ลู่จือเหยาหามุมเงียบๆ ในสตูดิโออ่านบทที่ได้มาตั้งแต่ต้นจนจบอีกครั้ง
ส่วนแรกของบทที่ได้มาเปิดฉากในจังหวะที่เขาตื่นจากการจำศีล จนถึงตอนที่เขาได้รับคำสั่งจากคณะกรรมการบริหารสูงสุดให้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการของกองกำลังสมาพันธ์และเฝ้าดูความพ่ายแพ้อันน่าอดสูของมวลมนุษยศาสตร์ที่มีต่อพวกเซิร์ก
ลู่จือเหยาค่อนข้างพอใจกับการแสดงของตัวเอง
เนื่องจากการตีความฉินอี้ที่เป็นตัวเอกในขั้นตอนนี้ค่อนข้างง่าย
ถึงอารมณ์ของฉินอี้จะซับซ้อน แต่ในภาพรวมก็ยังอยู่ภายใต้แนวคิด ‘ทหาร’ พูดอีกอย่างคือ แม้จะมีเรื่องคับข้องใจในคณะกรรมการบริหารสูงสุดแห่งกองกำลังสมาพันธ์บลูสตาร์ AEEIS และผู้บัญชาการคนก่อน แต่พอได้รู้ว่าผู้บัญชาการคนก่อนสละชีพตัวเอง เขาก็ตัดสินใจปฏิบัติหน้าที่ในฐานะทหารและรับช่วงต่อภาระอันหนักอึ้งนี้
ด้วยทักษะการแสดงในปัจจุบัน ส่วนนี้ไม่เป็นปัญหาสำหรับลู่จือเหยา หลังถ่ายเทคที่ใช้ไม่ได้สองสามเทค เขาก็ได้เทคที่น่าพอใจ
ส่วนที่สองของบทเป็นตอนที่ฉินอี้เข้ารับตำแหน่งและปรับตัวให้เข้ากับระบบสั่งการของ AEEIS หลังดูตัวอย่างจากผู้บัญชาการของกองกำลังฝ่ายมนุษย์
ตอนนั้นกองกำลังสมาพันธ์บลูสตาร์ค่อนข้างหละหลวมในเชิงโครงสร้าง กองกำลังเอเชีย กองกำลังอเมริกา กองกำลังยุโรป และอื่นๆ มีผู้บัญชาการเป็นของตัวเอง ยานรบแต่ละลำมีกัปตันรับผิดชอบ
ผู้บัญชาการของแต่ละกองกำลังแตกต่างกันมาก บางคนโอหังมาก บางคนระแวงจนเกินเหตุและคิดแต่จะปกป้องตัวเองเท่านั้น ด้วยเหตุนี้สงครามอวกาศครั้งนั้นจึงกลายเป็นการถล่มยับของฝ่ายเซิร์ก
กองกำลังมนุษย์ตกอยู่ในความโกลาหล ยานรบบางส่วนพุ่งชนกันระหว่างหลบหนี ช่องทางการสื่อสารสับสนวุ่นวาย กลายเป็นหายนะครั้งใหญ่
ในพล็อตสงครามอวกาศนี้ การแสดงของลู่จือเหยาก็ค่อนข้างเรียบง่าย
ฉินอี้ดูกระบวนการทั้งหมดของสงครามอย่างใจเย็น เขาใช้แผงควบคุมเปลี่ยนมุมมองเป็นพักๆ เพื่อสังเกตรายละเอียดในสนามรบ ก่อนที่จะค่อยๆ ชินกับการใช้งานแผงควบคุม
มีแค่ช็อตพิเศษหน่อยถึงจะมีการแสดงออกทางใบหน้าที่เปลี่ยนไปมาอย่างชัดเจน
เนื้อหาในส่วนนี้ของเรื่องหลักๆ คือให้ฉินอี้ตระหนักถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนวิธีการบังคับบัญชาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ของกองกำลังสมาพันธ์บลูสตาร์
วิธีการบังคับบัญชาปัจจุบันของบลูสตาร์แท้จริงแล้วคือการตัดสินใจทั่วไปของผู้บัญชาการที่มีคุณภาพทางจิตวิทยาที่ยอดเยี่ยมและประสบการณ์การสั่งการที่หลากหลาย จากนั้น AEEIS ปัญญาประดิษฐ์จะแยกการตัดสินใจออกเป็นคำสั่งเฉพาะและส่งต่อไปยังกองทัพแนวหน้าโดยตรง
พูดอีกอย่างคือ ด้วยการใช้ปัญญาประดิษฐ์ทรงพลัง AEEIS และการสื่อสารแบบ Ansible วิธีการบังคับบัญชาในปัจจุบันมาแทนที่การบังคับบัญชาระดับกลางทั้งหมด ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพการบังคับบัญชาได้มาก
บทส่วนที่สามเป็นตอนฉินอี้เริ่มฝึกอบรมจำลองการสั่งการขั้นแรก
ตามแผนของ AEEIS ฉินอี้ต้องผ่านการฝึกอบรมจำลองมากมายก่อนที่จะสามารถรับภาระหน้าที่สำคัญในการบัญชาการแนวหน้าได้
มนุษย์ตัดหัวราชินีเซิร์กได้สำเร็จภายใต้การสั่งการของผู้บังคับบัญชาคนก่อนโดยใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ พวกเขากำจัดเซิร์กไปได้จำนวนมาก จำกัดการแพร่พันธุ์ และได้รับความมั่นคงมาช่วงหนึ่ง
ในขั้นนี้ AEEIS จะรับหน้าที่สั่งการกองกำลังรวมเพื่อพักฟื้นและดำเนินการป้องกันเชิงกลยุทธ์ ในขณะที่ฉินอี้ต้องใช้เวลาในการยกระดับความสามารถในการบังคับบัญชาของตัวเอง
พวกเซิร์กอาจกลับมาได้ทุกเมื่อ ฉินอี้มีเวลาเหลือไม่มาก
การฝึกอบรมจำลองในขั้นนี้ราบรื่นและเรียบง่ายกว่าที่ฉินอี้คิดไว้
เพราะฉินอี้มีประสบการณ์มากมายในการต่อสู้แนวหน้า และ AEEIS ก็ให้ข้อมูลต่างๆ กับเขาได้ตลอดเวลา แถมมนุษย์ยังแข็งแกร่งกว่าเซิร์กและทหารทุกคนทำตามคำสั่งโดยไม่ลังเล การต่อสู้ในขั้นนี้จึงประสบความสำเร็จอย่างงดงามและเป็นไปตามที่ฉินอี้คาดหวังไว้
นี่คือจุดไคลแมกซ์เล็กๆ น้อยๆ ในช่วงแรกของภาพยนตร์ ภายใต้คำสั่งที่ถูกต้องของฉินอี้ กองทัพมนุษย์ในจอได้รับชัยชนะอย่างงดงาม
การแสดงของลู่จือเหยาในสามส่วนแรกค่อนข้างง่าย
เพราะฉินอี้ไม่ได้มีอารมณ์ที่ซับซ้อนหรือมีการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ที่รุนแรง ทักษะการแสดงที่ต้องใช้ยังอยู่ในขอบเขตที่เขาจัดการได้
แต่ลู่จือเหยาเริ่มติดขัดหลังจากได้บทส่วนที่สี่จากผู้กำกับจูเสี่ยวเช่อ เขารู้สึกว่าไม่ว่าจะทำยังไงก็เหมือนยังขาดอะไรอยู่
…
ฉินอี้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งในห้องเคบิน
ตอนนี้เขาคือผู้บัญชาการสูงสุดของกองกำลังสมาพันธ์ ชะตากรรมของมวลมนุษย์ขึ้นอยู่กับเขา แต่ในฐานะมนุษย์ธรรมดา เขายังต้องพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้สมองปลอดโปร่งและคิดได้อย่างเฉียบคม
แคปซูลจำศีลมีแก๊สนอนหลับพิเศษ ฉินอี้ต้องหลับลึกสามชั่วโมงทุกๆ ยี่สิบสี่ชั่วโมงเพื่อให้มั่นใจว่า พลังงานจะอยู่ในสภาพที่ดี
ระหว่างช่วงเวลาสามชั่วโมง AEEIS จะคอยสั่งการรบแนวหน้าแทน เมื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉินจะปลุกฉินอี้ทันที
จนถึงตอนนี้ การฝึกจำลองของฉินอี้ดำเนินไปอย่างราบรื่น เขาชนะขาดลอยในศึกขนาดเล็กสองสามศึกในช่วงแรก
แต่ฉินอี้ก็ไม่ได้รู้สึกภูมิใจหรือนิ่งนอนใจ เพราะเขารู้ดีว่าการต่อสู้ที่แท้จริงนั้นซับซ้อนและยากกว่าการต่อสู้ระดับนี้หลายเท่า
ดังนั้นพอตื่นขึ้นมา ฉินอี้ก็ไปนั่งบนแพลตฟอร์มสั่งการอีกครั้งแล้วเริ่มฝึกจำลองต่อ
ยิ่งผ่านการฝึกจำลองทั้งหมดได้เร็วเท่าไหร่ เผ่าพันธุ์มนุษย์ก็จะปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น
กระแสข้อมูลแสงสีฟ้าปรากฏกลางอากาศ ภาพคลื่นเสียง AEEIS โผล่ขึ้นมา
“ผู้บัญชาการ การจำลองวันนี้จะเพิ่ม ‘องค์ประกอบโลกจริง’ เข้ามา กรุณาเตรียมตัวให้พร้อม”
ฉินอี้งงเล็กน้อย novelgu.com
AEEIS เริ่มอธิบายก่อนที่เขาจะทันได้ถาม “‘องค์ประกอบสมจริง’ คือการใช้ข้อมูลการต่อสู้ในอดีตมาปรับใช้เพื่อแสดงให้เห็นว่าหน่วยรบในสนามรบมีเจตจำนงเป็นของตัวเอง และมีโอกาสต่อต้านคำสั่งได้”
ฉินอี้พยักหน้าเบาๆ
เป็นอย่างที่คาดไว้ การต่อสู้ที่ผ่านมาเรียบง่ายเกินไปเพราะไม่มี ‘องค์ประกอบสมจริง’ สนามรบจำลองจากสภาวะที่เหมาะสมที่สุด
หลักการของการต่อสู้ประเภทนี้คือหน่วยรบมีเหตุผลและไม่ลังเลที่จะปฏิบัติตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา
แต่คนที่มีเหตุผลอย่างแท้จริงนั้นไม่มีอยู่จริง การต่อสู้ในสภาวะแบบนี้จึงไม่มีอยู่จริงเหมือนกัน
เสียงเย็นเยียบของ AEEIS ดังขึ้น “ผู้บัญชาการ คุณอาจจะคิดว่าคุณเตรียมตัวพร้อมแล้ว แต่คุณยังไม่พร้อม
“นี่คือข้อมูลที่จะช่วยให้คุณเข้าใจความยากจากการเพิ่ม ‘องค์ประกอบสมจริง’ เข้ามา
“ในยุคอาวุธเย็น อัตราการสูญเสียของกองทัพสูงถึง 3% หรือ 5% กล่าวคือ กองทัพอาจพังไม่เป็นท่าได้ถ้าสูญเสียกำลังรบที่มีประสิทธิภาพประมาณห้าพันนายจากกองทหารหนึ่งแสนนาย
“เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนั้น การบาดเจ็บล้มตายซึ่งเกิดจากฝ่ายล่าถอยถูกไล่ล่าและย่ำยีจะเกินขั้นคุมเชิงไปมาก จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมอัตราส่วนการสูญเสียในยุคอาวุธเย็นถึงแตกต่างกันมาก
“ในยุคสงครามอาวุธร้อน ประสิทธิภาพของการจัดองค์กรทางทหารและความมุ่งมั่นในการสู้รบได้รับการปรับปรุงอย่างมากด้วยการใช้อาวุธปืน อย่างไรก็ตามเมื่ออัตราผู้เสียชีวิตขึ้นไปถึง 10% จะถือว่าเป็นสถานะ ‘ชะงัก’ ซึ่งหมายความว่าหน่วยรบสูญเสียความสามารถในการทำภารกิจเฉพาะของตนให้สำเร็จ หากอัตราการสูญเสียสูงถึง 30% จะกลายเป็นสถานะ ‘ถูกทำลาย’ หมายความว่าความมุ่งมั่นในการรบของหน่วยรบถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ และไม่สามารถต่อสู้เป็นระยะเวลานานได้
“สถานการณ์แบบ ‘สู้จนตัวตาย’ เป็นเหตุการณ์ที่หาได้ยากมาก ดังนั้นการต่อสู้เหล่านี้จึงบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์และได้รับการยกย่องจากมนุษย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ผู้บัญชาการ หากคุณทำความเข้าใจข้อมูลเหล่านี้ไว้ล่วงหน้าจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ถูกต้องยิ่งขึ้น”
ใบหน้าของฉินอี้แสดงออกถึงความแปลกใจ
ในฐานะหัวหน้าทีมที่บัญชาการรบในแนวหน้ามาเป็นเวลานาน ฉินอี้ไม่เคยเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้มาก่อน
อันที่จริง ข้อมูลเหล่านี้ตรงกันข้ามกับความรู้สึกแรกของเขาอย่างสิ้นเชิง
เพราะหน่วยรบของฉินอี้เป็นทีมชั้นยอด พวกเขามักจะได้ปฏิบัติภารกิจที่อันตรายมาก ความมุ่งมั่นของพวกเขาสูงกว่าทหารคนอื่นๆ และมักจะต่อสู้จนตัวตายเสมอ
ตอนแรกฉินอี้คิดว่ากองทัพทั้งหมดจะพังทลายหากอัตราความเสียหายจากการสู้รบพุ่งไปที่ 60-70% แต่เห็นได้ชัดว่าข้อมูลจริงไม่ใช่แบบนั้น
ในการฝึกจำลองของฉินอี้ก่อนหน้านี้ แต่ละหน่วยดำเนินการตามคำสั่งอย่างซื่อสัตย์ แม้ว่าอัตราการเสียชีวิตจะเกิน 70-80% ทหารที่เหลือก็ยังคงอยู่แนวหน้าและปฏิบัติตามคำสั่งต่อไป
พอเพิ่ม ‘องค์ประกอบสมจริง’ เข้ามา ถ้าอัตราการตายเกินกว่า 30% ก็มีความเป็นไปได้ที่กองทัพที่จัดตั้งขึ้นจะล่มสลาย ไม่ทำตามคำสั่ง และต่อสู้เพื่อเอาตัวเองให้รอด ระดับความยากสูงกว่าที่จะจินตนาการได้
ภาพบนหน้าจอและสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่สนามรบจำลองใหม่จะถูกสร้างขึ้น
สนามรบเหมือนกับการรบครั้งล่าสุดทุกประการ แถมยังมียูนิตให้ควบคุมมากกว่ารอบก่อน
ฉินอี้ตั้งสมาธิและเริ่มบัญชาการรบ
แต่ระหว่างการรบ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนจากจริงจังเป็นประหลาดใจ ก่อนจะเริ่มเป็นกังวล และจบที่ฉุนเฉียว
ถ้าเป็นคนปกติที่จิตใจไม่แข็งแกร่งเหมือนฉินอี้คงสติแตกไปแล้ว
หลายครั้งเห็นได้ชัดว่ากองทัพนี้สามารถยืนหยัดไปได้อีกชั่วโมงหนึ่งจนกำลังเสริมมาถึง ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ทั้งหมดพลิกผัน แต่กองทัพกลับสูญเสียประสิทธิภาพการรบไปอย่างสิ้นเชิงในจังหวะสุดท้าย พวกเขาหมดกำลังใจในการสู้ ทำให้พ่ายแพ้ยับเยิน
ปัญหาที่ไม่คาดคิดมากมายทับถมรวมกัน ทำให้ศึกที่ชนะได้ง่ายใน ‘สภาพที่ทุกคนใช้เหตุผลในการตัดสิน’ กลายเป็นศึกที่ยากขึ้น สุดท้ายสถานการณ์ในสนามรบก็เกินกว่าจะควบคุมได้ ต้องรีบล่าถอย
กองทหารที่ถอยไม่ทันถูกกองทัพแมลงกลืนกินอย่างรวดเร็ว จุดสว่างบนแผนที่ดับลงทีละจุด ทั่วพื้นที่ตกสู่ความเงียบงัน ความมืดไร้ที่สิ้นสุดเข้าปกคลุมฉินอี้โดยสมบูรณ์
ฉินอี้เอนกายลงบนที่นั่งและหลับตาลง
เป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะยอมรับได้ว่าการต่อสู้ที่ยาวนานหลายชั่วโมงจบลงด้วยความพ่ายแพ้ย่อยยับ
ภาพ AEEIS ปรากฏขึ้นกลางอากาศอีกครั้ง
“ในสนามรบ ทางเลือกที่ดูเหมือนไร้ข้อผิดพลาดสามารถนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ร้ายแรงได้
“กลับกัน การหลอกลวงที่ยอมรับไม่ได้อาจนำไปสู่ชัยชนะของศึกขนาดใหญ่
“ผู้บัญชาการ คุณสามารถตรวจสอบข้อมูลการวิเคราะห์ที่จัดทำโดย AEEIS ได้ตลอดเวลา ความแม่นยำในการวิเคราะห์ปัจจุบันสูงถึง 87% และสามารถใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงที่สำคัญได้”
ฉินอี้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะสูดหายใจลึก
“เริ่มใหม่”