วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน
การประชุมประจำวงรอบของผู้ปัดงานฝึกผลาญ
ช่วงนี้การประชุมผู้ปัดงานฝึกผลาญจัดขึ้นเดือนละสองครั้ง แต่ก็ไม่ได้สำคัญอะไรสำหรับเผยเชียน เพราะไม่มีข้อมูลที่มีประโยชน์มากนัก
ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะรอบบัญชีนี้เพิ่งมาถึงช่วงกลาง หลายโปรเจ็กต์กำลังคืบหน้าไปทีละขั้น ยังไม่มีความร่วมมือกันที่อันตรายอะไรและยังไม่มีสัญญาณการทำกำไรให้เห็น
ในเมื่อไม่มีเรื่องทำนองนั้น ทีมสืบราชการลับอย่างผู้จัดการฝึกหัดจึงไม่มีข้อมูลให้รวบรวม
แต่ตามหลักปลอดภัยไว้ก่อน ผู้ปัดงานฝึกผลาญต้องมาเข้าประชุมและรายงานข้อมูลกันตามปกติ เผยเชียนนั่งฟังอย่างตั้งใจตลอดการประชุม เพราะกลัวว่าจะพลาดข้อมูลสำคัญอะไรไป
การประชุมผู้ปัดงานฝึกผลาญดำเนินไปตามปกติ พวกเขารายงานเรื่องงานปัจจุบันของกิจการต่างๆ เหมือนอย่างเคย ถังอี้ซู่เองก็ตั้งหน้าตั้งตาจดเหมือนทุกครั้งเช่นกัน
ข้อมูลส่วนใหญ่เผยเชียนมีในมืออยู่แล้ว เลยไม่จำเป็นต้องใส่ใจมากนัก
ต้องรอให้ถึงปลายเดือนไปจนถึงเดือนถัดไป พอใกล้วันปิดบัญชีและใกล้ปล่อยสินค้าเมื่อไหร่ เขาก็ต้องระมัดระวังตัวให้มากๆ
ไม่นานการประชุมผู้ปัดงานฝึกผลาญวาระปกติก็จบลง
ถังอี้ซู่หันมองเผยเชียนเพื่อจะสื่อว่าถ้าไม่มีอะไรแล้วก็จะจบการประชุมเหมือนอย่างทุกครั้ง
เผยเชียนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามออกไป “ทุกคนเข้าใจจิตวิญญาณเถิงต๋าว่ายังไงกันบ้าง”
การสอบวัดความเข้ากันได้กับจิตวิญญาณเถิงต๋าเมื่อวานทำให้เผยเชียนรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นภัยคุกคาม
ถ้าพนักงานใหม่กลุ่มนี้เข้าใจจิตวิญญาณเถิงต๋าผิดเพี้ยนไปหมดแบบนี้ พนักงานเก่าที่ทำให้พวกเขาคิดแบบนั้นต้องเข้าใจผิดมหันต์ยิ่งกว่าแน่นอน!
แต่เผยเชียนก็ไม่รู้ว่าพวกนั้นเข้าใจผิดร้ายแรงขนาดไหน จึงต้องตรวจสอบเบื้องลึกเบื้องหลังดู
ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่จะเริ่มตรวจสอบจากผู้ปัดงานฝึกผลาญก่อน
เพราะผู้ปัดงานฝึกผลาญเป็นพนักงานที่ปิดปากเงียบที่สุดในบริษัท พวกเขาจะไม่พูดและถามอะไรมาก ถึงเผยเชียนถามคำถามอะไรไป ก็จะไม่เอาไปบอกต่อให้คนในกิจการรู้ ไม่มีทางทำให้ไก่ตื่นแน่
ผู้จัดการฝึกหัดมองหน้ากัน ไม่เข้าใจว่าบอสเผยต้องการอะไร
แต่ทุกคนก็ตอบตามความเข้าใจของตัวเอง
“จิตวิญญาณเถิงต๋าที่ผมเข้าใจคือประหยัดเวลาและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เราใช้ความบันเทิงและการพักผ่อนหย่อนใจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งได้ประโยชน์ทั้งกับตัวพนักงานและบริษัท”
“หนูคิดว่าจิตวิญญาณเถิงต๋าคือการมุ่งมั่นเพื่อการงานของตัวเอง ไม่ใช่แค่ทำให้เสร็จไปในฐานะพนักงานคนหนึ่ง”
“ผมคิดว่าคือการสร้างสินค้าและเนื้อหาด้วยหัวใจ ทำในสิ่งที่ถูกต้องอย่างสุดความสามารถ และสร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้ด้วยความจริงใจ”
ผู้จัดการฝึกหัดบอกคำตอบทีละคน แต่สีหน้าของเผยเชียนกลับเคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างที่ฟัง
ไม่มีผู้ปัดงานฝึกผลาญคนไหนคิดว่าจิตวิญญาณเถิงต๋าคือทำตัวขี้เกียจเลยเหรอ
นี่มัน… ปัญหาใหญ่มาก!
จิตวิญญาณเถิงต๋าแบบผิดๆ แพร่ไปในหมู่ผู้ปัดงานฝึกผลาญเรียบร้อยแล้ว หมายความว่าพนักงานระดับสูง กลาง และล่างของกิจการต่างๆ ก็ไม่น่าจะรอด!
สีหน้าของเผยเชียนดูจริงจังขึ้นมา
แต่เขาก็งงอยู่หน่อยๆ เนื้อหาที่พวกผู้ปัดงานฝึกผลาญพูดดูเหมือนจะเป็นเรื่องเดียวกัน แค่อธิบายแตกต่างกัน
เผยเชียนถาม “มีคำอธิบายที่ไปในทางเดียวกันและเป็นภาพรวมกว่านี้มั้ย”
เหล่าผู้ปัดงานมองหน้ากัน ก่อนจะส่ายหัว
“ไม่มีนะครับ”
“แก่นหลักของจิตวิญญาณเถิงต๋าคือความเข้าใจไม่ใช่เหรอครับ จะมีแบบแผนได้ยังไง”
“ใช่ค่ะพี่ ปกติพี่ก็คิดแบบนี้ไม่ใช่เหรอคะ”
ริมฝีปากเผยเชียนกระตุก
ปกติฉันคิดแบบนั้นซะที่ไหนล่ะโว้ย ฉันไปคิดแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่!
แต่นี่แหละคือปัญหา ในเมื่อพวกผู้ปัดงานฝึกผลาญบอกว่าไม่มีแบบแผนที่เป็นไปในทางเดียวกัน หลักๆ มาจากการตีความ แล้วทำไมพวกเขาถึงเข้าใจผิดเพี้ยนเหมือนกันหมดล่ะ
จุดนี้ทำเผยเชียนสับสนมาก ปัญหาอยู่ที่การตีความของคนทั้งบริษัท แต่เขากลับจับแก่นไม่ได้เลย!
พวกนี้ซ่อนกันดีเกินไป
เผยเชียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาคงขุดข้อมูลจากแผนก HR และพนักงานใหม่ไม่ได้อีก ถึงทำไปก็คงไม่ได้ข้อมูลอะไร
เพราะตัวกำหนดวัฒนธรรมการทำงานและความเข้าใจในจิตวิญญาณเถิงต๋าต้องไม่ใช่พนักงานระดับล่างแน่นอน ต้องเป็นฝ่ายบริหารระดับกลางถึงสูง
โครงสร้างวัฒนธรรมองค์กรจะวางจากบนลงล่าง ความเข้าใจในจิตวิญญาณเถิงต๋าของผู้จัดการกิจการต่างๆ เป๋ไปผิดทาง แถมยังเป็นทางที่จะนำไปสู่ความรุ่งเรืองด้วย แสดงว่าปัญหาใหญ่อยู่ที่ผู้จัดการกิจการ!
ถ้าเขาอยากแก้ปัญหาในปัจจุบัน ก็ต้องเริ่มจากพวกระดับผู้จัดการก่อน
เผยเชียนมองปฏิทินแล้วคิดแผนได้ทันที
พรุ่งนี้คือวันที่ 20 เป็นวันที่เขาจองเหมาภัตตาคารไร้ชื่อ
เผยเชียนตัดสินใจว่าจะใช้โอกาสนี้ในการล้วงข้อมูล!
เขาจะเชิญผู้จัดการกิจการต่างๆ มาเพื่อ ‘ตรวจสอบ’ ความเข้าใจในจิตวิญญาณเถิงต๋าของคนพวกนั้น
ถ้าเจอตัวการในหมู่พวกผู้จัดการ เผยเชียนก็ไม่รังเกียจที่จะย้ายเจ้านั่นไปโปรเจ็กต์โฮสเทลเขย่าขวัญหรือไล่ไปดูแลกิจการเล็กๆ ที่ไม่สำคัญ ว่าง่ายๆ คือจะไม่ปล่อยให้ทำลายวัฒนธรรมเถิงต๋าอยู่แบบนี้!
ถ้าตัวการซ่อนตัวดีเกินไปจนหาไม่พบ เขาก็จะหาวิธีพลิกเกมและชี้แนวทางให้ทุกคนตีความจิตวิญญาณเถิงต๋าในทางที่ถูกต้อง
คิดได้แบบนั้น เผยเชียนก็พูดขึ้น “โอเค วันนี้ไม่มีอะไรแล้ว เลิกประชุมได้
“น้องถังเดี๋ยวอยู่ต่อก่อนนะ”
ผู้ปัดงานฝึกผลาญคนอื่นๆ กลับออกไปจนเหลือแค่เขากับถังอี้ซู่
“รุ่นพี่มีอะไรเหรอคะ” ถังอี้ซู่ถาม
เผยเชียนยิ้ม “ไม่มีอะไร พี่แค่จะให้งานใหม่กับน้อง”
ถึงพรุ่งนี้เผยเชียนจะวางแผนล้วงข้อมูลและสืบหาตัวการที่ชักนำให้ทุกคนตีความจิตวิญญาณเถิงต๋าไปผิดๆ ในหมู่ผู้จัดการกิจการ แต่เขาก็รู้ขีดจำกัดตัวเองและเตรียมใจไว้แล้วว่าอาจจะสืบไม่ได้ข้อมูลอะไรเลย
เพราะผ่านมาตั้งนานแล้ว เผยเชียนเองก็เพิ่งรู้เรื่องการตีความจิตวิญญาณเถิงต๋าผิดๆ แสดงว่าตัวการซ่อนตัวเก่งทีเดียว
ดังนั้นถ้าต้องตรวจสอบยกใหญ่ เผยเชียนก็อาจทำให้ไก่ตื่นและระมัดระวังตัวมากขึ้นได้ ซึ่งอาจไม่เป็นผลดี
ในสถานการณ์นี้ ตัวตนของน้องถังในฐานะผู้ดูแลฝ่ายให้กำลังใจเป็นการอำพรางที่ดีมาก!
เผยเชียนพูดต่อ “พี่อยากให้น้องตรวจสอบเรื่องจิตวิญญาณเถิงต๋าในบริษัท พี่เห็นว่าหลายคนพูดเรื่องจิตวิญญาณเถิงต๋ากัน แต่การตีความของแต่ละคนกลับแตกต่างกันไป
“น้องช่วยดูว่านอกจากการทำความเข้าใจกันเองแล้ว การตีความจิตวิญญาณเถิงต๋าของทุกคนมาจากไหน ได้รับอิทธิพลจากที่ไหนรึเปล่า ถ้ามีใครเป็นตัวกลางเร่งอิทธิพลของจิตวิญญาณเถิงต๋า อยากให้ดูว่าต้นตอมาจากตรงไหน
“สรุปคือคอยสังเกตทุกอย่างที่เกี่ยวกับจิตวิญญาณเถิงต๋าลับๆ โดยเฉพาะต้นตอ”
ถังอี้ซู่กะพริบตา ใบหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง “ต้นตอหรือแหล่งที่มาก็คือรุ่นพี่ไม่ใช่เหรอคะ”
เผยเชียน “…”
“อะแฮ่ม คือ นอกจากพี่ มีแหล่งที่มาที่สอง ที่สามรึเปล่า”
ถังอี้ซู่พยักหน้า “อ๋อ ได้ค่ะพี่ เดี๋ยวหนูจดไว้ แต่หนูไม่ค่อยฉลาด อาจจะไม่ได้ข้อมูลอะไรเลยนะคะ…”
เผยเชียนโบกมือ “ไม่เป็นไร นี่เป็นภารกิจระยะยาว แค่คอยใส่ใจและค่อยๆ ตรวจสอบไป ถ้าเจออะไรก็บอกให้พี่รู้ทันที”
ถังอี้ซู่ “ดะ…ได้ค่ะ”
…
…
วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน
ภัตตาคารไร้ชื่อ
ผู้จัดการกิจการต่างๆ ภายใต้เถิงต๋าคอร์เปอเรชันทยอยมาถึงทีละคน พวกเขาทักทายและกอดกันอย่างอบอุ่น เป็นภาพแห่งความปรองดองโนiวลกูดอทคอม
“ไม่เจอกันนานเลย! โปรเจ็กต์เป็นยังไงบ้าง”
“โอเคดี เป็นเพราะการแนะนำแนวทางจากบอสเผยเลย”
“เอ้อ ผมว่าจะบอกคุณว่ามีเรื่องอยากขอความร่วมมือจากคุณสักเล็กน้อย”
“ได้สิ เราให้ความร่วมมือแน่นอน! ถ้าอยากได้อะไรก็บอกเลยนะ!”
เหล่าผู้จัดการกิจการพูดคุยหัวร่อต่อกระซิกระหว่างเดินเข้ามาในภัตตาคารไร้ชื่อแล้วนั่งประจำที่
ผ่านมานานแล้วที่ผู้จัดการกิจการทั้งหมดได้มารวมตัวกัน
ถึงจะจองเหมาภัตตาคารไร้ชื่อไว้ทุกวันที่ 20 แต่บอสเผยก็ใช้จัดเลี้ยงหลายๆ อย่าง เช่น ต้อนรับบอสบริษัทต่างๆ เลี้ยงกิจการที่สร้างผลงานได้โดดเด่นเพื่อเป็นขวัญกำลังใจและอื่นๆ ไม่ค่อยมีโอกาสมากนักที่เหล่าผู้จัดการกิจการจะได้มารวมตัวกินเลี้ยงกัน
ถึงผู้จัดการกิจการต่างๆ จะติดต่อหากันเป็นประจำ แต่พวกเขาก็ยุ่งมากทีเดียว จึงไม่ค่อยมีโอกาสนัดรวมตัวกินข้าวกัน
ไม่มีการแข่งขันกันระหว่างกิจการ งานก็ไม่ได้กดดันมาก ผู้จัดการส่วนใหญ่รู้จักกันดีและสนิทกันมาก บรรยากาศจึงเต็มไปด้วยความครึกครื้น
มีผู้จัดการกิจการบางคนไม่ได้มา เช่น ชิวหง เพราะกำลังจัดการเรื่องศูนย์พัฒนาของโปรเจ็กต์ล้มลุกคลุกคลานอยู่ที่ปักกิ่ง
ผู้จัดการใหม่ไม่กล้าพูดคุยกับผู้จัดการรุ่นพี่มากนั้น อย่างเหลียงชิงฟานก็ใช้โอกาสนี้ทำความรู้จักกับผู้จัดการคนอื่นๆ
ไม่นานบอสเผยก็มาถึง ทุกคนนั่งประจำที่และพูดคุยกันระหว่างกิน
เผยเชียนกินไปด้วย มองผู้จัดการกิจการยี่สิบกว่าคนตรงหน้าไปด้วย ในใจรู้สึกเศร้าขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ทำไมจู่ๆ เถิงต๋าถึงมีกิจการเยอะแยะมากมายขนาดนี้!
อีกอย่างกิจการเหล่านี้ล้วนเป็นกิจการชั้นแนวหน้าของเถิงต๋าคอร์เปอเรชัน บริษัทที่พวกเขาลงทุนไม่ได้มาด้วย แต่แค่นี้ก็มีคนเยอะมากแล้ว
ตอนแรกเขาแค่ตั้งใจจะผลาญเงินให้ขาดทุน แต่ไม่คิดเลยว่าพอเปิดกิจการเพิ่มมากขึ้น เป้าหมายในการขาดทุนจะห่างไกลออกไปเรื่อยๆ
น่าเศร้าใจจริงๆ!
หลังจากกิจไปได้สักพัก เผยเชียนก็คิดว่าถึงเวลาแล้ว
เขาเคาะโต๊ะเบาๆ เป็นสัญญาณให้ทุกคนเงียบ
เมื่อเห็นว่าบอสเผยมีเรื่องจะพูด เหล่าผู้จัดการกิจการหยุดคุยกัน ก่อนจะหันไปมองด้วยสีหน้าจริงจัง
ใบหน้าทุกคนเต็มไปด้วยความคาดหวัง