วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม
ฤดูกาลจ้างงานใหม่ของเถิงต๋าเริ่มต้นขึ้นแล้ว
นี่คือการจัดสอบคัดเลือกพนักงานรวมทุกกิจการครั้งที่สอง ฝ่าย HR ที่รับผิดชอบเลือกการรับคนคุ้นเคยกับกระบวนการต่างๆ แล้วจึงจัดการงานต่างๆ ไปตามลำดับขั้น
ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงการสอบข้อเขียน หลังจากนั้นก็จะเป็นการสัมภาษณ์ การทดลองงาน และการสอบวัดเรื่องจิตวิญญาณเถิงต๋า
อู๋ปินที่ห้อยป้ายพนักงานอยู่มองเหล่าคนหางานด้านนอกห้องประชุมแล้วอดรู้สึกท่วมท้นขึ้นมาไม่ได้
เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ!
อู๋ปินนึกถึงครั้งแรกที่ดวงชะตานำพาเขามาพบกับเถิงต๋าตอนช่วงต้นพฤศจิกายนปีก่อน เขาพยายามดึงตัวห่าวฉยงจากฉางหยางเกมส์ แต่เรื่องก็กลับพลิกตาลปัตร
เขาลงเอยด้วยการมาสมัครสอบคัดเลือกเข้าทำงานกับเถิงต๋าอย่างแน่วแน่ ผ่านการคัดเลือกทั้งสามขั้น และได้เป็นพนักงานฟูลไทม์ของเถิงต๋าอย่างเป็นทางการ
หลังจากนั้นเขาก็สร้างผลงานดีๆ มากมาย ที่รู้สึกพอใจในตัวเองที่สุดก็คือตอนที่สรุปความเป็นจิตวิญญาณของเถิงต๋าออกมาแล้วนำไปใช้แนะนำแนวทางให้เหล่านักเขียนของเว็บจงเตี่ยนจงเหวิน
ถือว่าเป็นการนำสิ่งที่เรียนรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์รึเปล่านะ
พอนึกย้อนกลับไป ชีวิตของเขาพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือในเวลาแค่ครึ่งปี จนอู๋ปินอดรู้สึกทึ่งไม่ได้
การสอบคัดเลือกพนักงานเถิงต๋ารอบนี้มีคนสมัครเข้าร่วมเยอะกว่ารอบก่อน
แค่นี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าชื่อเสียงของเถิงต๋านั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตลอดหกเดือนที่ผ่านมา
ส่วนหนึ่งก็เพราะมีตำแหน่งเพิ่มขึ้นและหลากหลายวงการขึ้น อีกส่วนก็เพราะจำนวนคนสมัครแต่ละตำแหน่งเพิ่มขึ้นด้วยเหมือนกัน
คู่รักคู่หนึ่งให้กำลังใจกันอยู่หน้าทางเข้าห้องประชุม ดูแล้วน่าจะสมัครเข้าสอบคัดเลือกพนักงานเถิงต๋าทั้งคู่
“พยายามเต็มที่นะ ตัวเองทำได้แน่นอน”
“อืม ตัวเองก็เหมือนกัน ที่ตัวเองทุ่มเทมาทั้งหมดต้องทำให้ได้รับเลือกแน่นอน!”
“ถ้าเราได้รับเลือก ไว้ย้ายไปเช่าบ้านหลังใหญ่กว่านี้กันเนอะ”
“ถ้าได้เข้าทำงานที่นี่ก็ไม่ต้องทำโอทีอีก เดี๋ยวเค้าทำอาหารอร่อยๆ ให้ตัวกินทุกวันเลยนะ!”
“เราต้องได้เข้าแน่! สู้ตาย!”
ทั้งสองให้กำลังใจกันและกันก่อนจะเดินเข้าห้องสอบ
เหตุการณ์แบบเมื่อครู่มีให้เห็นบ่อยๆ ถึงส่วนใหญ่จะมาคนเดียว แต่หลายคนก็พาครอบครัวมาด้วย ดูแล้วเหมือนมาส่งบุตรหลานไปออกรบไม่มีผิด
ฝูงชนจอแจด้านนอกทำให้อู๋ปินนึกถึงภาพครอบครัวที่รอคอยอย่างเป็นกังวลอยู่หน้ามหาวิทยาลัยช่วงสอบเข้า
แต่ก็ถือว่าไม่แปลก การสอบคัดเลือกคนเข้าทำงานของเถิงต๋านั้นน่าจะสำคัญไม่แพ้การสอบเข้ามหาวิทยาลัย
ไม่ต่างอะไรจากปลาคาร์ปที่กระโจนครั้งเดียวก็ข้ามประตูมังกรได้
อู๋ปินอดรู้สึกท่วมท้นขึ้นมาไม่ได้
การได้เป็นพนักงานของเถิงต๋าถือเป็นความภาคภูมิใจของใครหลายคน โดยเฉพาะชาวเมืองจิงโจว
เพราะการขยับขยายธุรกิจอย่างรวดเร็วของเถิงต๋าในจิงโจว ทำให้กิ่งก้านของพวกเขาทะลวงเข้าไปในหลายอุตสาหกรรมจนชาวเมืองสัมผัสได้อย่างลึกซึ้ง
ข่าวลือเกี่ยวกับเถิงต๋าในโลกภายนอกเริ่มเว่อร์วังขึ้นเรื่อยๆ
บางคนบอกว่าเถิงต๋าให้เงินเดือนสูงมาก อย่างน้อยก็หนึ่งเท่าตัวจากบริษัทอื่นๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน
บ้างก็บอกว่าสวัสดิการของเถิงต๋านั้นเยี่ยมยอดสุดๆ มีงบที่เบิกได้มากมาย มีเงินอุดหนุนและโบนัส เถิงต๋ามีให้ทุกอย่างที่คิดออกและยังให้เกินจากนั้นอีก
บ้างก็ว่าเถิงต๋าไม่สนับสนุนให้มีการทำงานล่วงเวลา พนักงานบางคนถึงกับมองว่าการทำงานล่วงเวลาเป็นเรื่องน่าขายหน้ามาก
ที่เว่อร์สุดๆ เลยคือ ทุกคนที่เข้าเถิงต๋า ไม่ว่าความสามารถจะธรรมดาแค่ไหนก็จุติใหม่ได้ในเวลาสั้นๆ…
แน่นอนว่าโลกภายนอกก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งกับข่าวลือพวกนี้
แต่มันกลับทำให้สภาพจริงๆ ของเถิงต๋าดูชวนสับสนยิ่งขึ้นไปอีก เพราะข่าวลือพวกนี้เว่อร์เกินจนคนแยกไม่ได้ว่าอันไหนจริง อันไหนไม่จริง
รังแต่จะทำให้ผู้คนกระตือรือร้นอยากเข้าเถิงต๋ามากขึ้น
หลายคนอยากมาเมืองนี้เพียงเพื่อจะได้ตำแหน่งดีๆ ในเถิงต๋า
อู๋ปินรู้ดีว่าข่าวลือทั้งหมดเป็นเรื่องจริง
เพียงแต่มันขัดกับความคิดพื้นฐานของคนทั่วไปเลยไม่มีใครเชื่อ
จากการเผยแพร่จิตวิญญาณของเถิงต๋า พนักงานส่วนใหญ่เริ่มชินกับตัวตนที่แท้จริงของบอสเผยและเก็บเรื่องสวัสดิการเถิงต๋าเป็นความลับ จึงทำให้คนภายนอกรู้เรื่องของเถิงต๋าได้ยากขึ้นไปอีก
พอเห็นบอสเผยไม่ทำตัวให้เป็นจุดเด่น เหล่าพนักงานก็ยิ่งทำตัวไม่ให้เป็นจุดเด่นเข้าไปใหญ่
ใครจะกล้าออกนอกหน้าเกินบอสเผยล่ะ
ที่เถิงต๋าได้ดิบได้ดีขึ้นมาขนาดนี้เป็นเพราะบอสเผยอย่างน้อย 70% และคนอื่นๆ อีก 30%
ผู้คนมากมายจากภูมิหลังต่างกันและนิสัยต่างกันพยายามเต็มที่จนผ่านการสอบคัดเลือกพนักงานเถิงต๋า จากนั้นก็ได้รับการฝึกจิตวิญญาณเถิงต๋าเหมือนกันหมด ก่อนจะค่อยๆ ซึมซับวัฒนธรรมภายในจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในสมาชิกของเถิงต๋า
อู๋ปินเองก็เช่นเดียวกัน
บอกเลยว่าเป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจมากๆ
ระหว่างที่มองฝูงชนจอแจ อู๋ปินก็ตระหนักว่าเถิงต๋ากำลังเปลี่ยนแปลงทั้งเมืองอย่างเงียบๆ
เป็นการเปลี่ยนแปลงทั้งในระดับวัตถุและระดับจิตวิญญาณ
ในระดับวัตถุ เถิงต๋ารับพนักงานเพิ่มอยู่เรื่อยๆ และให้เงินเดือนดีมาก พนักงานที่มีรายได้สูงก็จะเริ่มใช้จ่ายมากขึ้นเพราะชีวิตมั่นคงแล้ว ซึ่งก็จะไปกระตุ้นการพัฒนาของอุตสาหกรรมอื่นๆ ในเมืองจิงโจวรวมถึงสภาพเศรษฐกิจโดยรวม
และเถิงต๋าก็กำลังเปลี่ยนแปลงโลกในระดับจิตวิญญาณด้วย
สำหรับพนักงานแล้ว การฝึกนิสัยทำงานเต็มที่และสนุกกับชีวิตเต็มที่ช่วยคลายความเครียดและความกังวล ทั้งยังทำลายวงจรอุบาทว์ในที่ทำงานด้วย
สำหรับผู้บริโภค เถิงต๋านำเสนอไลฟ์สไตล์ที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้นผ่านร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ โมหยูเดลิเวอรี่ ฟิตเนส และอุตสาหกรรมอื่นๆ
อู๋ปินลองมองย้อนกลับไปก็ตระหนักว่าอิทธิพลของเถิงต๋ากรุ๊ปนั้นแผ่ขยายไปทั่ว
เหมือนเขาจะเริ่มเข้าใจเป้าหมายสูงสุดของบอสเผยแล้ว
แต่ดูจากสภาพการณ์ตอนนี้ เป้าหมายนั้นยังอยู่อีกไกล
อิทธิพลของเถิงต๋ากรุ๊ปยังรวมอยู่แค่ที่จิงโจว ถึงจะขยายไปเมืองอื่นๆ อย่างหลินเฉิง แต่อิทธิพลในเมืองอื่นๆ ก็ยังจำกัดอยู่
อู๋ปินเดาว่าน่าจะเป็นเพราะบอสเผยกำลังใช้จิงโจวเป็นพื้นที่ทดลองและพยายามสร้างระบบนิเวศแบบปิดขึ้นมาที่นี่
ถ้าเป็นผู้ประกอบการคนอื่นคงจะขยายแฟรนไชส์ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูไปทั่วประเทศ หาโอกาสลงทุน รีบสร้างอิสรภาพทางการเงิน และใช้ชีวิตอย่างสุขสันต์
แต่บอสเผยไม่ได้คิดแบบนั้น novelgu.com
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ต้องการเงิน เป้าหมายของเขาเป็นเป้าหมายระยะยาวกว่าและลำบากยากเข็ญกว่ามาก
“เพราะงั้นในฐานะพนักงานฝ่าย HR นอกจากจะจัดการงานประจำวันแล้ว เราต้องช่วยแบ่งเบาภารกิจในการส่งเสริมจิตวิญญาณเถิงต๋าด้วย เพื่อเผยแพร่จิตวิญญาณนี้ไปให้ทั่ว ไม่ใช่แค่ในหมู่พนักงานเถิงต๋า ต้องเผยแพร่ไปให้คนอื่นๆ ด้วย!
“ทำเป้าหมายสูงสุดของบอสเผยให้เป็นจริงดีกว่า!”
นี่เป็นครั้งแรกที่อู๋ปินรู้สึกชัดเจนถึงความรับผิดชอบต่อสังคมที่ตัวเองมี
ก่อนหน้านี้เขาเป็นแค่พนักงาน HR ธรรมดาๆ คนหนึ่งที่วิ่งไปทั่วคอยดึงตัวพนักงานจากที่อื่น คอยไล่พนักงานออก และสั่งลดเงินเดือนเพื่อทำตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากเจ้านาย
เขาคิดเพียงแค่ว่าจะทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายมาให้สำเร็จได้ยังไง เพื่อที่จะได้มีเงินใช้จ่ายและจุนเจือครอบครัว
เรื่องความรับผิดชอบต่อสังคมนั้นค่อนข้างคลุมเครือ
แต่ตอนนี้อู๋ปินไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและเสื้อผ้า เขาจึงมีพลังในการตามหาคุณค่าของตัวเองและทำอะไรที่มีความหมายจริงๆ
ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือ หลังจากซึมซับจิตวิญญาณเถิงต๋าจากบอสเผยมาเป็นเวลานาน เขาก็อดใจรอแบ่งปันจิตวิญญาณนี้กับคนอื่นแทบไม่ไหว
ไม่ต่างอะไรกับตอนคลายข้อสงสัยให้เหล่านักเขียนจากเว็บจงเตี่ยนจงเหวิน
อู๋ปินรู้สึกว่าตัวเองควรเป็นผู้ส่งต่อจิตวิญญาณของเถิงต๋าให้สมกับที่บอสเผยส่งเสริมและคาดหวัง!
…
หกโมงเย็น
อู๋ปินกินข้าวเย็นที่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสาขาใกล้ๆ หลังเคลียร์งานเรื่องการรับคนเข้าเสร็จ เตรียมพร้อมจะไปที่ชั้นเรียนเว็บจงเตี่ยนจงเหวินต่อ
ระหว่างการคุมสอบวันนี้ อู๋ปินเอาแต่คิดว่าจะทำภารกิจของตัวเองให้สำเร็จได้ยังไง
หลังจากคิดแล้วคิดอีก เขาก็ตัดสินใจตีความจิตวิญญาณเถิงต๋าให้แตกฉานมากขึ้น!
อู๋ปินเคยสรุปสาระสำคัญสามประเด็นหลักไว้ตอนวิเคราะห์จิตวิญญาณเถิงต๋าเมื่อนานมาแล้ว ซึ่งประกอบด้วย เน้นประสิทธิภาพการทำงานและการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เชื่อฟังหัวหน้าแต่ต้องมีความคิดเป็นของตัวเอง และสร้างสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวกับการทำงานพร้อมวางเป้าหมายระยะยาว
เอกสารลับสุดยอดนี้ส่งต่อกันลับๆ ในหมู่พนักงานของเถิงต๋ามาพักใหญ่ แต่ห้ามโพสต์ลงเว็บบอร์ดภายในบริษัทและเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต
อู๋ปินเน้นไว้ด้วยว่าไม่ใช่เอกสารสอนงาน เป็นแค่ความเข้าใจแบบผิวเผิน ใช้เป็นแนวทางอ้างอิงเท่านั้น ไม่ควรมองว่าเป็นคำตอบที่ถูกต้อง และไม่ได้นำเสนอแนวคิดที่แท้จริงของบอสเผย
การตีความจิตวิญญาณของเถิงต๋านั้นทำได้แค่ตีความให้ใกล้เคียงความคิดของบอสเผยมากที่สุด ห้ามคิดว่านี่คือทั้งหมดแล้วหยุดตีความ
อู๋ปินคิดว่าตอนนี้ควรจะก้าวต่อไปอีกขั้นเพราะสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปแล้ว
น่าจะเป็นเรื่องยากสำหรับพนักงานใหม่ที่จะเข้าใจจิตวิญญาณเถิงต๋าอย่างถ่องแท้แม้จะได้อ่านคำอธิบาย
เมื่อเทียบกับพนักงานเก่าแล้ว เหล่าพนักงานใหม่จะขาดประสบการณ์การทำงานโดยตรงกับบอสเผย ซึ่งในอนาคตก็น่าจะหาโอกาสแบบนั้นได้ยาก
เถิงต๋ากรุ๊ปนั้นเติบโตขึ้นเรื่อยๆ หมายความว่าบอสเผยย่อมมีเรื่องให้ต้องจัดการเยอะขึ้น ชัดเจนว่าจะมีก็แต่พวกหัวหน้ากิจการเท่านั้นที่มีโอกาสได้เข้าพบบอสเผย
พนักงานใหม่ส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสได้คุยกับบอสเผย จึงไม่มีทางรู้ว่าบอสเผยตัดสินใจเฉพาะเจาะจงอะไรยังไงแล้วจะเข้าใจจิตวิญญาณที่บอสเผยต้องการถ่ายทอดได้ยังไง
เพราะงั้นอู๋ปินจึงคิดว่าต้องอธิบายจิตวิญญาณเถิงต๋าเพิ่มเติมอีกเพื่อแก้ปัญหานี้
การจะทำแบบนั้นต้องบันทึกคำพูดและการกระทำของบอสเผยทำเป็นหนังสือไว้ให้พนักงานใหม่ใช้เปรียบเทียบเนื้อหาจิตวิญญาณเถิงต๋ากับคำพูดและการกระทำของบอสเผย เพื่อที่จะได้รับรู้แนวคิดที่ถูกต้องยิ่งกว่าเดิม
ก็เหมือนกับการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ต้องเอาคำศัพท์ไปใส่ในประโยคตัวอย่างเพื่อให้เข้าใจได้มากขึ้น
แต่อู๋ปินคิดว่าแค่ตัวเขาคนเดียวนั้นไม่พอ
ถ้าแค่สรุปประเด็นสำคัญไม่กี่อย่างก็พอไหว แต่ถ้าจะเขียนเรื่องราวให้ชัดเจนแจ่มแจ้งและไม่ยืดยาดน่าเบื่อก็ต้องอาศัยทักษะเฉพาะทาง
เพราะงั้นอู๋ปินเลยแวะมาที่คอร์สอบรมนักเขียนเว็บจงเตี่ยนจงเหวิน
เขาใช้จิตวิญญาณเถิงต๋าแนะนำแนวทางให้นักเขียนหลายคน ยังไงก็น่าจะมีนักเขียนสักคนสนใจร่วมงานสุดยิ่งใหญ่นี้
คนที่เหมาะๆ น่าจะเป็นชุยเกิ่งที่เขียน ‘เกมผีเสื้อ’ หลังได้แรงบันดาลใจจากจิตวิญญาณเถิงต๋าไป