วันอังคารที่ 26 เมษายน
เผยเชียนกำลังพยายามทำแผนผังความคิดง่ายๆ บนคอมพิวเตอร์ของเขาในห้องทำงาน
เนื้อหาในแผนผังไม่มีอะไรมาก เป็นกิจการทั้งหมดของเถิงต๋าที่สามารถทำกำไรได้ รวมถึงฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายธุรการต่างๆ
ความสัมพันธ์ระหว่างกิจการต่างๆ นั้นซับซ้อนและแตกต่างกันไปตามธรรมชาติของแต่ละกิจการ
บางกิจการทำเงินได้สูง บางกิจการพอทำกำไรได้บ้าง บางกิจการทำกำไรไม่ได้เลย
บางกิจการมีความสัมพันธ์แบบเจ้านายลูกน้องกับอีกกิจการหนึ่ง บางกิจการมีความสัมพันธ์เป็นแนวระนาบ ส่วนบางกิจการก็ไม่ได้มีความข้องเกี่ยวกันเลยปกติแล้วแผนผังความคิดคือการเขียนข้อมูลสำคัญทั้งหมดลงในกล่องเล็กๆ และใช้เส้นเชื่อมแบบต่างๆ โยงข้อมูลสำคัญเข้าไว้ด้วยกันเพื่อระบุความสัมพันธ์ของข้อมูลแต่ละอย่าง
เผยเชียนใช้สีและเส้นเชื่อมคนละแบบเพื่อแสดงสถานะและความสัมพันธ์ของแต่ละกิจการ
กิจการที่อยู่ในกล่องสีแดงคือกิจการที่ทำกำไรได้
กิจการที่อยู่ในกล่องสีน้ำเงินคือกิจการที่ทำกำไรไม่ได้และสถานการณ์เป็นไปในทิศทางที่ดี
เส้นสีแดงชี้ให้เห็นว่ากิจการมีความเชื่อมโยงกัน ตัวอย่างเช่นโมหยูเดลิเวอรี่ที่ทำอาหารเพื่อสุขภาพส่งฟิตเนส อีกตัวอย่างคือแบรนด์ ROF กับนี่เฟิงโลจิสติกส์ที่เหมือนแฝดสยามขาดกันไม่ได้
นอกจากนี้ยังมีเส้นสีแดงอีกแบบที่ระบุว่าสองกิจการนี้ไม่น่าจะมาเชื่อมโยงกันได้
ความคิดของเผยเชียนนั้นเรียบง่ายมาก เขาจะใช้แผนผังนี้เรียบเรียงความคิดของตัวเองแล้วคาดการณ์ความเชื่อมโยงระหว่างกิจการที่อาจเกิดขึ้น
แต่หลังจากจัดแผนผังขั้นต้นเสร็จ เผยเชียนก็พบว่าสถานการณ์ดูจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่
บนแผนผังมีแต่กรอบสีแดงเต็มไปหมด มีแค่ไม่กี่กิจการ เช่น โมหยูเดลิเวอรี่ นี่เฟิงโลจิสติกส์ และเว็บ TPDb ที่อยู่ในกรอบสีน้ำเงิน ซึ่งหมายความว่าทำกำไรไม่ได้
อีกอย่างภาระงานนั้นเยอะกว่าที่คิดเอาไว้อีก!
เส้นสีน้ำเงินโยงใยไปมา หลังจากจัดระเบียบดูแล้วก็พบว่าซับซ้อนกว่าที่คิดเอาไว้
นอกจากนั้นยังมีแมงมุมอย่างบริษัท OTTO ที่มีสายโยงใยอยู่กับกิจการเกือบทั้งหมด…
เส้นสีดำทึบระบุความสัมพันธ์ระหว่างกิจการที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ทั้งแผนผังดูเหมือนตาข่ายใยแมงมุมที่มีตัวหนังสือเขียนอธิบายอยู่เป็นจุดๆ ดูแล้วชวนปวดหัวไม่น้อย
เผยเชียนลองโยงเส้นแดงระหว่างกิจการที่ไม่ได้เชื่อมโยงกันเพื่อวิเคราะห์ว่าจะมีความสัมพันธ์พิเศษแบบไหนเกิดขึ้นกับสองกิจการนี้ได้บ้าง แล้วเขาก็แทบลมจับเมื่อลากไปได้แค่สองสามเส้น
ดูเหมือนความเชื่อมโยงสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกกิจการเลย!
เผยเชียนพยายามจินตนาการสถานการณ์เลวร้ายที่สุดเมื่อสองกิจการมาเชื่อมโยงกัน จากนั้นก็ลากด้วยเส้นแดง
ถ้าเป็นความเชื่อมโยงที่คลุมเครือหรือพิเศษหน่อย เผยเชียนจะไม่ลากเส้นแดง เพราะตอนนี้มีเส้นโยงเยอะแล้ว ถ้าเพิ่มเข้าไปอีกจะทำให้มองยาก
เผยเชียนมองผังความสัมพันธ์ระหว่างกิจการที่เขาใช้เวลาสองชั่วโมงทำขึ้นมา จากนั้นก็เอนหลังพิงพนักเก้าอี้พลางยกมือก่ายหน้าผาก
“เรื่องราวกลายเป็นแบบนี้ได้ไงเนี่ย…
“บริษัทของฉันมาถึงจุดนี้โดยที่ฉันไม่รู้ตัวเลยเหรอ
“ขนาดฉันเองยังมองความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงระหว่างกิจการออกไม่หมดเลย”
ถ้ามีแค่สองสามกิจการ ความสัมพันธ์ก็จะเรียบง่ายและทำให้กระจ่างได้ง่าย
แต่พอมีกิจการมากกว่าสิบกิจการ แล้วใครจะไปรู้ล่ะว่ากิจการพวกนี้จะสร้างความเชื่อมโยงอะไรที่อธิบายไม่ได้ขึ้นมารึเปล่า
เป็นไปไม่ได้เลยที่พนักงานของบอสเผยจะรายงานทุกอย่างเพื่อให้เขาตัดสินใจ บอสเผยคงไม่มีเวลาส่วนตัวให้พักผ่อนพอดีถ้าต้องจัดการเรื่องยิบย่อยทุกวัน
ในสถานการณ์ตอนนี้ เขาโฟกัสได้แค่กิจการหลักๆ แล้วปล่อยที่เหลือไปตามยถากรรม
“ถ้าในแง่บวกหน่อย สถานการณ์ตอนนี้ก็จัดว่าโอเค รอบบัญชีที่แล้วขาดทุนได้และเริ่มจับทางการผลาญเงินได้แล้ว ในอนาคตน่าจะง่ายขึ้น
“พวกผู้ปัดงานฝึกผลาญน่าจะแทรกซึมเข้าไปตามกิจการต่างๆ เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวเสาร์หน้าก็เรียกประชุมเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์ของกิจการทั้งหมดให้ถี่ถ้วนขึ้น
“จากนั้นค่อยใช้ข้อมูลที่ได้จากพวกผู้ปัดงานฝึกผลาญมาทำแผนผังให้สมบูรณ์ อย่างน้อยก็น่าจะเข้าใจกิจการในขั้นต้นและจับสัญญาณภัยแอบแฝงได้ น่าจะคุมความเสี่ยงได้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน
“ในแผนผังมีข้อมูลเยอะเกินไป เร่งรีบไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ค่อยๆ ทำให้สมบูรณ์ดีกว่า”
เผยเชียนบันทึกและแบ็กอัปแผนผังเอาไว้เพื่อที่จะได้เปิดดูตอนไหนก็ได้และกันอันตรายต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น
เขาอดถอนหายใจไม่ได้ การทำให้บริษัทขาดทุนดูจะเป็นเรื่องที่ต้องใช้เทคนิคมากขึ้นเรื่อยๆ
ขณะที่กำลังจะพักดูซีรีส์ เสียงเคาะประตูก็ดึงขึ้น
พอได้ยินเสียงอนุญาต “เข้ามาได้” หลินชั่นหรงก็ค่อยๆ เปิดประตูเข้าไป
เผยเชียนแปลกใจเล็กน้อย
บอสหลินมาทำอะไรเนี่ย
หลินชั่นหรงคือผู้จัดการครัวส่วนตัวหมิงหยุน ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ทำงานอยู่ที่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูหรือครัวส่วนตัวหมิงหยุน เขาก็จะอยู่ที่ทำงานตลอด ไม่เคยแวะมาที่สำนักงานใหญ่เถิงต๋า
เขาจะรายงานสถานการณ์ให้บอสเผยรู้ผ่านโทรศัพท์หรือไม่ก็รอให้บอสเผยไปกินเลี้ยงที่ครัวส่วนตัวหมิงหยุนแล้วค่อยรายงาน
วันนี้เกิดอะไรขึ้นเนี่ย
“ครัวส่วนตัวหมิงหยุนมีปัญหาอะไรเหรอ” เผยเชียนถามอย่างคาดหวังเล็กน้อย
เผยเชียนไม่ชอบเวลาพวกกิจการทำกำไรได้เข้ามารายงานการดำเนินงาน
พวกนี้ส่วนใหญ่จะมาถามบอสเผยว่าควรใช้เงินยังไงดี ซึ่งน่ารำคาญมาก
แต่ครัวส่วนตัวหมิงหยุนนั้นแตกต่างออกไป
เพราะครัวส่วนตัวหมิงหยุนไม่มีช่องให้พัฒนาแล้ว!
ภัตตาคารมีคนเข้าเต็มทุกวัน แถมยังต้องจองล่วงหน้าเป็นเดือน ถึงทุกเดือนจะทำกำไรได้ แต่ที่นั่งก็มีจำนวนตายตัว รายได้จึงคงที่ไปนานแล้ว ไม่มีช่องให้พัฒนาเพิ่มเติม
เพราะงั้นเผยเชียนจึงคิดว่าครัวส่วนตัวหมิงหยุนน่าจะมีปัญหาอะไรสักอย่าง ผู้จัดการสาขาหลินจึงถ่อมาหาถึงที่ หรือว่าจะกำลังขาดทุนกันนะ
ตื่นเต้นจังเลย!
หลินชั่นหรงดูหนักใจ เขาอึกอักอยู่สักพักก่อนจะพูดขึ้น “เหมือนบอสเผยจะให้โมหยูเดลิเวอรี่แยกออกมาเป็นเอกเทศแล้วสนับสนุนให้เปิดสาขาเพิ่ม แล้วห้องวิจัยอาหารเลิศรสก็เหมือนจะตั้งขึ้นเพื่อวิจัยเมนูอาหารใหม่ๆ ใช่ไหมครับ”
เผยเชียนจัดการเรื่องโมหยูเดลิเวอรี่ไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อน เขาคิดว่าควรให้โมหยูเดลิเวอรี่เปิดสาขาเพิ่มเพื่อเพิ่มยอดขาดทุน ก็เลยสนับสนุนให้พวกเขาขยายกิจการ
ตอนนี้ผ่านมาแล้วสองสัปดาห์ ทุกอย่างน่าจะดำเนินการไปแล้วเรียบร้อย
หลินชั่นหรงเคยดูแลโมหยูเดลิเวอรี่และเคยเป็นเจ้านายของรุ่ยยู่เฉิน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะซ่อนสถานการณ์ของโมหยูเดลิเวอรี่จากเขา
แต่ตอนนี้หลินชั่นหรงย้ายมาดูแลครัวส่วนตัวหมิงหยุนแล้ว ทำไมถึงถ่อมาถึงที่นี่เพื่อคุยเรื่องโมหยูเดลิเวอรี่ล่ะ
เผยเชียนพยักหน้าด้วยความงงหน่อยๆ “ใช่ ทำไมเหรอ”
หลินชั่นหรงดูไม่พอใจ “ไม่ยุติธรรมเลยครับบอสเผย!
“ผมรู้ว่าโมหยูเดลิเวอรี่มีบทบาทสำคัญมากๆ ในอุตสาหกรรมนี้ ตอนนี้กิจการนี้ขาดทุนชั่วคราวเพื่อจับตลาดและสร้างนิสัยการบริโภคของลูกค้าเพื่อต่อไปจะได้ทำกำไรที่ดีกว่านี้… ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการขยายกิจการของโมหยูเดลิเวอรี่หรอกครับ แต่…”
หลินชั่นหรงหยุดพูด ริมฝีปากของเผยเชียนกระตุก
หมายความว่ายังไงที่บอกว่าตอนนี้ขาดทุนชั่วคราวเพื่อจับตลาดและสร้างนิสัยการบริโภคของลูกค้าเพื่อกำไรที่ดีกว่า!
อย่าตีความไปมั่วซั่วสิ!
หลินชั่นหรงพูดต่อ “ครัวส่วนตัวหมิงหยุนเองก็สำคัญไม่แพ้กันนะครับ! ทำไมโมหยูเดลิเวอรี่ถึงได้เปิดสาขาเพิ่มเยอะแยะทั้งๆ ที่ขาดทุน แต่ครัวส่วนตัวหมิงหยุนที่ทำกำไรได้และเป็นที่ต้องการของลูกค้าถึงไม่มีแผนขยายกิจการเลยล่ะครับ
“ภัตตาคารบ้านหมิงฝู่ที่คุณภาพเทียบครัวส่วนตัวหมิงหยุนไม่ได้ก็ทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ แสดงว่าภัตตาคารระดับสูงยังมีไม่พอตอบความต้องการของลูกค้า ยังมีช่องให้ทำกำไรได้เพิ่ม!
“อีกอย่างผมคิดว่าครัวส่วนตัวหมิงหยุนควรเปิดห้องวิจัยอาหารเลิศรสเหมือนกันครับ!
“โมหยูเดลิเวอรี่ต้องคิดว่าจะสร้างรสชาติที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ยังไง ครัวส่วนตัวหมิงหยุนเองก็ต้องคิดว่าจะสร้างรสชาติที่ตอบโจทย์ลูกค้าระดับสูงได้ยังไงเหมือนกันครับ!
“เพราะงั้น… ผมเลยมาที่นี่เพราะอยากขอสองเรื่องนี้
“หนึ่งคือใช้แบรนด์ ‘ภัตตาคารไร้ชื่อ’ ให้เป็นประโยชน์ เราจะเปิดสาขาเพิ่มหลังจากเลือกทำเลที่มั่นใจได้ว่ามีคุณภาพ
“สองคือเปิดห้องวิจัยอาหารเลิศรสเพื่อสร้างอาหารที่ดีขึ้นให้ลูกค้า”
เผยเชียนนิ่งเงียบ
ปล่อยให้ดีใจเก้อซะงั้น nᴏᴠᴇʟɢu.cᴏm
กลายเป็นคิดวิธีหาเงินเพิ่มให้ฉันเฉยเลย!
ผู้จัดการหลิน ต่อให้คุณพูดมาขนาดนี้ ฉันก็ทำตามนั้นให้ไม่ได้หรอก…
ที่คุณวิเคราะห์น่ะถูกเผงเลย
ครัวส่วนตัวหมิงหยุนทำกำไรได้ ลูกค้าต้องต่อแถวเพื่อใช้บริการครัวส่วนตัวหมิงหยุน แสดงให้เห็นว่าภัตตาคารระดับสูงยังเป็นที่ต้องการอีกมาก
แต่ที่ฉันขยายกิจการโมหยูเดลิเวอรี่ก็เพราะมันทำกำไรไม่ได้นี่แหละ!
ครัวส่วนตัวหมิงหยุนแค่ที่เดียวก็ทำกำไรได้มากพอแล้ว ยังอยากให้ฉันเปิดสาขาใหม่เพื่อทำเงินเพิ่มอีกเหรอ
ขอร้องละ เลิกสร้างภาระเพิ่มให้ฉันสักที
เผยเชียนเองก็ทุกข์ใจกับเรื่องนี้เหมือนกัน หลังจากครัวส่วนตัวหมิงหยุนเป็นที่รู้จักขึ้นมา เขาก็สามารถไปใช้บริการตามวันเวลาที่กำหนดไว้เท่านั้น
เขาใช้บริการห้องส่วนตัวขนาดใหญ่ที่สุดได้แค่หนึ่งครั้งต่อสัปดาห์และจองเหมาร้านได้แค่ทุกวันที่ 20 ของทุกเดือน
แต่เผยเชียนยอมรอดีกว่าเปิดสาขาเพิ่มและได้เงินเพิ่ม
ให้เปิดสาขาเพิ่มเหรอ ฝันไปเถอะ!
ห้องวิจัยอาหารเลิศรสก็อย่าหวัง
ที่โมหยูเดลิเวอรี่เปิดได้เพราะต้องตอบโจทย์ลูกค้า วัตถุดิบถูกกว่า และคนส่วนใหญ่ไม่ได้หวังอยากกินอาหารแปลกพิสดารอะไร การเปิดห้องวิจัยอาหารเลิศรสเลยไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นขนาดนั้น
แต่ครัวส่วนตัวหมิงหยุนมีลูกค้าระดับไฮเอนด์เป็นกลุ่มเป้าหมาย ถ้าให้เชฟฝีมือเทพพวกนั้นเปิดห้องวิจัยอาหารเลิศรสมาศึกษาเมนูมหัศจรรย์พันลึกอย่าง ‘อากาศทอด’ ขึ้นมา ภัตตาคารก็ดังกระฉ่อนไปทั่วกันพอดี!
เพราะงั้นเผยเชียนเลยต่อต้านคำขอทั้งสองข้อมากๆ และจะไม่อนุมัติเด็ดขาด
แน่นอนว่าการที่หลินชั่นหรงอยากเปิดห้องวิจัยอาหารเลิศรสนั้นฟังดูสมเหตุสมผล จะปัดตกไปเลยดื้อๆ เลยไม่ได้ ต้องหาทางปฏิเสธดีๆ
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “คุณขอเปิดสาขาเพิ่มเพราะคิดว่าครัวส่วนตัวหมิงหยุนถึงจุดที่ดีที่สุดที่ทำได้แล้วเหรอ”
หลินชั่นหรงผงะไป ไม่รู้ว่าจะต้องตอบยังไงดี
ถึงจุดที่ดีที่สุดที่ทำได้แล้วรึยังน่ะเหรอ
ถ้าคิดๆ ดูก็ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจแล้ว เพราะวงการนี้ยังไม่มีที่สุด
แต่ถ้าถามว่าทำดีที่สุดเท่าที่ทำได้รึยัง
หลินชั่นหรงคิดว่าครัวส่วนตัวหมิงหยุนมีบริการที่ดีกว่าภัตตาคารระดับสูงหลายแห่ง แต่ก็เป็นเรื่องยากมากที่จะทำให้คุณภาพต่อราคาดีขึ้นไปกว่านี้ได้
หลังจากคิดอยู่ครู่ใหญ่ หลินชั่นหรงก็ตอบกลับ “อาจจะยังไม่เป็นที่สุด แต่การเปิดสาขาและห้องวิจัยอาหารเลิศรสก็ถือเป็นหนทางสู่การเป็นที่สุดไม่ใช่เหรอครับ”
เผยเชียน “…”
ก็จริงแฮะ
ไม่ได้สิ จะมาโดนโน้มน้าวเองได้ไง มีหวังทำกำไรได้เยอะกว่าเดิมพอดี!
เผยเชียนกระแอมกระไอเบาๆ “คุณใช้เงินที่ครัวส่วนตัวหมิงหยุนหามาได้ตามใจชอบเลย แต่ห้ามเปิดสาขาเพิ่ม
“ส่วนเรื่องห้องวิจัยอาหารเลิศรส… ดูจากขนาดของครัวส่วนตัวหมิงหยุนตอนนี้แล้วยังเป็นไปไม่ได้ เชฟจะเอาแรงที่ไหนมาวิจัยอาหารถ้าต้องทำอาหารให้ลูกค้าทุกวัน
“เป้าหมายแรกของคุณคือต้องมั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่ดี ห้ามลดคุณภาพของอาหารลงเพื่อศึกษาเมนูใหม่ อย่าทำอะไรเกินตัว
“ผมอนุญาตให้คุณใช้ได้แค่ผลการวิจัยจากห้องวิจัยอาหารเลิศรสของโมหยูเดลิเวอรี่”
เผยเชียนรู้วิธีปฏิเสธดีๆ แล้ว
นั่นคือหาเหตุผลอะไรก็ได้ที่จะเอามาใช้ปฏิเสธ ถึงจะสุดโต่งไปหน่อยก็ไม่เป็นไร
ถ้าคิดเหตุผลไม่ได้ก็บังคับให้ทำตามซะเลย
ตอนนี้ทุกคนมีสกิลมโนขั้นสูงอยู่แล้ว ถึงสั่งให้ทำอะไรไม่สมเหตุสมผลไป พวกเขาก็จะพากันคิดไปว่าบอสเผยมีจุดประสงค์บางอย่างแน่ๆ ถ้าทำพลาดขึ้นมา ก็จะคิดว่าตัวเองมีความคิดที่ตื้นเขินเกินไป
ถือเป็นสิ่งดีๆ ที่ได้มาโดยไม่ได้คาดคิด หลังจากโดนตีความผิดๆ ไปหลายหน
สีหน้าของหลินชั่นหรงเปลี่ยนไปจริงๆ ด้วย ดูเหมือนอยากจะพูดอะไรหลายอย่าง แต่สุดท้ายก็กลืนลงคอไปแล้วตอบกลับสั้นๆ แค่ว่า “โอเคครับบอสเผย”