📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง – ตอนที่ 361

บทที่ 361 - ข้าชอบเขามาก
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

หลังรับประทานอาหารกลางวันแล้ว พระมเหสีคุกเข่านั่งลงข้างลำธาร เอียงศีรษะและหวีผมอย่างระมัดระวัง

ร่างของพระมเหสีที่สะท้อนอยู่บนผิวน้ำดูพร่ามัว เพราะพร่ามัว ความงามของนางจึงเลือนรางมาก แต่ความงามซึ่งเป็นเอกลักษณ์นั้นก็ยังเป็นของพระมเหสี

ดวงตาใสเป็นประกายล่องลอยไปยังทิศตรงข้ามและชำเลืองมองสวี่ชีอันที่นั่งสมาธิอยู่ใต้ร่มไม้ ความรู้สึกแปลกประหลาดวิ่งพล่านอยู่ในจิตใจ นางรู้สึกราวกับเขาเป็นเพื่อนเก่าที่รู้จักกันมาหลายปี

เห็นได้ชัดว่าในตอนแรกตนเองก็เกลียดเขามาก ทั้งหยิบถุงหอมไปไม่คืน หยิบถุงเงินไปก็ไม่คืน แล้วยังเหยียบเท้านางอีก…

แต่หลังจากเปิดใจเมื่อสักครู่ พระมเหสีก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาก สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตนเองในอนาคต นางไม่เคยคิดเกี่ยวกับมันเลย ถึงอย่างไรนางก็ยอมรับชะตากรรมของตนเองตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนแล้ว

หากไม่ยอมรับชะตากรรมแล้วจะทำอย่างไรได้ นางเป็นแค่หญิงสาวที่เห็นแมลงก็กรีดร้องจ้าละหวั่น เห็นม่านเตียงสั่นไหวก็มุดตัวเข้าไปในผ้าห่มด้วยความขี้ขลาด นางจะต่อสู้กับจักรพรรดิของแผ่นดินและองค์ชายด้วยความอาจหาญได้จริงหรือ?

ตอนนี้พระมเหสียังไม่รู้ว่าในอนาคตชะตากรรมของตนเองจะเป็นอย่างไร แต่ไม่รู้ทำไม นางกลับรู้สึกปลอดภัยมากกว่าเมื่อเทียบกับอยู่ในจวนของไหวอ๋อง

“เฮ้อ ข้าคือต้นตอของปัญหาแท้ๆ” พระมเหสีทอดถอนใจด้วยความระอา

หญิงงามล้วนหยิ่งยโส ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสาวงามอันดับหนึ่งของต้าฟ่ง

ภายใต้ร่มไม้ สวี่ชีอันสื่อสารกับไต้ซือเสินซูในใจผ่านการทำสมาธิและภาพนิมิต เขาฉกฉวยแก่นโลหิตของยอดฝีมือขั้นสี่มาได้ สัญญาณเชื่อมต่อของไต้ซือเสินซูจึงเสถียรขึ้นมาก เรียกไม่กี่ครั้งก็สามารถเชื่อมต่อกันได้แล้ว

“ไต้ซือ ท่านทราบเรื่องที่อ๋องสยบแดนเหนือคิดจะกบฏแล้วใช่หรือไม่” สวี่ชีอันพูดตรงเข้าประเด็นโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

“ข้าไม่ได้สนใจเรื่องโลกภายนอกตลอดเวลา อันที่จริง ข้าไม่เคยสนใจโลกภายนอกเลยต่างหาก” หลังจากตกอยู่ในความเงียบไม่กี่วินาที ไต้ซือเสินซูก็กล่าวขึ้นมา

เอ๋? คำตอบของท่านไม่มีความเป็นยอดฝีมือเลยสักนิด…

สวี่ชีอันถ่ายทอดข่าวสารเกี่ยวกับสังหารเลือดหมู่สามพันลี้ให้กับไต้ซือเสินซู ก่อนจะลองถามหยั่งเชิงว่า

“ไต้ซือ ท่านสนใจแก่นโลหิตที่สมบูรณ์แบบของการปะทะกันระหว่างอ๋องสยบแดนเหนือและยอดฝีมือขั้นสามหรือไม่? นอกจากนี้ ข้ายังมีอีกคำถาม อ๋องสยบแดนเหนือต้องการวิญญาณของพระมเหสี ทั้งสังหารเลือดหมู่สามพันลี้อีก นี่หมายความว่าเขาต้องการวิญญาณและแก่นโลหิตของพระมเหสีใช่หรือไม่ ทั้งสองอย่างนี้รวมกันแล้วจะมีอานุภาพมากขึ้นรึ?”

สวี่ชีอันกล้าเดิมพันว่าไต้ซือเสินซูต้องสนใจอย่างแน่นอน เขาไม่ยอมปล่อยให้ยาบำรุงแก่นโลหิตนี้ผ่านไปอยู่แล้ว เขาจึงกล้าประกาศศักดา กระทั่งมีความคิดที่จะฆ่าอ๋องสยบแดนเหนืออย่างแรงกล้า

แต่คำตอบของเขาคือความเงียบ…

“ไต้ซือ ไต้ซือ?”

สวี่ชีอันตะโกนอยู่ในใจหลายครั้งก่อนที่จะได้รับคำตอบจากไต้ซือเสินซู “เมื่อครู่ข้ากำลังคิดอะไรบางอย่าง”

นึกว่าท่านไม่มีสัญญาณอีกเสียแล้ว…

สวี่ชีอันจึงคว้าโอกาสถามว่า “เรื่องอะไรรึ?”

ไต้ซือเสินซูไม่ตอบ แต่กลับพูดอย่างฉะฉานว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดระบบทหารถึงเป็นเส้นทางที่ยากและไม่เหมือนระบบอื่นๆ เพราะระบบทหารเป็นระบบที่เห็นแก่ตัว ยึดเอาทุกสิ่งที่สามารถเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเองและใช้มันเพื่อประโยชน์ของตนเอง มุ่งเน้นในการสร้างร่างกาย พละกำลังและจิตวิญญาณ ไม่แปลกที่อ๋องสยบแดนเหนือแห่งอาณาจักรต้าฟ่งทำการสังหารหมู่ เพื่อฉกฉวยเอาแก่นแท้ชีวิตของผู้อื่น เพียงแต่ว่า…”

สิ่งนี้สอดคล้องกับพฤติกรรมของไต้ซือเสินซูที่กลืนกินแก่นโลหิตเพื่อเติมเต็มตนเอง…

สวี่ชีอันถามอย่างรวดเร็ว “เพียงแต่อะไรรึ?”

ไต้ซือเสินซูเงียบลงครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวช้าๆ ว่า “อย่างน้อยก็มีชีวิตนับแสนที่ต้องถูกสังเวย”

สวี่ชีอันหยุดนิ่งราวกับรูปปั้นก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนักแน่น กล้ามเนื้อแก้มกระตุกเล็กน้อย เส้นเลือดสีน้ำเงินบนหน้าผากปูดโปน

‘ฟู่…’

เขาหายใจออกเฮือกใหญ่เพื่อสงบอารมณ์ ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “แทนที่จะสังหารประชาชนตาดำๆ ทำไมไม่เปิดฉากทำสงครามโต้งๆ ไปเลยเล่า”

ไต้ซือเสินซูกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “มันไม่ง่ายดายเช่นนั้น ยอดฝีมือขั้นสามเป็นบุคคลพิเศษ หากต้องการเติมเต็มตนเองให้สมบูรณ์ผ่านการยึดเอาแก่นแท้ชีวิตของคนธรรมดา ก็จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงแก่นโลหิตของคนธรรมดาเหล่านั้นด้วย

“ด้วยเหตุนี้ เขาจึงต้องการเวลาในการกลั่น และชำระแก่นโลหิตให้บริสุทธิ์ เพื่อบรรลุผลตามที่คาดหวังถึงจะฉกฉวยมาได้อย่างสมบูรณ์”

พูดตามตรงก็คือ ยิ่งมีปริมาณมากก็ยิ่งมีอานุภาพมากขึ้น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้แก่นโลหิตของชีวิตคนนับแสน…

สวี่ชีอันขมวดคิ้ว กล่าวพึมพำ “เช่นนั้นสงครามจึงไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่ควรจะเป็น เพราะศัตรูไม่ได้ให้เวลาเขาในการกลั่นแก่นโลหิต และแน่นอนว่าเรื่องเช่นนี้ย่อมต้องดำเนินการอย่างลับๆ”

นี่สามารถอธิบายได้แล้วว่า เหตุใดอ๋องสยบแดนเหนือจึงไม่กลั่นแก่นโลหิตผ่านการทำสงคราม เพราะในช่วงสงคราม สายลับของทั้งสองฝ่ายต่างทำงานอย่างแข็งขันในการเคลื่อนย้ายศพจำนวนมากในการกลั่นแก่นโลหิต ซึ่งการทำเช่นนี้ยากต่อการปิดบังจากศัตรู

ดังนั้นอ๋องสยบแดนเหนือจึงสังหารประชาชนคนธรรมดาอย่างลับๆ เพื่อสกัดแก่นโลหิตให้บริสุทธิ์ แต่ไม่รู้ทำไมถึงถูกกลุ่มโหรลึกลับมองทะลุปรุโปร่งและขายข้อมูลให้กับเผ่าคนเถื่อน ดังนั้นถึงมีสงครามสายลับในตอนนี้ใช่หรือไม่?

ไต้ซือเสินซูกล่าวต่อไปว่า “ข้าลองเข้าร่วมได้ แต่เกรงว่าคงไม่มีทางตัดหัวอ๋องสยบแดนเหนือได้”

สวี่ชีอันขมวดคิ้วแน่น “แม้แต่ท่านก็ไม่มีโอกาสชนะรึ”

ไต้ซือเสินซูแค่นหัวเราะ ‘หึ’ ในลำคอ “ในเมื่อเขามีความมั่นใจว่าจะเลื่อนไปถึงขั้นสอง นั่นชัดเจนว่าตัวเองไม่ใช่ขั้นสามทั่วไป และห่างจากความสมบูรณ์แบบเพียงแค่หนึ่งก้าวเท่านั้น สถานการณ์ปัจจุบัน อย่างมากก็ทำได้เพียงต่อสู้และเป็นการยากที่จะเอาชนะเขา นับประสาอะไรกับตัดหัว? ยอดฝีมือขั้นสามนั้นยากที่จะฆ่าให้ตาย”

“แต่ท่านยังเคยเอาชนะซากศพที่อยู่ขั้นสองในสุสานโบราณได้เลย”

“นั่นเป็นเพียงซากศพที่ตายไปแล้ว นอกจากนี้ สิ่งที่ทรงพลังที่สุดในลัทธิเต๋าก็คือวรยุทธ์ และพวกมันไม่สามารถใช้ได้”

เช่นนั้นท่านและซากศพโบราณต่างก็เป็นเสือที่ออกจากถ้ำและถูกสุนัขรังแก ตัวหนึ่งไม่มีตา ตัวหนึ่งไม่มีหาง ขึ้นอยู่กับว่าใครพิการรุนแรงกว่ากัน…

สวี่ชีอันแทบจะปิดหน้า

ในตอนท้ายของการสนทนา สวีชีอันกำลังครุ่นคิดว่าตนเองจะทำอย่างไรต่อไป

เมื่อรู้ว่าไต้ซือเสินซูช่วยไม่ได้เช่นนี้ เขาก็ทำได้เพียงเปลี่ยนกลยุทธ์และเปลี่ยนเป้าหมายจาก ‘ตัดหัวอ๋องสยบแดนเหนือ’ ไปเป็น ‘ทำลายการเลื่อนขั้นของอ๋องสยบแดนเหนือ’ แทน

หนึ่ง หาที่เกิดเหตุให้พบ สถานที่ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอ๋องสยบแดนเหนือจะใช้ในการกลั่นแก่นโลหิตที่นั่น หาที่นั่นให้พบ หยุดยั้งเขาและทำลายคุณงามความดีของเขาเสีย

สอง เขาจำเป็นต้องปกปิดสถานะของตนเอง ไม่สามารถให้อ๋องสยบแดนเหนือค้นพบว่าชายผู้มีพลังอันยิ่งใหญ่เมื่อคืนนี้คือสวี่อวิ๋นหลัวแห่งต้าฟ่ง

สาม ควรจะจัดการกับพระมเหสีอย่างไร?

เบาะแสแรกคือเขตซีโข่ว ไปดูที่นั่นก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ต้องดำเนินการด้วยความรวดเร็ว เพราะไม่รู้ว่าอ๋องสยบแดนเหนือจะทำสำเร็จเมื่อใด ไม่สามารถดึงเวลาได้อีกต่อไป

ดังนั้นระหว่างทางจึงต้องแบกพระมเหสีต่อไป พระมเหสีนาง…คิดไม่ถึงว่าจะใจกว้างเช่นนี้ เอ้อร์ซูไม่ได้หลอกข้าจริงๆ

สำหรับประการที่สอง แล้วจะปกปิดสถานะได้อย่างไร? แน่นอนว่าไม่สามารถแสดงร่างทองได้ ถึงแม้นี่จะเป็นเคล็ดวิชาของสำนักพุทธ แต่ก็เกรงว่าจะมีจอมยุทธ์ภิกษุที่มีเคล็ดวิชานี้อยู่น้อยนัก เช่นนั้นจึงยังปลอดภัยไม่พอ

สวี่อวิ๋นหลัวอยู่ในระดับเพชรไร้พ่าย สวี่อวิ๋นหลัวลักลอบเข้าไปแดนเหนืออย่างแนบเนียนและไม่อยู่ในเขตที่ต้องถูกตรวจสอบอีกต่อไป

ตราบใดที่มีข้อสงสัยเพียงเล็กน้อย อ๋องสยบแดนเหนือก็จะทำการตรวจสอบทันที ห้ามสบประมาทสติปัญญาของผู้อื่นโดยเด็ดขาด และอย่าดำเนินการด้วยความเสี่ยง

“โชคดีที่ไต้ซือเสินซูยังมีชุดสกิน นั่นก็คือร่างที่เป็นอมตะ นี่เป็นสิ่งที่ข้าไม่เคยแสดงให้ผู้อื่นเห็นมาก่อน ดังนั้นจึงไม่มีใครสงสัยในตัวข้า อืม…ท่านโหราจารย์รู้ เผ่าปีศาจที่นำไต้ซือเสินซูมาสถิตไว้ในตัวข้าก็รู้ กลุ่มโหรลึกลับก็รู้ดี แต่พวกเขาล้วนคิดกบฏต่อข้า ก่อนหน้านี้ข้ายังไม่สุกงอมจึงไม่สามารถรีบเปิดตาของข้าได้ แต่ก็ไม่ถูก กลุ่มโหรลึกลับน่าจะพยายามเปิดตาข้า แต่ก่อนหน้านั้น พวกเขาต้องคิดหาทางชำระล้างไต้ซือเสินซูก่อน อืม…ข้าจึงปลอดภัยอยู่”

อย่างไรข้าก็ไม่สามารถใช้ใบหน้านี้ได้แล้ว ใบหน้านี้ไม่ใช่สิ่งที่เอ้อร์หลางสามารถยอมรับได้ในวัยนี้ แต่หน้ากากผิวมนุษย์ใช้การไม่ได้อย่างแน่นอน ถูกตีเพียงครั้งเดียวก็หลุดออกมาแล้ว เทคนิคปลอมตัว ‘ปิดบังสวรรค์ข้ามทะเล’ ของข้าก็ยังไม่สมบูรณ์ ข้าทำได้เพียงเลียนแบบคนที่คุ้นเคยที่สุดเท่านั้น อย่างเช่น เอ้อร์หลาง อารอง อาสะใภ้ หลิงเยวี่ย เว่ยเยวียนและสวี่หลิงอิน

สู้เปลี่ยนร่างไปเป็นเสี่ยวโต้วติงดีกว่า ให้อ๋องสยบแดนเหนือได้เปิดหูเปิดตาเห็นความเก่งกาจของระดับเพชรที่แข็งแกร่ง ฮ่าๆๆ…

สวี่ชีอันคิดด้วยความสำเริงสำราญทั้งๆ ที่จมอยู่ในความทุกข์ เพื่อบรรเทาไฟที่คุกรุ่นอยู่ในจิตใจลงบ้าง

หลังจากหัวเราะแล้ว สีหน้าของเขาก็ค่อยๆ สงบลงและกระซิบกับตัวเองว่า “อันที่จริงยังมีอีกคนที่ข้าคุ้นเคยมากที่สุด”

สำหรับประการที่สาม จะทำอย่างไรกับพระมเหสี?

แน่นอนว่าไม่สามารถส่งนางคืนให้อ๋องสยบแดนเหนือ คงทำได้เพียงพานางกลับเมืองหลวง และซ่อนนางไว้อย่างลับๆ ไม่สามารถซ่อนนางไว้ในบ้าน ต้องซื้อจวนหลังเล็กๆ ให้นางต่างหากอีกหนึ่งหลัง

ตามแผนการเดิมของสวี่ชีอัน เมื่อการเดินทางไปแดนเหนือสิ้นสุดลง ก็ต้องส่งมอบพระมเหสีอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เขาล่วงรู้ถึงความโหดร้ายของอ๋องสยบแดนเหนือและอดีตของพระมเหสีแล้ว

สวี่ชีอันจึงวางแผนที่จะซ่อนพระมเหสีอย่างลับๆ

แต่ด้วยเหตุนี้ สาวใช้เหล่านั้นก็จะเดือดร้อน…เฮ้อ อย่าเพิ่งคิดเรื่องพวกนี้เลย ถึงเวลานั้นค่อยถามหลี่เมี่ยวเจินว่ามีวิธีลบความทรงจำหรือไม่ อย่างไรลัทธิเต๋าก็เชี่ยวชาญด้านนี้อยู่แล้ว

เมืองฉู่โจว

เลขาธิการศาลต้าหลี่นั่งรถม้าจากที่ทำการปกครองสมุหเทศาภิบาลกลับไปยังจุดพักเปลี่ยนม้า

ทั้งสามเดินผ่านห้องรับรองเข้าไปยังด้านในจวน ตรงไปที่ประตูห้องของหยางเยี่ยน พวกเขายังไม่ทันเคาะประตูก็ได้ยินเสียงหยางเยี่ยนดังออกมาจากด้านในโน!วลกูดoทคอม

“เข้ามา”

เมื่อผลักประตูเข้าไป เห็นหยางเยี่ยนและหัวหน้ามือปราบเฉินนั่งอยู่ที่โต๊ะ มองแผนที่อาณาเขตฉู่โจวซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายพันลี้ พลางครุ่นคิดอย่างเงียบๆ

เลขาธิการศาลต้าหลี่เทชาสมุนไพรให้ตนเองหนึ่งถ้วย ก่อนจะยกขึ้นจิบและถอนหายใจอย่างสบาย พลางบ่นว่า

“วันนี้อากาศร้อนจริงๆ เดินทางทั้งวัน ปากแห้งไปหมด คนขับรถม้าถูกแสงแดดแผดเผาตลอดทั้งทาง แม้แต่เหงื่อสักหยดก็ยังไม่เห็น สภาพแวดล้อมที่ต่างกันย่อมหล่อเลี้ยงไว้ซึ่งวัฒนธรรมที่ต่างกันอย่างที่คิดจริงๆ”

หลิวยวี่สื่อกล่าวเยาะเย้ยว่า “เป็นเพราะตัวท่านใต้เท้าเองกระมังที่ว่างเกินไป”

เลขาธิการศาลต้าหลี่ผู้คลั่งไคล้ในสาวงามหน้าแดงก่ำ พูดย้อนด้วยความประชดประชันว่า “เรื่องรักๆ ใคร่ๆ เป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่เหมือนหลิวยวี่สื่อที่เกียรติและศักดิ์ศรีสูงเสียดฟ้า”

เขากำลังเสียดสีว่าพวกธารน้ำใสอย่างยวี่สื่อ ทั้งหมกมุ่นในตัณหาทั้งแสร้งเป็นสุภาพชน

หยางเยี่ยนรอให้การโต้เถียงของขุนนางทั้งสองจบลงอย่างเงียบๆ ก่อนจะเอ่ยปากถามว่า “การแลกเปลี่ยนจดหมายทางการของทุกที่ในเขตฉู่โจวเป็นอย่างไรบ้าง?”

สีหน้าของเลขาธิการศาลต้าหลี่เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้น ก่อนจะส่ายศีรษะ และกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“ไม่มีปัญหา หากพิจารณาจากการแลกเปลี่ยนจดหมายทางการตามปกติแล้ว นอกจากป้องกันการบุกรุกของพวกเผ่าคนป่า ก็ไม่เห็นเบาะแสอื่นเลย หากต้องการการยืนยันที่แน่ชัด มีเพียงการตรวจสอบในสถานที่จริงเท่านั้น แต่ข้าไม่คิดว่าจำเป็น”

เขตฉู่โจวอยู่ห่างออกไปแปดพันลี้ เมื่อใดจะเดินทางถึง ยิ่งไปกว่านั้น ในฐานะขุนนางที่ประสบการณ์โชกโชน เพียงแค่เลขาธิการศาลต้าหลี่เหลือบตามองเล็กน้อย ก็สามารถรู้ได้ทันทีว่าเอกสารทางการนั้นเป็นจริงหรือเท็จ

หัวหน้ามือปราบเฉินพยักหน้า “นอกจากนี้ใกล้จุดพักเปลี่ยนม้าล้วนตกเป็นเป้าสายตาได้ หากพวกเราออกเดินทางก็จะถูกลอบติดตาม”

หยางเยี่ยนดูแผนที่อีกครั้งและใช้นิ้ววาดวงกลมที่ทางเหนือของฉู่โจวพลางกล่าวว่า “เมื่อพิจารณาจากขนาดพื้นที่การรุกรานของเผ่าคนเถื่อนที่ชายแดน สังหารเลือดหมู่สามพันลี้ไม่น่าจะอยู่ในพื้นที่นี้”

ตราบใดที่กำแพงเมืองยังไม่แตก ต่อให้ผู้คนในชนบทและตัวเมืองถูกเข่นฆ่า ราชสำนักก็จะไม่ถือเอาเรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญ

เพียงแค่ปล้นสะดมชาวบ้านย่อมไม่พอที่จะพาดพิงถึง ‘สังหารเลือดหมู่สามพันลี้’ อย่างแน่นอน

หยางเยี่ยนครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะใช้นิ้ววาดวงกลมที่เขตซีโข่วและหยุนเซิงโจวอีกครั้ง สองสถานที่นี้ ที่หนึ่งอยู่ทางทิศตะวันตก ที่หนึ่งอยู่ทางทิศตะวันออก

“การแลกเปลี่ยนจดหมายทางการของสองสถานที่นี้เป็นปกติหรือไม่?”

เลขาธิการศาลต้าหลี่พยักหน้าและกล่าวว่า “ไม่มีปัญหา”

หยางเยี่ยนเงียบครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “หัวหน้ามือปราบเฉิน สองสามวันนี้เจ้าพาคนไปเดินเล่นรอบๆ กำแพงเขตฉู่โจวเพื่อเสาะหาข่าวในตลาด หลิวยวี่สื่อ เจ้าไปค่ายทหารคุ้มกันผู้บัญชาการกับข้า ข้าอยากพบเจ้าอารักขาเชวียหย่งซิว”

หลิวยวี่สื่อพยักหน้าช้าๆ

สถานที่หนึ่งบนเทือกเขาเขตฉู่โจว

บนหน้าผาสูงชะโงกที่ซึ่งมีภูเขาขึ้นสลับซับซ้อนราวกับมีดดาบ ต้นสนอายุกว่าร้อยปีมีกิ่งก้านงอกออกมาด้านข้างเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ ราวกับที่กำบัง

ผู้หญิงในชุดกระโปรงสีขาวท่านหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ด้านบนโขดหินซึ่งอยู่ใต้ต้นสน เส้นผมสละสลวยและกระโปรงของนางพลิ้วไสวไปตามสายลม เกิดเป็นรูปร่างที่ไม่สามารถอธิบายได้

บุคลิกและอุปนิสัยของนางมีความผันผวนมาก ประเดี๋ยวก็งดงามไร้เดียงสาราวกับเทพยดาในภูเขา ประเดี๋ยวก็เต็มไปด้วยจริตเฉื่อยชาที่มีเสน่ห์ จนทำให้ทุกสิ่งมีชีวิตกลับตาลปัตรเพราะคลั่งไคล้ในความงามที่น่าทึ่ง

ผู้หญิงในชุดขาวอุ้มจิ้งจอกขาวหกหางอยู่ในอ้อมแขน มันร้องครางเบาๆ อย่างเชื่อฟัง

เวลานี้ เสียงหัวเราะต่อกระซิกก็ดังขึ้น “องค์หญิง ตอนจากกันที่ด่านซานไห่ท่านก็อายุยี่สิบเอ็ดปีแล้ว ท่านยังคงงดงามไม่มีใครเทียบได้ ไม่แพ้จักรพรรดิผู้ครองแผ่นดินเลยสักนิด”

ผู้หญิงในชุดขาวหัวเราะคิกคัก “เจ้าไม่เคยพบท่านแม่ของข้ามาก่อน รู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่แพ้นาง?”

ร่างสูงโปร่งในชุดสีขาวปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง ชั้นหมอกหนาทึบปกคลุมใบหน้าของเขา ทำให้ไม่สามารถสอดส่องรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขาได้

“สายเลือดจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางเป็นที่รวบรวมแก่นแท้ของสวรรค์และสะสมจิตวิญญาณของโลก จิ้งจอกสวรรค์ทุกท่านบนโลกนี้ ล้วนมีรูปลักษณ์ภายนอกเฉพาะตัว”

ชายชุดขาวตะลึงงันเล็กน้อยก่อนจะกล่าวเสริมว่า “พูดถึงรูปลักษณ์และจิตวิญญาณ บนโลกนี้นอกจากพระมเหสีองค์นั้นก็ไม่มีใครเทียบนางได้อีก น่าเสียดายที่แก่นวิญญาณขององค์หญิงเป็นของท่านเพียงผู้เดียว แต่แก่นวิญญาณของนางกลับสามารถเก็บไว้ที่ผู้ใดก็ได้”

ผู้หญิงในชุดขาวยิ้มและกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “นางถึงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว”

นางก้มศีรษะลงเล็กน้อยพลางลูบหัวจิ้งจอกขาวหกหางแล้วกล่าวเบาๆ ว่า “มาหาข้าด้วยเรื่องอันใด?”

ชายชุดขาวทอดถอนใจและกล่าวว่า “องค์หญิงระเบิดทำลายทะเลสาบซังผอและปลดปล่อยไต้ซือเสินซูออกมา อีกทั้งยังยึดเอาผลประโยชน์ของข้า ทำให้แผนการที่ข้าทุ่มเทเกือบยี่สิบปีแทบจะมอดไหม้ไปในพริบตาเดียว หวังว่าครั้งนี้ท่านจะให้การสนับสนุน”

ผู้หญิงในชุดกล่าวอย่างอ่อนหวาน “ผู้เล่นหมากรุกย่อมวางหมากตามความสามารถของตนเอง อยากให้ข้าสนับสนุนก็ย่อมได้ เด็กหนุ่มคนนั้นมีคำกล่าวที่ข้าชอบมาก นั่นคือ การแลกเปลี่ยนต้องวินๆ ทั้งคู่

“เจ้าบอกข้าสิว่าท่านโหราจารย์กำลังวางแผนอะไร?”

ชายชุดขาวส่ายศีรษะด้วยใบหน้าพร่ามัว “ตราบใดที่ข้าเปิดเผยแม้เพียงครึ่งคำ ท่านโหราจารย์ก็จะปรากฏตัวที่เขตฉู่โจวทันที ในอาณาเขตต้าฟ่ง ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเขา”

“ชะตากรรมของต้าฟ่งถูกเจ้าเอาไปครึ่งหนึ่งแล้ว ท่านโหราจารย์ก็ไม่ใช่โหราจารย์ตั้งแต่แรก ข้าไม่กลัว” หญิงในชุดขาวยิ้มและหันไปมองชายชุดขาวที่อยู่ข้างๆ

“เด็กหนุ่มคนนั้นอาจเป็นแค่ภาชนะรองรับสำหรับเจ้า ถ้าเป็นเมื่อก่อน ข้าคงไม่สนเรื่องความเป็นความตายของเขา แต่ตอนนี้ข้าชอบเขามาก”

“ชอบรึ?”

ชายชุดขาวขมวดคิ้วราวกับประหลาดใจมากที่นางกล่าวเช่นนั้นออกมา

หญิงชุดขาวไม่ได้โต้ตอบอะไร นางเพียงแค่ทอดสายตามองแม่น้ำและภูเขาอันกว้างใหญ่ที่อยู่ไกลออกไป พลางกล่าวด้วยท่าทางสบายๆ ว่า “สำหรับเจ้าแล้ว ตราบใดที่สามารถหยุดการเลื่อนขั้นสองของอ๋องสยบแดนเหนือได้ ไม่ว่าใครจะได้รับแก่นโลหิตก็ไม่สำคัญ”

“ไม่!”

ชายชุดขาวกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ข้าไม่ต้องการให้เผ่าคนเถื่อนบรรลุขั้นสอง”

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Nightwatcher, Dafeng's Night Squad, Great Feng's Nightwatchers The Nightwatchers of Feng 大奉打更人, วิถียุทธ์คนเคาะยามแห่งต้าเฟิ่ง(siaminter), Guardians Of The Dafeng(ซีรีส์)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: , , ต้นฉบับ: 951 Chapters (จบแล้ว)
สวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน….. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset