วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม
ในห้องนิติบุคคลของคอมมูนิตี้สู่กวง ซ่งไข่ง่วนอยู่กับงานประจำวัน
ตั้งแต่มีคนเช่าเต็มทั้งตึก เขาก็ยุ่งสุดๆ
แต่เหล่านักลงทุนก็ไม่ได้เข้ามาพักบ่อย สามสี่วันจะเข้ามาทีนึง ซึ่งซ่งไข่ก็ยืนยันเรื่องนี้กับบอสหลี่แล้ว
ตอนแรกซ่งไข่ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกนักลงทุนถึงทำแบบนี้ แต่พอผ่านไปเขาก็เริ่มเข้าใจมากขึ้น
การเช่าอพาร์ตเมนต์นั้นเป็นการแสดงน้ำใจในฐานะเพื่อน ถ้าเพื่อนเปิดร้านอาหาร เราก็ต้องไปจ่ายเงินกินเพื่อสนับสนุนเพื่อน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติในความสัมพันธ์มนุษย์
ส่วนที่เหล่านักลงทุนแวะเข้ามาพักทุกสามสี่วันก็น่าจะเพื่อสานสัมพันธ์กับบอสเผยให้สนิทกันยิ่งขึ้น
ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้เหมือนกัน ทำไมพวกไฮโซต้องซื้อวิลล่าในละแวกที่เฉพาะเจาะจง ทำไมพ่อแม่ต้องทุ่มเททั้งแรงและเวลาหาโรงเรียนดีๆ ให้ลูก
เหตุผลหลักๆ ก็เพราะการอยู่แมนชันหรูๆ มีโอกาสเจอผู้คนจากชนชั้นนำมากกว่า ถ้ามีปฏิสัมพันธ์กับคนกลุ่มนี้มากพอ พวกเขาก็จะได้ผลประโยชน์จากมิตรภาพที่สร้างขึ้น
ถ้าการเพิ่มเงินขึ้นอีกนิดทำให้ได้เป็นเพื่อนบ้านกับเศรษฐีผู้มั่งคั่ง คนมากมายก็พร้อมต่อสู้แย่งชิงโอกาสนั้น
จิงโจวเองก็เป็นแบบนั้น
ตำแหน่ง ‘นักลงทุน’ นั้นดูสูงส่งและมากด้วยอำนาจ แต่ในความเป็นจริงแล้วก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น คนนอกอาจจะรู้สึกว้าวเมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายเป็น ‘ที่ปรึกษาด้านการลงทุน’ แต่คนในจะรู้ว่ามีแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่รู้ลึกรู้จริง ส่วนใหญ่เป็นแค่พนักงานกินเงินเดือนธรรมดาๆ ที่สั่งสมความรู้ด้านการเงินได้มากพอ
นักลงทุนเองก็เหมือนกัน กลุ่มที่อยู่บนปลายยอดซึ่งมีเงินทุนหลายสิบล้านหยวนคือคนที่ครองอำนาจสูงสุด แต่ก็เป็นแค่ส่วนน้อย นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ได้ฉลาดไปกว่าคนทั่วไปมากขนาดนั้น ไม่งั้นก็คงไม่มีนักลงทุนที่เอาเงินไปทุ่มกับพวกฉ้อโกงที่คนทั่วไปก็มองออกจนหมดตัวหรอก
ธุรกิจเงินร่วมลงทุนนั้นสอดคล้องกับหลักการ 80-20 มีโปรเจ็กต์แค่ 20% เท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ และ 20% นี้ก็สร้างผลตอบแทนได้ 80%
นายทุนบางคนชอบโม้ว่าโปรเจ็กต์ตัวเองมีโอกาสล้มเหลวแค่ 10% แต่นั่นก็เป็นแค่การเล่นลิ้น ‘ไม่ล้มเหลว’ ไม่ได้แปลว่าประสบความสำเร็จ ไม่ต้องคิดให้ปวดหัวก็รู้ว่าโอกาสประสบความสำเร็จ 90% นั้นเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งเพ
สำหรับนักลงทุนส่วนใหญ่แล้ว ความล้มเหลวคือเรื่องปกติ
เพราะงั้นในแวดวงการลงทุนเล็กๆ ของจิงโจว บอสเผยที่ประสบความสำเร็จในทุกการลงทุนจึงถือว่าเป็นตำนานขนาดย่อม แถมเถิงต๋าคอร์เปอเรชันยังเติบโตอย่างรวดเร็ว ตำนานนี้จึงเติบใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนั้น เหล่านักลงทุนที่ไม่เชื่อมั่นในตัวบอสเผยก็ถูกกำจัดไปหมด เหลือแค่นักลงทุนที่เคยได้ลิ้มรสผลตอบแทนอันหอมหวานที่ตามติดเขาต่อ จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะแน่วแน่กันมากขึ้นกว่าเดิม
นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่พวกเขาไม่คิดจะป่าวประกาศออกไปว่าบอสเผยพักอยู่ที่นี่
เพราะพวกเขาสามารถเก็บเรื่องดีไว้กับตัว ไม่ต้องแบ่งให้คนอื่นได้
สำหรับซ่งไข่ที่เป็นนิติบุคคล งานของเขาคือการรักษากฎระเบียบของอพาร์ตเมนต์บ้านจอมเฉื่อยและทำให้ผู้เช่าพึงพอใจมากที่สุด ผู้เช่าต้องพักอยู่ได้อย่างสบายใจและได้รับการบริการที่ดีที่สุด
ห้องชุดทั้งหมดในตึกรุ่งอรุณมีคนเช่าเต็มทุกห้อง ดูเผินๆ เหมือนอพาร์ตเมนต์บ้านจอมเฉื่อยจะได้รับการยอมรับแล้ว
แต่ซ่งไข่ก็รู้ว่านี่ไม่ใช่ความสำเร็จของอพาร์ตเมนต์บ้านจอมเฉื่อย แต่เป็นความสำเร็จของบอสเผย
อพาร์ตเมนต์อีกสามที่ยังว่างอยู่ รีวิวอพาร์ตเมนต์บ้านจอมเฉื่อยแย่ๆ ฝีมือบริษัทจู้เจียกระจายไปทั่วทุกที่ในอินเทอร์เน็ต
ในฐานะนิติบุคคลคนแรกของอพาร์ตเมนต์บ้านจอมเฉื่อย ซ่งไข่คิดว่าตัวเองเป็นหนึ่งในผู้รับผิดชอบโปรเจ็กต์นี้
เขากับเหลียงชิงฟานมีขอบเขตงานที่ชัดเจน เหลียงชิงฟานรับผิดชอบเรื่องการออกแบบและการก่อสร้าง ส่วนซ่งไข่รับผิดชอบเรื่องการดูแลและการขาย
ซ่งไข่ทนอยู่ได้ไม่กี่วันก็รู้สึกว่าตัวเองต้องทำอะไรสักอย่าง ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้แล้ว!
หลังจากที่บอสเผยออกไป เขาก็ต่อสายหาหลายคน
…
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เหลียงชิงฟาน จูเสี่ยวเช่อกับอาจารย์เฉียวก็มารวมตัวที่ชั้นหนึ่งของตึกรุ่งอรุณ
“สวัสดีครับทุกคน! เชิญนั่งก่อนครับ” ซ่งไข่ผายมือเชิญทั้งสามนั่ง
ซ่งไข่ติดต่อหาจูเสี่ยวเช่อผ่านเหลียงชิงฟาน และจูเสี่ยวเช่อก็ติดต่ออาจารย์เฉียวผ่านหลินหวาน
หลังจากสัมผัสประสบการณ์ที่โฮสเทลเขย่าขวัญไป อาจารย์เฉียวก็ยังอยู่จิงโจวต่อ
เขารู้สึกว่าคลิปรีวิวโฮสเทลเขย่าขวัญของตัวเองไม่ได้ผลตอบรับอย่างที่คาดไว้ จึงอยากหาทางแก้ไข เขาต้องคิดให้ถี่ถ้วนก่อนว่าคลิปขาดอะไรไป จะได้เอาสิ่งนั้นมาเติมช่องว่างให้เต็มได้!
บอสเผยบอกแค่ให้เขาเลิกวิเคราะห์เกมใหม่ของเถิงต๋าลงซีรีส์ผลงานเทพสร้าง แต่บอสเผยก็ไม่ได้บอกใบ้อะไรเพิ่ม อาจารย์เฉียวจึงไม่รู้จะไปต่อยังไง
ว่าง่ายๆ คือเจอทางตัน
พอจูเสี่ยวเช่อโทรมาเรื่องโปรเจ็กต์ของบอสเผยวันนี้ เฉียวเหลียงก็ตกลงมาทันทีโดยไม่ลังเล
เขาไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมด้วย แต่อย่างน้อยไปฟังหน่อยก็ได้
ส่วนที่หวงซื่อปั๋วไม่มาก็เพราะยังอยู่ต่างประเทศกับเปาซวี่
จนถึงตอนนี้ ไม่มีใครรู้ว่าซ่งไข่เรียกพวกเขามารวมตัวทำไม
ซ่งไข่ปิดประตูด้วยสีหน้าจริงจัง
“ทุกคนทราบสถานการณ์ของอพาร์ตเมนต์บ้านจอมเฉื่อยใช่มั้ยครับ ช่วงที่ผ่านมาผมจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและพบว่าบริษัทจู้เจียปล่อยรีวิวแย่ๆ เพื่อทำลายชื่อเสียงอพาร์ตเมนต์บ้านจอมเฉื่อยบนโลกออนไลน์!”
เหลียงชิงฟานพยักหน้า “ครับ ก็พอรู้มาบ้าง… คุณอยากโต้กลับเหรอครับ”
ซ่งไข่พยักหน้า “ใช่ครับ!” пᴏᴠᴇʟɢu.ᴄoᴍ
จูเสี่ยวเช่อลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “เอ่อ ผมขอขัดนิดนึง เถิงต๋าหรือบอสเผยไม่ค่อยลงไปเกลือกกลั้วกับสงครามน้ำลายเท่าไหร่ ด้านการแข่งขันในตลาด ผมเชื่อว่าถ้าอพาร์ตเมนต์บ้านจอมเฉื่อยให้การบริการที่ดีพอก็จะชนะใจลูกค้าได้เอง”
เฉียวเหลียงพยักหน้าแล้วพูดเสริม “บอสเผยไม่ชอบเรื่องแบบนี้
“บริษัทพวกนี้ชอบเล่นเล่ห์เหลี่ยมและใช้วิธีสกปรกอย่างจ้างหน้าม้ามาใส่ร้ายสร้างความสับสน แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ จ้างหน้าม้ามาใส่ร้ายกลับเหรอ
“แบบนั้นเถิงต๋าก็ไม่ต่างอะไรจากบริษัทอื่นๆ ที่ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีสิ เราทำแบบนั้นไม่ได้หรอก”
ซ่งไข่ส่ายหน้า “ไม่ได้ให้ปั่นกระแส แต่ให้เปิดโปง
“ผมเคยทำงานในบริษัทจู้เจียมาก่อน เลยรู้ว่าโปรเจ็กต์ห้องหรูอยู่สบายของพวกเขาเป็นยังไง
“บริษัทจู้เจียโฆษณาบนโลกออนไลน์ว่าพวกเขาดูแลเรื่องเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งทุกอย่างของห้องหรูอยู่สบายเอง จึงสามารถเชื่อถือได้ แต่นั่นไม่ใช่ความจริง!
“พวกเขาพยายามลดงบค่าเฟอร์นิเจอร์ พื้นไม้ และสีทาผนังให้ได้มากที่สุด พอรีโนเวตเสร็จ พวกเขาจะเสียเงินมัดจำหนึ่งเดือนไปทุกเดือนถ้าห้องไม่มีคนเช่า ก็เลยต้องรีบปล่อยเช่าให้เร็วที่สุดเพื่อหาเงินคืนทุน
“ห้องชุดส่วนใหญ่ยังมีสารก่อมะเร็งในระดับที่เกินกว่าเกณฑ์อยู่เลย
“เอาเข้าจริง แม้แต่นายหน้าของบริษัทจู้เจียยังพูดออกมาเองกับปากตอนกล่อมให้เจ้าของที่เซ็นสัญญา พวกเขาบอกว่าถ้ามอบอพาร์ตเมนต์ให้เรา เราจะรีโนเวตและปล่อยให้ผู้เช่ารับสารก่อมะเร็งสักปีสองปี คุณก็จะได้ทั้งค่าเช่าและการรีโนเวตห้องใหม่โดยไม่มีสารก่อมะเร็งในห้องแล้ว คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม!
“ฟังดูแล้วคิดว่าใช่สิ่งที่มนุษย์ควรพูดออกมาเหรอ”
เหลียงชิงฟานอึ้งไป “มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ บริษัทจู้เจียเป็นแฟรนไชส์ระดับประเทศนี่”
ซ่งไข่พยักหน้า “ผมพูดจริงทุกอย่าง ที่เรื่องนี้ยังไม่ได้รับการเปิดเผยก็เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ได้อ่อนไหวกับสารก่อมะเร็งในห้อง จะสังเกตได้ก็ต่อเมื่อมันรุนแรงเกินไปจนเกิดความระคายเคือง ถึงผู้เช่าจะพบอาการระคายเคือง นายหน้าก็จะจ้าง
บริษัทมาจัดการสารก่อมะเร็งพอเป็นพิธี แล้วบอกให้ผู้เช่าเปิดระบายอากาศมากขึ้นและให้ส่วนลดค่าเช่าเพิ่ม ผู้เช่าก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับตามนั้น
“แต่ใครๆ ก็รู้ว่าการกำจัดสารก่อมะเร็งนั้นเป็นเรื่องเหลวไหล เพราะสารปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่มีทางจัดการได้ในครั้งเดียว!
“ผู้เช่ากับพนักงานภายในไม่มีอิทธิพลมากพอ แถมเรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นที่สนใจมากบนโลกออนไลน์เหมือนกัน ผมเคยลงโพสต์ไปครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาอ่านหรือให้ความสนใจ ผมเลยได้แต่ปล่อยไป
“เพราะงั้นผมก็เลยลาออกจากบริษัทจู้เจีย ผมรังเกียจบริษัทนี้มาก!
“แต่เฟยหวงสตูดิโอกับอาจารย์เฉียวมีอิทธิพลมากบนโลกออนไลน์ ถ้าพวกคุณเปิดโปงปัญหานี้ได้ หลายคนก็จะหันมาให้ความสนใจ!
“เราแค่ต้องจ้างองค์กรมืออาชีพที่เชี่ยวชาญเรื่องสารก่อมะเร็งแล้วติดต่อผู้เช่าห้องชุดห้องหรูอยู่สบายเพื่อขอเข้าไปตรวจสอบ แล้วเราก็จะพบว่าในห้องมีสารก่อมะเร็งในระดับที่สูงเกินเกณฑ์กำหนดแน่นอน เราไม่ได้ใส่ร้ายบริษัทจู้เจีย เราแค่เปิดโปงความจริง!”
ทุกคนหันมองกันด้วยความสับสน
เห็นได้ชัดว่านอกจากซ่งไข่ที่เคยทำงานกับบริษัทจู้เจียมาก่อน ก็ไม่มีใครคิดว่าห้องหรูอยู่สบายของบริษัทจู้เจียนั้นจะไม่ได้อยู่สบายอย่างที่คิด
รับสารก่อมะเร็งระยะยาวอาจทำให้คนตายได้เลย!
จูเสี่ยวเช่อลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “เรามีอิทธิพลบนโลกออนไลน์ก็จริง แต่… เราก็มีผลประโยชน์โดยตรงกับเถิงต๋าและอพาร์ตเมนต์บ้านจอมเฉื่อย
“ถ้าเราเปิดโปงเรื่องนี้ออกไป ผู้คนจะไม่คิดว่าเราตั้งใจโจมตีคู่แข่งหรอกเหรอ ซึ่งก็อาจจะทำให้เราดูไม่น่าเชื่อถือในสายตาคนภายนอกด้วย
“ส่งเรื่องให้บุคคลที่สามจัดการน่าจะได้ผลดีกว่านะ”
ที่จูเสี่ยวเช่อกังวลก็สมเหตุสมผล การเปิดโปงโดยฝ่ายที่ได้ผลประโยชน์นั้นจะถูกมองได้ง่ายๆ ว่าเป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อโจมตีและทำลายชื่อเสียงคู่แข่ง
ซ่งไข่เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้น “ผมยังทำงานที่เถิงต๋าได้ไม่นาน เลยยังไม่รู้จักบอสเผยดีนัก พวกคุณคิดว่าถ้าบอสเผยรู้เรื่องนี้ บอสจะนั่งอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไร ทำเหมือนว่าไม่เคยได้ยินรึเปล่า”
ทุกคนหันมองกัน ชัดเจนว่าไม่มีใครคิดว่าบอสเผยจะทำแบบนั้น
ซงไข่พูดต่อ “ถ้าเราไม่ทำอะไรเพราะได้ผลประโยชน์กับเรื่องนี้ แล้วผู้เช่าที่อาศัยอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยสารก่อมะเร็งและกำลังสุขภาพย่ำแย่ลงทุกวันจะเป็นยังไง ใครจะเป็นคนเปิดโปงเรื่องนี้ ถ้าส่งเรื่องต่อให้บุคคลที่สาม พวกเขาก็อาจจะไม่จัดการอย่างจริงจัง อาจไม่มีความน่าเชื่อถือ และอาจจัดการไม่ได้ตามที่เราต้องการ อีกอย่างถ้าเราถูกปฏิเสธกลับมาก็จะเหมือนว่าเราพยายามเล่นงานอีกฝ่าย กลายเป็นว่าเรากลายเป็นคนร้ายซะเอง
“ผมคิดว่าบอสเผยคงไม่มัวคิดเล็กคิดน้อย บอสจะทำเพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่ควรทำ
“ถ้าบริษัทจู้เจียไม่มีเรื่องซุกไว้ใต้พรมแบบนี้ เราก็เมินการใส่ร้ายป้ายสีของพวกเขาและมองว่าเป็นแมลงวันบินกวนใจเฉยๆ ได้
“แต่ถ้าพวกเขากำลังทำร้ายสุขภาพของคนนับไม่ถ้วนแล้วเรามีอำนาจมากพอที่จะพูดอะไรออกไปและช่วยชีวิตผู้คนได้ เราจะนิ่งเงียบกันจริงๆ เหรอ”
ทั้งสามหันมองกันอีกครั้งแล้วเห็นคำตอบในสายตาของกันและกัน
หลังเงียบไปพักหนึ่ง เฉียวเหลียงก็พูดขึ้น “จากความเข้าใจในตัวบอสเผยของผม… ผมว่าบอสเผยจะคิดว่าเราควรทำเรื่องที่ถูกต้องเหมาะสมโดยไม่หวังถึงอนาคต
“ไม่ว่ายังไง ผมก็คิดว่าบอสเผยจะเลือกทำสิ่งที่ถูกต้องเสมอ
“เพราะงั้นผมเอาด้วย!”