สัญญาณสีแดงเข้มทั่วอวกาศยังคงกะพริบเตือน เซิร์กบนพื้นผิวโลกกำลังรวมตัวกันและจะเข้าโจมตีฐานมนุษย์ในไม่ช้า
บนท้องฟ้าเหนือดาวดวง ฝูงแมลงจำนวนมากรวมตัวกันปกคลุมทั่วผืนฟ้าบดบังแสงอาทิตย์จนมิด
แต่ฉินอี้ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไปหลังจากได้พูดสิ่งต่างๆ ออกไป
ยานรบของมนุษย์ที่ลอยอยู่บนอวกาศ ทีมรบสกายลาร์กที่เตรียมพร้อมโจมตี บุคคลที่อยู่เบื้องหลังหน่วยรบแต่ละหน่วย…
พวกเขาเหมือนจะแตกต่างไปจากเดิม!
อันที่จริงฉินอี้เองก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นมีประสิทธิภาพขนาดไหน เพราะเมื่อเผชิญหน้ากับความเป็นความตาย ภาษามนุษย์ก็มักจะไร้พลัง
ก็เหมือนที่ AEEIS บอก ภาษามนุษย์เป็นวิธีการสื่อสารที่ไร้ประสิทธิภาพมาก AEEIS สามารถออกคำสั่งต่างๆ ให้กับทหารทุกคนได้อย่างแม่นยำในทุกรายละเอียดภายในหนึ่งวินาที แต่ฉินอี้ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการทำสิ่งเดียวกัน
แต่เหตุผลที่ฉินอี้ใช้ตำแหน่งผู้บัญชาการข่มขู่และยืนกรานจะพูดกับทุกคนในกองกำลังสมาพันธ์ ก็เพราะเขาตระหนักถึงความจริงจากการดิ้นรนและทนเจ็บปวดอยู่หลายสิบชั่วโมง
แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์แสนสิ้นหวัง มนุษย์ก็ยังมีอาวุธชิ้นสุดท้ายอยู่ นั่นก็คือศรัทธา!
เทคโนโลยีระบบสื่อสารแอนซิเบิลกับปัญญาประดิษฐ์ทำให้กองทัพมนุษย์สามารถต่อสู้ได้เหมือนเซิร์ก โดย AEEIS จะแยกคำสั่งของผู้บัญชาการและส่งต่อไปยังทหารทุกคนในสนามรบผ่านระบบสื่อสารแอนซิเบิล ประสิทธิภาพการส่งผ่านยุทธวิธีจึงได้รับการยกระดับขึ้นอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
แม้แต่ AEEIS ก็สามารถสั่งการได้ไม่ด้อยไปกว่าผู้บัญชาการที่เป็นมนุษย์ หลังจากผ่านการจำลองการรบและการเรียนรู้เชิงลึกหลายร้อยล้านครั้ง
ในการเผชิญหน้ากันครั้งแรกระหว่างมนุษย์กับเซิร์ก กองกำลังสมาพันธ์พบกับความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ คณะกรรมการบริหารสูงสุดแห่งกองกำลังสมาพันธ์จึงตัดสินใจใช้โหมดสั่งการ AEEIS+ระบบสื่อสารแอนซิเบิล จากนั้นสถานการณ์การรบจึงดีขึ้น
แต่เป็นเพราะจุดนี้เองที่ทำให้มนุษย์ค่อยๆ ลืมสิ่งที่เคยยึดมั่น
หลังจากก่อตั้งโหมดสั่งการ AEEIS+ระบบสื่อสารแอนซิเบิลขึ้นมา ภายใต้การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ของ AEEIS ผู้บัญชาการคนก่อนๆ ก็ได้พัฒนาไปในทิศทางของ ‘จอมเผด็จการ’ โดยไม่รู้ตัว พวกเขาคิดหาวิธีต่างๆ ที่จะทำให้แต่ละหน่วยละทิ้งความรู้สึกในฐานะมนุษย์และต่อสู้อย่างเย็นชาเหมือนเซิร์กเพื่อเพิ่มโอกาสชนะ
แต่พอเวลาผ่านไปการโกหกและหลอกลวงก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของการกำกับการรบ ความหวาดระแวงระหว่างทหารและผู้บังคับบัญชาเริ่มเพิ่มขึ้น
มนุษย์พยายามใช้วิธีการของเซิร์กเพื่อกำจัดเซิร์กแต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ ดังนั้นในการคำนวณสุดท้ายของ AEEIS มนุษย์จึงไม่มีโอกาสชนะเลย เพราะกองทัพมนุษย์ไม่สามารถฝ่า ‘เกณฑ์ปกติ’ ที่ AEEIS ประเมินไว้ได้
กลับกันพอฉินอี้มองย้อนไปถึงปฏิบัติการตัดหัวตอนเป็นหัวหน้าทีม AS-371-45 และการต่อสู้นับครั้งไม่ถ้วนหลังจากขึ้นรับตำแหน่งผู้บัญชาการ เขาก็นึกขึ้นได้ถึงความจริงที่รู้อยู่แล้ว นั่นก็คือบางครั้งศรัทธาคือสิ่งสำคัญที่สุด!
การเน้นระเบียบวินัยโดยไม่ลืมหูลืมตาและพยายามฝึกทหารให้เป็นเครื่องจักรสงครามซึ่งปราศจากอารมณ์นั้นไม่มีความหมาย ในประวัติศาสตร์ประเทศที่พึ่งพาศาสนาเพื่อนำกองทัพไม่ได้ประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมขนาดนั้น
กองทัพที่ทรงพลังอย่างแท้จริงมีความศรัทธาที่ไม่สั่นคลอน ความศรัทธานี้ไม่ได้มาจากการหลอกลวงและล้างสมองแต่มาจากส่วนลึกหัวใจของทหารทุกนาย
ทหารทุกนายในกองกำลังสมาพันธ์ผ่านการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวด ลึกๆ แล้วพวกเขารู้ดีว่ามนุษยชาติกำลังเจอกับวิกฤตเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย แต่ AEEIS การต่อสู้อันยาวนาน และการสั่งการของผู้บัญชาการได้ทลายศรัทธาของพวกเขาไปหมด
สิ่งที่ฉินอี้ต้องทำตอนนี้คือปลุกศรัทธาในใจทหารขึ้นมาในจังหวะสุดท้ายให้ได้!
ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ในสงคราม ไม่ว่าสุดท้ายมนุษย์จะอยู่รอดหรือสูญพันธุ์ ฉินอี้ได้แต่หวังว่าทุกคนจะรู้ความจริงเหมือนกับเขา ยอมเดิมพันทุกอย่างเพื่อชะตากรรมของมนุษย์ และพร้อมตายอย่างสมเกียรติ!
ฉินอี้ไม่ยอมเสียเวลาอีกต่อไป เขาใช้คอนโซลควบคุมสั่งการกองทัพมนุษย์ทั้งหมดอย่างช่ำชอง
เขาผ่านศึกครั้งสุดท้ายนี้มาหลายครั้งแล้วในการฝึกจำลองของ AEEIS สถานการณ์แต่ละครั้งไม่เหมือนกันเลย
แต่การโจมตีในภาพรวมของเซิร์กในศึกจริงดูเหมือนจะดุดันกว่าในการฝึกจำลอง!
บนพื้นผิวดาวเคราะห์สีแดงกองทัพแมลงพุ่งออกมาจากรังใต้ดินราวกับคลื่น ฐานมนุษย์บนพื้นผิวดาวเคราะห์เป็นเหมือนเรือเล็กกลางพายุ จมอยู่ในคลื่นกองทัพแมลงหนาทึบ ดูราวกับจะแตกพ่ายได้ทุกเมื่อ
ถึงฐานทัพมนุษย์ภาคพื้นดินและยานรบบนท้องฟ้าจะกระหน่ำโจมตีกองทัพแมลงสุดกำลัง แต่ผลลัพธ์นั้นเล็กน้อยมาก
พลังยิงของฝั่งมนุษย์บนฟากฟ้าเหมือนกับดาวตกบินผ่านฟ้ามืดมิด ไม่นานก็โดนฝูงแมลงกลืนกินไปจนหมด
สถานการณ์ตอนนี้ไปไกลเกินจากที่ฉินอี้คาดการณ์ไว้ เขาไม่เคยเจอสถานการณ์ยากลำบากเช่นนี้แม้จะเป็นในการจำลองการต่อสู้ครั้งที่ยากที่สุด
AEEIS ไม่ได้ให้คำแนะนำใดๆ อีกต่อไป แต่คอยส่งต่อคำสั่งทุกอย่างของฉินอี้เงียบๆ
ยานรบลำหนึ่งถูกเซิร์กรุมล้อมและกำลังจะแตกพ่าย
ไม่รู้ทำไมยานลำนี้เหมือนจะอยู่เพียงลำพัง
ฉินอี้เหลือบมองแล้วยืนยันว่าไม่น่าจะช่วยยานลำนี้ได้ เขาจึงสั่งให้ยานลำนั้นอพยพหนีด้วยยานลำเล็กหรือใช้ชุดรบสกายลาร์กหลบหนีไปสมทบกับยานที่อยู่ใกล้เคียง
ถึงชุดรบสกายลาร์กจะทำได้แค่ร่อน ไม่สามารถบินได้ แต่ขอแค่ร่อนหนีจากสนามรบลงภาคพื้นดินได้อย่างปลอดภัยก็ยังมีโอกาสรอดสูง
ก่อนจะออกคำสั่งเขาเห็นหลุมขนาดใหญ่บนพื้นซึ่งเต็มไปด้วยรูกระสุนปืน ดูแล้วน่าเป็นรังของเซิร์ก
เขาเห็นว่าด้านในอัดแน่นไปด้วยไข่ ดูเหมือนว่าเซิร์กฝูงใหม่จะแตกออกมาจากเปลือกทุกๆ นาที หลังจากเซิร์กฝูงใหม่ถือกำเนิดขึ้นมา พวกมันจะกินเปลือกไข่ทันทีแล้วรีบพุ่งไปที่สนามรบเพื่อกัดกินเศษซากมนุษย์และฝูงตัวเอง จากนั้นก็จะเข้าโจมตีกองทัพมนุษย์ตามคำสั่งของราชินี
ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวฉินอี้
ถ้าใช้ยานลำนั้นเข้าไปทำลายไข่…
เขานึกสั่งให้ยานรบเข้าไปทำลายไข่โดยไม่รู้ตัวแต่ก็เปลี่ยนใจในไม่กี่วินาทีต่อมา
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ยานรบไม่สามารถเข้าไปถึงรังได้และเป็นการกระทำที่ไร้ความหมาย
ดังนั้นฉินอี้เปลี่ยนคำสั่งและให้ทหารในยานลำนั้นอพยพด้วยยานลำเล็กหรือใช้ชุดรบสกายลาร์กหลบหนีไปสมทบกับยานที่อยู่ใกล้เคียง
แต่พวกเขาไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเขา
ยานรบได้รับคำสั่งให้ถอยแล้วแต่ก็ยังบินอย่างโคลงเคลงไปยังรังแมลงที่อยู่ถัดออกไป!
ฉินอี้ส่ายหัวอย่างอดไม่ได้ ดูเหมือนว่าเขาจะเห็นชะตากรรมของยานรบลำนี้แล้ว
ในไม่ช้ามันจะถูกรุมล้อมด้วยฝูงแมลงและชนเข้ากับบริเวณรกร้างเพราะไม่มีใครช่วยคุ้มกันและสนับสนุนโนเวลกูดoทคฺอม
แต่ยานขนาดเล็กและทหารในชุดรบสกายลาร์กจำนวนมากก็พุ่งออกมาจากยานรบแล้วเริ่มโจมตีสวนฝูงเซิร์กที่กำลังโจมตียานรบบนฟ้า!
ทหารในชุดรบสกายลาร์กเหล่านี้บินไม่ได้ ทำได้แค่ร่อนในอากาศชั่วขณะหนึ่ง แต่พวกเขาก็ยังพยายามบังคับทิศทางการร่อนอย่างเต็มที่เพื่อพุ่งไปยังจุดที่ฝูงแมลงกระจุกตัวหนาแน่นที่สุด
พวกเขาทำลายเครื่องปฏิกรณ์ขนาดเล็กตรงหน้าอก ฉีกกระชากร่างของเหล่าแมลงออกเป็นชิ้นๆ!
เปลวไฟระเบิดกลางอากาศ ภายใต้การคุ้มกันของยานรบขนาดเล็กและทีมรบสกายลาร์ก ยานรบก็เร่งความเร็วและพุ่งเข้าหารังเซิร์กที่เปิดโล่งอยู่เหนือผืนดิน!
ครู่ต่อมาพื้นดินก็เกิดการระเบิดสนั่นหวั่นไหว!
รังเซิร์กนี้มีเครือข่ายขยายไปทั่วทุกทิศใต้พื้นดิน เห็นได้ชัดว่าที่เห็นโผล่ขึ้นมาบนพื้นดินเป็นแค่ส่วนเล็กๆ ทันทีที่พุ่งสู่พื้นดินยานรบก็จุดชนวนอาวุธและเชื้อเพลิงทั้งหมด นอกจากทำลายไข่เซิร์กที่โผล่พ้นดินแล้วยังทำลายเหล่าเซิร์กที่อยู่ลึกลงไปในรังได้อีกด้วย
ก่อนยานรบจะระเบิดมีข้อความหนึ่งส่งเข้ามา
“มนุษยชาติจะคงอยู่ตลอดไป!!!”
ฉินอี้ยังไม่ทันหายตกใจ ข้อความมากมายก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
ไม่มีใครนึกคลางแคลงใจคำสั่งของฉินอี้ ไม่มีใครขอหลบหนี ข้อความเหล่านี้เป็นเพียงการอำลาครั้งสุดท้ายต่อผู้บัญชาการฉินอี้ก่อนตนจะพลีชีพ
สงครามระหว่างมนุษย์กับเซิร์กทวีความดุเดือดยิ่งขึ้นในสนามรบอันกว้างใหญ่
ฉินอี้อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าตื้นตันใจเมื่อเห็นว่าการต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝั่งนั้นสูสีคู่คี่ ไม่ได้เป็นการโดนถล่มราบคาบโดยเซิร์ก จากนั้นเขาก็เริ่มแยกยานบัญชาการของตัวเองออกจากยานคุ้มกันรอบๆ เหมือนในการฝึกจำลองเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับชะตากรรมสุดท้ายของตนเอง
สำหรับเขาแล้วไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง สุดท้ายเขาก็สามารถตายได้โดยไม่ต้องแบกรับชะตากรรมอันหนักอึ้งใดๆ อีก
แต่ในจังหวะที่การย้ายตำแหน่งกำลังจะเสร็จสิ้น ฉินอี้ก็รู้สึกว่าปากของตัวเองแฉะเล็กน้อย กลิ่นเลือดพุ่งเข้ามาในหัวของเขา
เขายกมือขึ้นเช็ดโดยไม่รู้ตัว แล้วเห็นรอยเปื้อนเลือดสีแดงสด ขณะเดียวกันวิสัยทัศน์ก็เปลี่ยนเป็นสีดำ โลกทั้งใบหมุนวนไม่หยุด!
ฉินอี้ไม่อยากล้มลงกับพื้น การสู้รบยังคงดำเนินต่อไปอย่างดุเดือด เขาต้องกำกับการรบต่อในฐานะผู้บัญชาการ
แต่ร่างกายและจิตใจของเขาแบกรับความคิดหนักอึ้งติดต่อกันยาวนานไม่ได้ ในที่สุดเขาก็ไม่สามารถคุมสติไว้ได้หลังกำกับการรบมาเป็นเวลานาน
…
ในความมืดมิดฉินอี้เหมือนจะเห็นภาพบางอย่าง
ตอนแรกภาพนั้นดูเลือนรางไม่ชัดเจนแต่ก็ค่อยๆ แจ่มชัดมากขึ้น
เขารู้สึกเหมือนติดอยู่ในใยแมงมุมขนาดใหญ่ ไม่สามารถขยับตัวได้ แต่จิตวิญญาณกลับแผ่ขยายออกไปอย่างไร้ที่สิ้นสุดในความมืด ภาพในหัวค่อยๆ กลายเป็นภาพที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
ฉินอี้เห็นรังเซิร์กบนพื้นดินและเห็นเหล่าเซิร์กกำลังวิ่งวุ่น เหนือหัวเกิดการระเบิดสนั่นหวั่นไหวเป็นพักๆ กวาดล้างเซิร์กสลายเป็นเมือกและเศษซาก
เขาเห็นเซิร์กบินฝ่าอากาศพุ่งใส่ยานรบของมนุษย์โดยไม่หวั่นเกรง แม้จะโดนกวาดล้างอย่างรวดเร็วด้วยพลังยิงทรงอำนาจ แต่เหล่าเซิร์กก็ยังพุ่งตัวไปเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ฉินอี้ตระหนักว่าภาพนี้น่าจะเป็นฉากสงครามที่กำลังเกิดขึ้น
ที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่าคือภาพที่เห็นตอนนี้ดูเหมือนจะมาจากมุมมองของเซิร์ก!
ฉินอี้มีความรู้สึกพิเศษบางอย่าง ฝูงเซิร์กนับไม่ถ้วนเป็นเหมือนมือและเท้าของเขาที่ทำตามความต้องการของเขาอย่างสมบูรณ์ แต่ ‘แขนกับขา’ นั้นปราศจากความรู้สึก ไม่มีความเจ็บปวด และสามารถฟื้นฟูได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ฉินอี้พยายามสืบหาที่มาของจิตใต้สำนึกนี้แต่ก็ไม่พบอะไร
จู่ๆ เขาก็รู้สึกถึงอารมณ์พิเศษจากไหนก็ไม่รู้ ความเศร้าโศกค่อยๆ เพิ่มขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจและแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
ตอนนั้นเองภาพอื่นๆ ก็ปรากฏขึ้นในหัวของเขา
เขาเห็นภาพดาวเคราะห์สีแดงที่เคยเป็นดาวเคราะห์ทิ้งร้างไร้สิ่งมีชีวิต
พวกเซิร์กซึ่งร่อนเร่ไปทั่วอวกาศได้มายังดาวดวงนี้และเริ่มเพิ่มจำนวนขึ้น พวกมันสร้างรังใต้ดินและใช้ดาวดวงนี้เป็นฐานและขยายถิ่นฐานไปบริเวณรอบๆ
แต่ผ่านไปพักหนึ่งยานอวกาศของมนุษย์ก็มายังดวงดาวแห่งนี้ ทันทีที่เห็นเซิร์กยานมนุษย์ก็ชิงโจมตี แต่ก็โดนพวกมันกำจัดอย่างรวดเร็วด้วยความโกรธ
มนุษย์จัดตั้งกองกำลังสมาพันธ์ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูสุดร้ายกาจ กองกำลังขนาดใหญ่รวมพลอยู่ไม่ไกลจากดาวดวงนี้และเริ่มเปิดศึกอย่างดุเดือดกับเซิร์ก
ฉินอี้ได้เห็นฉากต่อจากนี้แล้ว เนื่องจากปัญหาด้านการบังคับบัญชาของมนุษย์ กองกำลังสมาพันธ์จะพังทลายลงต่อหน้าฝูงแมลงและยากที่จะจัดระเบียบการตั้งรับได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดังนั้นมนุษย์จึงจัดระเบียบการโต้กลับด้วยระบบสื่อสารแอนซิเบิลและ AEEIS ทั้งสองฝั่งเริ่มสงครามอันยืดเยื้อบนดาวเคราะห์แห่งนี้…
“ทำไมฉันถึงเห็นภาพพวกนี้”
ฉินอี้รู้สึกเหมือนกำลังฝันอยู่ เขามีสติสัมปชัญญะชัดเจนแต่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
ที่แปลกยิ่งกว่าคือเขาเข้ามาอยู่ในตัวตนของเซิร์กโดยไม่รู้ตัวและกำลังมองปัญหาต่างๆ เขากลัวยานรบและปืนใหญ่ของมนุษย์ แต่ก็รู้สึกคุ้นเคยและสงสารเซิร์กที่ตายไปจำนวนมาก
“หรือว่า… นี่คือจิตใต้สำนึกของรัง?
“ราชินีเซิร์กต้องการให้ฉันเห็นสิ่งนี้เหรอ
“ภาพความพ่ายแพ้ของกองกำลังสมาพันธ์ที่ฉันเห็นก่อนหน้านี้ทำให้คิดไปเองว่าพวกเซิร์กบุกมารุกราน กองกำลังสมาพันธ์จึงต้องตั้งรับ แต่จริงๆ แล้วกองกำลังสมาพันธ์เป็นฝ่ายมารุกรานเหรอเนี่ย
“พอมาคิดดูแล้วตอนปฏิบัติภารกิจล่าตัดหัวราชินีเซิร์ก พวกเซิร์กก็ไม่ได้ฆ่าฉันทันที แต่กลับพาตัวไปรังของราชินีแทน…”
ฉินอี้นึกถึงประสบการณ์ตอนอยู่ในรังเซิร์ก เขาและสมาชิกในทีมที่รอดชีวิตอีกคนหนึ่งถูกนำตัวไปหาราชินี เขาไม่รู้ว่าราชินีเซิร์กทำอะไรกับสมาชิกอีกคน แต่สมาชิกคนนั้นกรีดร้องลั่นก่อนจะตายภายในสองนาที
ฉินอี้โดนทำแบบเดียวกัน ตอนนั้นเหมือนมีเข็มนับไม่ถ้วนทิ่มแทงเข้ามาในสมองแต่เขาไม่ตายและยืดหยัดจนรอดมาได้…
รายละเอียดมากมายในหัวของฉินอี้เรียงร้อยต่อกัน
เห็นได้ชัดว่าการที่เขาเห็นภาพเหล่านี้ต้องมีอะไรบางอย่างเกี่ยวข้องกับ ‘จิตใต้สำนึกของรัง’ แน่นอน การที่เขาได้รับ ‘จิตใต้สำนึกของรัง’ มาและสร้างการเชื่อมต่อทางสภาพจิตใจกับราชินีเซิร์กได้ย่อมเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ในรังเซิร์กก่อนหน้านี้
แม้ราชินีเซิร์กไม่ได้คุยกับฉินอี้โดยตรง แต่เขาก็สัมผัสจิตใต้สำนึกของราชินีเซิร์กได้อย่างชัดเจน
มนุษย์เป็นผู้รุกราน…
เซิร์กสูญเสียอย่างหนักจากการโจมตีของมนุษย์…
ถ้ามนุษย์กับเซิร์กยุติการต่อสู้ได้ ถ้าสองฝ่ายก็จะไม่สูญเสียไปมากกว่านี้…
ยิ่งฉินอี้ได้ขบคิดปัญหาจากมุมมองของเซิร์ก การคิดแบบนี้ก็กลายเป็นธรรมชาติและมีเหตุผลขึ้นมา
ฉินอี้พยายามสื่อสารกับเซิร์ก ความคิดมากมายแวบขึ้นมาในหัวของเขา แต่ก็ความคิดเหล่านี้ไม่สามารถเข้าสู่เครือข่ายรังเซิร์กและไม่มีผลใดๆ เลย
เห็นได้ชัดว่าการที่เขาสัมผัสเครือข่ายของเซิร์กได้ ไม่ได้กรีดร้องและตายไปในตอนนั้นเป็นผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง มนุษย์ไม่สามารถใช้จิตใต้สำนึกของรังได้อย่างเต็มที่ พวกเขารับข้อมูลได้แค่อย่างเดียว ไม่สามารถส่งผ่านข้อมูลได้
ตอนนั้นเองฉินอี้ก็รู้สึกว่าภาพทั้งหมดหายวับไปอย่างรวดเร็วก่อนที่สติของเขาจะฟื้นคืนกลับมา
เสียง AEEIS ดังขึ้นในหู “ผู้บัญชาการ ฉันฉีดสารอาหารให้แล้ว คุณสามารถเข้ากำกับการรบได้ทุกเมื่อ”
ภาพเบื้องหน้าฉินอี้ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น สงครามระหว่างมนุษย์กับเซิร์กยังดำเนินอยู่ AEEIS น่าจะเข้าควบคุมการรบและช่วยปฐมพยาบาลให้เขา
ฉินอี้พยายามตั้งสมาธิเต็มที่แล้วตระหนักว่ายังสัมผัสได้ถึงสายสัมพันธ์ระหว่างตัวเขากับเซิร์กที่เกิดจากจิตใต้สำนึกของรัง แถมยังรู้สึกถึงความชิดเชื้ออย่างน่าประหลาดกับเหล่าเซิร์ก
ในสนามรบการรบระหว่างมนุษย์กับเซิร์กติดชะงัก
การต่อสู้อย่างเต็มที่ของทหารมนุษย์ป้องกันการแตกพ่ายของแนวป้องกันมนุษย์ไว้ได้ แต่การจะเอาชนะเซิร์กอย่างสมบูรณ์ได้พวกเขาต้องหาตัวและตัดหัวราชินีเซิร์กให้ได้
แต่ราชินีเซิร์กก็ไม่ได้ส่งเซิร์กจำนวนมากไปตัดหัวผู้บัญชาการฝั่งมนุษย์ สนามรบหลักเผชิญแรงกดดันมหาศาล ถ้าเหตุการณ์ยังเป็นแบบนี้ต่อไปก็ไม่มีใครคาดเดาผลลัพธ์สุดท้ายของสงครามนี้ได้