เฮ่อเต๋อเซิ่งลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “บอสเผยครับ… ถ้าเราเอาเงินที่ได้จากการขายบริษัทที่ทำกำไรได้ไปลงทุนในบริษัทต่อไปในคิวแล้วพวกเขาขาดทุนล่ะครับ”
เผยเชียนตอบ “เดี๋ยวผมออกเงินเพิ่มให้เอง”
เฮ่อเต๋อเซิ่งพยักหน้า “โอเคครับบอส”
เขาไม่ได้ถามอะไรมาก บอสเผยวางกฎนี้ไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ถึงจะดูไม่สมเหตุสมผล เขาก็ต้องทำตามอย่างเคร่งครัดอยู่ดี
สำหรับเผยเชียนแล้ว การลงทุนวิธีนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าเงินทุนในมือจะถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว
DLC ของสองเกมขายดีมาก พอมีเงินก้อนอีกก้อนที่ไม่คาดคิดเข้าบัญชี ทางที่เหมาะที่สุดคือเขาต้องไปลงกับโปรเจ็กต์อื่น
แต่… จะลงกับโปรเจ็กต์ไหนดีล่ะ
เผยเชียนไล่สายตาดู ห้าบริษัทที่ไม่มีการเคลื่อนไหวดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่ปัญหาคือ… พวกเขายังเหลือเงินก้อนโตในบัญชี
พอมาคิดดูก็ถือว่าไม่แปลก ที่พวกเขาไม่มีการเคลื่อนไหวก็เพราะไม่อยากใช้เงินไปกับการตลาด ถ้ายอมใช้เงินก็คงมีการเคลื่อนไหวไปนานแล้ว
สำหรับบริษัทประเภทนี้ บอสเผยต้องคิดดูอีกทีว่าจะให้เงินดีรึเปล่า
จะให้เงินไปทำไมถ้าผลาญเงินกันช้าขนาดนี้
ดังนั้น เขาต้องเลือกบริษัทที่ผลาญเงินได้
“บริษัทไหนผลาญเงินได้มากที่สุดในระยะเวลาสั้นๆ” เผยเชียนถาม
เฮ่อเต๋อเซิ่งตอบทันที “แน่นอนว่าต้องเป็นแบรนด์สาวหน้านิ่งของเมิ่งชั่งครับ”
เผยเชียนถามต่อ “สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง”
เฮ่อเต๋อเซิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “ผมแวะไปตรวจดูที่ปักกิ่งรอบนึง แล้วก็แวะไปกินบะหมี่เย็นที่ร้านด้วย จะว่าไงดีล่ะครับ… สถานการณ์ของร้านตอนนี้จัดว่าค่อนข้างมีกระแสทีเดียว
“ตอนที่ผมไปมีคิวต่อยาวหน้าร้าน ดูเหมือนกิจการจะไปได้ดี มีสื่อบนโลกออนไลน์เขียนถึงร้านด้วย
“แต่บางเจ้าลงข่าวให้ก็เพราะเขาจ้าง แบรนด์สาวหน้านิ่งทุ่มเงินก้อนโตไปกับกิจกรรมทางการตลาด ผมไม่แน่ใจว่าจ้างเยอะขนาดไหน
“แต่… รสชาติอาหารก็ถือว่าโอเคครับ เทียบได้กับร้านบะหมี่ระดับไฮเอนด์ทั่วไป สภาพแวดล้อม คุณภาพ ประสบการณ์การกินดีกว่า เมนูซิกเนเจอร์บางเมนูมีการใช้เงินอุดหนุนด้วยครับ
“ที่เราแน่ใจได้คือคนส่วนใหญ่ที่มาต่อแถวเป็นลูกค้าจริงๆ แต่บางส่วนก็เป็นหน้าม้า”
เผยเชียน “ใช้เงินอุดหนุนอาหารด้วยเหรอ”
เฮ่อเต๋อเซิ่งพยักหน้า “ใช่ครับ ตัวอย่างเช่น บะหมี่เย็นย่างเหรียญทองขายในราคาขาดทุนหนึ่งถึงสองหยวน เพราะวัตถุดิบที่ใช้เป็นของแพงที่สุดในห่วงโซ่อุปทาน บวกค่าใช้จ่ายด้านกำลังคนและการขนส่งแล้ว อัตรากำไรไม่สูงเลย
“แน่นอนว่า ลูกค้าจะรับรู้ถึงความแตกต่างได้รึเปล่าก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง…
“เมิ่งชั่งบอกว่า วิธีนี้คือ ‘การใช้ประโยชน์จากสินค้าหลักเพื่อส่งเสริมการขายในภาพรวม’ ซึ่งหมายถึงการทำสินค้าหลักบางอย่างให้มีความคุ้มค่าต่อราคาสูง ใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุด แล้วลดราคาลงเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าสินค้าหลักคุ้มค่าเงิน วิธีนี้ช่วยเพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์อย่างรวดเร็ว ดึงดูดเงินทุนได้มากขึ้น และขยายส่วนแบ่งการตลาดได้เร็วขึ้น
“เงินอุดหนุนส่วนนี้จะได้คืนจากการเปิดตัวเมนูใหม่ในอนาคต
“แต่การทำกำไรในระยะสั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
“ดังนั้นพอนำค่าใช้จ่ายทั้งหมดมารวมกัน แบรนด์สาวหน้านิ่งจึงผลาญเงินได้เร็วมาก แต่ก็แน่นอนว่าความนิยมนั้นพุ่งขึ้นเร็วกว่าเพื่อนครับ”
“อืม…” เผยเชียนจมสู่ภวังค์ความคิด
เขาได้ยินเกี่ยวกับโปรเจ็กต์สาวหน้านิ่งหลายหน แค่ฟังก็รู้ข้อมูลเกี่ยวกับโปรเจ็กต์นี้มากแล้ว
ต้องยอมรับเลยว่าเมิ่งชั่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลาญเงิน บริษัทอื่นใช้เงินลงทุนอย่างระมัดระวัง วางแผนจะใช้เงินสองสามล้านภายในครึ่งปีหรือหนึ่งปี แต่เมิ่งชั่งกล้าผลาญหมดภายในหนึ่งเดือน
สำหรับเผยเชียนแล้ว เขาคืออัจฉริยะด้านการผลาญเงิน
ที่เผยเชียนรู้สึกลังเลก็เพราะไม่แน่ใจว่าควรจะให้เงินกับบริษัทแบบไหน
เขาลงทุนกับบริษัทที่ทำกำไรต่อไม่ได้ ต้องรีบขายทันที อันนี้ตัดไปได้เลย
บริษัทที่ไม่ทำกำไรและยังไม่มีกระแสดูปลอดภัยมาก แต่ในความเป็นจริงก็ใช่ว่าจะปลอดภัยเสมอไป เพราะบริษัทแบบนี้มักจะใช้งบอย่างระมัดระวัง ที่ยังไม่มีกระแสก็เพราะยังไม่เริ่มทำการตลาด ถ้าจู่ๆ กลายเป็นหุ้นที่มีศักยภาพสูงแล้วเขาดันลงทุนต่อ จนกลายเป็นหุ้นมูลค่ามหาศาลขึ้นมาจะทำยังไง
แถมบริษัทพวกนี้ยังผลาญเงินช้ามาก เผยเชียนรู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่ถ้าจะลงทุนกับพวกเขา
กลับกัน ถึงบริษัทแบบสาวหน้านิ่งจะเป็นกระแสฮือฮา แต่ก็ผลาญเงินได้อย่างรวดเร็ว
มีคำพูดว่า ‘เก็บเงินเข้ากระเป๋า’ สำหรับเผยเชียนแล้วต้องเปลี่ยนเป็น ‘ควักเงินออกกระเป๋า’ เขาจะรู้สึกสบายใจได้ก็ต่อเมื่อบริษัทผลาญเงินออกไป ไม่งั้นก็จะรู้สึกเหมือนเป็นระเบิดเวลาที่พร้อมระเบิดทุกเมื่อ
ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว เลือกลงทุนกับโปรเจ็กต์สาวหน้านิ่งน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี
ถ้าแบรนด์สาวหน้านิ่งโหมโปรโมตเพื่อสร้างกระแสแล้วสุดท้ายทำกำไรไม่ได้ การลงทุนนี้ก็จะสูญเปล่า
ถ้าทำกำไรได้จริงๆ ก็ค่อยขายแบรนด์สาวหน้านิ่งออกไป
เผยเชียนคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจได้ในที่สุด “ลงทุนกับบริษัทที่ยังไม่ทำกำไรและยังใช้เงินไม่หมดเพิ่มอีกหนึ่งถึงสองล้านหยวน อย่าลงทุนเพิ่มมากเกินไป
“แล้วลงทุนกับแบรนด์สาวหน้านิ่งหกล้านหยวน”
เฮ่อเต๋อเซิ่งพยักหน้า ไม่ได้ถามอะไรมาก “ได้ครับบอสเผย”
จู่ๆ เผยเชียนก็นึกอะไรขึ้นได้ “จริงด้วย เพิ่มเงื่อนไขอีกข้อกับเงินลงทุนหกล้านหยวนที่จะให้แบรนด์สาวหน้านิ่งด้วย คือ ต้องเก็บเป็นความลับ ห้ามเมิ่งชั่งเปิดเผยว่าได้เงินก้อนนี้มาจากเถิงต๋า ไม่ว่าจะกรณีไหนก็ตาม”
เฮ่อเต๋อเซิ่งผงะไป แต่ก็พยักหน้า “ได้ครับ”
เขาไม่รู้ว่าบอสเผยคิดไปกี่ตลบหรือคิดไปกี่ชั้น แต่ในเมื่อบอสเผยตัดสินใจลงทุน บอสก็น่าจะวางแผนทุกอย่างไว้แล้วและมั่นใจเต็มที่ว่าจะประสบความสำเร็จโน!วลกูดoทคอม
เผยเชียนเปิดดูข้อมูลตรงหน้าพอเป็นพิธีพลางคิดว่าทำแบบนี้น่าจะปลอดภัย
ลงทุนกับบริษัทที่ไม่ทำเงินต่อไป ลงทุนมากขึ้นกับบริษัทที่มีความเสี่ยงสูงและลงทุนน้อยลงกับบริษัทที่มีความเสี่ยงต่ำ ถือว่าสมเหตุสมผลสุดๆ
เหตุผลหลักที่เขาย้ำให้เก็บเรื่องเงินหกล้านหยวนไว้เป็นความลับก็เพราะกลัวจะเกิดเหตุการณ์แบบตอนแอป ‘มาสิเด็กหัวกะทิ’ ขึ้นอีก ถ้านักลงทุนรู้ว่าบริษัทลงทุนหยวนเมิ่งให้เงินลงทุนกับแบรนด์สาวหน้านิ่งหกล้านหยวน พวกเขาก็จะแห่มาร่วมลงทุนและเพิ่มมูลค่าของบริษัทกันแน่นอน
ถ้าดังขึ้นมาจริงๆ จะทำยังไง
การที่เขาให้เงินแบรนด์สาวหน้านิ่งหกล้านหยวน ในขณะที่ให้เงินบริษัทอื่นแค่หนึ่งถึงสองล้านหยวน ต้องกระตุกต่อมความสงสัยและนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ควบคุมไม่ได้แน่นอน
เพราะงั้นเผยเชียนเลยย้ำเป็นพิเศษให้เมิ่งชั่งเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ
แน่นอนว่าเผยเชียนไม่ได้คาดหวังว่าข้อมูลนี้จะถูกปกปิดมิดชิด ไม่หลุดอะไรออกมาสักแอะ แต่เขาก็หวังว่าจะเก็บเงียบไปได้นานที่สุดเท่าที่ทำได้และได้รับผลกระทบน้อยลง
ไม่ว่าจะยังไง จากความเร็วในการผลาญเงินของเมิ่งชั่งตอนนี้ เขาต้องผลาญเงินหมดก่อนข่าวกระจายออกไปแน่ เพราะงั้นก็ไม่น่าจะเป็นอะไร
…
หลังจากบอสเผยกลับออกไป เฮ่อเต๋อเซิ่งก็เริ่มโทรหาเจ้าของบริษัทต่างๆ
“ฮัลโหล บอสเจิ้งเหรอครับ คืองี้ครับ เถิงต๋าเตรียมขายหุ้นของบริษัทคุณทั้งหมด หุ้นส่วนคนอื่นๆ มีสิทธิ์ซื้อได้ก่อน คุณลองคุยดูก่อนนะครับว่าอยากขอทุนจากบุคคลที่สามไหม…”
บริษัทของบอสเจิ้งเป็นหนึ่งในสองบริษัทที่ทำกำไรได้
บอสเจิ้งที่ปลายสายผงะไปเมื่อได้ยินว่าเฮ่อเต๋อเซิ่งจะขายหุ้นทั้งหมด
ตามกฎแล้ว หุ้นส่วนบริษัทไม่สามารถถอนเงินทุนได้ตามใจชอบ เพราะถือเป็นการยักยอกเงินทุน พวกเขาต้องถ่ายโอนหุ้นผ่านช่องทางปกติ
แต่ปัญหาคือ… ทำไมเถิงต๋าถึงจะขายหุ้นล่ะ
บอสเจิ้งสับสนมาก ไม่ใช่แล้ว บริษัทเราทำเงินได้ไม่ใช่เหรอ เราเพิ่งจะเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แต่เถิงต๋ากลับใจร้อนขายหุ้นทิ้งหมดซะงั้น
บอสเผยไม่น่าจะเป็นคนมองระยะสั้น
แถมนี่ยังไม่ถือว่าเป็นการมองระยะสั้น แต่ถือว่าโง่เลย คนทั่วไปไม่มีทางทำอะไรโง่ๆ แบบนี้
งั้นบอสเผยโง่เหรอ ไม่ใช่แน่นอน!
จุดนี้ทำให้บอสเจิ้งสับสนสุดๆ
หลังเงียบไปพักใหญ่ บอสเจิ้งก็พูดขึ้น “บอสเฮ่อครับ ผมพูดตรงๆ เลยนะครับ ถ้าผมกับนักลงทุนคนอื่นๆ ซื้อหุ้นทั้งหมดคืนจากเถิงต๋าได้ พวกเราคงชื่นมื่นกระทั่งในฝัน
“แต่ผมไม่อยากทำแบบนั้นเพราะเราไม่ลืมรากเหง้าของตัวเอง
“เถิงต๋ายื่นมือมาช่วยและให้ทุนช่วยชีวิตเราไว้ตอนที่บริษัทอยู่ในสถานการณ์ลำบากที่สุด ตอนนี้สถานการณ์ด้านการเงินของบริษัทเราดีขึ้นจนเริ่มเห็นแสงสว่างและทำกำไรได้แล้ว ไม่ว่าจะหาทุนเพิ่มหรือค่อยๆ พัฒนาตัวเองไปทีละขั้น เราก็ทำได้ดีทั้งนั้น
“แล้วทำไมบอสเฮ่อถึงอยากขายหุ้นทั้งหมดตอนนี้เหรอครับ ถึงจะขายหุ้นตอนนี้ก็ทำเงินได้ไม่มากใช่ไหมล่ะครับ คุณต้องเชื่อมั่นในตัวพวกผม ถ้าถือหุ้นต่อ คุณทำเงินได้มากกว่านี้แน่นอนครับ…”
เฮ่อเต๋อเซิ่งยิ้ม “บอสเจิ้ง คือไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อมั่นในตัวพวกคุณ ไม่ใช่แบบนั้นเลย แต่บอสเผยวางกฎไว้ให้เราขายหุ้นและถอนตัวจากบริษัทที่ทำกำไรได้ ผมก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกัน คุณอย่าถามผมเลย ผมแค่ปฏิบัติตามคำสั่งบอส”
ปลายสายเงียบไปนาน
ผ่านไปพักใหญ่ บอสเจิ้งก็ถอนหายใจ “งั้นเองเหรอครับ ผมเข้าใจแล้ว
“บอสเผยกำลังให้ถ่านกลางหิมะ! บอสยื่นมือเข้ามาช่วยตอนที่เราตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากที่สุด พอเราตั้งตัวได้ก็ค่อยถอนตัว จิตใจเอื้ออารีจริงๆ!
“ไม่ว่าจุดประสงค์ของบอสจะเป็นการสานสัมพันธ์อันดีต่อกันหรือแค่อยากช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เฉยๆ เราจะขอจดจำบุญคุณครั้งนี้ไปตลอด!
“ไม่ต้องห่วงครับ เถิงต๋าจะเป็นกัลยาณมิตรของเราตลอดไป เราจะหาทางตอบแทนบุญคุณครั้งนี้แน่นอนครับ!”
คนที่เป็นบอสบริษัทได้ย่อมไม่ใช่คนโง่ หลังจากพิจารณาดูสักหน่อย พวกเขาก็รู้ว่าเหตุผลคืออะไร
ถือว่าสมเหตุสมผลที่จะบอกว่าการลงทุนในบริษัทสตาร์ตอัปเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงสุด เพราะบริษัทส่วนใหญ่มักจะเจ๊งและล้มละลาย มีแค่ส่วนน้อยที่รอดไปจนตลอดรอดฝั่ง
นักลงทุนที่กระตือรือร้นอยากลงทุนในบริษัทสตาร์ตอัปมักจะหวังให้หนึ่งในสิบบริษัทเติบโตต่อไปและหาเงินคืนที่ขาดทุนไปกับอีกเก้าบริษัท
พอมีบริษัทอนาคตดีโผล่มา พวกเขาจะพยายามเก็บหุ้นไว้เต็มที่และหาโอกาสที่เหมาะที่สุดในการขายออกไปในราคาสูงๆ เพื่อให้ได้กำไรสูงที่สุด
ถึงสถานการณ์บริษัทบอสเจิ้งจะพัฒนาขึ้น แต่ก็ยังไม่ถึงจุดสูงสุด
การที่เถิงต๋าขายหุ้นคืนตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับการทำการกุศล!
ช่วยเหลือคนอื่นตอนที่พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากแล้วถอนตัวเมื่อเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ จิตใจสูงส่งอะไรเยี่ยงนี้!
แน่นอนว่า บริษัทลงทุนหยวนเมิ่งก็ได้กำไรกับการลงทุนนี้เหมือนกัน แค่ได้ไม่เยอะมาก แต่สำหรับบอสเจิ้งแล้ว การกระทำนี้คือการเสียสละ ถือเป็นการอุทิศตนทำความดี!
เฮ่อเต๋อเซิ่งรู้สึกเขินที่ถูกชม จึงรีบอธิบาย “จริงๆ ไม่ต้องคิดมากขนาดนั้นก็ได้ครับ บอสเผยวางกฎมาไว้แบบนี้ บริษัทอื่นๆ ก็อยู่ภายในกฎเกณฑ์เดียวกัน…”
บอสเจิ้งพูดขึ้น “เพราะงั้นเลยน่าประทับใจมากๆ ไงครับ! บอสเผยไม่ได้ช่วยเราเพราะความสัมพันธ์ส่วนตัว แต่เพราะความยุติธรรมและความศรัทธา
“บอสเฮ่อไม่ต้องพูดอะไรแล้วครับ เราจะจดจำบุญคุณนี้ไว้ ถ้าคุณต้องการให้เราร่วมงานอะไรด้วยในอนาคตก็บอกมาได้เลยนะครับ!”
หลังจากโทรไปหาบริษัทที่ทำกำไรได้ทั้งสองที่ บอสทั้งสองบริษัทก็รู้สึกซาบซึ้งไม่ต่างกัน
เฮ่อเต๋อเซิ่งโทรหาบริษัทที่ทำเงินได้นิดหน่อย แต่ยังไม่มีสัญญาณทำกำไร
“ฮัลโหล สวัสดีครับบอสหลิว คืองี้ครับ บริษัทลงทุนหยวนเมิ่งวางแผนจะให้เงินทุนคุณเพิ่มอีกหนึ่งล้านหยวน ผมเลยโทรมาแจ้งก่อน”
บอสหลิวที่ปลายสายผงะไป เขาไม่เชื่อหูตัวเอง “หา? ลงทุนเพิ่มอีกหนึ่งล้านเหรอครับ”
เฮ่อเต๋อเซิ่งพยักหน้า “ใช่ครับ มีปัญหาอะไรรึเปล่าครับ”
บอสหลิวรีบตอบ “ไม่ครับ ต้องไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว! ผมแค่แปลกใจนิดหน่อย สถานการณ์กิจการเราในตอนนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ยังห่างไกลจากการทำกำไร เราใช้เงินไปแล้วแต่ยังไม่เห็นผลลัพธ์ ผมกำลังคิดหนักอยู่เลยว่าจะบอกกับคุณยังไงดี…
“ไม่คิดเลยว่าคุณจะเชื่อมั่นในตัวเราขนาดนี้! ขอบคุณครับ ขอบคุณมากๆ!”