ไม่ว่าโม่ฟู่โฉวกับโจฝานจะโน้มนาวอย่างไร หานเจวี๋ยก็ยังคงหนักแน่น
ทั้งสองคนทำได้เพียงจากไปอย่างจนปัญญา
หลังออกมาจากถ้ำเทวา ทั้งสองเหาะไปได้สักระยะหนึ่ง
โจวฝานทนไม่ไหวกล่าวขึ้นว่า “ถึงแม้เขาจะเก่งกาจ แต่จะขี้ขลาดเกินไปแล้วกระมัง!”
พูดเสียสวยหรู ในสายตาของโจวฝานคือกลัวตายชัดๆ
เขาเคยสืบถามจากศิษย์ยอดเขาหยกวิเวก หานเจวี๋ยดีไปหมดทุกอย่าง เสียอย่างเดียวคือขี้ขลาดเกินไป
ครั้งนี้โม่ฟู่โฉวไม่ได้ช่วยแก้ต่างให้หานเจวี๋ย เขาถอนหายใจก่อนเอ่ย “ถึงฝึกบำเพ็ญทั้งชีวิต ก็ไม่อาจปิดด่านได้ตลอด เจ้าและข้าต่างเป็นมนุษย์ อย่างไรก็ไม่พ้นต้องช่วงชิงโอกาสวาสนา คอยดูเถิด ไม่ช้าก็เร็วเขาจะรู้สำนึกเอง”
โจวฝานพยักหน้า
เขาพลันตั้งตารอการเดินทางไปทำภารกิจครั้งนี้
หากได้ยาวิเศษโอสถวิญญาณมาครอง บางทีเขาอาจจะเหนือกว่าหานเจวี๋ยก็เป็นได้!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ โจวฝานมีไฟลุกโชนในใจ
เขาถูกหานเจวี๋ยจัดการทันทีทันใดในการทดสอบของสำนักฝ่ายในก่อนหน้านี้ จนเกิดเป็นบาดแผลร้ายแรงในใจ แม้ว่าเขาไม่ได้เกลียดชังหานเจวี๋ย แต่ก็อยากจะกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมาตลอด
…
[ยินดีด้วย ท่านได้รับเข็มขัดเก็บสมบัติ]
[เข็มขัดเก็บสมบัติ: มีพื้นที่กว้างใหญ่มหาศาล สามารถใช้เป็นแหวนเก็บสมบัติหรือถุงเก็บสมบัติได้ เข็มขัดยืดหดได้อย่างอิสระ และไม่ถูกทำลายโดยง่าย]
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว มองเข็มขัดเก็บสมบัติเส้นเล็กในมือ
เข็มขัดเก็บสมบัติราวกับภาพวาดม้วนหนึ่ง เพียงแต่ภาพวาดม้วนนี้แคบกว่ามาก เขาส่งพลังจิตเข้าไปสำรวจภายในเข็มขัด ด้านในมีพื้นที่มากถึงหนึ่งพันลูกบาศก์เมตร ใหญ่กว่าถุงเก็บสมบัติของเขามากทีเดียว
เขารีบหยดเลือดแสดงความเป็นเจ้าของ
เมื่อทำเสร็จสิ้น ก็โยนของจากถุงเก็บสมบัติเข้าไปในเข็มขัดเก็บสมบัติ จากนั้นค่อยนำเข็มขัดมารัดรอบเอวตัวเอง
เข็มขัดเก็บสมบัติค่อยๆ หดเข้ามารัดชุดคลุมของเขาไว้แน่น แต่เขากลับไม่รู้สึกว่าเอวถูกรัดหรือหลวมแต่อย่างใด รู้สึกสบายเป็นอย่างมาก
หานเจวี๋ยเล่นมันอยู่สักพัก ก็กลับไปฝึกฝนต่อ
…
สองปีผ่านไปในพริบตา
พลังวิญญาณทั้งหกสายของหานเจวี๋ยบรรลุถึงขั้นสมบูรณ์
เขาเตรียมตัวฝ่าด่านเคราะห์แล้ว!
เขาเปิดการทำงานเขตอาคมเพื่อฝ่าด่านเคราะห์ภายในถ้ำเทวา
แม้ว่าเคราะห์สวรรค์ของระดับรวมแก่นปราณจะรุนแรง ทว่าอานุภาพก็ไม่ถึงขึ้นทำลายภูเขา หลักๆ จะรวมตัวอยู่เหนือศีรษะของผู้ทะลวงระดับ
เล่ากันว่าเคราะห์สวรรค์ระดับรวมแก่นปราณจะก่อให้เกิดมารในใจได้ง่ายมาก
ผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานสิบคน มีเพียงสองสามคนเท่านั้นที่ทะลวงระดับสำเร็จ
หากไม่ถูกเคราะห์สวรรค์ผ่าตายก็ธาตุไฟเข้าแทรก
หานเจวี๋ยมีคุณสมบัติขั้นสุดยอด อีกทั้งฝึกฝนวิชาระดับสูงสุด เป็นธรรมดาที่จะไม่กลัวเรื่องพวกนี้
เมื่อเขากระตุ้นพลังภายในอย่างต่อเนื่อง เมฆครึ้มก็รวมตัวกันเหนือศีรษะ มีสายฟ้าแลบแปลบปลาบ
ในเวลาเดียวกันนี้ มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในใจของหานเจวี๋ย
‘เจ้าต้องการสิ่งใด’
‘ชื่อเสียง?’
‘ลาภยศ?’
‘สตรี?’
‘เจ้าแกร่งเพียงพอแล้ว อย่าได้เก็บซ่อนไว้อีกเลย แสดงออกมาให้ผู้คนได้ประจักษ์ความยิ่งใหญ่ของเจ้าเถอะ!’
เสียงนี้ฟังดูคล้ายมารร้าย พยายามหลอกล่อให้หานเจวี๋ยลุ่มหลงไม่หยุด
หานเจวี๋ยไม่แยแสใดๆ อยากหัวเราะเสียด้วยซ้ำ
นี่คือมารในใจหรือ
ไม่มากพอที่จะทลายกำแพงป้องกันของเขาลงได้!
สองมือของหานเจวี๋ยเริ่มเปลี่ยนไปมาอย่างไร้กฎเกณฑ์ พลังวิญญาณภายในร่างพรั่งพรูตามมา
สร้างฐาน รวมแก่นปราณทอง!
ในจุดตันเถียนของเขาเริ่มรวบรวมพลังวิญญาณ ดูเหมือนศูนย์กลางของวังวนในร่างกายมนุษย์
ทันใดนั้นสายฟ้าสายแล้วสายเล่าจากเมฆครึ้มก็ฟาดผ่าลงบนร่างหานเจวี๋ยอย่างต่อเนื่อง
หานเจวี๋ยใช้วิชาวัฏจักรหกวิถีดูดซับอัสนีสวรรค์กลับทันที
การฝ่าด่านเคราะห์โดยมีพลังวิญญาณหกสาย ช่างเสถียรเป็นที่สุด!
รากวิญญาณอัสนีของหานเจวี๋ยไม่อาจดูดซับอัสนีสวรรค์ได้ทั้งหมด แต่อาศัยพลังวิญญาณอื่นต้านทานไว้ เขาจึงไม่รู้สึกเจ็บคันใดๆ
ไม่นานนัก เขาพบว่าไม่ใช่พลังวิญญาณของเขาที่แข็งแกร่ง แต่เป็นเพราะอาภรณ์เทพทมิฬจักจั่นทองต่างหาก
‘ไม่นึกว่าสมบัติวิญญาณชิ้นนี้จะช่วยต้านด่านเคราะห์ได้…’
หานเจวี๋ยคิดอย่างประหลาดใจ
อาภรณ์เทพทมิฬจักจั่นทองสามารถต้านทานการโจมตีของผู้บำเพ็ญระดับเปลี่ยนวิญญาณ ในภายหน้าก็ใช้ฝ่าด่านเคราะห์ระดับปราณก่อกำเนิดได้ใช่หรือไม่?
หานเจวี๋ยตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว
ช่างเป็นสมบัติที่ดีจริงๆ!
หานเจวี๋ยปลุกเร้าจิตวิญญาณ ฝ่าด่านเคราะห์ต่อไป
…
เจ็ดวันต่อมา
หานเจวี๋ยฝ่าด่านเคราะห์สำเร็จในที่สุด
[ยินดีด้วย ท่านบรรลุถึงระดับรวมแก่นปราณ ได้รับกระบี่เวทชั้นเลิศหนึ่งเล่ม]
[ยินดีด้วย ท่านได้รับกระบี่กิเลน]
[กระบี่กิเลน: กระบี่สร้างจากเอ็นกระดูกกิเลน แฝงด้วยจิตวิญญาณกิเลน มีประสิทธิภาพในการขับไล่สิ่งชั่วร้าย]
กระบี่หนึ่งเล่มปรากฏขึ้นในมือหานเจวี๋ย ทุกส่วนของกระบี่มีสีดำขลับ บนคมกระบี่ฝังเกล็ดกิเลนไว้ ด้ามกระบี่ยิ่งดูทรงพลัง คมกระบี่กว้างสามนิ้วมือ ความยาวราวหนึ่งเมตรกว่า
เมื่อกุมกระบี่เล่มนี้ หานเจวี๋ยรู้สึกว่ากลางฝ่ามือเย็นวาบ
เป็นกระบี่ที่งดงามมาก!
เหมาะกับเขาเหลือเกิน!
หานเจวี๋ยเก็บกระบี่กิเลนกลับไป จากนั้นจึงเริ่มทำตบะระดับรวมแก่นปราณให้มั่นคง
ครึ่งเดือนต่อมา
เขาเริ่มฝึกแก่นของวิชาวัฏจักรหกวิถีขั้นที่สาม ขณะเดียวกันก็รับสืบทอดพลังวิเศษอย่างแรก
พลังดูดวิญญาณหกสาย!
พลังวิเศษนี้เป็นดังชื่อ สามารถดูดวิญญาณได้ โดยเฉพาะดวงวิญญาณเร่รอน หลังจากสำเร็จพลังวิเศษนี้แล้ว ยังทำให้หานเจวี๋ยมองเห็นร่างวิญญาณที่คนทั่วไปไม่สามารถมองเห็นด้วย
หานเจวี๋ยเรียนรู้เคล็ดพลังภายในสำเร็จแล้ว ก็เริ่มฝึกฝนพลังวิเศษ
คุณสมบัติรากวิญญาณหกสายระดับสูงทำให้เขาเรียนรู้เสร็จสิ้นในสิบวัน
พลังวิเศษก็คือพลังวิเศษ ล้ำลึกยิ่งกว่าวิชาเวท
เป็นธรรมดาที่อานุภาพจะแกร่งยิ่งกว่า!
หานเจวี๋ยอยากลองตามหาดวงวิญญาณเร่รอนดู แต่ว่าที่นี่คือสำนักหยกพิสุทธิ์
เขาเปิดหน้าจอแสดงคุณสมบัติของตัวเองขึ้นมา
[ชื่อ: หานเจวี๋ย]
[อายุขัย: 64/499]
[เผ่าพันธุ์: มนุษย์]
[ตบะ: ระดับรวมแก่นปราณขั้นที่หนึ่ง]
[วิชายุทธ์: วิชาวัฏจักรหกวิถี (สืบทอดได้) ]
[วิชาเวท: ดรรชนีกระบี่เทพ ย่างก้าวลวงตาเจ็ดชั้น สามกระบี่แยกเงา (ไร้เทียมทาน) ตราประทับเก้ามังกรขจัดมาร]
[พลังวิเศษ: พลังดูดวิญญาณหกสาย]
[อาวุธเวท: อาภรณ์เทพทมิฬจักจั่นทอง (สมบัติวิญญาณระดับเจ็ด) เข็มขัดเก็บสมบัติ กระบี่กิเลน]
[คุณสมบัติรากวิญญาณ: ร่างวิญญาณหกสาย ประกอบด้วยรากวิญญาณวายุ รากวิญญาณอัคคี รากวิญญาณวารี รากวิญญาณพสุธา รากวิญญาณพฤกษา และรากวิญญาณอัสนีระดับสูงสุด เสริมดวงชะตาขึ้นอีกระดับ]
[ดวงชะตาแต่กำเนิดมีดังนี้]
[ไม่เป็นสองรองใคร: รูปโฉมหล่อเหลา เจ้าเสน่ห์ระดับสูงสุด]
[ชะตาเซียนกระบี่: คุณสมบัติมรรคกระบี่ระดับสูงสุด ความเข้าใจมรรคกระบี่ระดับสูงสุด]
[ความไวของท่าร่าง: คุณสมบัติท่าร่างระดับสูงสุด]
[ทายาทจักรพรรดิเซียน: ได้รับวิชายุทธ์บำเพ็ญเซียนระดับสูงและหินวิญญาณชั้นสูงหนึ่งพันก้อน]
[ตรวจสอบค่าความสัมพันธ์]
…
อายุขัยเพิ่มถึง 499 ปีแล้ว ไม่เลวเลย!
สี่ร้อยกว่าปีก็เพียงพอแล้วที่จะให้เขาทะลวงไปถึงระดับปราณก่อกำเนิด!
แต่หากใช้เวลาเกินกว่าร้อยปี ก็นับว่าเขาพ่ายแพ้!
หานเจวี๋ยคิดอย่างภาคภูมิใจ
ฉับพลันนั้นเขาก็นึกขึ้นมาได้ หลังจบการทดสอบของสำนักฝ่ายใน เขายังไม่เคยกล่าวลาเซียนซีเสวียนเลย
เสียมารยาทเข้าให้แล้ว!
หลังออกมาจากถ้ำเทวา เขาบินไปยังฝ่ายในของสำนักหยกพิสุทธิ์
เส้นทางนั้นแยกแยะได้ง่ายมาก เพราะยอดเขาทั้งสิบแปดสะดุดตาจนเกินไป
หานเจวี๋ยขี่กระบี่ไปพลาง ตรวจดูค่าความสัมพันธ์ไปพลาง
ระดับความประทับใจและระดับความเกลียดชังของภาพเสมือนทั้งหลายไม่มีการเปลี่ยนแปลง
เขากดเปิดจดหมายดู
[หลี่ชิงจื่อสหายของท่านถูกผู้บำเพ็ญสายมารจู่โจม]
[หลี่ชิงจื่อสหายของท่านถูกผู้บำเพ็ญสายมารจู่โจม]
…
ละการแจ้งเตือนหลายสิบครั้ง
…
[หลี่ชิงจื่อสหายของท่านถูกผู้บำเพ็ญสายมารจู่โจม ได้รับบาดเจ็บสาหัส โชคดีที่หนีรอดไปได้]
หานเจวี๋ยชะงัก
เจ้าสำนักถูกผู้บำเพ็ญสายมารจู่โจม?
จดหมายแจ้งเตือนมากมายขนาดนี้ ดูท่าทางจะน่าเวทนายิ่งนัก!
หานเจวี๋ยอดไม่ได้ที่จะกังวล หรือว่าลัทธิมารฟ้ามืดจะโจมตีสำนักหยกพิสุทธิ์ในไม่ช้านี้แล้ว
ขณะที่คิด หานเจวี๋ยก็มาถึงยอดเขาหยกวิเวก
เขารีบคุกเข่าลงด้านหน้าตำหนักหยกวิเวก
ครั้นประตูใหญ่เปิดออก เขาถึงลุกขึ้นและเข้าไปในตำหนัก
“ศิษย์น้องหาน ในที่สุดเจ้าก็กลับมาจนได้!”
ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ตำหนิ
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว หรือว่าแม่นางผู้นี้จะเป็นญาติของเซียนซีเสวียนจริงๆ?
เหตุใดมาเมื่อใดก็จะได้เจอนางทุกครั้ง
ตบะของฉางเยวี่ยเอ๋อร์เลื่อนขึ้นมาเป็นสร้างฐานขั้นห้าแล้ว ความเร็วระดับนี้ถือว่ารวดเร็วในหมู่คนทั่วไป แต่ไม่อาจเทียบกับหานเจวี๋ยได้
เทียบไม่ได้อย่างสิ้นเชิง!
หานเจวี๋ยคุกเข่าคำนับด้านหน้าเซียนซีเสวียนพร้อมกล่าวขึ้น “ศิษย์มาเยี่ยมคารวะอาจารย์ขอรับ หลังจากการทดสอบของฝ่ายในจบลง ศิษย์ก็รีบเร่งฝึกบำเพ็ญ จนลืมมาเยี่ยมเยียนผู้อาวุโสเช่นท่านไปเสียได้!”
เซียนซีเสวียนหรี่ตาพลางเอ่ยถาม “เจ้ายังรู้จักกลับมาด้วยหรือ อาจารย์นึกว่าเจ้าทรยศอาจารย์ของเจ้าเสียแล้ว”
หานเจวี๋ยรู้สึกละอายใจ
เขากำลังจะอธิบาย เซียนซีเสวียนก็เอ่ยต่อว่า “สำนักหยกพิสุทธิ์กำลังจะเกิดหายนะอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน อาจารย์จะให้โอกาสเจ้าสักครั้ง ให้เจ้าหนีไปจากสำนักหยกพิสุทธิ์ได้เลย!”