมิงเหอกล่าวขึ้นมาทันที “ข้าจะให้ลัทธิอันธการและเผ่าอสูรแพร่กระจายข่าวนี้ออกไปขอรับ!”
เขาไม่สนใจเลยว่าเรื่องที่หานเจวี๋ยพูดจะเป็นความจริงหรือไม่ หรือต่อให้เป็นเรื่องเท็จ เขาก็มีวิธีทำให้กลายเป็นความจริงขึ้นมาได้
“อืม”
หานเจวี๋ยจ้องมองเซวี่ยหมิงเหอ ไม่เอ่ยวาจาต่ออีก
เมื่อถูกจ้องมอง หัวใจของเซวี่ยหมิงเหอพลันกระสับกระส่าย ไม่อาจคาดเดาได้ว่าหานเจวี๋ยจะพูดอะไรต่อ
ผ่านไปพักใหญ่
ในขณะที่เซวี่ยหมิงเหอใกล้จะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว หานเจวี๋ยก็สลายแดนความฝันทันที
เมื่อกลับไปที่ถ้ำเทวาฟ้าประทาน หานเจวี๋ยก็รู้สึกกลัดกลุ้มขึ้นมาแล้ว
เหตุใดเซวี่ยหมิงเหอถึงเชื่อฟังขนาดนี้ ไม่มีข้อเรียกร้องสักนิดเลยหรือ
ลองตรวจดูความคิดที่แท้จริงของเขาดีหรือไม่นะ
ช่างเถอะ
ต่อให้เซวี่ยหมิงเหอไม่เชื่อฟัง ก็ไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยรู้สึกว่าจะปล่อยให้ตนเสพติดการผลาญอายุขัยไม่ได้
หลังจากบรระลุระดับต้าหลัวแล้ว หากคิดจะทะลวงระดับต่อ ก็ต้องใช้เวลาอีกเนิ่นนานนัก
เขาไม่อยากใช้อายุขัยหมดก่อนที่อายุขัยใหม่จะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ต่อให้ใช้แค่ครึ่งเดียวก็ไม่ดีเหมือนกัน
ความเคยชินนั้นน่ากลัวเกินไปแล้ว จะเปลี่ยนแปลงก็ช่างทำได้ยากนัก
หานเจวี๋ยเข้าฝันอีกครั้ง ครั้งนี้เลือกไปเข้าฝันจิ่งเทียนกง เรื่องที่มอบหมายให้ก็เป็นเช่นเดียวกับก่อนหน้านี้
จิ่งเทียนกงก็ตอบรับอย่างว่องไวเช่นกัน แต่มีส่วนที่เขาแตกต่างไปจากเซวี่ยหมิงเหอ เขาสอบถามถึงทัศนคติที่หานเจวี๋ยมีต่อนิกายเจี๋ย
หานเจวี๋ยให้คำตอบอย่างคลุมเครือ กล่าวทำนองว่าหากนิกายเจี๋ยไม่เป็นศัตรูกับเขา เขาก็ไม่มีทางพุ่งเป้าไปที่นิกายเจี๋ย
จิ่งเทียนกงรู้สึกสบายใจแล้ว เอ่ยว่าจะใส่ไคล้จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนให้จงได้โนเวลกูดอทคอม
หานเจวี๋ยฟังแล้วไม่สบอารมณ์ขึ้นมา
อะไรคือการใส่ไคล้!
นี่เป็นความจริง!
หลังจากเข้าฝันไปสองครั้ง หานเจวี๋ยก็ไม่ตรากตรำต่อแล้ว บำเพ็ญเพียรต่อไป
เมื่อเวลาผ่านไปหลายสิบปี จึงไปสอดส่องจักรพรรดิสวรรค์ดูเล็กน้อย
ช่วงนี้จักรพรรดิสวรรค์คล้ายจะเข้าสู่ทางธรรมแล้ว ไม่ได้ถูกเคี่ยวกรำทรมาน และไม่มีผู้ใดสาปแช่งเขาแล้ว
ก็แน่อยู่แล้ว สรรพสิ่งต่างคิดว่าจักรพรรดิสวรรค์ดับสูญแล้ว
‘จักรพรรดิสวรรค์ รออีกหน่อยเถิด รอจนข้าสังหารจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนได้ ท่านก็รอดพ้นแล้ว’
หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ
การจะสังหารครึ่งอริยะ จำเป็นต้องใช้เวลา ผู้ใดใช้ให้หานเจวี๋ยมิใช่ครึ่งอริยะกันเล่า
….
ณ พระราชวังเทียมเมฆา หมู่เทพเซียนมาชุมนุม
เซียนเฒ่าคนหนึ่งเอ่ยอย่างตัวสั่นงันงก “ฝ่าบาท จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนต้องการกวาดล้างสรรพสิ่ง เข้าแทนที่มรรคาสวรรค์ เรื่องแพร่กระจายไปทั่วสวรรค์แล้ว วังสวรรค์ไม่อาจให้ความร่วมมือได้นะพ่ะย่ะค่ะ มีแต่ต้องทำตรงกันข้าม พวกเราต้องประกาศศึกกับจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน!”
ยอดแม่ทัพเทพก้าวออกมา เอ่ยเสียงขรึม “มิผิด จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนต้องตาย!”
หลี่เต้าคงแววตาเยียบเย็น จ้องมองฟางเหลียง
ภายในห้องโถงเสียงดังโหวกเหวกอย่างยิ่ง
เมื่อได้ยินฟางเหลียงกล่าวว่าจะแต่งตั้งจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนเป็นมหาจักรพรรดิแห่งวังสวรรค์ เหล่าเทพเซียนล้วนแตกตื่นขึ้นมา
วังสวรรค์เสื่อมถอยลง ก็เป็นเพราะจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน
ยามนี้หากเป็นพันธมิตรกับจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน จะเอาศักดิ์ศรีของวังสวรรค์ไปไว้ที่ใดเล่า
ฟางเหลียงเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ “ความคิดเห็นของขุนนางรักทุกท่าน เรารับฟังแล้ว นับจากนี้ไป จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนจะเป็นศัตรูของวังสวรรค์ไปชั่วนิรันดร์ พร้อมทั้งเพิกถอนป้ายบูชาจักรพรรดิของจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน ดับธูปตัดกรรมที่เชื่อมต่อกับวังสวรรค์”
เมื่อวาจานี้ถูกเอ่ยออกมา บรรดาเทพเซียนต่างพากันร้องว่าดี
หลี่เต้าคงเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
หลี่เสวียนเอ้าร้องจุ๊ๆ พลางกล่าวชื่นชม “ดับธูปตัดกรรม โหดเหี้ยมจริงๆ”
ตอนแรกยังพูดอยู่เลยว่าจะแต่งตั้งเป็นมหาจักรพรรดิ ต่อมากลับตัดขาดทางรอดของจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนเสียแล้ว
หลี่เสวียนเอ้าไม่รู้จะพูดว่าฟางเหลียงปรับตัวตามสถานการณ์ได้ดีหรือว่าโหดเหี้ยมเด็ดขาดกันแน่
ท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าฟางเหลียงจะคิดอย่างไร จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนก็อย่าหวังจะได้เหยียบวังสวรรค์อีก
ฟางเหลียงมองจี้เซียนเสิน เอ่ยถามเขา “สถานการณ์นอกโพ้นทะเลเป็นอย่างไรบ้าง”
จี้เซียนเสินกล่าวตอบ “เกณฑ์เทพเซียนได้นับแสนแล้วพ่ะย่ะค่ะ เทพเซียนครึ่งหนึ่งมีตบะในระดับเซียนสวรรค์ขึ้นไปพ่ะย่ะค่ะ”
บรรดาเซียนฝ่ายบุ๋นตกตะลึงแล้ว
มากมายขนาดนี้เชียวหรือ
ฟางเหลียงเผยรอยยิ้มออกมา เอ่ยว่า “ยังเกณฑ์มาเพิ่มอีกได้หรือไม่”
“ได้พ่ะย่ะค่ะ แต่จำเป็นต้องใช้รายนามสถาปนาเทพ ผู้บำเพ็ญเหล่านั้นต่างไม่วางใจ หวังว่าจะได้รับชะตาแห่งเทพเซียน” จี้เซียนเสินพยักหน้าพลางเอ่ยวาจา
รายนามสถาปนาเทพ สำหรับเทพเซียนบางส่วนแล้วถือเป็นการผูกมัด เป็นโซ่ตรวน แต่สำหรับผู้คนมากมายแล้วถือเป็นหลักประกันในการก้าวเข้าสู่ตำแหน่งเทพเซียน
เทพเซียนมิใช่จะแต่งตั้งเอาเองได้ ต้องได้รับการยอมรับจากมรรคาสวรรค์ด้วย ไม่มีการแบ่งแยกเผ่าพันธุ์ เทพเซียนที่อยู่ภายใต้มรรคาสวรรค์ มีสวัสดิการเหนือกว่าสรรพสิ่งทั้งหลาย ไม่ต้องแก่งแย่งแข่งขัน
เนื่องด้วยเหตุนี้ เทพเซียนจึงไม่กล้าลงมือสังหารล้างบางง่ายๆ ด้วยเกรงว่าจะละเมิดกฎสวรรค์ ก่อให้เกิดแรงกรรมมากมายล้นฟ้า
ฟางเหลียงเอ่ยถาม “เผ่ามนุษย์ยุ่งเกี่ยวกับนอกโพ้นทะเลหรือไม่”
จี้เซียนเสินส่ายหน้าแล้วตอบกลับ “ไม่พ่ะย่ะค่ะ เผ่ามนุษย์รวมตัวกันเป็นการภายใน”
เวลานี้ เซียนฝ่ายบุ๋นคนหนึ่งก้าวออกมา กล่าวว่า “ฝ่าบาท เผ่ามนุษย์ประกาศศักดาว่าจะถล่มพระราชวังเทียมเมฆา จะกำราบปราบปรามให้ได้ พวกเขาประกาศกร้าวว่าเผ่ามนุษย์เหนือกว่าเทพเซียน ปลุกระดมจิตใจคน นี่มิใช่สัญญาณดีเลยพ่ะย่ะค่ะ!”
เผ่ามนุษย์เหนือกว่าเทพเซียน!
ฟางเหลียงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว บรรดาเทพเซียนก็เช่นกัน