📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง – ตอนที่ 80

บทที่ 80 - ดาบเดียวตัดฟ้าดิน
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ในอนาคตข้าก็จะกลายเป็นลูกพี่ที่มีมาดแบบนี้เช่นกัน…สวี่ชีอันนึกอิจฉาอยู่ในใจ เขากอบหมัดคำนับ

“เมื่อคืนนักบวชจินเหลียนแห่งนิกายปฐพีมาหาข้าที่บ้าน เขาไม่ได้ทำร้ายข้า และไม่ได้นำหนังสือปฐพีไป แต่กลับเชิญให้ข้าเข้าร่วมพรรคฟ้าดินขอรับ”

“พรรคฟ้าดิน…” เว่ยเยวียนหันกลับมาแล้วเดินเข้ามายังห้องชา

“ผู้ก่อตั้งพรรคฟ้าดินก็คือนักบวชจินเหลียนแห่งนิกายปฐพีผู้นั้นและคนในนิกายปฐพีเบื้องหลังของเขา” สวี่ชีอันเห็นว่าเว่ยเยวียนมีท่าทางจริงจังตั้งใจฟัง เขาก็รู้แล้วว่ารายงานที่ตนมอบให้นั้นมีค่าอย่างยิ่ง

“สมาชิกหลักของพรรคฟ้าดินมีทั้งหมดเก้าคน ขณะเดียวกันก็คือผู้ถือชิ้นส่วน ‘หนังสือปฐพี’ ด้วย พวกเขาใช้หมายเลขของชิ้นส่วนเป็นรหัสแทนตัว ไม่ใช้นามจริงขอรับ” สวี่ชีอันเล่าบทสนทนาของเมื่อวานไปคร่าวๆ

“ตอนนี้รู้แค่ว่าหมายเลขหนึ่งอยู่ที่เมืองหลวง มีอิทธิพลเบื้องหลังไม่น้อย หมายเลขสองอยู่ที่อวิ๋นโจว กำลังง่วนอยู่กับการปราบโจร ยังคลุมเครือว่าเป็นคนในราชสำนักหรือไม่ขอรับ”

ขันทีใหญ่ผู้มีจอนผมสีขาวยวงครุ่นคิดอยู่เนิ่นนานแล้วเอ่ยถาม “ต่างก็ไม่รู้ตัวตนของกันและกัน…จินเหลียนยังกล่าวอะไรกับเจ้าอีก”

สวี่ชีอันตอบตามตรง “เขาบอกว่านิกายปฐพีกำลังมีปัญหา เขาจะทำการชะล้างสำนัก ดังนั้นถึงได้ก่อตั้งพรรคฟ้าดินขึ้นมา”

เมื่อถึงตรงนี้ เขาก็มองเห็นว่าดวงตาแฝงความโชกโชนของขันทีใหญ่ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเจิดจ้ากำลังจดจ้องมองเขา เสียงอันนุ่มนวลเอ่ยอย่างเคร่งขรึม

“พูดให้ละเอียด”

“ผู้นำเต๋าของนิกายปฐพีตกสู่ทางมาร ส่งผลกระทบต่อคนในนิกายปฐพีแทบทั้งหมด มีเพียงคนส่วนน้อยเท่านั้นที่รักษาสติไว้ได้แล้วหนีออกจากสำนักเพราะว่ามีหนังสือปฐพีเป็นเครื่องป้องกันขอรับ” สวี่ชีอันขายนักบวชเต๋าจินเหลียนเสียจนหมดสิ้น

“ดังนั้นเขาจึงก่อตั้งพรรคฟ้าดินแล้วมอบชิ้นส่วนของหนังสือปฐพีให้กับผู้เยี่ยมยอดที่กระจายอยู่ทั่วหล้าและสนับสนุนพวกเขา เพื่อที่ว่ายามล้างสำนักในอนาคตจะได้รับแรงช่วยเหลือ”

ผู้นำเต๋าตกสู่ทางมาร มิน่าจื่อเหลียนถึงได้กลายเป็นดำมืดชั่วช้า…ใบหน้าสง่าหล่อเหลาของเว่ยเยวียนมองไม่เห็นอารมณ์ เขาเอ่ยถามพร้อมน้ำเสียงทดสอบ “เจ้าคิดว่าจินเหลียนบอกเรื่องเหล่านี้กับเจ้าไปเพื่ออะไร”

สวี่ชีอันกำลังจะพูดว่าไม่รู้ เขาก็ต้องเจอกับสายตาล้ำลึกของเว่ยเยวียน เขาได้ยินการทดสอบอยู่ในน้ำเสียงของเว่ยเยวียน จึงกลืนคำที่จะพูดลงไป

ด้วยความฉลาดมากสามารถของเว่ยเยวียน เขาย่อมไม่ต้องการคำตอบจากข้าแน่…แต่เขากำลังทดสอบระดับความสามารถของข้าอยู่

เอ่อ…ถ้าเมื่อกี้หลุดคำพูดว่า ‘ไม่รู้’ ออกมาล่ะก็ ข้าจะกลายเป็นลูกน้องที่มีไอคิวและความฉลาดไม่เพียงพอในใจของขันทีใหญ่ผู้นี้ใช่หรือไม่

สวี่ชีอันสมองแล่นทันที สีหน้าของเขาแย้มยิ้มผ่อนคลายเป็นพิเศษ

“ความผิดปกติของนิกายปฐพีนั้น สมาชิกทุกคนในพรรคฟ้าดินล้วนกระจ่างแจ้งดี นักบวชเต๋าจินเหลียนบอกกล่าวตามความจริงเช่นนี้ หมายความว่ากำลังแสดงความจริงใจให้ข้าอยู่”

เว่ยเยวียนพยักหน้าน้อยๆ “ร่องรอยของนิกายปฐพีนั้นซ่อนเร้น จนถึงวันนี้หน่วยลาดตระเวนยามวิกาลก็ยังไม่รู้เรื่องภายในของพวกเขาที่ตกจากบุญกุศลสู่ทางมารเลย”

…สวี่ชีอันเบิกตาโต “เว่ยกงหมายความว่านักบวชเต๋าจินเหลียนใช้ข้าเป็นตัวกลาง คิดจะสร้างพันธมิตรกับท่านอย่างลับๆ หรือขอรับ”

เว่ยเยวียนถึงได้พยักหน้าพึงพอใจ เขาไม่ได้ตอบแต่เอ่ยอย่างอ่อนโยน “ต่อไปเจ้าก็คือสายลับของหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลในพรรคฟ้าดิน ทำหน้าที่สอบสวนหาตัวตนที่แท้จริงของสมาชิกคนอื่นๆ เมื่อถึงยามจำเป็น หน่วยงานจะให้ความช่วยเหลือเจ้าแน่นอน”

สวี่ชีอันกอบหมัด ตอบรับหนึ่งคำ “ขอรับ”

ถ้าเมื่อกี้ข้าทำตัวหัวทึบสักนิดล่ะก็ เว่ยกงจะนำชิ้นส่วนหนังสือปฐพีไปแล้วเปลี่ยนลูกน้องที่ฉลาดล้ำเลิศมาแทนที่ข้าเพื่อให้แทรกซึมเข้าไปเป็นนกสองหัวในพรรคฟ้าดินใช่หรือไม่

การทดสอบของคนใหญ่คนโตก็เหมือนลมโชยพัดผ่านหน้า ถ้าไม่ใส่ใจอาจจะละเลยไปได้…

เว่ยเยวียนกล่าว “เจ้าอยู่ระดับหลอมปราณ สมควรจะลองฝึกเคล็ดวิชาแล้ว ไปเลือกดูที่หอธรรมเถอะ เจ้าคุ้นกับดาบหรือว่ากระบี่ล่ะ”

“ดาบขอรับ!” สวี่ชีอันตอบ

เขายังเป็นเจ้าหน้าที่ระดับล่างจึงพกดาบผู่เต่า ถึงแม้จะใช้แสดงความสามารถได้น้อยนัก แต่ก็พกติดตัวมาได้หลายปีแล้ว จึงรู้สึกใกล้ชิดกับดาบมากกว่ากระบี่

เว่ยเยวียนชี้แนะ “เวลาที่เลือกเคล็ดวิชา จงจำไว้ว่าให้เลือกเคล็ดวิชาดาบที่เรียบง่ายบริสุทธิ์ วิชาซับซ้อนหรือประดิดประดอยเกินไป ไม่เอาทั้งนั้น ทหารกับสายฝึกตนอื่นๆ ไม่เหมือนกัน ไม่ได้มีอภินิหารมากมายอะไร มีแต่พลังเหนือมนุษย์เท่านั้น ดังนั้น ยิ่งผู้ฝึกยุทธ์ฝึกบริสุทธิ์ก็ยิ่งดี ต่อไปเมื่อเจ้าก้าวเข้าสู่ระดับที่สูงขึ้น ก็จะเข้าใจเหตุผลข้อนี้”

คำพูดเรียบง่ายไม่กี่คำ หนักยิ่งกว่าทองพันชั่ง สวี่ชีอันดีใจมาก “ขอบคุณเว่ยกงที่ชี้แนะ”

การพึ่งพิงองค์กรใหญ่เพิ่งจะเริ่มต้น ถ้าหากได้รับคำชื่นชมและการยอมรับจากเว่ยเยวียนได้ ตำแหน่งหน้าที่การงานและการฝึกยุทธ์ของเขาก็จะได้รับประโยชน์มหาศาล

สำนักโหราจารย์รับเพียงเด็กเล็ก ไม่รับเด็กโต ลัทธิขงจื๊อก็ยิ่งไม่เหมาะกับข้า อีกอย่างสองอย่างนี้ก็ไม่ใช่สายฝึกยุทธ์ หากอยากเดินทางสายยุทธ์ มีแต่ต้องอาศัยหน่วยงานลาดตระเวนยามวิกาลซึ่งเป็นที่รวมกลุ่มกันของผู้ฝึกยุทธ์เท่านั้น

สวี่ชีอันถือหนังสือลายมือของเว่ยเยวียนมาที่หอธรรม ผู้ที่ตามมาด้วยยังมีหลี่อวี้ชุน

หลี่อวี้ชุนมองไปยังเจ้าหน้าที่ผู้นำทาง แล้วเอ่ยขึ้นอย่างมีนัยลึกซึ้ง “ไปกอดขาใหญ่ของเว่ยกงตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เว่ยกงเป็นคนเรียกข้าไปพบก่อนขอรับ” สวี่ชีอันทำท่าทางบริสุทธิ์

หลี่อวี้ชุนพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้ไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้ถามต่อ

คุณสมบัติเหนือเจี่ยเป็นสิ่งที่เว่ยกงประเมินด้วยตัวเอง การที่เขาตั้งใจจะบ่มเพาะสวี่ชีอันก็เป็นเรื่องปกติɴᴏᴠeʟɢu.ᴄᴏm

เรื่องนี้หลี่อวี้ชุนรู้ดีอยู่แก่ใจมานานแล้ว ทั้งไม่ได้ไม่พอใจหรือเกลียดชังเพราะลูกน้องข้ามหัวตัวเองไปเกาะคนระดับสูง

ประการแรก คุณสมบัติระดับเหนือเจี่ยได้รับการบ่มเพาะและได้รับความสนใจจากเว่ยกงก็เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว และประการที่สอง สวี่ชีอันเป็นฆ้องทองแดงใต้บังคับบัญชาของเขา

มีสถานะผูกพันเช่นนี้อยู่ เขาก็แทบอยากจะให้สวี่ชีอันเดินไปได้ยิ่งสูงยิ่งดี

เจ้าหน้าที่พาพวกเขามาอยู่หน้าชั้นหนังสือหลังหนึ่งแล้วเอ่ย “ตำราดาบทั้งหมด 407 เล่มล้วนอยู่ที่นี่”

หลังจากพวกสวี่ชีอันทั้งสองคนพยักหน้าแล้ว เขาก็ถอยออกไป

หลี่อวี้ชุนชำเลืองมองสวี่ชีอัน ก่อนที่จะได้เอ่ยอะไร เขาก็แย่งพูดพร้อมรอยยิ้ม “อยากถามข้าใช่หรือไม่ว่าเคล็ดวิชาดาบเล่มไหนทรงพลังที่สุด”

สวี่ชีอันหัวเราะ “แหะๆ”

หลี่อวี้ชุนใคร่ครวญว่า “เคล็ดวิชาแบ่งออกเป็นสองอย่าง หนึ่งคือทักษะ อีกหนึ่งคือเต๋า อย่างหลังเจ้าไม่ต้องคิดถึงแล้ว ส่วนอย่างแรกไม่มีการแบ่งแยกแข็งแกร่งอ่อนแอ มีเพียงคนเท่านั้น”

ทั้งสองเริ่มเลือกตำราดาบอย่างช้าๆ สวี่ชีอันจำคำตักเตือนของเว่ยเยวียนได้ขึ้นใจ ไม่เลือกเคล็ดวิชาดาบที่ซับซ้อนไม่สมจริงเหล่านั้น

ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม หลี่อวี้ชุนก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย “ไม่มีที่พอใจเลยหรือ”

…หัวหน้า ข้าลืมบอกท่านไป ข้าเป็นโรคกลัวการเลือก สวี่ชีอันพยักหน้าพลางยิ้มขมขื่น

หลี่อวี้ชุนครุ่นคิด “เจ้ารอข้าสักเดี๋ยว”

เขาเรียกเจ้าพนักงานมาเอ่ยถาม “ช่วงนี้มีเคล็ดวิชาใหม่ๆ เข้ามาในคลังหรือไม่ ข้าหมายถึงพวกตำราดาบน่ะ”

เจ้าพนักงานครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วเอ่ย “มีขอรับ เมื่อสองสามวันก่อนทางสำนักโหราจารย์ส่งเคล็ดวิชามาสองสามเล่มแลกกับเงินหลายพันตำลึงขอรับ”

หลายพันตำลึง…หลี่อวี้ชุนผงะ จากนั้นก็เผยรอยยิ้ม “สวี่หนิงเยี่ยน เจ้ามีโชคไม่เลวเลย”

เขากล่าวอธิบาย “เคล็ดวิชาราคาหลายพันตำลึง คุณภาพย่อมดียิ่งกว่าข้างในนี้ ข้าว่าน่าจะมีเศษเสี้ยวของเต๋าแห่งเคล็ดวิชาดาบสักอย่างแน่”

“เต๋าหรือขอรับ” ดวงตาของสวี่ชีอันสว่างไสว

“เคล็ดวิชาที่มีสัมผัสแห่งเต๋าอยู่มักจะสร้างขึ้นโดยทหารระดับสูง และแฝงไว้ซึ่งความตระหนักรู้ด้านศิลปะการต่อสู้ตลอดชีวิตของเขา เจ้าอยากจะเป็นทหารระดับสูงก็ไม่อาจแตะต้องเคล็ดวิชาจำพวกนี้ได้ เพราะนั่นเป็นทางเต๋าของผู้อื่น แต่สามารถร่ำเรียนเศษเสี้ยวได้”

หลี่อวี้ชุนเอ่ยกำชับเจ้าพนักงาน “เจ้าไปหามา”

ไม่นาน เจ้าพนักงานก็ถือเคล็ดวิชาหลายเล่มเดินเข้ามา หนึ่งในนั้นคือเศษเสี้ยวเต๋าของเคล็ดวิชาดาบจริงๆ

“ดาบเดียวตัดฟ้าดิน”

ผู้ที่ตั้งชื่อนี้หากไม่ใช่จูนิเบียว[1]ก็เป็นโรคจิตหวาดระแวง…สวี่ชีอันคาดเดาอยู่ในใจ พลิกเปิดตำราเล่มบาง คำนำเปิดเรื่องคือ

‘บนโลกนี้ไม่มีของสิ่งใดที่ดาบหนึ่งเล่มจะตัดไม่ขาด ถ้าหากมี คำแนะนำของข้าคือหนี’

…สวี่ชีอันสะกดกลั้นความอยากจะโยนเคล็ดวิชากลโกงนี่ทิ้ง เขาอดทนพลิกไปหน้าที่สอง

หลังจากอ่านเนื้อหาหลักจบแล้ว เขาจึงเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อเคล็ดวิชาเล่มนี้ไป

คิดไม่ผิดเลย ยอดฝีมือผู้เขียนหนังสือนี้เป็นโรคจิตหวาดระแวงคนหนึ่ง เขาคิดว่าของใดๆ ในโลกนี้ล้วนสามารถใช้ดาบหนึ่งเล่มตัดฟันได้ รวมไปถึงฟ้าดิน

ศัตรูก็เช่นกัน

การเคลื่อนไหวและต่อสู้เกินความจำเป็นใดๆ ล้วนเป็นความอัปยศของสายยุทธ์

ข้าแค่ดึงดาบออกมา เจ้าไม่ตายก็ข้าตาย แน่นอนว่าโรคจิตหวาดระแวงไม่ได้หมายถึงการสูญเสียหลักเหตุผล เนื้อหากล่าวว่าเมื่อเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งไร้เทียมทาน จะแนะนำให้หนี

หลังจากสวี่ชีอันอ่านเนื้อหาจบเงียบๆ ในใจก็เขียนคำนำให้เคล็ดวิชาเล่มนี้ใหม่ ‘ตั้งใจสักนิดก็จะบรรลุถึงจุดสูงสุด!’

เขาปิดตำรา ดวงตาเป็นประกาย “ข้าเอาเล่มนี้”

………………………………..

[1] จูนิเบียว ในต้นฉบับใช้คำว่า 中二 หมายถึงโรคป่วยเด็กม.2 ใช้บรรยายถึงวัยรุ่นที่มีภาวะหลงผิดคิดว่าตนเก่งกาจ ต้องการจะโดดเด่น จึงเชื่อว่าตนมีพลังลึกลับซ่อนอยู่

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Nightwatcher, Dafeng's Night Squad, Great Feng's Nightwatchers The Nightwatchers of Feng 大奉打更人, วิถียุทธ์คนเคาะยามแห่งต้าเฟิ่ง(siaminter), Guardians Of The Dafeng(ซีรีส์)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: , , ต้นฉบับ: 951 Chapters (จบแล้ว)
สวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน….. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset