📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง – ตอนที่ 375.1

บทที่ 375.1 - กลับเมืองหลวง (1)
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

‘ก๊อก ก๊อก…’

เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองครั้ง แต่ไม่มีการตอบรับใดๆ จากในห้อง สวี่ชีอันแนบหูฟังอยู่ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงหายใจแผ่ว

อาทิตย์ส่องก้นอยู่แล้วยังไม่ตื่นนอนอีก ผู้หญิงคนนี้ช่างไร้หัวคิดเสียจริง…สวี่ชีอันบ่นในใจแล้วใช้มือแตะบานประตู จากนั้นเขาก็ใส่พลังปราณลงไป ทำให้กลอนประตูเปิดออกโดยอัตโนมัติ

เขาก้าวเข้ามาในห้อง ข้างในสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย บานหน้าต่างปิดอยู่ บนโต๊ะกลมมีถ้วยชาสี่ถ้วย หนึ่งในนั้นวางตั้งอยู่โดยที่ในถ้วยยังมีน้ำชาที่ยังดื่มไม่หมด

บนฉากกั้นที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับประตูห้อง มีชุดกระโปรง เสื้อ และชั้นในปักลายดอกเหมยสีชมพูพาดเอาไว้

นางน่าจะอาบน้ำเมื่อคืน พออาบเสร็จก็คงเผลอหลับอยู่บนเตียง เสื้อผ้ากับของใช้ชิ้นเล็กชิ้นน้อยก็ยังไม่ทันได้เก็บ

นี่คือชุดชั้นในแท้ๆ ของสาวงามอันดับหนึ่งของต้าฟ่งเชียวนะ หากอยู่ในยุคของข้า คงจะขายออนไลน์ได้หลายตำลึงแน่นอน ไม่สิ ต้องเป็นขายได้หลายหยวน…สวี่ชีอันค้นหาไปรอบๆ ห้อง แต่ก็ไม่เห็นชิ้นส่วนหนังสือปฐพี เมื่อตามความรู้สึกที่ของวิเศษชี้นำไป ในที่สุดเขาก็พบว่ามันถูกใช้รองที่ขาโต๊ะ

จู่ๆ ก็รู้สึกอยากให้นางรู้จักการโดนหวดขึ้นมาเสียอย่างนั้น…สวี่ชีอันเก็บชิ้นส่วนหนังสือปฐพีเข้ามาในอ้อมอกอย่างปวดใจ

ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ตระหนักถึงความล้ำค่าของกระจกหยกบานนี้เลยสักนิด ในนี้มันเก็บซ่อนสิ่งที่เขาสะสมไว้ทั้งชีวิตเชียวนะ

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็หันไปมองหญิงสาวที่กำลังหลับสนิทบนเตียง ท่าทางการนอนของนางสงบมาก และมีกิริยาแบบพระมเหสีอยู่เล็กน้อย

แต่เมื่อตื่นมาก็ยากจะอธิบายได้แล้ว

เวลาผ่านไปทุกชั่วขณะ ที่โต๊ะเครื่องแป้งมีนาฬิกาน้ำตั้งอยู่ บางคราหญิงสาวบนเตียงก็จะละเมองึมงำออกมาและขยับตัวอย่างไม่สบายบ้าง บางทีก็ขมวดคิ้วแน่น ไม่รู้ว่ากำลังฝันอะไรอยู่ ท่าทางเตะขาไปมาเหมือนกำลังต่อต้าน

นางนอนไม่สนิท

เวลาผ่านไปจนถึงต้นยามซื่อ[1]ในที่สุดนางก็บ่นงึมงำแล้วลืมตาขึ้น

จากนั้นสวี่ชีอันก็เห็นร่างของพระมเหสีแข็งทื่อแล้วค่อยๆ ผ่อนคลาย เขารินชาดื่มไปหนึ่งถ้วยแล้วเอ่ยยิ้มต่อหน้านาง “ตื่นแล้วหรือ”

เมื่อเห็นเขา ประกายในแววตาของพระมเหสีก็วาววับด้วยความประหลาดใจ นางผุดลุกขึ้นแล้วทำท่าทีไม่ยี่หระ

“เจ้ากลับมาได้อย่างไร อ้อ คราวนี้คงเข้าใจแล้วกระมังว่าอ๋องสยบแดนเหนือคือยอดฝีมือขั้นสาม ทั่วทั้งต้าฟ่งไม่มีใครเก่งกาจไปกว่าเขา เจ้าแสวงหาผลประโยชน์และหลีกเลี่ยงอันตรายได้เช่นนี้ก็ดีแล้ว”

หลังหยุดไปครู่หนึ่ง น้ำเสียงของนางก็อ่อนลง “เรื่องนี้มอบให้ราชสำนักก็พอ เจ้าไม่จำเป็นต้องวางก้ามใหญ่โตหรอก”

เมื่อคืนพระมเหสีคิดมากจนนอนไม่หลับ แน่นอน ไม่ใช่ว่านางกังวลว่าสวี่ชีอันจะถูกอ๋องสยบแดนเหนือสังหารหรอกนะ…

สวี่ชีอันเอ่ยเสียงเรียบ “อ๋องสยบแดนเหนือสิ้นแล้ว”

พระมเหสีชะงักงันอยู่ตรงนั้นราวกับรูปสลัก

“ขะ ข้าไม่เชื่อ…” นางจ้องสวี่ชีอัน

“นี่ไม่ใช่เรื่องที่ควรนำมาล้อเล่น” สวี่ชีอันกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ชินอ๋องที่สูงส่งผู้หนึ่งถูกสังหาร เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ข้าจะโกหกเจ้าไปทำไม”

พระมเหสีมองเขาอย่างว่างเปล่าแล้วเอ่ยเสียงสั่น “จะ จริงหรือ”

สวี่ชีอันพยักหน้า

เขาเห็นขนตายาวเป็นแพของพระมเหสีสั่นระริก หยาดน้ำตาร่วงหล่นลงมาติดๆ กันเป็นสาย…หยดน้ำตาเหล่านั้นเหมือนกับไข่มุกที่หล่นลงมาแล้วแตกสลาย

นางร้องไห้เพราะได้รับอิสระ

สวี่ชีอันคิดอยู่ว่าตนกับนางไม่ได้สนิทสนมกันมากนัก จึงมองดูหญิงงามอันดับหนึ่งของต้าฟ่งร้องไห้อยู่เงียบๆ

เมื่อนางร้องไห้เสร็จแล้ว สวี่ชีอันก็เอ่ยปลอบโยนเป็นการตัดบท “เจ้ามีอิสระแล้ว จิ่วโจวแห่งนี้กว้างใหญ่ อยากจะไปที่ใดก็ได้ทั้งนั้น แบบมุนโด้[2]ไงล่ะ”

นางร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางเจ็ดน้ำตา แต่ก็ยังไม่ลืมถามว่า “มุนโด้คือผู้ใด”

คำถามน่าเบื่ออย่างนี้ สวี่ชีอันคร้านจะตอบ

เมื่อถึงเวลากินอาหารเช้า พระมเหสีที่อารมณ์กลับมาเป็นปกติแล้วก็เอ่ยพูดขึ้นมาในห้องที่มีอยู่เพียงแค่สองคน “เจ้าเป็นคนฆ่าหรือ”

สวี่ชีอันส่ายหน้า “อ๋องสยบแดนเหนือแข็งแกร่งขนาดนั้น ข้าจะเอาชนะเขาได้อย่างไร แต่เป็นเพราะมียอดฝีมือลึกลับปรากฏตัวขึ้นแล้วสังหารเขาในที่นั่นต่างหาก เรื่องนี้ทั้งคณะทูตสามารถเป็นพยานได้ อีกเดี๋ยวเจ้าก็ได้รู้แล้ว”

พระมเหสีส่งเสียงรับรู้ นางรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะเป็นฝีมือของสวี่ชีอัน ตนเป็นสตรีที่ชาญฉลาดคนหนึ่ง ไม่ใช่หญิงไร้ความรู้ในเมืองหลวงที่หลับหูหลับตาเคารพชื่นชมฆ้องเงินหรอกนะ

แม้ว่าอ๋องสยบแดนเหนือจะความโหดร้ายไร้เมตตา แต่พลังฝึกตนของเขาก็ไม่ใช่เล่น เขาแข็งแกร่งกว่าสวี่ชีอันในตอนนี้หลายขุม

นางนั่งกินชงโหยวปิ่งจนมือเล็กเปื้อนน้ำมัน แววตาใสกระจ่างจับจ้องอยู่บนศีรษะของสวี่ชีอัน “ผมของเจ้างอกขึ้นมาใหม่ได้อย่างไรกัน”

“ข้ามีผมอยู่แต่แรกแล้ว”

“เจ้าไม่มีนี่”

“ข้ามี”

“เจ้า…”

พระมเหสีถูกสวี่ชีอันใช้ตะเกียบเคาะไปหนึ่งที สุดท้ายก็เปลี่ยนคำพูดอย่างรู้ความ “เจ้ามีก็ได้”

เพราะพลังอันแข็งแกร่งของเสินซู ผมของสวี่ชีอันจึงงอกกลับมาใหม่ในที่สุด จอมยุทธ์ระดับสามสามารถเปลี่ยนร่างกำเนิดใหม่ได้อยู่แล้ว นับประสาอะไรกับเส้นผม

นี่คือเรื่องที่ทำให้สวี่ชีอันยินดีอย่างมาก แต่ที่น่ายินดีกว่านั้นคือเขาคอยปกป้องหัวโล้นๆ ของเขาได้ดีมาตลอดโดยการสวมหมวกขนสัตว์ ทำให้คนอื่นไม่รู้ว่าผมของเขายาวขึ้นมาขนาดไหน

ต่อไปเมื่ออยู่ข้างนอกยังคงต้องสวมหมวก รอให้ผ่านไปอีกสักพักก็สามารถถอดออกได้แล้ว…ข้ายังคงเป็นชายหนุ่มผมยาวสลวยคนนั้น สวี่ชีอันคิดอย่างดีใจ

หลังจากกินอาหารเช้า เขาก็ไปนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง สวี่ชีอันในกระจกที่ฟื้นคืนสู่สภาพดังเดิมมีคิ้วดุจกระบี่ นัยน์ตาดุจดวงดาว จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบาง โครงแก้มแข็งกร้าว ทั่วร่างให้ความรู้สึกว่าเป็นบุรุษผู้องอาจกล้าหาญผู้หนึ่ง

เทียบกับสวี่เอ้อร์หลางที่มีริมฝีปากแดงฟันขาว หรือหนานกงเชี่ยนโหรวที่มีใบหน้างดงามราวภาพวาดแล้ว เขาเป็นบุรุษหนุ่มรูปงามอีกแบบหนึ่งเลยทีเดียว

พระมเหสีนั่งห้อยขาอยู่ที่ขอบเตียง มองดูเขามวยผมแล้วเอ่ยถามขึ้นว่า “ต่อไปข้าจะทำอย่างไรต่อ”

สวี่ชีอันม้วนผมแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ “บอกแล้วว่าเจ้าอยากไปที่ใดก็ไปได้ทั้งนั้น”

เมื่อสังเกตเห็นว่าสวี่ชีอันไม่ค่อยสนใจตน นางก็เอ่ยขึ้นด้วยความไม่พอใจ “ให้ข้ายืมเงินสักสิบตำลึงเงินสิ ข้าจะกลับบ้านที่เจียงหนานมู่ ต่อไปหากข้ามีเงินก็จะส่งคนนำมาคืนให้เจ้า”

‘ปึง!’

สวี่ชีอันวางเงินบนโต๊ะ

‘ตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง…’ พระมเหสีกัดริมฝีปากแล้วก้มหน้าเก็บเงินมา จากนั้นนางก็เก็บเสื้อผ้าและข้าวของที่วางระเกะระกะอย่างเงียบๆ เมื่อห่อพวกมันเรียบร้อยก็สะพายขึ้นบ่าแล้วเอ่ยบอกว่า

“ข้าไปแล้วนะ”

“ไปเถอะ!” สวี่ชีอันพยักหน้า

พระมเหสีเหลือบมองเขาอย่างล้ำลึกแล้วพลันหันกายแล้ววิ่งออกจากห้องไป

หลังจากวิ่งออกจากโรงเตี๊ยม นางก็เดินไปยังนอกเมืองเพียงลำพัง ข้ามผ่านฝูงชนที่เร่งรีบและพลุกพล่าน ข้ามผ่านย่านตลาดและถนนที่ทอดยาว เมืองแห่งนี้ไม่ใหญ่ ไม่นานนางก็เดินมาถึงประตูเมืองได้

ทว่าเมื่อมองไปที่ประตูเมืองอันกว้างใหญ่ พระมเหสีพลันใจฝ่อขึ้นมา นั่นเหมือนจะไม่ใช่หนทางสู่อิสระเลย โลกภายนอกนั่นอันตราย จิตใจผู้คนก็ซับซ้อน

ตอนที่นางอายุได้สิบสามปีก็ถูกตระกูลส่งเข้าวังเพื่อแลกกับตำแหน่งข้าราชการระดับสูงแล้ว

นางอาศัยอยู่ในวังมาหลายปี จากนั้นก็ถูกจักรพรรดิหยวนจิ่งส่งตัวไปให้อ๋องสยบแดนเหนือ แล้วอาศัยอยู่ในจวนอ๋องเป็นเวลายี่สิบปี

นางปรารถนาอิสระ ปรารถนาที่จะไม่ถูกผูกมัด แต่เมื่ออิสระมาวางอยู่ตรงหน้า จู่ๆ นางก็เข้าใจแล้วว่าตนไม่อาจเอาชีวิตรอดอยู่ข้างนอกได้เลย

นางเปรียบดั่งนกขมิ้นในกรงทอง เสื้อผ้าของใช้และอาหารการกินตลอดยี่สิบกว่าปี ทำให้นางสูญเสียความสามารถในการบินสู่ท้องฟ้าอย่างอิสรเสรีไปแล้ว

แม้ว่าจะสามารถกลับไปยัง ‘บ้านเดิม’ ได้ แต่เดี๋ยวก็ถูกบิดามารดาจับขายออกไปอีกครั้งอยู่ดี เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าทันทีที่นางกลับจวน วันต่อมาคงถูกคนในตระกูลส่งกลับเข้าวังอีกครั้งแน่ๆ

นางยืนอยู่ที่เดิมอย่างสับสน เนิ่นนานก็ยังคงมึนงงต่อไป มีเพียงแสงสว่างในดวงตาเท่านั้นก็ค่อยๆ ดับลงทีละนิด

พระมเหสีก้มหน้ามองปลายเท้า ไหล่บอบบางและแผ่นหลังบางราวกับเด็กสาวตัวน้อยที่ไม่มีบ้านให้กลับ

ตอนนี้เอง ที่ด้านหลังก็มีเสียงบุรุษคนหนึ่งเอ่ยทอดถอนใจออกมา “ท่านป้า ข้าคิดดูแล้ว รู้สึกว่าควรพาเจ้ากลับไปด้วยจะดีกว่า”

พระมเหสีไม่พอใจและไม่ยอมหันกลับมา

สวี่ชีอันเดินไปอยู่ตรงหน้านางแล้วนั่งยองๆ ลงโดยไม่พูดอะไร

พระมเหสีจ้องเขม็งไปที่แผ่นหลังของเขา มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย นางอ้าแขนออกแล้วโถมตัวลงบนหลังของเขา

เมื่อออกจากเมือง สวี่ชีอันก็แบกนางวิ่งไปตามถนนหลวง ตอนนี้เอง เขาก็รู้สึกคิดถึงแม่ม้าน้อยที่รักของเขาขึ้นมาแล้ว

“ข้ามีปัญหามากเลย” พระมเหสีกระซิบข้างหูเขา

ลมหายใจอุ่นพ่นไปที่ติ่งหูของสวี่ชีอันทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว ติ่งหูเป็นบริเวณที่ไวต่อสัมผัสของเจ้าลามกสวี่ เป็นความลับที่มีแต่ฝูเซียงเท่านั้นที่รู้

เจ้ารู้จักตัวเองดีจังนะ…สวี่ชีอันเอ่ยถาม “รูปลักษณ์ตอนปลอมตัวของเจ้า จักรพรรดิหยวนจิ่งรู้หรือไม่”

พระมเหสีส่ายหน้า “เขาแค่รู้ว่าข้ามีอาวุธเวทมนตร์ที่สามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้ ข้าแอบขโมยไปหลายหนแล้ว เขาจะต้องรู้อย่างแน่นอน แต่เขาไม่เคยเห็นข้าในรูปลักษณ์นี้เท่านั้น”

นางครุ่นคิดแล้วเอ่ยเสริม “แต่ทหารรักษาพระองค์ในจวนอ๋องเคยเห็นข้าในร่างนี้มาก่อน”

สวี่ชีอันไม่ตอบ แต่ครุ่นคิดอยู่

แม้ว่าอ๋องสยบแดนเหนือจะสิ้นชีวิตไปแล้ว แต่พระมเหสีก็ยังเป็นของหวาน จักรพรรดิหยวนจิ่งไม่มีทางเพิกเฉยต่อนางแน่นอน แม้ว่าคณะทูตทั้งบนล่างจะคิดว่าพระมเหสีถูกชนเผ่าอารยชนลักพาตัวไปแล้วก็ตาม

แต่สาวใช้พวกนั้นรู้ว่าสุดท้ายข้าก็ต้องตามไปหาพวกนางพบ แน่นอนว่าพวกนางไม่รู้ว่าข้าได้เอาชนะผู้แข็งแกร่งจากชนเผ่าอารยชนได้และช่วยชีวิตพระมเหสีมา แต่การที่พวกนางสามารถรอดชีวิตและกลับไปเมืองหลวงได้อย่างราบรื่นต่างหาก คือจุดที่น่าสงสัย

แม้จะบอกว่าใช้มาเป็นหลักฐานว่าข้าช่วยพระมเหสีแล้วไม่ได้ แต่ขอแค่มีจุดที่น่าสงสัย จักรพรรดิหยวนจิ่งก็จะต้องส่งคนมาตรวจสอบแน่นอน และจะไม่ตรวจสอบแบบเฝ้าสังเกตดูด้วย เขาจะต้องตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาแน่นอน

ดังนั้นพระมเหสีจึงตามข้ากลับจวนไม่ได้ แต่สามารถรั้งอยู่ข้างนอกได้

เมืองหลวงมีประชากรสามล้านคน เป็นไปไม่ได้ที่จะค้นหาได้ทั่วทุกบ้านเรือน อีกอย่างก็ไม่มีเบาะแสใดๆ ที่ชี้ชัดว่าข้าเป็นคนพาพระมเหสีกลับเมืองหลวงอีกด้วย

วิธีที่ดีที่สุดคือให้นางอยู่ข้างนอก ไม่ไกลจากจวนสกุลสวี่ แต่ก็ต้องไม่ใกล้เกินไปเช่นกัน

หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วน สวี่ชีอันก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ รู้สึกว่าทำเช่นนี้ปลอดภัยมาก

จากนั้นเขาก็งุนงงอย่างอดไม่ได้ ทำไมข้าต้องทำเพื่อป้าแก่ถึงขั้นนี้ด้วย?

ข้าถูกนางวางยาพิษไว้ตั้งแต่เมื่อใดกัน

สวี่ชีอันไม่ได้กลับไปทางเมืองฉู่โจว เขาวางแผนจะไปพบกับเจิ้งซิ่งไหวก่อนแล้วค่อยพาเขาไปยังเมืองฉู่โจว

แต่ตอนนี้เมืองฉู่โจวพังลงแล้ว และเจิ้งซิ่งไหวที่เป็นสมุหเทศาภิบาลของฉู่โจวก็ต้องไปเก็บกวาดเศษซาก พร้อมกับจะได้ถือโอกาสบอกด้วยว่าอ๋องสยบแดนเหนือสิ้นชีพแล้ว ไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอีกต่อไป

ระหว่างทาง เขาได้ขอให้นักบวชเต๋าจินเหลียนปิดกั้นสมาชิกพรรคฟ้าดิน แล้วตนจะไปคุยส่วนตัวกับหลี่เมี่ยวเจินเพื่อถามว่านางอยู่ที่ใด

ไม่ต้องแปลกใจเลย เขาถูกเทพธิดาแห่งนิกายสวรรค์ดุด่ามายกใหญ่ จากนั้นนางก็ได้บอกเขาว่าอ๋องสยบแดนเหนือสิ้นชีพแล้ว

สวี่ชีอัน ‘ตกตะลึง’ ร้องลั่นว่าเป็นไปไม่ได้ เป็นการแสดงถึงท่าทีของ ‘คนขี้ตกใจ’ ได้อย่างเต็มเปี่ยม

สิ่งนี้ทำให้หลี่เมี่ยวเจินพอใจเล็กน้อย และไม่โกรธที่เขาผิดนัดอีก

จากนั้นสวี่ชีอันก็ให้นางใช้เหตุผลว่า ‘จะไปหาฆ้องเงินสวี่ที่กำลังเดินทาง’ แล้วก็ออกจากเมืองฉู่โจวเพื่อไปพบกันที่หุบเขา

ยามเที่ยง ในที่สุดสวี่ชีอันก็พาพระมเหสีมาถึงหุบเขา เขาจะไปบอกลากับเจิ้งซิ่งไหวด้วย ก่อนหน้านั้นก็ได้พบกับโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในเขตใกล้เคียงที่เหมาะจะให้พระมเหสีประทับอยู่ ซึ่งที่สองแห่งนี้ห่างกันไม่ไกลนักโนiวลกูดอทคอม

ในถ้ำภูเขา กองไฟส่งเสียงคำราม หลี่ฮั่นและจ้าวจิ้นสองพี่น้องกำลังย่างไก่ภูเขา กระต่ายป่า และปลาสดๆ ที่ล่ามาได้

ร่างสูงผอมของเชินถูไป่หลี่กำลังนั่งปิดตาฝึกลมหายใจ

ร่างอ้วนกำยำของเว่ยโหยวหลงกำลังเช็ดดาบเล่มใหญ่ พลางเอ่ยเสียงต่ำขึ้นมาว่า

“ไม่รู้ว่าฆ้องเงินสวี่กับจอมยุทธหญิงนกนางแอ่นเหินเป็นอย่างไรกันบ้าง เชวียหย่งซิวกับอ๋องสยบแดนเหนือโหดเหี้ยมอำมหิต หากถูกพวกเขาพบเข้า อาจถึงแก่ความตายเลยก็ได้ หากเกิดเรื่องกับพวกเขา เช่นนั้นก็อาจสาวมาถึงพวกเราด้วยนะ”

ถังโย่วเซิ่นพลหอกจากกองทัพกวาดสายตาคมกริบมองไปที่ปากถ้ำ จากนั้นก็ถอนสายตากลับมาแล้วกอดหอกพร้อมหลับตาลง

เจิ้งซิ่งไหวโบกมือแล้วเอ่ยเสียงเบา แต่น้ำเสียงหนักแน่น “ไม่มีทาง ถึงพวกเขาสองคนจะไม่ได้อะไรกลับมา ก็ไม่มีทางถูกอ๋องสยบแดนเหนือกับเชวียหย่งซิวพบตัวแน่”

สตรีคนงามเอ่ยถาม “เหตุใดใต้เท้าเจิ้งถึงมั่นใจนัก”

เจิ้งซิ่งไหวเอ่ย “จอมยุทธหญิงนกนางแอ่นเหินท่องไปทั่วยุทธภพ นางจัดการปัญหาต่างๆ ได้ดี ทั้งยังมีชื่อเสียงมากมายเช่นนี้ได้ก็ย่อมต้องปลอดภัย ไม่มีทางประมาทจนถึงแก่ชีวิตแน่นอน ส่วนฆ้องเงินสวี่สามารถไขคดีใหญ่ได้ เขาอาจมีโชคก็จริง แต่แค่เรื่องนี้ก็พอจะพิสูจน์ได้ถึงความสามารถของเขาแล้ว”

ทุกคนพยักหน้าช้าๆ

ไม่ว่าจะเป็นจอมยุทธหญิงนกนางแอ่นเหินหรือว่าฆ้องเงินสวี่ ต่างก็เป็นหงส์มังกรในหมู่มนุษย์ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจ ประเภทที่ว่าสามารถฝากเรื่องทุกอย่างไว้ในมือพวกเขาได้โดยไม่ต้องเป็นกังวล และเป็นบุคคลที่ไม่มานั่งกลัวหัวหดด้วย

ตอนนี้เอง เชินถูไป่หลี่ก็พลันเบิกตาโตแล้วเอ่ยเสียงต่ำทันใด “มีคนมา”

หลี่ฮั่นและจ้าวจิ้นโยนเหยื่อที่ล่ามาทิ้งโดยไม่รู้ตัวแล้วหันไปจับอาวุธ จากนั้นรีบพุ่งออกจากถ้ำไปพร้อมกับทุกคน

ผู้ที่มาคือหนึ่งบุรุษกับหนึ่งสตรี

บุรุษเป็นชายหนุ่มองอาจหล่อเหลาและมีบุคลิกเหนือสามัญ คนผู้นั้นก็คือฆ้องเงินสวี่ชีอัน ส่วนสตรีนั้น พวกเขาเห็นแค่เหลือบมองแวบเดียวก็ละความสนใจ ฝีเท้าของนางไร้กฎเกณฑ์และคอยเดินอยู่ข้างตัวฆ้องเงินสวี่เงียบๆ

รูปร่างหน้าตาธรรมดา ตอนเดินก็หายใจหอบเล็กน้อย เป็นเพียงสตรีธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น

สมุหเทศาภิบาลเจิ้งที่อยู่ข้างหลังเดินออกมารับแล้วรวมมือทักทาย “ฆ้องเงินสวี่”

จอมยุทธ์ที่อยู่ข้างหลังของเขาต่างประหลาดใจ คืนก่อนฆ้องเงินสวี่ยังบอกว่าจะไปสืบคดีที่เมืองฉู่โจวอยู่เลย ไม่คาดว่าวันนี้จะกลับมาแล้ว

สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างจากเมืองฉู่โจวหลายร้อยลี้ เวลาเท่านี้ไม่พอจะให้ไปกลับได้หรอก

สวี่ชีอันไม่พูดเรื่องไร้สาระใด เขาตรงเข้าประเด็นทันที “ข้าได้ข่าวมาว่าอ๋องสยบแดนเหนือสิ้นชีพที่เมืองฉู่โจว ข้าจึงมารับพวกเจ้าที่นี่”

สายฟ้าฟาดกลางวันแสกๆ!

สีหน้าของสมุหเทศาภิบาลเจิ้งแข็งทื่อทันใด ดวงตาค่อยๆ เบิกโพลง ริมฝีปากอ้าออกช้าๆ ทำให้สวี่ชีอันเข้าใจถึงปฏิกิริยาที่แท้จริงของชาวขี้ตกใจ

เหล่าทหารต่างมองหน้ากันเงียบๆ และเห็นคำว่า ‘ไม่เชื่อ’ อยู่ในสายตาของกันและกัน

“ดะ ได้รับข่าวมาผิดหรือไม่…”

สมุหเทศาภิบาลเจิ้งก้าวไปข้างหน้าด้วยสีหน้าซับซ้อน ทางหนึ่งหวังว่าข่าวนี้จะเป็นความจริง อีกทางก็ยังเชื่อว่าสวี่ชีอันได้รับข่าวผิดพลาดมา

พวกเชินถูไป่หลี่ไม่ได้พูดอะไร แต่ก็คิดว่าใต้เท้าสมุหเทศาภิบาลกล่าวได้มีเหตุผล

เรื่องจริงแท้แน่นอน ข้าสังหารอ๋องสยบแดนเหนือกับมือเลยนะ…สวี่ชีอันยิ้มและพยักหน้า “ไม่ผิดหรอก นี่คือเรื่องจริง”

‘ตึกตัก ตึกตัก…’ สมุหเทศาภิบาลเจิ้งได้ยินเสียงหัวใจของตนเต้นรัวอย่างบ้าคลั่งและรุนแรง

“จอมยุทธหญิงนกนางแอ่นเหินจะมาในไม่ช้า นางรู้เรื่องที่เกิดขึ้นดี” สวี่ชีอันโยนหม้อร้อนทิ้งไปให้คนอื่น

จากนั้นทุกคนก็กลับไปในถ้ำแล้วรอคอยด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ

พระมเหสีนั่งอยู่ข้างกายสวี่ชีอันอย่างเชื่อฟัง ปากน้อยๆ แทะน่องไก่อยู่ หญิงงามอันดับหนึ่งของต้าฟ่งพยายามเล่นบทเป็นคนผ่านทางที่ไร้ความสำคัญอย่างเต็มที่

ระหว่างทางที่มา นางก็ได้รู้ถึงฐานะของเจิ้งซิ่งไหวจากปากของสวี่ชีอันและเข้าใจว่าคนในครอบครัวของเขาเสียชีวิตไปในการสังหารหมู่แล้ว

แม้ว่านางจะไม่มีความรู้สึกใดๆ กับอ๋องสยบแดนเหนือ แต่ถึงอย่างไรก็มีฐานะเป็นสามีภรรยา พระมเหสีจึงยังรู้สึกผิดต่อใต้เท้าเจิ้งมาก

ครึ่งชั่วยามต่อมา หลี่เมี่ยวเจินก็มายังหุบเขา นางลงมาจากกระบี่บินแล้วเข้ามาในหุบเขาอย่างแผ่วเบา

นางมองไปยังผู้คนที่รออยู่หน้าปากถ้ำแล้วพยักหน้าเบาๆ ก่อนหยุดนิ่งอยู่ที่พระมเหสีในร่างของหญิงชาวบ้านธรรมดา

“จอมยุทธหญิงนกนางแอ่นเหิน ฆ้องเงินสวี่บอกว่า บอกว่า…อ๋องสยบแดนเหนือสิ้นชีพที่เมืองฉู่โจวแล้วหรือ?”

สมุหเทศาภิบาลเจิ้งก้าวไปสองสามก้าวแล้วจ้องตรงมาที่นาง

หลี่เมี่ยวเจินให้คำตอบยืนยัน “ใช่แล้ว ศพของเขายังอยู่ในฉู่โจวอยู่เลย”

จากนั้นก็เล่าถึงการสู้รบในเมืองฉู่โจวออกมาคร่าวๆ รอบหนึ่ง

หลังจากสมุหเทศาภิบาลเจิ้งฟังจบเขาก็พยักหน้าเบาๆ ดวงตาที่แดงก่ำของเขากวาดมองทุกคนแล้วเอ่ยเสียงต่ำ “ข้า ข้าขออยู่คนเดียวสักครู่”

เขาคำนับให้ทุกคนแล้วหันกายเดินกลับเข้าไปในถ้ำช้าๆ

พักหนึ่ง ด้านในก็มีเสียงร้องไห้บาดใจดังออกมา

สวี่ชีอันถอนหายใจและได้ยินเสียงของหลี่เมี่ยวเจินส่งเสียงทางจิตดังขึ้นมา “นางเป็นใคร”

“คนที่มีชีวิตลำบากคนหนึ่ง ข้ามีเรื่องที่จะไหว้วานเจ้าพอดี คดีเลือดสังหารหมู่สามพันลี้ก็ได้รับการคลี่คลายแล้ว เรื่องต่อจากนี้เจ้าก็ไม่ต้องกังวล เจ้าช่วยข้าพานางกลับเมืองหลวงหน่อยได้หรือไม่ จำไว้ว่าอย่ากระโตกกระตาก ทางที่ดีให้เลือกโรงเตี๊ยมไว้ก่อน แล้วรอข้ากลับเมืองหลวง”

สวี่ชีอันตอบกลับทางจิต

หลี่เมี่ยวเจินไม่ตอบแต่กวาดมองพระมเหสีพักหนึ่ง นางทำปากมุ่ยแล้วส่งกระแสจิตกลับ

“คนที่มีชีวิตลำบาก ก็เลยจะพากลับไปอยู่ด้วยที่เมืองหลวงด้วย? ถึงสตรีผู้นี้จะมีท่าทางเหมือนผู้ที่ถูกเลี้ยงมาอย่างดี แต่เจ้าหิวโหยไม่เลือกเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

เมี่ยวเจิน ข้าไม่ได้จะดูถูกเจ้านะ แต่หากนางถอดสร้อยข้อมือออกก็พูดได้เลยล่ะว่า ‘ทุกคนในเมืองนี้ล้วนแต่เป็นขยะ!’

สวี่ชีอันสังเกตเห็นหลี่เมี่ยวเจินดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ เขาจึงไม่ตอบสนองอะไร เพียงแต่รวบมือคำนับให้เท่านั้น

จากนั้นเขาก็หันกายกลับไปเอ่ยกับพระมเหสีเสียงแผ่ว “นางเป็นคนในครอบครัวของอนุของข้า ไว้ใจได้ เจ้าตามนางกลับไปก่อนแล้วเชื่อฟังนางด้วย”

พระมเหสีได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เป็นครั้งแรกที่นางได้ยินว่าสวี่ชีอันมีอนุ แต่เมื่อคิดถึงฐานะและตำแหน่งของเขา รวมถึงการเป็นแขกประจำในสำนักสังคีตของเขาแล้ว การมีอนุก็ถือเป็นเรื่องปกติ ส่วนหลี่เมี่ยวเจินนั้น นางย่อมรู้จักอยู่แล้ว

“อืม!” นางพยักหน้าอย่างราบเรียบ

…………………………………………………………..

[1] ยามซื่อ ประมาณ 9.00 น.

[2] มุนโด้ (Dr.Mundo) ตัวละครจากในเกม League of Legends ในตอนท้ายของเรื่องราว เขาสามารถก้าวจากโรงพยาบาล เพื่อรักษาคนไข้เพิ่มเติมได้อย่างอิสระ

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Nightwatcher, Dafeng's Night Squad, Great Feng's Nightwatchers The Nightwatchers of Feng 大奉打更人, วิถียุทธ์คนเคาะยามแห่งต้าเฟิ่ง(siaminter), Guardians Of The Dafeng(ซีรีส์)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: , , ต้นฉบับ: 951 Chapters (จบแล้ว)
สวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน….. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset