📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง – ตอนที่ 225.4

บทที่ 225.4 - การเสียสละของสวี่ชีอัน (2)
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ในที่สุดเทพผู้สังหารก็หยุดกวัดแกว่งกระบี่พร้อมพยุงร่างไว้ แต่พวกกบฏไม่คิดโจมตีต่อ พวกเขาถือดาบสงคราม หน้าเคร่งขรึม ระแวดระวังและหวาดกลัว พวกเขาตกใจกลัวว่าตนอาจถูกฆ่า

“ยิงเขาด้วยหน้าไม้” เสียงจากบรรดาฝูงชนตะโกนขึ้นเสียงดัง

‘ผึง…’ สายธนูสั่นไหว ลูกธนูถูกยิงออกไป ไม่รู้ว่าเป็นเพราะร่างกายอ่อนแรงหรือเพราะความประหม่า ลูกธนูหน้าไม้ที่เดิมทียิงมาหมายปักกลางหว่างคิ้วกลับเบี่ยงเบนเฉียดผ่านหนังศีรษะของสวี่ชีอันไป

แต่พวกกบฏกลับโห่ร้องออกมา

“เขาตายแล้ว เขาตายแล้ว…ฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุดไอ้สารเลวนั่นก็ตายเสียที”

“สับร่างเขาเสีย แก้แค้นให้พี่น้องของพวกเรา”

ทุกคนพลันพุ่งเข้ามาพร้อมกัน

แต่ในขณะนั้น กระบี่บินเล่มหนึ่งพลันโผล่มาจากกลางอากาศ วาดผ่านไปรอบๆ ฝูงชน ตัดศีรษะทหารที่อยู่ตรงแถวหน้า

หลังจากนั้น ทหารที่เหมือนกับเทพปีศาจได้บุกทะลุกำแพง นำทหารชุดเกราะกลุ่มหนึ่งกรูกันเข้ามา

เวลานี้ยังเหลือพวกกบฏอีกกว่าสามร้อยคน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับกองทัพที่แปลกประหลาดนี้ พวกเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าต้นกุยช่ายเลย ชีวิตคนถูกเก็บเกี่ยวไปคนแล้วคนเล่า ทหารล้มลงทีละคน ส่งกลิ่นคาวเลือดรุนแรงน่าขยะแขยง

หลังจากนั้นกองทัพนางแอ่นเหินที่จัดการพวกกบฏจนหมดเกลี้ยง ก็ได้พบเห็นภาพฉากที่ยากจะลืมเลือน

ตรงทางเข้าลาน ชายหนุ่มคนหนึ่งยังคงหยัดยืนขึ้นอย่างภาคภูมิ ร่างกายเต็มไปด้วยลูกธนูที่ปักอยู่ ใต้ฝ่าเท้ายังมีศพที่นอนเกลื่อนกลาด เขากำลังยืนอยู่บนภูเขาซากศพโดยใช้กระบี่พยุงร่างตนเองไว้

ไม่มีกลิ่นอายแห่งชีวิตหลงเหลืออยู่

หลี่เมี่ยวเจินที่สวมเสื้อคลุมสีแดงเข้มยืนอยู่ตรงหน้าเขา นึกไม่ถึงเลยว่าจะรู้สึกเหงาและเศร้าโศกได้ถึงปานนี้

เดิมทีหลี่เมี่ยวเจินที่เต็มไปด้วยความโกรธและขุ่นเคือง จินตนาการว่าหากเจอกันอีกครั้งจะต้องสั่งสอนเขาอย่างหนัก ทว่าตอนนี้กลับเหมือนมีบางอย่างจุกอยู่ตรงลำคอ

หลี่เมี่ยวเจินขอบตาแดงก่ำ “ข้าขอโทษที่มาช้าเกินไป”

“เมี่ยวเจิน…”

ทหารกองร้อยนายหนึ่งเดินเข้ามา สายตากลับจับจ้องอยู่ที่สวี่ชีอัน

‘แกร๊ง แกร๊ง’ เขายืนอยู่ที่เดิม ชุดเกราะกระทบกันเสียงดังขณะหันไปคารวะสวี่ชีอัน

‘แกร๊ง แกร๊ง…’ เสียงชุดเกราะกระทบกันดังสะท้าน ขณะเดียวกันกองทัพนางแอ่นเหินกว่าสี่ร้อยนายก็ก้มลงคารวะอย่างพร้อมเพรียง

พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงทางเข้าลานเป็นใคร ชื่ออะไร แต่พวกเขาก็แสดงความนับถือจากใจจริงออกมา

“เข้าไปดูว่าผู้ตรวจการยังมีชีวิตอยู่หรือไม่”

น้ำเสียงของหลี่เมี่ยวเจินดูว่างเปล่าเล็กน้อย

“ขอรับ!”

นายทหารกองร้อยอ้อมผ่านร่างสวี่ชีอันไป และวิ่งเข้าไปในลาน

ด้านหลังฝูงชน สาวงามล่มเมืองซูซูยืนอยู่ในมุมหนึ่งอย่างเงียบเชียบ พลางจับจ้องมองสวี่ชีอันด้วยสายตาเลื่อนลอย

“เจ้าโง่ไปแล้วหรืออย่างไร…”

‘ปัง…’

นายทหารกองร้อยผลักประตูออก เห็นหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลต่างนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น ผู้ตรวจการจางอยู่ในสภาพสมบูรณ์ดี ทว่าใบหน้าซีดเซียว

สีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

นายทหารกองร้อยตะลึงงัน รีบเอ่ย “ข้าน้อยหลี่หู หัวหน้ากองร้อยจากกองทัพนางแอ่นเหิน พวกท่านรอดชีวิตแล้ว”

กองทัพนางแอ่นเหิน?!

หน่วยลาดตระเวนยามวิกาลต่างหันมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง แม้จะไม่เข้าใจว่าเหตุใดกองทัพนางแอ่นเหินถึงมาปรากฏตัวที่นี่ แต่เสียงต่อสู้ด้านนอกได้หยุดลงแล้ว

พวกเขารอดแล้ว

ในสถานการณ์อันตรายถึงเพียงนี้ก็ยังมีทางรอด

“เฮ้อ…” ผู้ตรวจการจางที่ซวนเซไปมา เชือกที่รัดแน่นเป็นปมในใจท้ายที่สุดก็คลายออก เขาใช้แรงพยุงเก้าอี้ไว้ ไม่ยอมปล่อยให้ตนเองล้มลง

“หนิงเยี่ยนเล่า…” ผู้ตรวจการจางเอ่ยถาม “คนที่อยู่ด้านนอก ฆ้องทองแดงท่านนั้นเล่า”

หน่วยลาดตระเวนยามวิกาลที่หลีกหนีจากความตายมาได้ต่างก็มองตรงไปที่เขา

ทันใดนั้นหัวหน้ากองร้อยหลบเลี่ยงสายตาเล็กน้อย ไม่กล้าสบตาพวกเขาโดยตรง เห็นว่ามีความหวังอยู่ในดวงตาของพวกเขา ย่อมปรารถนาจะได้ยินข่าวดีออกจากปากของตนอย่างไม่ต้องสงสัย

“เขา…เสียชีวิตในสนามรบแล้วขอรับ”

ผู้ตรวจการจางรีบกระวีกระวาดพุ่งออกไปจากห้องโถง เดินผ่านลานกว้างมายังเบื้องหน้าร่างของสวี่ชีอัน

แต่สิ่งที่เขาเห็นเป็นเพียงร่างไร้วิญญาณของมนุษย์ ทั่วร่างเต็มไปด้วยลูกธนูและบาดแผลที่ถูกแทง ไม่มีร่องรอยของการมีชีวิตหลงเหลืออยู่เลย

ฉับพลันเพลงสุดท้ายของชายหนุ่มก็ดังก้องอยู่ในหูของเขาอย่างไม่มีเหตุผล

“อัศวินหนุ่ม ร่วมมือกับเหล่าอัศวิน ปฏิบัติกับผู้อื่นด้วยความจริงใจ ครั้นพบเจออยุติธรรมพลันโกรธจนผมตั้งชัน ยืนขึ้นและพูดคุย ร่วมเป็นร่วมตาย สิ่งที่พวกเราชื่นชมคือความกล้าหาญที่โดดเด่น ดุร้ายและหยิ่งผยอง”

สิ่งที่พวกเราชื่นชมคือความกล้าหาญที่โดดเด่น ดุร้ายและหยิ่งผยอง…

ในเวลานี้ ผู้ว่าการล้มลงกับพื้น น้ำตาไหลอาบใบหน้า

ด้านนอกเมือง

ธนูยิงเรียงรายพุ่งเข้ามาเป็นแถว เสียงสายธนูดีดผึงก้องกังวาน ปืนใหญ่เมื่อถูกยิงออกไปแต่ละนัด ก่อให้เกิดเสียงดังสนั่น

ลวดลายใต้ฝ่าเท้าของหยางเชียนฮ่วนส่องสว่าง มีคุณสมบัติแตกต่างกันไป บางครั้งก็เป็นพายุลูกธนูที่บ้าคลั่ง เพิ่มพลังทะลุทะลวง หรือเปลี่ยนวิถีทางเพื่อไล่ล่าศัตรู

บางครั้งเปลวเพลิงก็ถูกเรียกออกมาเพื่อเพิ่มพลังให้กับการระเบิดของลูกกระสุนปืนใหญ่ บางครั้งก็เรียกกระแสไฟฟ้าออกมาเข่นฆ่าศัตรู

“ข้ามีความชำนาญค่ายกลสามสิบหกแบบ ในจำนวนยี่สิบแบบนั้นคือวิชาโจมตีและสังหาร การฆ่ามดปลวกเช่นเจ้า สามารถทำได้เพียงแค่สัมผัสปลายนิ้ว” หยางเชียนฮ่วนแค่นเสียง ‘หึ’ ในลำคอ

“หากเจ้าถอนคำพูดก่อนหน้านี้เสีย…”

“อะไร?”

พ่อมดแห่งความฝันผู้ซึ่งเรียกวิญญาณแห่งการต่อสู้มาหลายครั้ง ตกอยู่ในสภาพที่อับอาย แม้จะมีพลังต่อสู้อันไร้เทียมทาน กลับไม่มีทางสัมผัสถึงเนื้อตัวของหยางเชียนฮ่วนที่เชี่ยวชาญค่ายกลจากระยะไกลได้โuเวลกูดoทคoม

“คำพูดที่ว่า ข้าต้องการช่วยเหลือคนที่อยู่ในกำมือของเจ้า แต่ยังมีคุณสมบัติไม่มากพอ ไอ้หนุ่ม เจ้ากระตุ้นความโกรธของข้าได้สำเร็จ”

“ถอนกลับแล้วจะอย่างไร แล้วหากไม่คิดถอนกลับอีกจะต่างอย่างไร”

“ถอนกลับก็ไปตกอยู่ที่เจ้า หากไม่คิดถอนกลับก็กลายเป็นขี้เถ้า พ่อมดแห่งความฝันเช่นพวกเจ้าไม่เก่งกาจด้านการโจมตีและสังหาร สนามรบที่เต็มไปด้วยซากศพถึงจะเป็นสนามรบของพ่อมด แต่ที่นี่ข้าเป็นใหญ่”

“หากข้าคิดหนี เจ้าก็หยุดไว้ไม่ได้เช่นกัน”

พ่อมดแห่งความฝันชกไปกลางอากาศ ตบลูกกระสุนปืนใหญ่จนระเบิด เขาถูกแรงที่บ้าคลั่งผลักให้เซถอยหลัง

“ตอนนี้ผู้ตรวจการจางและเจียงลวี่จงตายตกไปแล้ว ตราบใดที่กองทัพซึ่งสั่งสมกำลังพลอยู่บนภูเขามาถึง เจ้าคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหนีเตลิดกลับไปยังเมืองหลวงเท่านั้น”

เอ่ยถึงจุดนี้ พ่อมดแห่งความฝันรู้สึกใจเสียทันที เขาขมวดคิ้ว ก้าวถอยหลัง พร้อมกับคำนวณที่นิ้วมือไปด้วย

ในฐานะนักพยากรณ์แล้ว อาการใจเสียถือเป็นลางบอกเหตุบางอย่าง

“เป็นไปได้อย่างไรกัน…” พ่อมดแห่งความฝันอุทานด้วยเสียงขาดหาย

เขาคำนวณได้ถึงภัยอันตราย ที่แท้มาจากเจียงลวี่จงนี่เอง แต่ว่าตอนนี้เขาควรตายไปแล้ว ต้องไม่หลงเหลือพลังชีวิตอยู่ถึงจะถูก

ก่อนลงมือเขาเคยทำนายดวงชะตาแล้ว ปรากฏออกมาว่าวันนี้ทุกอย่างจะราบรื่นเป็นอย่างยิ่ง แต่พอมาถึงวันนี้และคำนวณดูอีกครั้งแล้ว ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปเสียหมด

หากอาการใจเสียปรากฏ ถือเป็นลางร้าย

ใครกันที่เป็นผู้คนปิดกั้นความลับแห่งสวรรค์

‘ตูม ตูม ตูม!…’

ณ สุดขอบฟ้า เงาร่างหนึ่งวิ่งตรงมาอย่างบ้าคลั่ง เมื่อครู่เขายังอยู่บนท้องฟ้าอันไกลโพ้น ต่อมาได้โผมาอยู่ตรงหน้าเสียแล้ว

เป็นเจียงลวี่จง ที่มีใบหน้าเคร่งขรึมและดวงตาแดงก่ำ

พลังปราณรุนแรงพลุ่งพล่านขึ้นราวกับคลื่นทะเล บ่งบอกถึงความโกรธแค้นอันไร้ที่สิ้นสุดของเจ้าตัว

จุดพักเปลี่ยนม้า ณ ห้องโถง

ซ่งถิงเฟิงและจูกว่างเสี้ยวยืนเฝ้าอยู่ในห้องโถง ชั้นบนเหลือเพียงฆ้องทองแดงที่เฝ้าดูแลนักโทษอยู่เพียงคนเดียว

มีดพกของทั้งสองวางอยู่บนโต๊ะ ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา นั่งเงียบๆ อยู่ในบรรยากาศเช่นนี้มาครึ่งชั่วยามแล้ว

ทันใดนั้น หูของทั้งสองขยับถี่ๆ ได้ยินเสียงล้อรถเคลื่อนเข้ามาหยุดอยู่ตรงปากประตูจุดพักเปลี่ยนม้า

ซ่งถิงเฟิงและจูกว่างเสี้ยวรีบหยิบมีดพกวิ่งออกไป เห็นผู้ตรวจการจาง ฆ้องทองแดง และหลี่เมี่ยวเจินที่มัดผมหางม้ายืนอยู่ในลาน

ความโศกเศร้าฉายชัดบนใบหน้าของพวกเขา ทั้งหมดอยู่ในความเงียบ

“หนิงเยี่ยนเล่า สวี่หนิงเยี่ยนเล่า” ซ่งถิงเฟิงมองไปรอบๆ ในฝูงชน แต่ไม่เห็นเพื่อนร่วมงานของเขาเลย

“อยู่ด้านนอก” ฆ้องทองแดงท่านหนึ่งเอ่ยเสียงเบา

เกิดเสียง ‘กึก’ ขึ้นในใจของซ่งถิงเฟิง เขารีบพุ่งตัวออกไปอย่างสุดชีวิต จากนั้นเขาเห็นร่างสวี่ชีอันอยู่ในรถม้าที่จอดอยู่ด้านนอกจุดพักเปลี่ยนม้า

ใบหน้าของเขามีเสื้อคลุมห่มอยู่ ซ่งถิงเฟิงมองออกทันทีว่าเป็นเขา เพราะกระบี่ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

ซ่งถิงเฟิงยื่นมือที่สั่นเทา ออกไป ดึงเสื้อคลุมออกเล็กน้อย

ครึ่งชั่วยามก่อน เขายังเป็นสหายที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ตอนนี้กลับไร้การตอบสนองใดๆ และคงไม่มีอีกตลอดกาล

ซ่งถิงเฟิงยืนอยู่ตรงนั้น ก้มศีรษะลง น่าจะประมาณห้าถึงหกวินาที หลังจากนั้นพลันเปล่งเสียง “อ๊าก…” ร้องไห้จนแทบขาดใจออกมา

“ขอแสดงความเสียใจด้วย…” ฆ้องทองแดงคนหนึ่งเดินเข้ามาทั้งน้ำตา

“ไสหัวไป!” จูกว่างเสี้ยวเตะเขาออกไป

ซ่งถิงเฟิงยังคงยืนไว้อาลัยอยู่ตรงนั้น “หลุมศพมารดาเจ้าเถอะ สหายพี่น้องของข้าจากไปทั้งคน เจ้ายังจะตอกย้ำให้ข้าเสียใจเพิ่มอีกรึ…พวกเจ้าคืนชีวิตพี่ชายมาให้ข้า คืนพี่ชายของมาเดี๋ยวนี้…ฮือๆๆ…”

ท่ามกลางโลกสีเทา สวี่ชีอันเห็นวัดเล็กๆ แห่งนี้อีกครั้ง ภายในวัดมีพระหนุ่มรูปงามนั่งอยู่

“ไต้ซือ…” สวี่ชีอันเอ่ยอย่างเศร้าโศก “ดูเหมือนข้าจะตายตกไปแล้ว ข้าขอพูดคุยหารือกับท่าน ไม่ทราบว่าสะดวกหรือไม่”

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Nightwatcher, Dafeng's Night Squad, Great Feng's Nightwatchers The Nightwatchers of Feng 大奉打更人, วิถียุทธ์คนเคาะยามแห่งต้าเฟิ่ง(siaminter), Guardians Of The Dafeng(ซีรีส์)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: , , ต้นฉบับ: 951 Chapters (จบแล้ว)
สวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน….. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset