ทุกคนตื่นตัวขึ้นมาทันทีหลังจากที่ฟังจูเสี่ยวเช่อพูด
ถูกต้องที่สุด ถ้าพวกเขามัวนอนน้ำลายยืดอยู่บ้านทุกวันคงเสียเวลาเสียโอกาสไปเปล่าๆ ปลี้ๆ!
ผู้กำกับจูเสี่ยวเช่อจบสายนี้โดยตรง แถมนอกจากบอสเผยแล้วเขายังเป็นแกนหลักที่ทำให้วันพรุ่งนี้ที่สดใสประสบความสำเร็จด้วย แล้วพวกเขาจะมามัวแต่หลงระเริงอยู่แบบนี้ได้ยังไง ถ้าแม้แต่คนที่คุณสมบัติครบถ้วนอย่างผู้กำกับจูยังไม่เหลิง แถมยังพยายามพัฒนาตัวเองอยู่เสมออีก!
ทุกคนในเฟยหวงสตูดิโอเข้าใจสิ่งที่จูเสี่ยวเช่อต้องการจะสื่ออย่างรวดเร็ว.
ปกติแล้วถ้าได้ลาพักร้อนแบบรับเงินเดือนทุกคนควรพักผ่อนให้เต็มที่
แต่ถ้าพวกเขาใช้เวลานั้นให้เกิดประโยชน์ด้วยการหาความรู้เพิ่มเพื่อทำให้ตัวเองเก่งขึ้นก็จะไม่ใช่การลาพักร้อนแบบรับเงินเดือน แต่เป็นการลาไปศึกษาเพิ่มแบบรับเงินเดือนมากกว่า
แต่เรื่องนี้ก็ควรดูเป็นกรณีๆ ไป
ปกติคนที่ได้ลาพักร้อนแบบรับเงินเดือนนั้นเป็นเพราะทำงานหนักจนต้องหยุดพักบ้าง
แต่พนักงานที่เฟยหวงสตูดิโอไม่ได้โหมงานหนักแทบเป็นแทบตายขนาดนั้น!
พวกเขาเหนื่อยมากๆ ก็จริงตอนถ่ายทำ ตัดต่อ และโปรโมตวันพรุ่งนี้ที่สดใส แต่หลังจากหนังฉายทุกคนก็ได้พักครึ่งเดือนแล้ว!
ระหว่างนั้นทุกคนเอาแต่ไถดูแอปโก่วเหยี่ยนโดยไม่ได้ทำอย่างอื่น
ถึงจะต้องเข้าออฟฟิศแต่ส่วนมากก็เข้าไปเล่นเกม ดูหนัง กินอาหารขยะ ดังนั้นพวกเขาจึงหายเหนื่อยตั้งนานแล้ว
ตอนนี้หลายคนเริ่มอยากหาอะไรทำมากกว่า
คำสั่ง ‘ช็อกบำบัด’ ของบอสเผยถือเป็นการสั่งห้ามไม่ให้พวกเขาทำงาน แต่ก็ไม่ได้ห้ามทำอย่างอื่นนี่นา
พวกเขาสามารถใช้เวลาระหว่างพักร้อนหาความรู้เพิ่มเติมและพัฒนาตัวเองได้ นี่เป็นโอกาสดีที่อาจจะไม่มีมาอีกก็เป็นได้!
พวกเขาต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายแน่ๆ ถ้าต้องลาออกมาศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม แล้วถ้ามัวมานั่งคิดมากเรื่องเงินก็คงไม่มีกะจิตกะใจไปทุ่มให้กับการหาความรู้
แต่ตอนนี้พวกเขาไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับปัญหานี้ เพราะยังได้เงินเดือนอยู่!
อีกอย่างสิ่งที่จูเสี่ยวเช่อพูดก็ทำให้พวกเขาคิดได้ว่าทัศนคติแบบนี้อันตรายขนาดไหน
วันพรุ่งนี้ที่สดใสอาจจะประสบความสำเร็จ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าดวงก็มีส่วนมาก ทีมของพวกเขาอาจยังไปไม่ถึงขั้นทำหนังได้ 200 ล้านหยวนหากวัดที่ความสามารถจริงๆ
ถ้าหนังเรื่องต่อไปที่พวกเขาสร้างเจ๊งล่ะ
แน่นอนว่าไม่มีใครอยากตกม้าตายหลังจากประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่
เพราะแบบนี้ทุกคนถึงต้องพัฒนาตัวเองไปอีกขั้น!
พวกเขาต้องใช้โอกาสนี้ทำให้ตนเองเก่งขึ้น จะได้ไม่ต้องพึ่งบอสเผยมาก พวกเขาต้องทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จยิ่งขึ้นไปอีกให้สมกับความคาดหวังของบอสเผย
อารมณ์ของทุกคนพลุ่งพล่าน ความมุ่งมั่นมาเต็ม
“แล้วเราจะไปทำให้ตัวเองเก่งขึ้นได้ที่ไหน”
“ได้ยินมาว่าหลายมหา’ลัยมีคลาสเรียนการกำกับหนังขั้นสูงที่รับเฉพาะคนมีประสบการณ์ตรงสายเท่านั้น หลักสูตรอัดเอาเนื้อหาสี่ปีมาไว้ในปีเดียว แถมอาจารย์ที่สอนยังเก่งมากด้วย!”
“ไม่ได้หรอก นั่นมันคอร์สหนึ่งปี เรามีเวลาแค่ไม่กี่เดือน”
“เอ่อ คอร์สนั้นอาจจะมีประโยชน์สำหรับพวกเรา แต่น่าจะไม่มีประโยชน์กับผู้กำกับจูนะ แม้แต่อาจารย์ที่สอนเองอาจจะทำหนังได้เงินได้ไม่เท่าทีมเราเลย นักเรียนยิ่งไม่ต้องพูดถึง…”
จูเสี่ยวเช่อตอบ “อย่าคิดแบบนั้น จริงอยู่ที่เราประสบความสำเร็จ แต่อาจารย์พวกนั้นเป็นมืออาชีพในวงการ เราไม่ควรเหลิงขนาดนั้นแค่เพราะทำหนังดังสองเรื่อง เราต้องให้เกียรติคนเก่าคนแก่ในวงการ”
หวงซื่อปั๋วตอบ “ใช่ ทุกคนเป็นครูของเรา แม้แต่คนที่ไม่ได้อยู่ในวงการก็เป็นครูของเราได้ ยิ่งคนที่คร่ำหวอดในแวดวงหนังยิ่งไม่ต้องพูดถึง”
จูเสี่ยวเช่อเอ่ย “เวลาเรามีจำกัด ผมคิดว่าทุกคนควรเลือกคอร์สปริญญาโทที่มหา’ลัยฮั่นตง คอร์สนี้เรียนวันเสาร์อาทิตย์รวมแล้วสองปีด้วยกัน
“แบบนี้หลังจากที่เฟยหวงสตูดิโอเลิกโดนช็อกบำบัดแล้ว เราก็ไปเรียนวันเสาร์อาทิตย์ได้
“แต่ ‘คอร์สเรียน’ แค่นี้ไม่พอ นอกจากฟังบรรยายแล้วผมจะจัดคลาสให้ศึกษานอกห้องด้วย
“ทุกคนต้องดูและวิเคราะห์หนังทุกวัน เขียนวิจารณ์หนังด้วย แล้วก็อ่านหนังสือเกี่ยวกับหนังโรงและละครทุกสัปดาห์ จดโน้ตเยอะๆ…
“เดี๋ยวผมจะลองถามอาจารย์ว่าจะจัดอะไรได้อีกตอนกลับไปที่คณะ พอสรุปเนื้อหาได้แล้วจะมาบอกทุกคนนะ”
ทุกคนรู้สึกวางใจเมื่อเห็นแผนการเรียนรู้ที่จูเสี่ยวเช่อวางไว้ให้
เขาจบสายภาพยนตร์โดยตรง ต่อให้มีข้อสงสัยตรงไหนก็กลับไปถามอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยได้
แถมเขายังเป็นคนสร้างวันพรุ่งนี้ที่สดใสอีก มหาวิทยาลัยมาขอให้เขากลับไปบรรยายให้รุ่นน้องฟังหลายรอบแล้ว เรื่องแค่นี้จึงไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงสักนิด
หวงซื่อปั๋วเองก็ต้องการแบบนี้เหมือนกัน
เขาย้ายสายมาจากวงการเกม และคิดอยู่ตลอดว่าตัวเองไม่มีพื้นฐานอะไรเลยด้านการสร้างหนัง ยังมีอีกหลายอย่างมากที่ไม่เข้าใจ ก่อนหน้านี้หวงซื่อปั๋วมัวแต่ยุ่งอยู่กับการช่วยจูเสี่ยวเช่อ เลยยังไม่มีเวลาเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับแวดวงหนัง
ในที่สุดเขาก็มีโอกาสได้อุดช่องโหว่นี้เสียที!
ตัวเขาเองก็แอบดีใจอยู่เหมือนกัน
ในขณะที่หวงซื่อปั๋วกำลังดีใจอยู่นั่นเอง เขาก็ได้รับข้อความเข้า
“อ้าว
“เงินเข้าแล้วนี่!”
…
เผยเชียนหาวหวอดใหญ่อยู่ในออฟฟิศ และกำลังเตรียมตัวจะกลับบ้าน
ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าแรงกดดันที่จะต้องทำธุรกิจขาดทุนของเขาเบาบางไปเล็กน้อย หลังจากจัดการเรื่องรุ่ยหยู่เฉินกับโมหยูเดลิเวอรี่เรียบร้อย
แต่ขณะที่เขากำลังจะออกจากออฟฟิศก็ได้รับข้อความจากหวงซื่อปั๋ว
“บอสเผยครับ เงินค่าตั๋วหนังเข้าแล้วนะครับ!”
หัวใจของเผยเชียนตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
เร็วขนาดนี้เลยเรอะ!
ถึงเขาจะจัดการสั่งช็อกบำบัดเฟยหวงสตูดิโอไปแล้ว แต่เรื่องรายรับของหนังยังไม่จบ!
ในชั่วพริบตาเงินอีก 70 ล้านหยวนก็ถูกโอนเข้าบัญชีบริษัท.
เผยเขียนรู้สึกถึงแรงกดดันที่ถาโถมลงมาบนตัวอีกครั้ง
ไอ้เฟยหวงสตูดิโอนี่มีแต่สร้างเรื่องให้ไม่หยุดหย่อนจริงๆ!
แม้จะรู้อยู่แล้วว่าเงินก้อนนี้ต้องเข้าบัญชีมา แต่นี่มันเร็วกว่าที่คิดไว้ตั้งสามวัน เผยเชียนจึงรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย
ชายหนุ่มทำเป็นมองไม่เห็นข้อความแล้วยัดมือถือใส่ลงกระเป๋าเหมือนเดิม
“ไอ้หวงซื่อปั๋วนี่ วันๆ ไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรให้ฉันเลย! เหอะ ดีนะที่ฉันคิดไว้แล้วว่าจะเอาเงินก้อนนี้ไปทำอะไร
“ไม่งั้นมีหวังจบเห่แน่”
เผยเชียนตัดสินใจว่าพรุ่งนี้จะรีบออกไปจัดการเรื่องเงินให้เสร็จด้วยความเร็วแสง ถ้าไม่เห็นยอดเงินเขาก็จะได้ไม่หงุดหงิด!
…
หวงซื่อปั๋วหันมองโทรศัพท์หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง
บอสเผยยังไม่ตอบเขาเลย
“เฮ้อ บอสเผยคงยุ่งหัวหมุนอีกแล้วสินะ”
หวงซื่อปั๋วรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ตอนแรกเขาคิดว่าพอบอสเผยตอบกลับเขาจะรายงานเรื่องเรียนให้รู้
แต่บอสไม่ตอบ เขาเลยได้แต่เก็บความคิดนั้นเอาไว้ในใจ
หลังจากสงบใจและคิดอยู่ครึ่งชั่วโมงเขาก็เปลี่ยนใจ
ชายหนุ่มตัดสินใจไม่บอกให้บอสรู้ ɴᴏᴠeʟɢu.ᴄᴏm
ปกติเจ้านายทั่วไปจะมีปฏิกิริยาอยู่สองอย่างถ้ารู้ว่าลูกน้องเริ่มหาความรู้เพิ่มเติมให้ตัวเองเก่งขึ้น อย่างแรกคือคิดว่าลูกน้องน่าจะว่างมากจนต้องหาอะไรทำ อย่างที่สองคือคิดว่าอยากเพิ่มสกิลตัวเองเพื่อไปสมัครงานที่บริษัทอื่น
แบบนี้เผลอๆ บอสจะใจร้ายกับลูกน้องและบีบพวกเขามากขึ้นอีก
แต่หวงซื่อปั๋วรู้ดีว่าบอสเผยไม่ใช่เจ้านายแบบนั้น
บอสเผยเป็นคนดีที่ให้ความสำคัญกับเวลาพักและความเป็นส่วนตัวของลูกน้องมาก เพราะแบบนี้เลยไม่มีใครที่เถิงต๋าคิดเปลี่ยนงานแม้แต่คนเดียว
ถ้าทุกคนใช้เวลาว่างในการพัฒนาตัวเอง ก็จะทำงานที่บอสเผยมอบหมายมาได้ดีกว่าเดิม และยังตระหนักถึงคุณค่าของตัวเองมากขึ้นอีกด้วย
แต่ต่อให้เป็นแบบนั้นก็ยังไม่มีความจำเป็นต้องรายงานให้บอสรู้
หวงซื่อปั๋วรู้สึกว่าเรื่องแบบนี้ไม่ควรเอามาทำให้เป็นเรื่องใหญ่ในเถิงต๋า แล้วเขาจะบอกบอสเผยไปทำไม
บอกไปก็น่าจะไม่ดีต่อตัวเขาเองเพราะดูเหมือนเอาหน้า
บอสเผยเกลียดคนชอบเอาหน้าที่สุด
ดังนั้นหวงซื่อปั๋วจึงโยนความคิดนี้ทิ้งไป และเริ่มคุยเรื่องแผนการเรียนรู้กับคนอื่นๆ ในเฟยหวงสตูดิโอในแชตกลุ่มแทน
…
วันอังคารที่ 12 เมษายน
เผยเชียนนั่งอยู่ในรถพร้อมแผนที่บนหน้าจอที่บอกว่าเขากำลังไปไหน : คอมมูนิตี้สู่กวง[1] ซึ่งเป็นคอมมูนิตี้ที่ค่อนข้างหรูหราในเมืองจิงโจวทีเดียว
ที่เผยเชียนสนใจคอมมูนิตี้นี้เพราะเหตุผลสองข้อด้วยกัน ข้อแรกคือคอมมูนิตี้นี้อยู่ใกล้บริษัท เขาเดินยี่สิบนาทีก็ถึง อีกข้อคือคอมมูนิตี้นี้มีสิ่งที่เขาอยากได้อยู่
แต่จะรู้ว่าตรงปกหรือเปล่าเขาต้องไปดูของจริงที่หน้างานจริง
เผยเชียนตัดสินใจได้แล้วว่าจะเอาเงินที่ได้จากยอดขายตั๋ววันพรุ่งนี้ที่สดใสไปทำอะไร
ซื้อตึกยังไงล่ะ!
แน่นอนว่าต้องไม่ใช่ตึกธรรมดา
ระบบไม่ให้เผยเชียนเก็งกำไรจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ก็ไม่ได้ห้ามให้เผยเชียนเอาเงินไปซื้อตึก ความแตกต่างคือตึกที่ซื้อนั้นเขาต้องเอามาใช้ดำเนินธุรกิจ
ก็เหมือนตอนที่เขาซื้อวิลล่ามาทำครัวส่วนตัวหมิงหยุน เขาจะซื้อแล้วปล่อยมันทิ้งไว้เฉยๆ ไม่ได้ แต่สามารถเปิดเป็นร้านอาหารได้
คราวนี้เผยเชียนจะซื้อตึกมาทำแบรนด์เพื่อปล่อยเช่า เขาตั้งชื่อเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วว่า ‘บ้านจอมเฉื่อย’
ธุรกิจใหม่นี้มีข้อดีสามข้อด้วยกัน
ข้อแรกคือการซื้อตึกต้องใช้เงินก้อนใหญ่ ตอนนี้เงินตั้งต้นของเผยเชียนคือ 20 ล้านหยวน สินทรัพย์ถาวรคิดเป็น 10% แปลว่าเขาใช้เงิน 60-70 ล้านหยวนซื้อตึกได้ เขาสามารถใช้ตึกนี้เป็นสวัสดิการให้พนักงานได้ด้วย เผยเชียนจะย้ายเข้ามาอยู่ในตึกนี้แล้วใช้เงินจากระบบจ่ายก็ได้
ไหนจะค่าตกแต่ง ค่าเฟอร์นิเจอร์ ค่าทำความสะอาดรายวัน ค่าซ่อมนู่นซ่อมนี่ แถมยังมีค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆ อีก… ทุกอย่างเป็นค่าใช้จ่ายได้หมด
แน่นอนว่าแผนการนี้ก็มีความเสี่ยงอยู่เหมือนกัน
ความเสี่ยงที่ว่านั้นก็คือถ้าแบรนด์เกิดดังขึ้นมาแล้วทุกคนแห่เข้ามาจองต้องทำกำไรได้แน่
แต่เผยเชียนก็คิดถึงปัญหานี้ไว้แล้ว และหาทางออกเพื่อไม่ให้มันทำกำไรได้แล้วด้วย
อย่างแรกคือประเภทห้อง อย่างที่สองคือราคาขาย
เขาดูแปลนของตึกจากมือถือแล้วก็เห็นว่าตึกที่อยู่ในคอมมูนิตี้สู่กวงนั้นเป็นตึก ‘ระดับไฮเอนด์’ ที่หาได้ยากมากๆ
ตึกที่ ‘ไม่เคยสิ้นแสง’ แห่งนี้แสงสว่างสามารถส่องเข้ามาได้ 360 องศาจากทิศตะวันออก ตะวันตก เหนือและใต้โดยไม่มีมุมบอดเลย!
ตึกรูปทรงกระบอกนี้รับแสงอาทิตย์ตอนกลางวันและรับแสงจันทร์ตอนกลางคืน
ได้รับแสงไปเต็มๆ ทั้งกลางวันกลางคืนแบบนี้ เหมาะกับการทำงานแบบไม่หลับไม่นอนเป็นที่สุด
พอเผยเชียนเห็นแปลนเขาก็รู้สึกอยากก่นด่าขึ้นมาทันที ตึกหลังนี้เหมาะที่สุดกับการเป็นเรือนกระจกให้ดอกทานตะวัน รับรองว่าคนที่อยู่ในตึกต้องได้สังเคราะห์แสงทั้งวันทั้งคืนชนิดไม่พลาดสักวินาทีเดียว
แต่ตึกแบบนี้แหละคือสิ่งที่เผยเชียนกำลังตามหา!
……………
[1] 曙光 แปลว่ารุ่งอรุณ