📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี – ตอนที่ 563

บทที่ 563 - บรรยายเรื่องมุมมองต่อความมั่งคั่ง
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน

ห้องทำงานอาจารย์จางเหว่ยที่มหาวิทยาลัยฮั่นตง

“บริจาคเพิ่มอีกเหรอ เพิ่มทุนให้อีกห้าล้านหยวน?” จางเหว่ยอ้าปากค้าง ไม่สามารถหุบปากไปได้พักหนึ่ง

เผยเชียนแวะไปห้องทำงานอาจารย์ช่วงบ่ายเพื่อบอกว่าอยากสนับสนุนงบให้กับนักศึกษาขาดแคลนทุนทรัพย์ที่เคยช่วยต่อ และอยากบริจาคเพิ่มอีกห้าล้านหยวน

ทุนห้าล้านหยวนรอบก่อนแจกจ่ายให้นักศึกษาสองพันคน โดยสนับสนุนเป็นเงินค่าใช้จ่ายห้าร้อยหยวนต่อเดือนนานห้าเดือน ซึ่งเงินจะส่งเข้าบัตรนักศึกษาเพื่อเอาไปใช้จ่ายรายจ่ายพื้นฐานในการใช้ชีวิต

ตั้งแต่เดือนธันวาคมจนถึงปัจจุบันผ่านมาแล้วห้าเดือน เผยเชียนจึงเข้ามาบริจาคเงินเพิ่มตรงกับเวลาที่ต้องต่อทุนพอดี

นอกจากนั้นเผยเชียนยังอยากบริจาคเพิ่มอีกห้าล้านหยวนเพื่อแจกเป็นทุนการศึกษาอีกรูปแบบหนึ่ง

รายชื่อจะคัดจากรายชื่อนักศึกษายากไร้เดิม โดยห้าร้อยคนที่มีผลการเรียนโดดเด่นที่สุดจะได้รับทุนการศึกษาคนละหนึ่งหมื่นหยวน

เป้าหมายของเผยเชียนยังเหมือนเดิม เขาต้องการเจาะจงช่วยนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และไม่ปล่อยให้เงินสูญเปล่า

ในโลกนี้มีคนยากจนมากมาย ถึงจะมีการกุศลหลากหลายรูปแบบ แต่การให้เงินกับกลุ่มคนที่แตกต่างกันก็จะได้ผลลัพธ์แตกต่างกันไป

บางคนไม่ตระหนักว่าการให้เงินเพียงอย่างเดียวไม่ได้ช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตคนยากไร้ได้มากนัก

สำหรับนักเรียนที่ขาดแคลน โดยเฉพาะนักเรียนขาดแคลนที่มีผลการเรียนโดดเด่น การได้เงินก้อนนี้ไปอาจเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาและเป็นการตอบแทนสังคมครั้งยิ่งใหญ่

ตอนนี้ยอดรวมที่เผยเชียนสามารถบริจาคได้คือสิบล้านหยวน ถึงจะดูเป็นจำนวนที่เยอะมาก แต่ถ้าเทียบกับจำนวนคนจนที่ต้องการเงินสนับสนุนบนโลกนี้แล้ว เงินก้อนนี้ก็เป็นแค่ฝุ่นผง

เป้าหมายแรกของเขาคือต้องมั่นใจว่าเงินนี้จะไปถึงคนที่ต้องการมันมากที่สุด

“โอเคครับอาจารย์จาง ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อน”

เผยเชียนแวะมาจัดการแค่เรื่องเงินบริจาค พอเสร็จแล้วก็ได้เวลากลับไปปวดหัวเรื่องหาวิธีขาดทุนต่อ

จางวั่งกับเฮ่อเต๋อเซิ่งเริ่มโปรโมตโฮสเทลเขย่าขวัญผ่านตู้โทรศัพท์ให้เช่ากับแอป ‘มาสิเด็กหัวกะทิ’  ซึ่งเป็นภัยครั้งใหญ่สำหรับเผยเชียน

“เดี๋ยวๆ เดี๋ยวก่อน!”

จางเหว่ยรีบหยุดเผยเชียน “ขอเวลาแป๊บ ครูมีอีกเรื่อง”

เผยเชียน “ครับ?”

จางเหว่ยยิ้ม “ครูสนับสนุนเรื่องบริจาคเงินเพื่อช่วยยกระดับชีวิตนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในมหา’ลัยของเราเต็มที่ แต่…คุณลืมเรื่องการบรรยายที่ผมขอให้ช่วยก่อนหน้านี้ไปรึเปล่า”

เผยเชียน “…”

เขาลืมไปเสียสนิทจริงๆ

ตอนแวะมาบริจาคเงินครั้งแรก จางเหว่ยบอกว่าอยากให้เผยเชียนช่วยมาบรรยายประสบการณ์การเป็นผู้ประกอบการให้รุ่นพี่ปีสี่ฟัง

เพราะยังไงสำหรับจางเหว่ยแล้ว เผยเชียนก็เป็นนักธุรกิจอัจฉริยะคนหนึ่ง เขาไม่มีทางเชื่อว่าเผยเชียนจะไม่มีประสบการณ์การประกอบธุรกิจมาเล่าสู่กันฟังเลย

แต่เผยเชียนก็รู้สึกอับจนหนทาง เพราะเขาไม่มีประสบการณ์อะไรจะเล่าสักอย่าง!

อีกทั้งเผยเชียนยังไม่อยากเปิดเผยหน้าตาตัวเองต่อหน้ารุ่นพี่ปีสี่ เขาไม่อยากเด่นดัง เพราะเพื่อนจะแห่กันมาของานทำในทุกที่ที่เขาไป

แต่นี่ก็เป็นรอบที่สองแล้วที่จางเหว่ยพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ตอนแรกเผยเชียนยังเลี่ยงได้อยู่ แต่ให้ปฏิเสธอีกรอบก็ดูจะไม่เหมาะเท่าไหร่

เผยเชียนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดออกไป “งั้น… เอางี้เป็นไงครับ

“เดี๋ยวผมหาคนมาพูดแทน แต่ผมจะเป็นคนเขียนบทพูดเอง ก็เท่ากับผมเป็นคนพูดบนเวทีเองใช่มั้ยล่ะครับ

“ส่วนจะพูดเรื่องอะไร…

“ถ้าเป็นเรื่องการจ้างงานหรือการเป็นผู้ประกอบการ ผมไม่ค่อยมีเรื่องให้พูดเท่าไหร่ อาจารย์จางก็รู้ว่าดวงค่อนข้างเป็นส่วนสำคัญในการเป็นผู้ประกอบการ ประสบการณ์ของผมน่ะเลียนแบบไม่ได้ ถ้าเล่าไปก็จะกลายเป็นการนำทางคนอื่นๆ แบบผิดๆ

“ส่วนเรื่องการจ้างงาน… เถิงต๋าคัดเลือกคนด้วยการสอบเพียงอย่างเดียว การหัดทำข้อสอบหลายๆ แบบน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด

“งั้นเราพูดเกี่ยวกับนักศึกษาที่ขาดแคลนดีมั้ยครับ บรรยายหัวข้อการจัดการเงินให้ดี”

จางเหว่ยคิดตามแล้วพบว่าสมเหตุสมผล

ประสบการณ์การเป็นผู้ประกอบการไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ ยิ่งเผยเชียนพูด พวกนักศึกษาก็จะยิ่งถูกชี้นำไปผิดๆ เรื่องการจ้างงานยิ่งแล้วใหญ่ ทุกอย่างฝ่าย HR เป็นคนจัดการ เผยเชียนไม่มีทางไปแทรกแซงงานพวกเขา

เขาบริจาคเงินให้นักศึกษายากไร้ไปสิบห้าล้านหยวน ถึงแต่ละคนจะได้เงินสนับสนุนไม่มาก แต่ก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ

ถือเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่เผยเชียนจะพูดเกี่ยวกับการจัดการเงินให้ดี เอาเข้าจริงดูเหมาะกว่าให้มาเล่าประสบการณ์การเป็นผู้ประกอบการอีก

จางเหว่ยพยักหน้า “โอเค เดี๋ยวผมเตรียมการต่างๆ ให้ เสร็จแล้วจะส่งเวลากับสถานที่ไปให้ทางมือถือนะ”

หลังเดินออกจากห้องทำงานของจางเหว่ย เผยเชียนก็โทรหาถังอี้ซู่

“น้องถัง ไปพูดเรื่องเถิงต๋าเป็นคนออกทุนให้นักศึกษายากไร้แทนพี่หน่อย

“อะไรนะ เขินเหรอ ไม่ได้ นี่คืองานของน้อง น้องต้องไป

“บท? อ๋อ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพี่ส่งให้ก่อนวันบรรยาย

“โอเค งั้นตามนี้นะ”

พอวางสายเสร็จ เขาก็โทรหาเลขาซิน

“คิดบทพูดเกี่ยวกับนักศึกษายากไร้ให้ผมหน่อย เนื้อหาไม่ได้เจาะจงอะไรเป็นพิเศษ เขียนเนื้อหาอะไรก็ได้เกี่ยวกับการจัดการเงินที่ได้รับมาให้ดี

“คิดว่าจะเสร็จเมื่อไหร่

“พรุ่งนี้เช้า? โอเค ถ้าเสร็จแล้วส่งไปให้น้องถังเลยนะ”

เผยเชียนสบายใจขึ้นหลังวางสาย

จบเรื่อง ง่ายสบายบรื๋อ!

เอาเข้าจริงเผยเชียนไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มาก เพราะเขาไม่ได้ทำการกุศลเพื่อเอาหน้าหรือสร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง เขาทำไปเพื่อช่วยนักศึกษาขาดแคลนทุนทรัพย์และใช้จำนวนเงินที่ระบบอนุญาตให้ใช้อย่างเต็มจำนวน

เรื่องเดียวที่เขากังวลคือนักศึกษายากไร้เหล่านี้จะใช้เงินที่ได้ไปในทางผิดๆ

ดังนั้นเขาจึงอยากแนะนำแนวทางที่ถูกต้องให้กับนักศึกษายากไร้ให้ได้มากที่สุด

แน่นอนว่า ผลลัพธ์จะออกมายังไงก็ขึ้นอยู่กับบทของเลขาซินล้วนๆ

บ่ายวันถัดมา

หอประชุมวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮั่นตง

ที่นี่คือหอประชุมที่ใหญ่ที่สุดในมหาวิทยาลัยฮั่นตง สามารถจุคนได้มากกว่าสองพันคน ปกติแล้วมักจะใช้สำหรับการบรรยายใหญ่ๆ งานปฐมนิเทศ การแสดงละครเวที และอื่นๆ

ตอนนี้นักศึกษายากไร้มารวมกันเกือบครบทุกคน นอกจากที่ว่างไม่กี่ที่ด้านหลังแล้ว ทุกที่นั่งก็มีคนนั่งเต็มจนเกือบหมด

ตามปกติแล้วต้องมีป้ายไวนิลระบุหัวข้อการบรรยายแขวนไว้บนเวที

แต่บทของเผยเชียนยังไม่เสร็จสักที เขาเลยไม่มีเวลาคิดชื่อหัวข้อเพื่อทำป้ายไวนิล

แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก ขอแค่ทุกคนรู้ว่าตัวเองมาที่หอประชุมทำไมก็พอแล้ว

ก่อนการบรรยายเริ่ม นักศึกษายากไร้บางส่วนที่นั่งอยู่ด้านหน้าเวทีก็เริ่มคุยกัน

“เห็นว่าวันนี้จะเป็นการบรรยายเกี่ยวกับมุมมองต่อความมั่งคั่ง”

“มุมมองต่อความมั่งคั่งของเราไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่”

“ฉันว่าไม่ นักศึกษายากจนบางคนกินขนมปังทุกวันแต่บ่นอยากได้มือถือ Pineapple”

“ใช่ ก็ควรพูดเรื่องนี้จริงๆ แหละ เกิดบางคนเอาเงินไปซื้อกระเป๋า รองเท้า มือถือกันหมดจะทำไง แบบนั้นยังถือว่าเป็นมนุษย์อยู่รึเปล่า”

จางเหว่ยนั่งอยู่ด้านล่างเวทีเช่นกัน ในใจแอบตกใจที่งานดูเรียบง่ายมาก

ตอนแรกเขาตั้งใจจะใส่อะไรเข้าไปเพิ่มสักหน่อย เพราะเผยเชียนบริจาคเงินถึงสิบล้านหยวน เพิ่มเติมพิธีการอะไรไปหน่อยก็ไม่น่าจะดูเกินเหตุ

แต่เผยเชียนกลับปฏิเสธเด็ดขาด และย้ำอยู่หลายรอบว่าอยากให้เป็นงานบรรยายเรียบๆ ไม่มีอะไรไปมากกว่านั้น ไม่งั้นเขาจะยกเลิกการบรรยาย

จางเหว่ยไม่มีทางเลือกอื่น จึงได้แต่ทำตามที่เผยเชียนต้องการ

“สงสัยจังว่าเผยเชียนจะให้ใครมาพูด รองประธานบริษัทเหรอ อย่างน้อยๆ ก็น่าจะส่งหัวหน้าฝ่าย HR มาแหละ

“เอ๊ะ แปลกจัง ถังอี้ซู่อยู่ไหนกันนะ”

จางเหว่ยนึกขึ้นได้ว่า ถังอี้ซู่ก็เป็นนักศึกษายากไร้เหมือนกัน แต่ทำไมถึงยังไม่เจอเธอเลย

แต่ระหว่างที่กำลังงุนงงอยู่ เขาก็เห็นถังอี้ซู่ถือบทเดินออกจากหลังเวทีตรงไปยังโพเดียมที่อยู่ตรงกลางโนiวลกูดอทคอม

จางเหว่ย “…”

ถังอี้ซู่ยืนอยู่กลางเวทีพลางมองผู้คนที่นั่งอยู่ท่ามกลางความมืด ตอนนี้เธอรู้สึกประหม่ายิ่งกว่าเดิม

ตอนมาซ้อมเมื่อเช้า ไมโครโฟนสองตัวเสียโดยไม่ทราบสาเหตุ พอพนักงานส่งไปซ่อม ไมค์ก็กลับมาใช้ได้ตามปกติ ซึ่งชวนงงมาก

ตอนนี้ถังอี้ซู่ต้องการแค่ไม่ให้ไมค์พังอีกก็พอ

“พะ…เพื่อนๆ ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์…

“สวัสดีค่ะทุกคน”

ถังอี้ซู่เริ่มพูดอย่างระแวดระวัง แต่โชคดีที่ไมโครโฟนทำงานตามปกติ

โชคร้ายของเธอเหมือนจะหายไปหลังเจออุปสรรคหลายอย่างเมื่อเช้า

“วันนี้บอสเผยผู้บริจาคเงินค่าใช้จ่ายและทุนการศึกษาให้เรายุ่งมากค่ะ เลยไม่สามารถแวะมาได้ ดังนั้นฉันจะเป็นคนอ่านจดหมายที่เขียนถึงทุกคนแทน หวังว่าทุกคนจะได้เรียนรู้อะไรบางอย่างกลับไปนะคะ”

ถังอี้ซู่หยุดครู่หนึ่ง จากนั้นก็เริ่มอ่านบทในมือ

“ถึงรุ่นน้องทุกคน พี่ขอโทษที่มาพูดเองไม่ได้เพราะตารางงานที่แน่นเอี้ยด พี่จึงได้แต่ส่งผ่านความตั้งใจและความหวังดี รวมถึงแบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวของตัวเองผ่านจดหมายนี้

“หลายคนอาจคิดว่าพี่จะพูดเกี่ยวกับวิธีการใช้เงินที่ทุกคนได้ไป

“ไม่แน่บางคนอาจจะกังวลว่าคนที่ได้ทุนการศึกษาไปอาจนำเงินไปใช้กับสิ่งไร้สาระที่รังแต่จะกระตุ้นความเป็นวัตถุนิยมในตัวให้เพิ่มมากขึ้น

“แต่พี่มั่นใจว่าทุกคนรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว ก็เลยไม่อยากพูดขยายความให้ซ้ำซาก

“ดังนั้นพี่จึงอยากแนะนำการมองความมั่งคั่งในอีกแง่มุมหนึ่ง

“ซึ่งก็คือ อะไรคือความร่ำรวยที่แท้จริงซึ่งเรามีอยู่และเราควรรักษาไว้ยังไง

“หลายคนที่นั่งอยู่ตรงนี้อาจจะไม่คิดว่าตัวเองเคยมีหรือมีความร่ำรวยมหาศาลอยู่แล้วตอนนี้

“พี่เชื่อว่าทุกคนคงจะสับสนกันมาตลอดว่าเราจะมีความมั่งคั่งได้ยังไง

“บางคนทุ่มเทแรงกายให้กับงานพาร์ตไทม์เพื่อให้มีความมั่งคั่ง แต่ก็ไปกระทบกับผลการเรียนแทน

“บางคนไม่กล้ากินให้อิ่มท้องหรือซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นเพราะความจน เอาแต่เก็บเงินไว้เหมือนคนตระหนี่เหมือนกลัวว่าทุกหยวนที่ใช้ไปจะทำให้ความมั่งคงในชีวิตที่ลดลง

“พี่อยากบอกทุกคนว่านี่คือมุมมองต่อความมั่งคั่งที่ผิด

“ลองคิดดูนะว่าพวกน้องยอมแลกอะไรเพื่อความมั่งคั่งบ้าง

“ลองสมมติว่าตัวเองเป็นช่างตีเหล็กในยุคอดีต วันหนึ่งน้องไม่มีอะไรกิน เพื่อที่จะให้ได้ข้าวมากิน มีอยู่สามอย่างที่น้องทำได้

“ปลูกเอง

“ขโมย

“ทำเครื่องมือสำหรับการเพาะปลูกแล้วเอาไปแลกเปลี่ยนกับเกษตรกร

“หลายคนเลือกตัวเลือกที่สาม ทุกคนจะตระหนักว่าการตีเหล็กเพื่อสร้างอุปกรณ์อย่างต่อเนื่องจะทำให้เรารวยขึ้น เพราะงั้นรากฐานของการสั่งสมความมั่งคั่งคือ ‘การแลกเปลี่ยน’

“งั้นถ้าเราเลือกปลูกเองหรือขโมย จะเท่ากับว่าเราเลือกที่จะไม่แลกเปลี่ยนอะไรรึเปล่า

“ไม่ใช่

“ถ้าน้องเลือกตัวเลือกแรก น้องก็ต้องเอาเวลา เอาแรง เอาประสบการณ์การเพาะปลูกไปแลก ถ้าเลือกตัวเลือกที่สอง น้องก็ต้องเอาทักษะการต่อสู้ ความเสี่ยง อาวุธ และการเตรียมใจที่จะทำการโจรกรรมไปแลก

“ไม่ว่าจะเลือกทางไหน น้องก็ต้องเอาอะไรไปแลกอยู่ดี อีกอย่างสิ่งที่น้องนำไปแลกนั้นก็ไม่ได้มีต้นทุนด้อยไปกว่าการตีเหล็กเพื่อทำอุปกรณ์เลย

“ทุกทางในการสั่งสมความมั่งคั่งต้องมีการแลกเปลี่ยนทั้งนั้น

“ถ้าตัดสิ่งที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิดกับสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้ออกไป ความมั่งคั่งที่เรามีอยู่จริงๆ และสามารถนำไปใช้แลกเปลี่ยนได้คืออะไรกันแน่

“เงินเหรอ ไม่ใช่ เงินไม่มีทางเป็นของเราจริงๆ มันเป็นแค่ตัวเลขแสดงความมั่งคั่งที่เราแลกออกไป

“เวลาเหรอ ก็ไม่ใช่อีก เวลาที่ไหลผ่านไปไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามที่เราตั้งใจ

“ร่างกายของเราเองเหรอ ก็ถือเป็นความมั่งคั่งที่เรามี แต่ถ้าเราเอาไปแลกกับเงิน เราก็จะพบกับความทุกข์ระทม

“ความมั่งคั่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่คนคนหนึ่งมีคือ ‘สมาธิ’ หรือ ‘ความกระตือรือร้น’ ต่างหาก

“ถ้าเราคิดจะหาเงินด้วยการทำงาน การนั่งโง่ๆ อยู่ในออฟฟิศนั้นไม่ได้อะไรขึ้นมา เราต้องมีสมาธิในการทำงานและปรับเอาความรู้ที่มีมาใช้ในการแก้ปัญหา

“ความรู้นั้นก็ได้มาจากการที่เรามีสมาธิในชั้นเรียนและที่ทำงาน

“นอกจากสิ่งต่างๆ ที่เราไม่สามารถควบคุมได้แล้ว ความมั่งคั่งที่เรามีจริงๆ คือสมาธิของเราเอง

“มุมมองต่อความมั่งคั่งที่พี่อยากจะแชร์กับพวกเราวันนี้คือ เราจะใช้ประโยชน์จากสมาธิได้ยังไง

“หลายคนอาจจะปล่อยมันทิ้งเปล่า

“หลายคนอาจถูกนักธุรกิจผู้เห็นแก่ตัวดึงสมาธิไป

“บางคนอาจใช้สมาธิไปกับการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่

“นักศึกษาหลายคนคร่ำครวญที่ตัวเองเกิดมาจนและตัดพ้อชีวิตอันแสนไม่ยุติธรรม ความขุ่นเคืองนี้นี่แหละที่จะทำลายตัวเรา ทำให้เราเสียสมาธิและทำให้ชีวิตล้มเหลว

“ถ้าเราอยากเปลี่ยนโชคชะตา เราก็ต้องลงทุนกับการตั้งสมาธิกับตัวเราเอง

“อ่านหนังสือทุกวัน วันละชั่วโมง ถึงมันอาจจะช่วยให้เราพัฒนาได้แค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ แต่หนึ่งปีต่อมา เราจะพัฒนาไปจากตัวเราคนเดิมถึงสามสิบแปดเท่า

“เพราะงั้นพี่จึงหวังว่านักศึกษาทุกคนที่ได้รับเงินก้อนนี้ไปจะไม่เก็บเงินทั้งหมดไว้ อย่าลังเลที่จะใช้มัน แต่ก็อย่าซื้อสิ่งไร้ประโยชน์เพื่อตอบความพึงพอใจด้านวัตถุนิยมของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นคือ อย่าใช้มันไปกับกิจกรรมเพื่อความบันเทิงที่จะทำให้เราเสียสมาธิและทำให้เราหมกมุ่น

“ใช้มันกับสิ่งที่จำเป็นกับเราที่สุด นั่นก็คือการพัฒนาตัวเอง

“จำเอาไว้ให้ขึ้นใจว่า สมาธิคือทรัพยากรที่สำคัญที่สุด พี่หวังว่าทุกคนจะใช้สมาธิอย่างชาญฉลาดและรักษามันเอาไว้ให้ดี

“นี่คือมุมมองที่ถูกต้องต่อความมั่งคั่ง”

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

Losing Money to Be a Tycoon, 亏成首富从游戏开始, Kui Cheng Shoufu Cong Youxi Kaishi(donghua), Losing Money to Become the Richest Person Starts From the Game, システムで出世してしまった
Score 9.4
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: , ต้นฉบับ: 1673 Chapters (จบแล้ว)
เผยเชียนย้อนเวลากลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน โดยมีระบบสั่งให้เขาตั้งบริษัทอะไรก็ได้เพื่อหาเงินทำกำไรโดยจะมีการประเมินกำไรขาดทุนเป็นรอบๆ แต่เผยเชียนเป็นคนหัวหมอ เขาดูแล้วว่าถ้าเขาทำธุรกิจได้กำไร เขาจะได้ส่วนแบ่งเข้ากระเป๋าตัวเองแค่ 1:100 แต่ถ้าเขาขาดทุน เขาจะได้ส่วนแบ่ง 1:1 เขาจึงคิดจะตั้งบริษัทเกม และหาทางทำให้บริษัทขาดทุน.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset