เผยเชียนยิ้มน้อยๆ จากนั้นก็ยกกาน้ำชาที่อยู่ข้างตัวขึ้นมารินน้ำชาใส่ถ้วย ก่อนจะยัดมันใส่มือรุ่ยหยู่เฉิน
“ตอบได้ดี”
รุ่ยหยู่เฉินรีบรับถ้วยชาไว้ด้วยสีหน้างุนงง
ตอบได้ดีเหรอ
แปลว่าอะไรกัน
ฉันตอบไปว่า ‘ผมไม่รู้ครับ!’ นะ
ปกติบอสเผยไม่ใช่พวกเอะอะก็ชมใครสุ่มสี่สุ่มห้าซะหน่อย!
หรือบอสจะคิดว่าฉันซื่อสัตย์กว่าคนอื่นเพราะพูดความจริง
ไม่น่าจะใช่
ความซื่อสัตย์เป็นสิ่งดีก็จริง แต่คนอย่างบอสเผยไม่เอ่ยปากชมใครแค่เพราะคนคนนั้นซื่อสัตย์แน่นอน!
หรือบอสเผยจะรู้ว่าฉันแกล้งโง่ เขารู้ว่าฉันพยายามรักษาหน้าเขา ก็เลยพอใจกับคำตอบของฉันเหรอ
ไม่สิ ไม่น่าเป็นไปได้
บอสเผยไม่ได้เป็นคนมองอะไรตื้นๆ แบบนั้น
หรือว่าคำตอบของฉันดันไปตรงกับความหมายเบื้องลึกของคำถามนี้กันนะ
หลังจากตัดคำตอบที่ไม่น่าใช่ออกไปสองข้อ ฟันเฟืองในสมองของรุ่ยหยู่เฉินก็เริ่มหมุนอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ตระหนักได้ว่าภายใต้คำชมของบอสเผยต้องมีข้อมูลสำคัญซ่อนอยู่ไม่น้อยแน่
หรือจริงๆ แล้วบอสเผยตั้งใจวางโมเดลธุรกิจของโมหยูเดลิเวอรี่ผิดๆ เพราะมีเหตุผลเบื้องลึกอื่นกันแน่
บอสถามเพราะอยากทดสอบดูว่าฉันเข้าใจความหมายที่แท้จริงหรือเปล่า
ถ้าฉันทะเล่อทะล่าตอบไปตามจริงว่า ‘โมเดลธุรกิจแบบนี้เห็นทีจะไม่มีวันได้กำไร’ บอสเผยจะรู้ว่าฉันมองธุรกิจนี้แบบผิวเผิน ไม่ได้มองทะลุไปถึงนัยเบื้องลึกที่ซ่อนอยู่อีกชั้น
การที่ฉันตอบไปว่า ‘ผมไม่รู้ครับ!’ แปลว่าฉันเห็นกลยุทธ์ที่แท้จริงทั้งสองชั้นของโมเดลธุรกิจนี้
ถึงจะตอบไม่ถูกต้องตรงเผง แต่ฉันก็ยังมองได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
งานนี้ไม่ได้ร้อยคะแนนเต็มก็ต้องได้อย่างน้อยหกสิบแหละ
เพราะแบบนี้บอสเผยถึงได้เอ่ยปากชม…
ความคิดวิ่งผ่านหัวสมองของรุ่ยหยู่เฉินเป็นฉากๆ
เผยเชียนมองใบหน้าหนักใจของรุ่ยหยู่เฉินแล้วก็คิดว่าหมอนี่คงกำลังกังวลอยู่แน่ๆ ชายหนุ่มจึงอดยิ้มออกมาไม่ได้
“ไม่ต้องเครียดไป ต่อให้โมหยูเดลิเวอรี่ไม่ทำกำไรก็ไม่เป็นไร เข้าใจนะ”
หัวใจของรุ่ยหยู่เฉินกระตุกทันที
เป็นอย่างที่คิดไม่มีผิด โมหยูเดลิเวอรี่ไม่ได้ถูกสร้างมาให้ทำกำไรตั้งแต่แรก แปลว่าเป้าหมายหลักของกิจการนี้คืออย่างอื่น!
แล้วมันคืออะไรกันล่ะ
ตั้งใจจะให้เป็นสวัสดิการพนักงานเหรอ
หรือมีไว้เป็นแขนเป็นขาให้กิจการอื่นๆ แบบนี้เถิงต๋ากรุ๊ปก็จะได้แทรกซึมเข้าไปอยู่ในทุกมิติการใช้ชีวิตของผู้บริโภค
หรือตั้งใจมีขึ้นเพื่อกระตุ้นให้คนทั่วไปได้กินอาหารที่มีประโยชน์ ทุกคนจะได้สุขภาพดีขึ้นกันแน่
ตัวเขาเองไม่แน่ใจว่าเป็นเหตุผลไหน แต่ต้องเป็นหนึ่งในสามข้อนี้แน่นอน!
รุ่ยหยู่เฉินรู้สึกดีใจเล็กน้อยที่คำตอบ ‘ผมไม่รู้ครับ’ ของเขาดันถูกต้องตรงเป๊ะพอดี!
ถึงตอนวิเคราะห์หาคำตอบที่ถูกต้องจะอ้อมโลกไปมาก แต่สุดท้ายก็ได้คำตอบที่ถูกมาจนได้
พอคิดได้แบบนี้เขาก็ใจชื้นขึ้นมา รีบหันมาตั้งใจฟังแทน
เผยเชียนพูดต่อ “ผมให้คุณมาวันนี้เพราะมีภารกิจอยากมอบหมายให้
“อย่างแรกคือ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปโมหยูเดลิเวอรี่จะแยกเป็นเอกเทศจากร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู แปลว่าต่อจากนี้คุณต้องขึ้นตรงกับผมโดยตรงไม่ใช่เซี่ยวเผิง
“โมหยูเดลิเวอรี่จะมีหน้าร้านเป็นของตัวเองแล้วก็จะขยายสาขามากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ต้องเดินตามกลยุทธ์ของร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูแล้ว
“คุณอาจจะสงสัยใช่ไหมล่ะว่าจะเอาเงินมาจากไหน
“มาเอาที่ผมได้เลย”
“เรื่องที่สองคือ ผมอยากให้คุณไปจ้างนักโภชนาการและผู้เชี่ยวชาญที่ค่าตัวแพงๆ มาเตรียมตั้ง ‘ห้องวิจัยอาหารเลิศรส’ เพื่อคิดค้นเมนูอาหารเพื่อสุขภาพใหม่ๆ ที่เหมาะกับโมหยูเดลิเวอรี่ นอกจากนี้ยังต้องซื้อพวกภาชนะใส่อาหารและวัตถุดิบที่หลากหลายขึ้นด้วย ทั้งหมดนี้เพื่อทำให้อาหารของโมหยูเดลิเวอรี่อร่อยมากยิ่งขึ้น‘’
“เรื่องที่สามก็คือ คุณต้องไปพัฒนาอาหารสำหรับคนออกกำลังกายมา”
เผยเชียนคิดเรื่องการปรับโครงสร้างภายในของโมหยูเดลิเวอรี่มาสักพักแล้ว
โมหยูเดลิเวอรี่ก่อตั้งมาเกินหนึ่งปีแล้ว กิจการนี้แก้ปัญหาเรื่องปากท้องของพนักงานได้เป็นอย่างดี แถมยังทำหน้าที่ละลายเงินจนขาดทุนได้อย่างยอดเยี่ยม ถึงจำนวนเงินที่ติดลบของโมหยูเดลิเวอรี่จะน้อยนิดมากเมื่อเทียบกับกิจการอื่นๆ ที่ทำกำไรได้ แต่บอสเผยก็รู้ดีว่ากิจการนี้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ขนาดไหน
แต่ก่อนหน้านี้โมหยูเดลิเวอรี่ผูกติดกับร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู หากเผยเชียนอยากขาดทุนกับโมหยูเดลิเวอรี่เพิ่ม เขาก็ต้องเปิดสาขาให้มากขึ้น ซึ่งแปลว่าต้องเปิดร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูให้เยอะกว่าเดิมไปด้วย แต่ปัญหาก็คือร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูกำไรดีจนหักกลบลบหนี้ที่เกิดจากโมหยูเดลิเวอรี่ไปจนหมด
แล้วมันก็เป็นวงจรอุบาทว์วนไปแบบนี้
เพราะแบบนี้เผยเชียนจึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะแยกโมหยูเดลิเวอรี่ออกมาเป็นเอกเทศ
เขาอยากเปิดร้านโมหยูเดลิเวอรี่เพิ่มเพื่อผลาญค่าเช่าที่ จากนั้นก็เปิดเพิ่มเรื่อยๆ ตามใจชอบ
นอกจากนี้เผยเชียนยังคิดว่าเขาเอาเงินไปเททิ้งกับการพัฒนาคุณภาพของโมหยูเดลิเวอรี่ได้อีกด้วย
แน่นอนว่าเขาขายอาหารจานด่วนไม่ได้เนื่องจากกำไรดีเกินไป เผยเชียนไม่อยากทำร้านอาหารจานด่วนแบบไก่ทอดลุงหนวดชุดขาวหรือร้านที่มีโลโก้รูปภูเขาสีทองสองยอด เพราะถ้าขายดีเกินไปจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ตามมา
สิ่งที่เผยเชียนคิดไว้ว่าอยากขายคืออาหารเพื่อสุขภาพที่ดูแล้วหมดความอยากอาหาร อาหารสำหรับเล่นกล้ามลดน้ำหนักกับอาหารลดมัน อาหารประเภทนี้ราคาสูง แปลว่าต้องจับตลาดลูกค้าทั่วๆ ไปไม่ได้แน่นอน
คิดแล้วก็นึกถึงมุกตลกเกี่ยวกับร้านอาหารเดลิเวอรี่ขึ้นมาได้
ทำไมอาหารเพื่อสุขภาพอย่างสลัดผักถึงขายแบบเดลิเวอรี่ได้ไม่ดี
ชาวเน็ตตอบว่า ‘ฉันอุตส่าห์สั่งอาหารเดลิเวอรี่แล้ว ยังจะสนใจทำบ้าอะไรว่าอาหารที่สั่งดีต่อสุขภาพรึเปล่า’
แน่นอนว่าทุกคนบนโลกไม่ได้คิดแบบนี้ แต่ก็มีเค้าโครงความจริงอยู่
คนส่วนมากสั่งอาหารเดลิเวอรี่เพราะอยากกินอะไรมันๆ เค็มๆ แล้วจะสั่งสลัดผักสุขภาพดีที่จืดชืดไร้รสชาติมาทำแมวอะไร
เพราะแบบนี้เผยเชียนจึงคิดว่าการจับอาหารเพื่อสุขภาพน่าจะเป็นตัวเลือกที่เสี่ยงน้อยที่สุด พวกพนักงานออฟฟิศยุคใหม่อาจจะกิน แต่คนแบบนั้นก็ไม่ได้มีเยอะอะไร
เอกลักษณ์ของโมหยูเดลิเวอรี่ (การเก็บภาชนะมาล้างใช้ใหม่) ทำให้กิจการนี้ไม่ทำกำไรจนกว่าจะขยายไปได้ถึงจุดหนึ่ง
อาหารสำหรับคนออกกำลังกายสามารถบังคับขายพ่วงไปกับสมาชิกฟิตเนสได้ ทำให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนโดนยัดเยียดจนไม่อยากเป็นทั้งสมาชิกฟิตเนสและไม่อยากอุดหนุนร้านอาหาร แบบนี้ถ้าไม่เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว!
เผยเชียนรู้สึกทึ่งกับสติปัญญาของตนเองมาก
รุ่ยหยู่เฉินเงียบไปหลังจากได้ยินสิ่งที่บอสเผยพูด
กิจการกำลังขาดทุนตัวแดงแจ๋ แต่เขากลับได้เลื่อนตำแหน่งเฉย!!!
ตอนนี้โมหยูเดลิเวอรี่และร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูมีศักดิ์ศรีเท่ากันแล้ว แถมเขายังได้ทำงานกับบอสเผยโดยตรงด้วย
ใครที่ดูหนังจีนกำลังภายในบ่อยๆ ย่อมรู้ดีว่าผู้ที่สามารถรายงานต่อหน้าจักรพรรดิได้โดยตรงนั้นมีอำนาจมากขนาดไหน!
นั่นแปลว่าโมหยูเดลิเวอรี่จะไม่ต้องตกเป็นเบี้ยล่างของร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูอีกต่อไป นับจากนี้โมหยูเดลิเวอรี่จะแยกตัวออกมาพัฒนาธุรกิจของตัวเองได้แล้ว!
ห้องวิจัยอาหารเลิศรสและอาหารสำหรับคนออกกำลังกายนั้นไม่ได้คิดขึ้นมาเล่นๆ แน่นอน
การที่บอสเผยคิดเรื่องห้องวิจัยอาหารรสเลิศขึ้นมาแปลว่าเขาให้ความสำคัญกับอนาคตของโมหยูเดลิเวอรี่มาก ส่วนอาหารสำหรับคนออกกำลังกาย เป็นความตั้งใจของบอสเผยที่จะใช้กิจการอื่นเพื่อทำให้โมหยูเดลิเวอรี่ไปได้ด้วยดี!
ทั้งสามส่วนนี้มีนัยสำคัญซ่อนอยู่
ทำให้ดีที่สุด! ฉันจะสนับสนุนนายเต็มที่!
รุ่ยหยู่เฉินอดตื้นตันใจไม่ได้ เขามั่นใจในความคิดแรกของตนเองแล้ว!
คำถามแรกของบอสเผยมีความหมายแฝงอยู่อีกขั้นจริงๆ ด้วย!
ที่โมหยูเดลิเวอรี่ขาดทุนเป็นเพราะโมเดลธุรกิจไม่เอื้อให้ทำกำไร
อาหารเพื่อสุขภาพโดยธรรมชาติแล้วไม่ได้ปรุงรสจัด ทำให้ไม่น่ากินตั้งแต่แรก
แถมการที่ต้องมาคอยเก็บ ล้าง ฆ่าเชื้อ แล้วเอาภาชนะมาใช้ใหม่ก็เพิ่มต้นทุนเข้าไปอีก กิจการนี้จะคุ้มทุนก็ต่อเมื่อขยายได้ถึงระดับหนึ่งเท่านั้น
แปลว่าการทำให้โมหยูเดลิเวอรี่มีกำไร… เป็นเรื่องรองสำหรับบอสเผย
แล้วเป้าหมายแรกของบอสคืออะไรน่ะเหรอ
ตอนแรกรุ่ยหยู่เฉินแค่เดาเท่านั้น แต่ตอนนี้เขามั่นใจแล้ว
เป้าหมายของโมหยูเดลิเวอรี่คือการเป็นผู้นำเทรนด์ให้ผู้บริโภคหันมาสนใจอาหารเพื่อสุขภาพ เพื่อให้พวกเขาแข็งแรงขึ้นนั่นเอง! ในขณะเดียวกัน เถิงต๋ากรุ๊ปก็จะสร้างรากฐานที่มั่นคงไว้ล่วงหน้าเพื่อพัฒนากิจการที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมนี้ต่อไปในอนาคต!
บอสเผยน่าจะวางเป้าเอาไว้แบบนี้ตั้งแต่ก่อตั้งโมหยูเดลิเวอรี่แล้ว แต่ด้วยปัญหาเรื่องเงินทุนและธรรมชาติของธุรกิจ ทำให้ยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้ พอยังเดินตามแผนที่วางไว้ไม่ได้ ก็เลยไม่ได้บอกอะไรให้คนที่ดูแลโมหยูเดลิเวอรี่รับรู้
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะพร้อมแล้ว
โมหยูเดลิเวอรี่ขยายกิจการมาถึงจุดที่มีฐานลูกค้ามากพอแล้ว
พวกเขาจึงสามารถขยายสาขาให้มากขึ้นและสร้างเทรนด์ ‘อาหารเพื่อสุขภาพ’ ได้เสียที แบบนี้อีกไม่นานก็คงพลิกกลับมาทำกำไรได้
เหมือนที่คิดเอาไว้ไม่มีผิดเลย บอสเผยคำนวณเอาไว้แล้วว่าต้องยอมปล่อยให้โมหยูเดลิเวอรี่ขาดทุนไปก่อน!
รุ่ยหยู่เฉินอยากจะร้องดังๆ ให้ใครต่อใครได้รู้ทั่วกันว่า บอสเผย ผมเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วครับ! ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมก่อนหน้านี้โมหยูเดลิเวอรี่ถึงขาดทุนมาตลอด! ผมเข้าใจโมเดลธุรกิจนี้อย่างถ่องแท้แล้วจริงๆ !
แต่พอเห็นรอยยิ้มบางของบอสเผย รุ่ยหยู่เฉินก็รู้ว่าเขาไม่ต้องประกาศอะไรออกไปทั้งนั้น
บอสเผยคงคิดแล้วว่าอีกเดี๋ยวเขาก็ต้องคิดได้เองแน่ๆ
ถ้าจู่ๆ เขากระโตกกระตากประกาศออกไปคงดูประเจิดประเจ้อมาก
ทุกคนรู้ดีว่าบอสเผยไม่ชอบลูกน้องที่ชอบเอาหน้าแสดงออกว่าตัวเองเก่ง บอสชอบลูกน้องที่ทำงานหนัก พูดถึงแต่ปัญหาไม่ใช่ความสำเร็จ
พอรุ่ยหยู่เฉินประมวลผลได้ เขาก็ตอบออกมาประโยคเดียวสั้นๆ
“วางใจได้เลยครับบอส ผมจะทำเต็มที่ให้ภารกิจนี้สำเร็จให้ได้ บอสไม่ผิดหวังแน่นอนครับ!”
เผยเชียนพยักหน้าด้วยความพอใจโนlวลกูดอทคoม
อืม ว่านอนสอนง่ายดี!
…
ขณะเดียวกัน
หวงซื่อปั๋วกำลังนอนเอกเขนกอยู่บนโซฟาในที่พักของตนเอง จู่ๆ เขารู้สึกเบื่อขึ้นมาหลังจากนอนดูหนังฝรั่งมาพักใหญ่
ผ่านมาเกินสัปดาห์แล้วตั้งแต่เฟยหวงสตูดิโอโดนช็อกบำบัด
วันพรุ่งนี้ที่สดใสกำลังจะออกฉายที่ต่างประเทศ รายรับจากการฉายในประเทศก็กำลังจะเข้าบัญชีกิจการเช่นกัน
บอสเผยตัดสินใจช็อกบำบัดเฟยหวงสตูดิโอเป็นเวลาสี่เดือน แต่เพิ่งผ่านมาสัปดาห์นิดๆ หวงซื่อปั๋วก็ทนไม่ไหวแล้ว
“อยู่บ้านว่างเกินไป…”
การได้เงินเดือนแถมได้ลาพักร้อนไปด้วยก็ฟังดูดีหรอก แต่ถ้าต้องมาอยู่บ้านดูหนังทุกวันแบบนี้ให้ตายซะยังดีกว่า!
หวงซื่อปั๋วอยากไปทำงานใจจะขาดแต่ก็ไม่กล้าโผล่หน้าไป.
ในเมื่อบอสเผยอยากใช้ช็อกบำบัดกับเฟยหวงสตูดิโอ พวกเขาก็ต้องก้มหน้าก้มตาทำตามนายสั่ง
หากบอสเผยจับได้ว่าเขาแอบไปทำงาน เรื่องนี้คงจบไม่สวยแน่
แต่จะให้นอนหายใจทิ้งไปแบบนี้สี่เดือนเลยน่ะเหรอ
นอนตายให้หนอนแทะยังมีประโยชน์กว่า!
หวงซื่อปั๋วหยิบโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความไปในแชตกลุ่มของเฟยหวงสตูดิโอ “เบื่อโว้ยยยยย!!!”
หลายคนตอบกลับอย่างพร้อมเพรียงกัน
“มาก!”
“ฉันดูหนังจบสี่เรื่องในวันเดียว จะตายแล้วเนี่ย”
“คิดถึงตอนถ่ายทำเรื่องวันพรุ่งนี้ที่สดใสจัง”
“ฉันก็คิดถึงตอนนั้นเหมือนกัน สนุกมากเลยเนอะ รู้สึกเหมือนได้ทำอะไรสักอย่างจนสำเร็จ ตอนนี้พอได้หยุดพักร้อนแบบรับเงินเดือน ฉันรู้สึกไร้ประโยชน์มากเลย”
ทุกคนพากันบ่นขรม
หวงซื่อปั๋วถอนใจเงียบๆ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้มีปัญหานี้คนเดียว ทุกคนก็รู้สึกแบบเดียวกัน!
จูเสี่ยวเช่อตอบ “อย่าบ่นเลยทุกคน หลังจากคิดมาสามวัน ผมก็คิดออกว่าปัญหาคืออะไร”
หวงซื่อปั๋วถามกลับอย่างรวดเร็ว “ปัญหาอะไร”
จูเสี่ยวเช่อตอบ “บอสเผยพูดว่า ‘ช็อกบำบัด’ ไม่ใช่ ‘ลาพักร้อนแบบรับเงินเดือน’”
หวงซื่อปั๋วงงกับสิ่งที่ได้ยิน “มันต่างกันตรงไหน พวกเราก็ลาพักร้อนแบบรับเงินเดือนอยู่นี่”
จูเสี่ยวเช่อส่งอีโมจิ ‘ครุ่นคิด’ กลับมา “ไม่ๆๆ มันต่างกันสิ”
“พักร้อนแบบรับเงินเดือนแปลว่าได้พักหลังจากทำงานหนัก แบบนั้นน่ะสัปดาห์เดียวก็พอแล้ว
“แต่นี่บอสเผยให้เรามาสี่เดือนเต็มๆ
“แบบนี้มันไม่เรียกว่าพักแล้ว
“และเพราะมันไม่ใช่การให้พักไง บอสเผยถึงใช้คำว่า ‘ช็อกบำบัด’”
หวงซื่อปั๋วงงเป็นไก่ตาแตก “‘ช็อกบำบัด’ ของคุณแปลว่าอะไร”
จูเสี่ยวเช่อตอบ “‘ช็อกบำบัด’ เป็นหลักคิดทางเศรษฐศาสตร์ เป็นการใช้มาตรการรุนแรงในการกอบกู้สภาวะทางเศรษฐกิจที่ไม่สมดุลมหาศาล เพื่อให้ระดับอุปสงค์และอุปทานกลับมาสมมาตรกันอีกครั้ง
“ซึ่งบางครั้งมันก็อาจทำให้สังคมนั้นๆ เดินหน้าไปตามปกติไม่ได้ไปพักหนึ่งเลย แต่ถ้าทำอย่างถูกวิธี หลังจากผ่านความยากลำบากมาได้ สถานการณ์ก็จะกลับมาปกติสุขอีกครั้ง
“ตอนนี้เฟยหวงสตูดิโอของเรากำลังเจอสถานการณ์นี้อยู่”
หวงซื่อปั๋วงงเล็กน้อย “เปล่านี่ บริษัทเราไม่ได้กำลังเจอ ‘ความไม่สมดุลมหาศาล’ หรือกำลังเจอปัญหาใหญ่อยู่เสียหน่อย…”
จูเสี่ยวเช่อตอบ “ลองคิดดูดีๆ สิ
“แน่ใจเหรอว่าเราไม่ได้กำลังเจอความไม่สมดุลภายในอยู่
“ผมเรียนจบการกำกับภาพยนตร์มาไม่ถึงสองปี ส่วนพี่หวงก็เพิ่งย้ายสายงานมาจากธุรกิจเกมไม่นาน คนอื่นๆ ในทีมก็มาจากสายวิชาการ มีใครในกลุ่มพวกเราที่เคยทำหนังจนประสบความสำเร็จมาก่อนบ้าง
“สตูดิโอของเราเริ่มจากหนังสั้นมาก่อน พอมาทำหนังครั้งแรกก็ดังระเบิดทำรายได้ไปสองร้อยล้านหยวน
“ไหนใครกล้าพูดว่าไม่เริ่มหลงตัวเองบ้างหลังจากเจอแบบนี้เข้าไป ยังไงสติสตังก็ต้องเริ่มไม่อยู่กับร่องกับรอยบ้างแหละ
“ทุกคนคิดเหมือนกันใช่ไหมว่าทำหนังรายได้สองร้อยล้านก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น”
ทุกคนเงียบกริบ
หวงซื่อปั๋วสงบจิตสงบใจแล้วลองถามตัวเองดู ผู้กำกับจูเสี่ยวเช่อพูดถูกแล้ว
ใช่เลย ตอนนี้ทุกคนในบริษัทกำลังอยู่ในสภาวะหลงระเริงสุดๆ!
แต่จะคิดแบบนี้ก็ปกติไม่ใช่เหรอ พวกเขาทำหนังเรื่องแรกก็โกยเงินไปได้สองร้อยล้านแล้ว จะให้ไม่เหลิงก็คงยากไปหน่อย
หวงซื่อปั๋วพิมพ์ตอบ “แล้วช็อกบำบัดมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้”
จูเสี่ยวเช่อตอบอย่างรวดเร็ว “พี่ลองคิดดูนะ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราทำหนังเรื่องต่อไปด้วยทัศนคติแบบนี้
“ความสำเร็จของวันพรุ่งนี้ที่สดใสเกิดขึ้นได้เพราะข้อหนึ่งบทหนังที่บอสเผยเขียนนั้นดีมาก ข้อสองทุกคนแชร์แรงบันดาลใจร่วมกัน นี่คือสิ่งที่ทำให้หนังของเราดังเป็นพลุแตกได้ขนาดนี้ สุดท้ายคือเราตั้งใจถ่ายทำกันมากเพราะว่านี่เป็นหนังเรื่องแรกของเรา
“แล้วตอนนี้ล่ะ
“ตอนนี้ผมมั่นใจว่าบอสเผยจะต้องคิดบทดีๆ ออกมาได้แน่นอน แต่พวกเราไม่เหลือแรงบันดาลใจอะไรแล้ว ตอนนี้เรากำลังหลงระเริง ไม่มีทางที่จะกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนได้
“ตอนนี้ถ้าจะถ่ายหนังอีกเรื่องเราต้องทำพังแน่!
“แน่นอนว่าบอสเผยเห็นความไม่ปกติของสภาพจิตใจทุกคนในเฟยหวงสตูดิโอ เขาเลยใช้การช็อกบำบัดให้เราได้คิดทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและปรับทัศนคติเราใหม่!”
น้ำเย็นๆ นี้สาดใส่พวกเขาอย่างจัง
หวงซื่อปั๋วรู้สึกได้ว่าทุกอย่างฟังสมเหตุสมผลมากๆ!
เขารีบถามต่อทันที “แล้วเราควรทำยังไง นอนอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ต้องทำอะไรเหรอ”
จูเสี่ยวเช่อตอบ “คิดทบทวนและปรับความคิดให้กลับไปเป็นเหมือนก่อน อีกอย่างที่สำคัญมากคือต้องเรียกแรงบันดาลใจของตัวเองกลับมา
“ในวงการหนังจะใช้แค่แรงไม่ได้ ถ้าไม่มีแรงบันดาลใจเราก็ทำได้แค่ผลิตหนังห่วยๆ ออกมา มีหวังเราจะทั้งขาดทุนทั้งโดนด่ายับ
“เราต้องมีแรงบันดาลใจถึงจะสร้างงานดีๆ ออกมาได้
“เพราะงั้นพวกเราต้องพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นให้ได้!”