เขาทำเกมที่ประสบความสำเร็จขนาดนั้นให้บริษัท แต่บริษัทกลับแบ่งรายได้ให้ไม่ถึง 1% เป็นใครก็ต้องรู้สึกไม่พอใจ
แน่นอนว่าสถานการณ์ของชิวหงถือว่าค่อนข้างดี หลายบริษัทถึงเกมจะประสบความสำเร็จ แต่ทีมค้นคว้าและพัฒนากลับไม่ได้เงินเลยสักหยวน บริษัทแบบนี้มีอยู่จริง แถมจำนวนก็ไม่ได้น้อยๆ
ชิงหงตระหนักถึงเรื่องนี้จึงสรุปว่าการทำงานให้คนอื่นนั้นไม่มีอนาคต เลยตัดสินใจเปิดธุรกิจเป็นของตัวเอง
ทีนี้ก็ไม่ได้สำคัญว่าเกมจะทำรายได้ต่อเดือนได้มากกว่าร้อยล้านหยวนรึเปล่า ขอแค่ได้สักสองสามล้าน หรืออาจจะมากกว่าสิบล้าน รายได้เขาก็มากขึ้นกว่าแต่ก่อนแล้ว
แต่ปัญหาคือการบริหารธุรกิจของตัวเองนั้นยากกว่าที่เขาคิดไว้
ถ้าธุรกิจเจ๊งขึ้นมา คำถามก็จะไม่อยู่ที่ว่าจะรวยขึ้นมาขนาดไหน แต่จะอดตายรึเปล่า
ดังนั้นจำนวนเงินที่บอสเผยเสนอมาจึงแสดงให้เห็นทั้งความจริงใจและฟังดูล่อตาล่อใจสุดๆ
แต่โปรเจ็กต์ล้มลุกคลุกคลานดูไม่เหมือนโปรเจ็กต์ลงทุน แต่เป็นโปรเจ็กต์เพื่อการกุศลมากกว่า แถมโครงสร้างการให้โบนัสที่บอสเผยเสนอก็ยิ่งทำให้ชิวหงตัดสินใจไม่ได้
หลังจากคิดอยู่ครู่ใหญ่ ชิวหงก็ถามขึ้น “บอสเผยครับ ผมขอถามได้มั้ยว่าเป้าหมายของโปรเจ็กต์ล้มลุกคลุกคลานคืออะไร”
เผยเชียนเงียบไป
เอาเข้าจริง คำถามนี้ทำเอาบอสเผยอึ้งไปเลย
แน่นอนว่าเป้าหมายหลักคือผลาญเงิน แต่เผยเชียนก็ตอบออกไปแบบนั้นไม่ได้
ผ่านไปสองสามวินาที บอสเผยจึงตอบ “ไม่มีเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงครับ”
ชิวหงงง “จะเป็นงั้นได้ไงล่ะครับ”
เผยเชียนถามกลับ “แล้วทำไมต้องมีเป้าหมายด้วยล่ะครับ”
ชิวหงอึ้งไป เขากะพริบตามสองสามครั้งระหว่างประมวลผลคำพูดบอสเผย
ทุกคนต้องมีเหตุผลในการทำสิ่งต่างๆ คนที่ประสบความสำเร็จมาเยอะแยะแบบบอสเผยไม่มีทางทำอะไรไปตามอารมณ์ชั่วขณะหรอก
ทำไมบอสเผยถึงตอบแบบนั้นล่ะ
ชัดเจนว่าบอสเผยไม่ได้หมายความว่าไม่มีเป้าหมายอะไรเลยจริงๆ แต่น่าจะไม่ได้มีเป้าหมายในแง่ผลประโยชน์และทางโลก
จริงๆ แล้วชิวหงพยายามถามอ้อมๆ ที่เขาอยากถามจริงๆ คือ ทำไมบอสเผยถึงเลือกลงทุนในเกมสแตนด์อโลนและเกมอินดี้ที่ทำเงินไม่ได้เลย
บอสเผยตอบคำถามชิวหงโดยมีตรรกะแฝงอยู่ แค่เพราะเกมสแตนด์อโลนกับเกมอินดี้ทำกำไรไม่ได้ แล้วทำไมฉันถึงจะลงทุนในเกมพวกนี้ไม่ได้ล่ะ ทำไมฉันถึงจะทำอะไรเพียงเพราะมันเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมไม่ได้
สายตาแน่วแน่ของบอสเผยทำให้ชิวหงนึกอะไรขึ้นได้
เขาเคยเล่าเรื่องเกมสแตนด์อโลนจีนให้บอสเผยฟัง ซึ่งบอสเผยก็ดูจะเสียใจกับโศกนาฏกรรมของเกมสแตนด์อโลนเมื่อสิบปีก่อนเหมือนกัน
หรือบอสเผยคิดโปรเจ็กต์ล้มลุกคลุกคลานขึ้นมาเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมเกมสแตนด์อโลนล้วนๆ บอสอาจจะไม่สนเรื่องหากำไรจริงๆ
ถ้าเป็นอย่างนั้น ชิวหงก็ต้องวิเคราะห์ชื่อโปรเจ็กต์ให้ละเอียดกว่าเดิม
โปรเจ็กต์ล้มลุกคลุกคลาน…
ทำไมถึงตั้งชื่อแบบนี้
ส่วนหนึ่งก็บอกได้ว่าอุตสาหกรรมเกมสแตนด์อโลนกำลังล้มลุกคลุกคลานอยู่ อีกส่วนก็อาจจะบอกได้ว่าโปรเจ็กต์นี้สร้างขึ้นมาเพื่อช่วยคนที่กำลังล้มลุกคลุกคลานและจวนจะร่วงลงไปกองกับพื้นอย่างผู้พัฒนาเกมสแตนด์อโลนและผู้พัฒนาเกมอินดี้
ถ้าชิวหงได้โปรเจ็กต์คล้ายๆ กันนี้ช่วยเหลือตอนเปิดธุรกิจแรกๆ ผลลัพธ์จะต่างไปจากเดิมรึเปล่า
คิดได้แบบนั้น ชิวหงก็มองบอสเผยด้วยแววตาเคารพบูชา จู่ๆ เขาก็เห็นร่างของบอสเผยเปล่งปลั่งไปด้วยออร่าผู้มีอุดมการณ์
ไม่สัญญาลมๆ แล้งๆ ไม่มีเลศนัยอะไร แค่ชื่อโปรเจ็กต์ก็ทำให้ชิวหงรู้สึกตื้นตันใจสุดๆ
แต่เรื่องโบนัสผลงานล่ะ
ไม่ใช่ว่ามันน้อยเกินไป แต่เขาแค่รู้สึกว่าเข้าใจยากไปสักหน่อย
หลังคิดอยู่ครู่หนึ่ง ชิวหงก็พยักหน้า “บอสเผย ผมคิดว่าผมเข้าใจแล้ว
“แต่ก็ยังไม่เข้าใจรายละเอียดอีกสองสามเรื่อง บริษัทในจีนมีมากมาย คุณมีวิธีคัดกรองบริษัททั้งหมดยังไง คุณแน่ใจนะครับว่าโบนัสของผมไม่ได้ขึ้นอยู่กับผลตอบแทนจากการลงทุน”
พอได้ยินคำว่า ‘เข้าใจแล้ว’ เผยเชียนก็ถอนหายใจโดยไม่รู้ตัว
เขายกชาขึ้นจิบแล้วอธิบาย “เราจะคัดกรองด้วยวิธีที่เรียบง่ายมากๆ
“ออกหาทีมที่ทำเกมสแตนด์อโลนกับเกมอินดี้จากทั่วประเทศ แต่ไม่ต้องบอกว่าโปรเจ็กต์ล้มลุกคลุกคลานมีความเกี่ยวข้องกับฝ่ายเกมเถิงต๋า
“แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายในการเดินทาง คุณสามารถเบิกคืนได้หมด
“หลักเกณฑ์ง่ายๆ ข้อเดียวในการคัดเลือกคือ อย่าลงทุนในโปรเจ็กต์ที่น่าเชื่อถือมากเกินไปหรือพิลึกเกินไป ส่วนเรื่อง ‘ความน่าเชื่อถือ’ คุณเป็นคนตัดสินใจได้เลย
“มีเรื่องหนึ่งที่เน้นย้ำคือ ทุกเกมต้องเป็นเกมซื้อขาด ห้ามมีการใช้จ่ายเงินจริงในเกมเพิ่มเติม
“เกมจะต้องออกวางขายและสร้างรายได้ก่อน เราถึงจะคำนวณส่วนแบ่งตามเงินทุนที่ลงไป
“ส่วนเรื่องโบนัสของคุณ… ที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้คือแผนที่สรุปแล้วเรียบร้อย เราจะไม่ให้โบนัสโดยคำนวณจากผลตอบแทนจากการลงทุน”
พูดจบเผยเชียนก็รู้สึกผิดเล็กน้อย
เขากลัวว่าชิวหงจะปฏิเสธ
แบ่งโบนัสให้ตามรายได้ที่ได้จากการลงทุนดูล่อตาล่อใจกว่า ถึงจำนวนเงินและความมั่นคงของโบนัสจะห่างจากแผนที่เผยเชียนวางไว้มาก แต่มนุษย์ก็มักคว้าเอาสถานการณ์ที่ดีที่สุดในมือเสมอ
แต่เผยเชียนให้โบนัสชิวหงตามรายได้จากการลงทุนไม่ได้ ทำแบบนั้นอีกฝ่ายก็จะเอาแต่เค้นหัวคิดหาวิธีทำกำไรจากการลงทุนสิ
การให้โบนัสตามแผนปัจจุบันของเผยเชียนจะส่งเสริมให้ชิวหงกระจายการลงทุนออกไป ยิ่งลงทุนหลายโปรเจ็กต์และมีโปรเจ็กต์ทำกำไรได้น้อย ชิวหงก็ยิ่งได้โบนัสมากขึ้น
ส่วนการไม่ให้เปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างโปรเจ็กต์ล้มลุกคลุกคลานกับฝ่ายเกมเถิงต๋า หลักๆ ก็เพราะโปรเจ็กต์จะเก็บเงียบไม่ได้อีกต่อไปถ้าใช้ชื่อเถิงต๋า ผู้คนจะเริ่มให้ความสนใจบริษัทที่ให้เงินทุน ซึ่งก็จะทำให้เกมที่ไปลงทุนมีโอกาสโด่งดังมากขึ้น
เผยเชียนต้องผลาญเงินเงียบๆ และวางโปรเจ็กต์ไว้ให้ห่างเถิงต๋ามากที่สุด ซึ่งก็จะช่วยลดโอกาสที่กิจการต่างๆ จะร่วมมือกันแทงหลังเผยเชียนได้
แต่เขาพูดเรื่องเหล่านี้ออกไปอย่างเปิดเผยไม่ได้ จึงได้แต่หวังว่าชิวหงจะตระหนักเรื่องนี้ได้เอง
ชิวหงตกอยู่ในภวังค์ความคิด
เขาไม่คิดว่าบอสเผยทำแบบนี้เพราะงกโบนัส กลับกันเขารู้สึกว่าบอสเผยใจกว้างเกินไป
เนื่องจากพวกเขาลงทุนในผู้พัฒนารายเล็กๆ ที่ทำเกมสแตนด์อโลนกับเกมอินดี้ แค่โอกาสสำเร็จพุ่งขึ้นไปแตะเลขสองหลักก็ดีมากแล้ว เพราะโอกาสล้มเหลวนั้นสูงกว่าโอกาสสำเร็จ
ว่ากันตามหลักแล้ว ถ้ามีโอกาสขาดทุนสูง วิธีแบ่งโบนัสที่บอสเผยเสนอมาย่อมเป็นประโยชน์กับชิวหงมากกว่า
ส่วนที่บอสเผยเน้นไม่ให้ลงทุนในโปรเจ็กต์ที่น่าเชื่อถือมากเกินไปหรือพิลึกเกินไป…
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าโปรเจ็กต์ที่พิลึกเกินไปไม่ควรลงทุนอยู่แล้ว มีบริษัทและผู้พัฒนาหลายเจ้าที่รอแต่จะโกงเงิน ไม่ว่าจะลงทุนสูงขนาดไหน บริษัทพวกนี้ก็พัฒนาออกมาได้แค่ขยะ บริษัทประเภทนี้สมควรล่มจม!
บริษัทที่น่าเชื่อถือมากเกินไปไม่ถือว่าเป็นบริษัทที่กำลังล้มลุกคลุกคลาน ถึงจะไม่ได้เงินทุนจากโปรเจ็กต์ล้มลุกคลุกคลาน พวกเขาก็น่าจะหานักลงทุนรายอื่นได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร
บริษัทที่ควรให้ความช่วยเหลือมากที่สุดคือบริษัทที่อยู่ตรงจุดกึ่งกลางระหว่างบริษัททั้งสองประเภท พวกเขาต้องการทำเกมดีๆ ออกมา แต่โน้มน้าวใจนักลงทุนทั่วไปไม่ได้
แบบนี้ก็เข้าใจได้ว่าทำไมบอสเผยอยากหว่านแหกว้างๆ
ส่วนหนึ่งก็เพราะพวกเขาใส่ไข่ทั้งหมดในตะกร้าใบเดียวไม่ได้ อีกส่วนก็เพื่อขยายขอบเขตของโปรเจ็กต์ล้มลุกคลุกคลาน
ก็เหมือนกับการช่วยเหลือคนยากไร้ มอบเงินหนึ่งแสนหยวนให้คนหนึ่งคนนั้นย่อมไม่ดีเท่ามอบเงินพันหยวนให้คนร้อยคน
ถ้าโยนเงินสักห้าหรือสิบล้านหยวนให้ทีมพัฒนาและบริษัทเล็กๆ พวกเขาก็ไม่รู้หรอกว่าควรจะเอาเงินไปทำอะไร ซึ่งกลายเป็นการสิ้นเปลืองอย่างมาก กลับกันถ้าให้เงินสักห้าแสนหรือหนึ่งล้านหยวนก็น่าจะพอช่วยให้พวกเขาเอาชนะความยากลำบาก และนำเงินทุนไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้
จัดการทุกอย่างแบบเงียบๆ ไม่เอิกเกริก ถึงจะเป็นการทิ้งชื่อเสียงไป แต่ก็ช่วยกันไม่ให้พวกผู้พัฒนาขยะแห่เข้ามาโกงกินผลประโยชน์
หลังจากคิดเรื่องนี้ดูแล้ว ชิวหงก็อดรู้สึกทึ่งกับแผนการที่คิดมาเป็นอย่างดีของบอสเผยไม่ได้!
มีแค่คนที่วางแผนอย่างละเอียดรอบคอบแบบบอสเผยเท่านั้น ที่จะประสบความสำเร็จในทุกวงการ!
ชิวหงอดนึกถึงตอนติวให้บอสเผยไม่ได้ เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังสอนจระเข้ให้ว่ายน้ำ
แต่ก็อาจเป็นเพราะสิ่งที่เขาสื่อสารออกไปนี่แหละที่ทำให้บอสเผยเลือกเขา
บอสเผยเคยบอกว่าอย่าปล่อยให้โศกนาฏกรรมของยุคสมัยกลายเป็นโศกนาฏกรรมส่วนตัว เห็นได้ชัดว่าบอสเผยน่าจะเห็นถึงความรักในเกมสแตนด์อโลนที่ลึกซึ้งและมั่นคงมาจนถึงปัจจุบันของเขาโนlวลกูดอทคoม
ตอนนี้ชิวหงเห็นออร่านักอุดมคติที่เปล่งประกายรอบตัวบอสเผยเจิดจ้ายิ่งกว่าเดิม รอยยิ้มบนใบหน้าของบอสเผยให้เห็นถึงความอบอุ่นและความเชื่อใจ!
คิดได้แบบนั้น ชิวหงก็พยักหน้า “โอเคครับบอสเผย! ผมจะดูแลโปรเจ็กต์ล้มลุกคลุกคลานเอง หวังว่าเราจะร่วมงานกันอย่างมีความสุขนะครับ!”
…
ตอนบ่าย ฉางหยางเกมส์
หวังเสี่ยวปินกำลังเค้นหัวคิดเรื่อง DLC ที่ต้องพัฒนาขึ้นมา
ช่วงที่ผ่านมา เขาเข้าไปส่องดูเว็บบอร์ดต่างๆ เพื่ออ่านคำแนะนำจากผู้เล่นและเลือกข้อเสนอแนะที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมาพิจารณา
“หืม ผู้กำกับจูส่งพล็อตเรื่องมาให้แล้ว!”
หวังเสี่ยวปินรีบดาวน์โหลดไฟล์
ไฟล์ที่ส่งมาเป็นโครงเรื่องสำหรับ DLC เกมฐานทัพกลางทะเล ไม่ใช่โครงเรื่องของเกม Mission & Choice
จริงๆ แล้วก็ยังไม่รู้ว่าโครงเรื่องของเกม Mission & Choice เสร็จเรียบร้อยแล้วหรือยัง
แต่หวังเสี่ยวปินก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะตอนนี้เขามีงานล้นมือแล้ว
พอเปิดไฟล์ดู หวังเสี่ยวปินก็ตระหนักว่าไฟล์ที่ส่งมาไม่ใช่แค่โครงเรื่องเฉยๆ แต่มีภาพร่างของเซิร์กที่จะเจอในเกม หน้าตาของตัวละครในเกม อาวุธ อุปกรณ์ต่างๆ และอื่นๆ ด้วย
ถึงเกมจะเล่นผ่านมุมมองบุคคลที่หนึ่งทำให้ไม่เห็นหน้าตาตัวเอก แต่ผู้เล่นก็ยังเห็นหน้าตาของตัวละครอื่นๆ อยู่ดี
เหมือนในหนังหรือเกมหลายๆ เรื่อง ตัวละครเหล่านี้สวมยูนิฟอร์มรบพิเศษที่เป็นชุดเกราะเทคโนโลยีล้ำสมัย
ยูนิฟอร์มรบนี้แตกต่างจากชุดเกราะหนักทั่วไปที่สูงสามเมตรและหนักเกือบครึ่งตัน เพราะยูนิฟอร์มรบพวกนี้ค่อนข้างบางและเบา
จากคำอธิบายในภาพร่าง ยูนิฟอร์มรบนี้ชื่อว่า ‘ยูนิฟอร์มรบสกายลาร์ก 3’ ขับเคลื่อนโดยเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชันขนาดจิ๋วที่อก ซึ่งสามารถชาร์จปืนไรเฟิลต่อสู้ตรงบริเวณมือได้ ด้านหลังมีช่องเครื่องยนต์เจ็ตไว้ระบายความร้อนและสนับสนุนการบินระยะสั้นได้ชั่วครู่
ขณะเดียวกัน ทหารเผ่ามนุษย์ล้วนผ่านกระบวนการทางกายภาพ เคมี พันธุกรรม และสารพัดวิธีในการเสริมความแข็งแกร่งของร่างกาย เพื่อเพิ่มความว่องไวของปฏิกิริยาโต้ตอบ ความแข็งแกร่งของร่างกาย และยกระดับการมองเห็น ถึงจะมีทหารไม่กี่คนที่ผ่านกระบวนการนี้มาได้ แต่พวกเขาก็ได้ความสามารถในการควบคุมยูนิฟอร์มรบสกายลาร์กเป็นการตอบแทน
ที่มันได้ชื่อว่าสกายลาร์กไม่ได้เป็นเพราะความเบาและสามารถบินได้ในระยะทางสั้นๆ แต่ยังมีเหตุผลสำคัญอีกอย่างคือ นกขนาดเล็กนั้นเป็นศัตรูโดยธรรมชาติของเซิร์ก
ยูนิฟอร์มรบนี้มีอุปกรณ์ต้านแรงถีบที่แขนและอุปกรณ์ต้านแรงโน้มถ่วงที่ขา อาวุธคือปืนไรเฟิลชนิดพิเศษเฉพาะตัวของทหารแต่ละคน ซึ่งขับเคลื่อนสองทางด้วยดินปืนและรางแม่เหล็ก
หมวกเกราะมีระบบบูรณาการฟังก์ชันต่างๆ เช่น การสื่อสารแบบฉับพลัน การตรวจจับอินฟราเรด การนำทางภูมิประเทศ การคำนวณขีปนาวุธ การตรวจสอบสถานะ และปัญญาประดิษฐ์
ถึงปืนไรเฟิลจะมีอานุภาพและอัตราการยิงสูงมาก แต่ระบบต้านแรงถีบก็ทำงานได้อย่างรวดเร็วหลังจากเปิดอุปกรณ์ต้านแรงถีบที่มือ และอุปกรณ์ต้านแรงโน้มถ่วงที่เท้าก็ช่วยให้ทหารยืนบนพื้นราบทุกรูปแบบได้อย่างมั่นคง
พูดอีกอย่างคือ ทหารทุกคนที่สวมยูนิฟอร์มรบสกายลาร์กจะได้รับความสามารถในการปีนกำแพง การมองทะลุในระยะที่กำหนด การต้านแรงถีบ การเล็ง และการบินระยะสั้น
ข้อมูลสนามรบของทหารจะถูกอัปโหลดแบบเรียลไทม์ ข้อมูลจำนวนมหาศาลจะผ่านการประมวลผลและวิเคราะห์โดยปัญญาประดิษฐ์ และปัญญาประดิษฐ์จะใช้ข้อมูลนี้เพื่อสั่งการทหาร
ซึ่งหมายความว่าปัญญาประดิษฐ์สามารถตอบคำถามเกี่ยวกับการสู้รบส่วนใหญ่ที่ทหารถามได้ทุกเมื่อ และชี้แนะแนวทางปฏิบัติให้พวกเขา
แน่นอนว่าการสื่อสารภายในทีมจะถูกสงวนไว้ ซึ่งจะเปิดให้สามารถโต้ตอบกันได้ตามสถานการณ์ตรงหน้า
ใบหน้าของสมาชิกในทีมทั้งหมดถูกซ่อนอยู่ในหมวกของยูนิฟอร์มรบสกายลาร์ก แต่หวังเสี่ยวปินมองเห็นภาพภายในหมวกได้รางๆ เลนส์ใกล้ตาขนาดใหญ่ปิดตาซ้ายของทหารและมีส่วนขยายยาวลงมาปิดคางซ้าย สีหน้าไม่ได้แสดงอารมณ์มากเกินไป แต่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างชายหญิงและลักษณะใบหน้าทั่วไปได้
นอกจากนี้ ยูนิฟอร์มรบของทุกคนมีเลขประจำตัวยาวเหยียดและลวดลายประดับเฉพาะตัวเล็กน้อย ดังนั้น ถึงทุกคนจะสวมยูนิฟอร์มรบมาตรฐาน หากสังเกตดีๆ ก็สามารถบอกได้ว่าใครเป็นใคร แต่ก็ต้องเป็นตอนที่ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ต่อสู้สุดดุเดือด
สุดท้ายโครงเรื่องอธิบายภารกิจของทีมไว้คร่าวๆ ด้วย
ในสนามรบหลัก ยานหุ้มเกราะและรถถังหนักที่ต่อสู้กับเซิร์กเป็นกำลังหลักในการรบ ทหารไม่จำเป็นต้องสวมยูนิฟอร์มรบเพื่อต่อสู้กับเซิร์ก
แต่ทั้งยานเกราะและยูนิฟอร์มรบไม่สามารถป้องกันกรดและกรงเล็บแหลมของเซิร์กได้อย่างสมบูรณ์ ขณะเดียวกัน กระดองของยูนิตเซิร์กส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถต้านทานไรเฟิลขับเคลื่อนสองทางด้วยดินปืนและรางแม่เหล็กของยูนิตมนุษย์ได้
การให้ยูนิตแต่ละตัวเพิ่มการป้องกันและเพิ่มอำนาจการยิงเป็นเรื่องที่ไม่มีความหมาย ดังนั้นประสิทธิผลหลักของยูนิฟอร์มรบสกายลาร์กคือให้ความคล่องตัวสูงและการซ่อนเร้น
ด้วยเหตุนี้ เป้าหมายภารกิจของทีมรบที่สวมยูนิฟอร์มรบสกายลาร์กคือการหลีกเลี่ยงกำลังหลักของฝูงเซิร์ก ลอบเข้าไปในส่วนลึกของฝูง และสังหารราชินีเซิร์ก
ทีมที่ว่ามีด้วยกันหลายทีมและตัวเอกคือกัปตันของทีมหนึ่งในนั้น
สมาชิกในทีมทุกคนเชื่ออย่างแน่วแน่ว่าถ้าตัดหัวราชินีเซิร์กได้สำเร็จ พวกเขาก็จะสามารถพลิกสถานการณ์และฆ่าล้างบางกองทัพเซิร์กได้
แต่เมื่อพิจารณาจากโครงเรื่องแล้ว ภารกิจในการสังหารราชินีเซิร์กดูจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
ซึ่งสมาชิกทีมในเรื่องไม่รู้เรื่องนี้เลย
