ทันทีที่พูดจบ ผู้แทนแห่งโถงอันดับที่เก้าก็ยกมือขึ้น
ครืน!
ประตูสีดำทะมึนถูกเปิดออก เงาอสูรที่สูงกว่าผู้ชายครึ่งตัว กระโดดออกมาจากข้างใน ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน
มันคือสัตว์อสูรดุร้ายที่คล้ายกับวานรคลั่ง ทั่วทั้งตัวของมันเป็นสีดำสนิท ผิวหนังทำจากเหล็ก และมีเกล็ดแหลมคมปกคลุม เขี้ยวแหลมเต็มปากกว้าง กรงเล็บดุจตะขอ ดวงตาสีแดงแผ่กลิ่นอายดุร้าย รุนแรง และกระหายเลือดออกมา
วูบ!
การเคลื่อนไหวของมันรวดเร็ว โหดเหี้ยม และรุนแรง ดูราวกับสายฟ้าแลบ ทันทีที่ปรากฏตัว มันก็คำรามและคิดจะพุ่งเข้าใส่ฝูงชน แต่ผู้แทนแห่งโถงอันดับที่เก้าก็จับมันเอาไว้ กระแทกมันลงกับพื้นอย่างแรง ทำให้มันไม่กล้าเคลื่อนไหวตามอำเภอใจอีก
โฮก!
ทุกคนต่างอ้าปากค้าง เพราะพวกเขาสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวและความแข็งแกร่งของสัตว์ประหลาดตัวนี้อย่างชัดเจน
“วานรปีศาจเขาโลหิต!”
“ข้าได้ยินมาว่า วานรปีศาจเขาโลหิตนี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาสัตว์อสูรจักรวาล มันมีความแข็งแกร่งที่ไร้เทียมทาน และเคลื่อนไหวได้รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด ดังนั้นการจะเจาะผิวของมันด้วยใบมีดจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลย โดยเฉพาะความแข็งแกร่งทางกายภาพที่ทำให้มันมีความอดทนสูงถึงสามหรือห้าเท่า เมื่อเทียบกับผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายาแล้ว ดังนั้นการจะเอาชนะมันจึงทำได้ยากยิ่ง”
“เงื่อนไขของการทดสอบคือต้องฆ่าวานรปีศาจเขาโลหิตหรือ?”
เมื่อได้ฟังการสนทนาของเหล่าศิษย์ที่มีชื่อเสียงเหล่านั้น เฉินซีก็ค่อย ๆ มีความมั่นใจมากขึ้น
“ใช่ เงื่อนไขในการผ่านการทดสอบคือต้องฆ่าวานรปีศาจเขาโลหิต! แต่สิ่งที่ข้าอยากจะบอกพวกเจ้าคือนี่เป็นเพียงวานรปีศาจเขาโลหิตที่อ่อนแอที่สุดเท่านั้น!”
ผู้แทนแห่งโถงอันดับที่เก้ากล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “หากเจ้าต้องการเลือกหมู่บ้านที่ดีเพื่อเป็นจุดเริ่มต้น ข้าจะเตรียมวานรปีศาจเขาโลหิตที่ทรงพลังยิ่งกว่าให้กับเจ้า”
ฟังจากที่ชายวัยกลางคนกล่าวเมื่อครู่ ความแข็งแกร่งของวานรปีศาจเขาโลหิตเหล่านี้แบ่งออกเป็นระดับต่ำ กลาง สูง และสูงสุด
โดยความแข็งแกร่งของวานรปีศาจเขาโลหิตที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานั้นธรรมดาที่สุด และเป็นตัวตนระดับต่ำ ซึ่งเทียบเท่ากับผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายาทั่วไป ในขณะที่วานรปีศาจเขาโลหิตระดับกลางและระดับสูงก็จะแข็งแกร่งสอดคล้องกับผู้บ่มเพาะระดับกลางและสูงของขอบเขตสถิตกายาตามลำดับ
วานรปีศาจเขาโลหิตระดับสูงสุดนั้นหายากและน่ากลัวที่สุด มันเป็นราชาในหมู่วานรปีศาจเขาโลหิต และมันก็เทียบเท่ากับผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายาระดับสูง
เนื่องจากวานรปีศาจเขาโลหิตมีความอดทนสูงอย่างยิ่ง ความแข็งแกร่งทางกายภาพของมันจึงมากกว่าผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายาสองถึงสามเท่า นั่นทำให้มันน่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีก หรืออาจกล่าวได้ว่าวานรปีศาจเขาโลหิตระดับสูงสุดนั้นแข็งแกร่งพอที่จะสังหารตัวตนขอบเขตเซียนปฐพีระดับหนึ่งได้!
“จำไว้ว่า หากเจ้าพบกับอันตรายระหว่างการทดสอบ จะไม่มีใครช่วยเจ้าได้ ดังนั้นโปรดเลือกความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้อย่างระมัดระวัง และอย่าเอาชีวิตของตัวเองมาล้อเล่น!”
ผู้แทนแห่งโถงอันดับที่เก้าแนะนำอีกครั้งก่อนเริ่มการทดสอบ “คนแรก ฮั่วเฟยหงจากภพหกชนวน!”
ฟุ่บ!
ชายหนุ่มในชุดดำกำหมัดของเขาแล้วขานตอบ “ข้าเลือกวานรปีศาจเขาโลหิตระดับกลาง!”
ผู้แทนแห่งโถงอันดับที่เก้าผู้มีใบหน้าไร้อารมณ์พลันบดขยี้วานรปีศาจเขาโลหิตในกำมือ ก่อนจะสะบัดมือเรียกวานรปีศาจเขาโลหิตอีกตัวออกมาจากภายในประตูสีดำสนิท
เพียงแต่ว่าตัวนี้แข็งแกร่งและดุร้ายกว่า เกล็ดที่ปกคลุมทั่วร่างของมันถูกอาบไปด้วยเลือด ราวกับหุ่นเชิดสังหารอันบ้าคลั่ง
โฮก!
เมื่อวานรปีศาจเขาโลหิตตัวนี้ปรากฏตัว มันก็กลายเป็นเงาสีดำทันที ขณะที่นิ้วของมันคว้าจับมาทางฮั่วเฟยหงโดยตรง
ขวับ!
ฮั่วเฟยหงดูจะไม่คาดคิดมาก่อนว่าการต่อสู้จะเริ่มขึ้นอย่างรวดเร็วขนาดนี้ และดูเหมือนตัวตนจะถูกกลิ่นอายของวานรปีศาจเขาโลหิตกดข่มเข้าอย่างจัง ทำให้การเคลื่อนไหวของเขาช้าลงเล็กน้อย ในขณะที่เบี่ยงหลบ เกราะไหล่ที่เป็นสมบัติวิเศษที่เขาสวมอยู่ก็ถูกบดขยี้ทันที ทิ้งรอยเลือดยาวห้าเส้นเอาไว้ และถ้าไม่ใช่เพราะชายหนุ่มหลบได้เร็วพอ บางทีแม้แต่ศีรษะของฮั่วเฟยหงก็อาจถูกกรงเล็บนี้ทำลายไม่เหลือ!
ผู้คนจำนวนมากที่อยู่ที่นั่นต่างจดจ่อมากขึ้นและมีสีหน้าหนักใจเล็กน้อย เมื่อพวกเขาเห็นว่าวานรปีศาจเขาโลหิตระดับกลางนั้นทรงพลังและดุร้ายมากเพียงใด
แม้แต่เฉินซีเองก็ยังแอบประหลาดใจ วานรปีศาจเขาโลหิตตัวนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ ถึงความแข็งแกร่งของมันจะเทียบได้เพียงผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายาระดับกลาง แต่รูปแบบการต่อสู้ที่เด็ดเดี่ยว ดุร้าย และโหดเหี้ยมของมันนั้น เป็นสิ่งที่แม้แต่ผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายาระดับกลางยังไม่อาจต้านทานได้!
ทันใดนั้นวานรปีศาจเขาโลหิตก็ไล่ตามฮั่วเฟยหงไป และเข้าปะทะกับอีกฝ่ายอย่างรุนแรงที่ใจกลางสนามรบ ทุกการเคลื่อนไหวของมันนั้นไร้ความปรานี กระแทกท้อง หัวใจ และหัว ทำให้ผู้คนรู้สึกสยดสยองอย่างยิ่ง
พื้นที่โดยรอบของสนามได้รับการปกป้องด้วยค่ายกลขนาดใหญ่ ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่า ในระหว่างการต่อสู้ วานรปีศาจเขาโลหิตจะพุ่งออกมาด้านนอก แต่ผู้คนที่เข้ารับการทดสอบเองก็ไม่สามารถหลบหนีหรือยอมรับความพ่ายแพ้ได้เช่นกัน ดังนั้นจึงมันเหลือตัวเลือกเพียงฆ่าหรือถูกฆ่าเท่านั้น!!!
สหายผู้นี้จบสิ้นแล้ว…
เฉินซีสามารถบอกได้ทันทีว่า ฮั่วเฟยหงมีโอกาสที่จะโต้กลับแต่ไม่คว้าไว้ แทนที่คนผู้นี้จะกัดฟันและพุ่งไปข้างหน้าเมื่อเผชิญกับการโจมตี แต่กลับเลือกที่จะหลบตลอดเวลา ดังนั้นเขาย่อมต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย
ปุ!
ทันทีที่ความคิดนี้แวบผ่านหัวของเฉินซี หัวของฮั่วเฟยหงก็แตกออกจากกัน เลือดและสมองของอีกฝ่ายไหลทะลัก ขณะที่ร่างกายของเจ้าตัวยังคงดิ้นรน แต่ก็ถูกวานรปีศาจเขาโลหิตเคี้ยวกลืนลงท้องไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากปาก จนเกิดเป็นฉากที่น่าสยดสยองอย่างยิ่งขึ้น
เมื่อได้เห็นฉากนองเลือดนี้ หลายคนต่างอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก แม้แต่เท้าของพวกเขายังถอยกลับเล็กน้อย หญิงสาวบางคนกระทั่งตกใจกลัวจนใบหน้างามซีดเซียว
จากตัวอย่างที่มีชีวิตนี้ ในการทดสอบต่อไป หลายคนจึงเลือกที่จะรับการทดสอบด้วยการสังหารวานรปีศาจเขาโลหิตระดับต่ำ
การทดสอบต่อจากนั้นมาจึงไม่มีการนองเลือดที่น่าสยดสยองเช่นนั้นเกิดขึ้นอีก แต่เฉินซีเริ่มเบื่อที่จะเฝ้าดูสิ่งนี้แล้ว เพราะการต่อสู้แบบนั้นมันก็ไม่ต่างกับการละเล่นของเด็ก ๆ มันไม่ได้กระตุ้นความสนใจของเขาเลยแม้แต่น้อย
ในขณะที่รอรับการทดสอบ ชายหนุ่มคนหนึ่งทางด้านซ้ายของเฉินซีก็เหลือบมองมา ก่อนที่จะผิวปากอย่างไร้เหตุผล จากนั้นพูดว่า “เฮ้ ไอ้หนู! เหตุใดเจ้าจึงไม่สนใจการต่อสู้เล่า กลัวหรือไง? เจ้านี่มันขี้ขลาดจริง ๆ แล้วจะมาเข้าร่วมการทดสอบทำไมกัน หือ? ระวังกล่องดวงใจของเจ้าจะโดนขยี้จนไม่สามารถเล่นกับผู้หญิงได้เสียล่ะ”
นี่คือการยั่วยุ!!!
เฉินซีชำเลืองมองอีกฝ่ายและพูดอย่างเฉยชา “เป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์จริง ๆ ที่เจ้าสามารถอยู่รอดมาได้จนถึงยามนี้ด้วยสายตาเช่นนั้น …หากเจ้ายังอยากรักษาปาฏิหาริย์นี้ไว้ เจ้าก็ไม่ควรมารบกวนข้าอีก”
จู่ ๆ ชายหนุ่มผู้นั้นก็หัวเราะออกมา “โอ้ น่ากลัวจริง ๆ! รู้ไหมว่าข้าเป็นใคร?”
“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร หลังจากเข้าสู่การทดสอบแล้ว มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเจ้าอยู่ดีจริงไหม?” เฉินซีถามกลับ
ชายหนุ่มผู้นั้นตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดอย่างโกรธเคืองว่า “ช่างหยิ่งยโสเสียจริง! ไอ้หนู ข้าจะไม่พึ่งพาภูมิหลังของข้าเล่นกลโกงในการทดสอบนี้แน่ ข้าจะต้องชนะเจ้าอย่างขาวสะอาดและงดงาม!”
“ชนะข้า? เจ้าไม่มีความสามารถพอหรอก” เฉินซีเริ่มหัวเราะและพูดด้วยน้ำเสียงไร้กังวล ซึ่งท่าทางแบบนี้ทำให้เจ็บปวดยิ่งกว่าการที่เขาเพิกเฉยเสียอีก
ใบหน้าของชายหนุ่มผู้นั้นมืดมนในทันที “เจ้ากล้าเดิมพันกับข้าหรือไม่?”
ก่อนที่ชายหนุ่มจะทันได้เปิดปาก อีกฝ่ายพลันเอื้อมมือไปหยิบสร้อยคอสีน้ำเงินออกมาเบื้องหน้า จากนั้นเจ้าตัวก็แกว่งมันไปมาและพูดว่า “ใช้ผลการทดสอบในครั้งนี้เป็นเดิมพัน หากข้าแพ้ สร้อยหัวใจนภาครามเส้นนี้ก็เป็นของเจ้า!”
สร้อยคอเส้นยาวเรียวทอแสงสีทองและฟ้าเย็นออกมา แก่นไม้เขียวขจีที่ห้อยอยู่ตรงปลายสร้อยคอเปี่ยมด้วยกลิ่นอายของปราณเซียน เปล่งประกายรัศมีศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์ออกมาอย่างยิ่งใหญ่
เฉินซีสามารถบอกได้อย่างรวดเร็วว่าสมบัติที่ชายหนุ่มผู้นั้นเรียกว่า ‘หัวใจนภาคราม’ นี้เป็นสมบัติอมตะที่แท้จริงอย่างแน่นอน!
เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความประหลาดใจ “สมบัติชิ้นนี้ใช้อย่างไรหรือ?” น้ำเสียงที่เขาใช้พูด มันฟังดูราวกับสมบัติชิ้นนี้เป็นของตนไปเรียบร้อยแล้วโuเวลกูดฺอทคoม
ชายหนุ่มผู้นั้นจึงยิ่งโกรธจัดและเริ่มหัวเราะออกมาด้วยความเดือดดาลยิ่ง “ยังไม่สายเกินไปที่จะบอก หากเจ้าเอาชนะข้าได้!”
“เขาน่าจะเป็นศิษย์ของนิกายใหญ่จากภพกมลพฤกษา นิกายรุกขคราม!” ใครบางคนกระซิบด้วยความประหลาดใจ
บทสนทนาระหว่างเฉินซีกับชายหนุ่มผู้นี้ดึงความสนใจจากทุกคนที่อยู่ใกล้เคียงในทันที เมื่อชายหนุ่มผู้นั้นหยิบสร้อยหัวใจนภาครามออกมา มันจึงดึงดูดผู้คนจำนวนมากให้จับจ้องมาทางนี้
เมื่อเห็นใครบางคนจำตัวตนของเขาได้ ชายหนุ่มผู้นั้นก็รู้สึกเบิกบานใจ เขาเชิดคางขึ้น และมองไปทางเฉินซีอย่างเย่อหยิ่ง “เอาล่ะ จะเดิมพันหรือไม่?”
“กฎคืออะไร?” เฉินซีถามอย่างใจเย็น ขณะที่ท่าทางของเขายังคงนิ่งเฉยไม่เปลี่ยนแปลง
ชายหนุ่มผู้นั้นแค่นเสียงเย็น “มันง่ายมาก คนที่ฆ่าวานรปีศาจเขาโลหิตได้ระดับสูงกว่าจะเป็นผู้ชนะ!”
“โอ้” เฉินซีส่งเสียงตอบรับ พลางกล่าวอย่างครุ่นคิด “แล้วจะเป็นอย่างไรถ้าวานรปีศาจเขาโลหิตที่ถูกสังหารอยู่ในระดับเดียวกัน?”
ชายหนุ่มผู้นั้นพลันรู้สึกสบายใจมากขึ้นเมื่อเฉินซีสอบถามอย่างละเอียด และพูดอย่างดุดันว่า “เช่นนั้นข้าจะถือว่านั่นเป็นชัยชนะของเจ้า!”
“ได้!” เฉินซีพยักหน้า “แต่ดูเหมือนของเดิมพันจะน้อยเกินไป เหตุใดเราไม่มาวางเดิมพันให้มากกว่านี้สักหน่อยเล่า ใช่แล้ว เจ้ามีสมบัติอมตะอยู่ในครอบครองกี่ชิ้นกัน?”
ชายหนุ่มผู้นั้นตกตะลึงทันที และพูดด้วยความโกรธว่า “ไอ้หนู เจ้าหยิ่งผยองเกินไปแล้ว! ข้ามีสมบัติอมตะอยู่บนร่างทั้งหมดสี่ชิ้น หากเจ้ามีปัญญาก็เอาออกมาสี่ชิ้นเช่นกัน ข้าจะเดิมพันด้วยพวกมันทั้งหมด!”
ฟุ่บ!
เฉินซีไม่พูด แต่ตอบกลับด้วยการกระทำ เขายื่นมือออกมา ทันใดนั้นกระบี่เซียนสี่เล่มที่ปกคลุมด้วยปราณเซียนที่ทอประกายเฉียบคมก็บินออกมา หมุนวนรอบฝ่ามือของเขา
สิ่งเหล่านี้เป็นของกำนัลบางส่วนที่เขาได้รับจากการสังหารผู้อาวุโสอวิ๋นจู และผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีจากนิกายวิถีกระแสสวรรค์ ณ ภูเขาร้างเต๋านภา ซึ่งเขาได้รับกระบี่เซียนทั้งหมดห้าเล่ม ภาพเขียนกระบี่ระดับสมบัติอมตะที่รวมกันก่อเป็นค่ายกลกระบี่จักรวาลสยบมารแปดชิ้น ศาสนสมบัติวิเศษ ระฆังเก้าเกลียวไท่เออ และยังมีสมบัติอื่น ๆ อีกมากมายที่เฉินซีโยนเข้าไปไว้ในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์
ชายหนุ่มผู้นั้นเป็นต้องตกตะลึงอีกครั้ง เขาจ้องมองไปที่ดาบอมตะทั้งสี่เล่ม ในขณะที่ในใจไม่กล้าเชื่อว่า เฉินซีจะสามารถนำสิ่งเหล่านี้ออกมาได้
ไม่เพียงคนผู้นี้เท่านั้น แม้แต่ผู้บ่มเพาะคนอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงก็ถูกดึงดูดด้วยสิ่งนี้ ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจขณะที่จับจ้องมายังคนทั้งคู่
“ทำไม? เกิดขี้ขลาดขึ้นมาหรือไร?” เฉินซีถามด้วยน้ำเสียงไม่แยแส
ชายหนุ่มผู้นั้นเกือบจะเป็นลมเพราะความโกรธ จากนั้นก็ตะโกนขึ้นเสียงดัง “ได้! วันนี้ข้าจะเล่นใหญ่กับเจ้าเอง!”
ในขณะที่พูด ตัวคนก็ได้หยิบสมบัติอมตะออกมาอีกสามชิ้น พวกมันคือพัดด้ามจิ๋วที่ทำจากไม้สีเขียว กระบี่เซียนที่เคลือบด้วยแสงสีเงิน และถุงมือสีดำสนิทคู่หนึ่ง
“พัดหัวใจครามพิฆาตวิญญาณ กระบี่ล้ำลึกเก้าจรัสแสง ถุงมือสยบมารแสงทมิฬ… เป็นเขาจริง ๆ ศิษย์เสเพลอันดับหนึ่งของนิกายรุกขครามจากพิภพกมลพฤกษา เวิ่นเทียนเซี่ยว!”
“ใช่ เป็นเขา ว่ากันว่าบรรพบุรุษของเขาเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในภพเซียน ทำให้เขากลายเป็นคนเอาแต่ใจและหยิ่งยโส มีนิสัยเสียตั้งแต่อายุยังน้อย อีกทั้งการบ่มเพาะของเขาก็น่าเกรงขามเช่นกัน เนื่องจากบรรพบุรุษของเขาเคยชำระล้างร่างกายเขาด้วยทรัพยากรในการบ่มเพาะที่ดีที่สุด จึงทำให้ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของคนผู้นี้ในเวลานี้อยู่ที่ขอบเขตสถิตกายาระดับสูงสุดแล้ว”
มีบางคนจำตัวตนของชายหนุ่มผู้นั้นได้ และพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ พลางอุทานด้วยความประหลาดใจ เพราะนี่เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงจากภพกมลพฤกษา ซึ่งมีความแข็งแกร่งและภูมิหลังน่าสะพรึงกลัว ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่คนผู้นี้สามารถนำสมบัติอมตะออกมาถึงสี่ชิ้นได้ในคราเดียว
ชายหนุ่มผู้นั้นหัวเราะอย่างภาคภูมิใจเมื่อได้ยินการสนทนาเหล่านี้ เขาไม่พูดอะไรอีกต่อไป ทำเพียงส่งเสียงเย้ยในลำคอ และรอคอยให้การทดสอบเริ่มขึ้นเงียบ ๆ
“คนต่อไป เวิ่นเทียนเซี่ยวจากพิภพกมลพฤกษา!” หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ผู้แทนแห่งโถงอันดับที่เก้าก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก
วูบ!
ทันใดนั้น ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่คนคนเดียว ทุกคนต่างเฝ้ารอเวลานี้อย่างกระวนกระวายมานานแล้ว ก่อนที่เวิ่นเทียนเซี่ยวจะพุ่งขึ้นไปในสนาม และโบกมือด้วยท่าทางเย่อหยิ่งพร้อมกับกล่าวว่า “ส่งวานรปีศาจเขาโลหิตระดับสูงสุดมาให้ข้า!”