วันจันทร์ที่ 4 เมษายน…
ตื่นเช้ามา เผยเชียนก็ทบทวนถึงเป้าหมายการทำงานที่ปรับเปลี่ยนมาตลอดสองวันนี้
อย่างแรก เขาต้องจัดสรรหน้าที่ใหม่ให้ฝ่ายเกมเถิงต๋าและฉางหยางเกมส์ที่ทำกำไรได้ตลอด!
ฉางหยางเกมส์ต้องทุ่มกำลังไปกับการดูแลเซิฟเวอร์ในประเทศของเกม IOI
เผยเชียนยังต้องหางานใหม่ให้ฝ่ายเกมเถิงต๋าทำด้วย
เพราะเกม IOI ย่อมไม่มีทางเอาชนะเกม GOG ได้แน่ ถ้าขืนยังปล่อยให้หูเสี่ยนปินพัฒนาเกม GOG สร้างฮีโร่ตัวใหม่ๆ แล้วทุ่มทุนไปกับการประชาสัมพันธ์อยู่แบบนี้
ยังไงตอนนี้ GOG ก็เป็นที่นิยมของเซิฟเวอร์ในประเทศแล้ว IOI จึงต้องหาวิธีดึงผู้เล่นจาก GOG มาที่ตัวเองให้ได้
ว่าแต่จะมอบหมายให้หูเสี่ยนปินทำอะไรดีล่ะ…
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เผยเชียนจึงตัดสินใจว่าคราวนี้เขาต้องสร้างเกมสแตนด์อโลนที่ไม่มีใครชอบ!
ความสำเร็จของหนังเรื่องวันพรุ่งนี้ที่สดใสส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อเผยเชียน มันทำให้เขาถึงกับตั้งคำถามกับชีวิต
ทั้งๆ ที่เขาคิดว่าหนังเรื่องนี้จะทำให้ผู้ชมรู้สึกยี้ แต่ทำไมกลับไม่มีใครยี้เลยสักคน ไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด!
หลังจากครุ่นคิดอย่างหนักเขาก็เริ่มเข้าใจ
มันเป็นเพราะมุมมองของหนังนั่นแหละ!
ถ้าผู้ชมเอาตัวเองเข้าไปเป็นตัวเอกของหนัง พวกเขาต้องรู้สึกโศกเศร้าท้อแท้จนอยากตายให้รู้แล้วรู้รอด
แต่นี่คือหนัง
จูเสี่ยวเช่อใช้เทคนิคภาพยนตร์ทำให้ผู้ชมดูหนังเรื่องนี้ในมุมมองพระเจ้า ดังนั้นคนดูจึงไม่มีทางรู้สึกลึกซึ้งเท่าที่ตัวละครรู้สึก พวกเขาจึงไม่ได้เอาตัวเองเข้าไปแทนที่ตัวละคร และมองเรื่องต่างๆ ด้วยความเห็นอกเห็นใจแทน
เมื่อเป็นอย่างนั้นความหมายของหนังก็จะเปลี่ยนไปทันที
สำหรับเผยเชียนแล้ว สิ่งนี้นับเป็นความผิดพลาดใหญ่หลวงที่สุดของการทำหนังเรื่องวันพรุ่งนี้ที่สดใส มันมีเส้นบางๆ ที่แบ่งระหว่างการขาดทุนมโหฬารและการทำเงินมหาศาล
พอรู้แบบนี้เผยเชียนจึงสรุปได้ว่าการป้อนยาขมให้คนดูไม่ใช่เรื่องที่ผิด
ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีคำกล่าวที่ว่า ‘จงยอมจำนนต่อความจริงเสียเถิด’ หรอก
แต่เขาต้องมีชั้นเชิงในการป้อนยาขมกับผู้ชมสักหน่อย
เขาต้องสร้างความรู้สึกร่วมที่รุนแรงมากๆ!
ขอแค่เขาสามารถทำให้ทุกคนอินไปกับชะตากรรมอันแสนเศร้าของตัวละครได้ เขาก็จะได้ผลลัพธ์อย่างที่ตัวเองปรารถนา
เผยเชียนรู้สึกว่าตัวเองค้นพบต้นตอของปัญหาแล้วว่าทำไมวันพรุ่งนี้ที่สดใสถึงทำกำไรได้ เขาแค่ต้องลองเอาทฤษฎีนี้ไปทดสอบดูว่าจริงหรือเปล่า
ว่าแต่เขาจะทดสอบยังไงดีล่ะ…
ตอนนี้เผยเชียนสั่งพักงานเฟยหวงสตูดิโอไปแล้ว ยิ่งกว่านั้นเขาก็ยังไม่อยากเข้าไปแตะงานวงการจอเงินในระยะเวลาไล่เลี่ยกันด้วย ตอนนี้เขายังเข็ดไม่หายเลย
เมื่อเทียบกันแล้ว เกมดูเป็นรูปแบบศิลปะที่น่าจะทำสิ่งนี้ให้สำเร็จได้มากกว่า!
ความเจ็บปวดที่เกิดจากการดูหนังอาจไม่รุนแรงพอจะทำให้ผู้ชมระทมได้มากเท่ากับการที่ผู้เล่นโดนรังแกในฐานะตัวละครหลัก
แน่นอนอาจมีคนบอกว่าเกม ‘กลับใจคือฟากฝั่ง’ ก็ไม่เห็นทำให้ผู้เล่นทรมานขนาดนั้นเลย มีแต่ทำให้ยิ่งเล่นยิ่งสนุกมากกว่า
นั่นเป็นความเข้าใจผิดอย่างมหันต์
‘กลับใจคือฟากฝั่ง’ เป็นเกมที่ทำให้ผู้เล่นรู้สึกทรมาน แต่สิ่งที่ผู้เล่นชอบในเกมนี้ไม่ใช่ความทรมานแต่เป็นความรู้สึกของการแข็งแกร่งขึ้นหลังจากอดทนผ่านความทรมานมาได้ต่างหาก ที่สุดแล้วมันคือความรู้สึกที่ว่าตัวเองสามารถเอาชนะความยากลำบากของชีวิตได้สำเร็จ
พูดอีกอย่างก็คือ คนที่เล่นเกมนี้ไม่ใช่พวกมาโซคิสต์ แต่พวกเขาซาดิสม์สุดๆ ไปเลยต่างหาก
เกือบทุกเกมบนโลกนี้ต้องให้ผลลัพธ์ที่ดีพอกับผู้เล่น เพื่อให้พวกเขาสนุกที่จะเล่นต่อ
เผยเชียนตัดสินใจแล้วว่าเกมใหม่นี้ต้องไม่ให้ผลลัพธ์ที่ดีกับผู้เล่นเลย และมีแต่จะส่งต่อพลังลบเท่านั้น!
นี่ก็เป็นวิธีบอกให้ ‘จำนนต่อความจริง’ อีกวิธีไม่ใช่เหรอ
เขาต้องสร้างเกมให้สมจริงที่สุด และทำให้ทุกคนเกลียดเขามากที่สุด!
คราวนี้บอสเผยตั้งใจจะลงมือเอง ไม่ก็เขียนเส้นเรื่องหลักของเกมเอง เพื่อป้องกันไม่ให้หูเสี่ยนปินตีความเจตนาของเขาผิดๆ อีก เขาต้องทำให้ผู้เล่นเข้าใจชัดเจนเสียที!
แน่นอนเผยเชียนรู้ดีว่าเกมนี้ไม่จำเป็นต้องขาดทุนก็ได้ ความผิดพลาดจากเกมนักออกแบบเกมเป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับเขา
ตอนนั้นเผยเชียนคิดเอาเองว่าบทบรรยายของเกมนักออกแบบเกมทำให้ผู้เล่นหัวร้อนสุดๆ แต่ผู้เล่นกลับไม่ติดอะไรเลย บทบรรยายเหล่านั้นกลับกลายเป็นข้อดีขึ้นมาซะอย่างนั้น
เรื่องราวทุกอย่างยิ่งบานปลายหลังจากอาจารย์เฉียวนำไปตีความใหม่จนเว่อร์วัง
เผยเชียนครุ่นคิดหาวิธีรับมือกับปัญหานี้เอาไว้แล้ว อย่าว่าแต่ตกม้าตายโง่ๆ เหมือนเดิมเลย เขาจะไม่มีวันให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเป็นอันขาด!
พูดง่ายๆ คือเผยเชียนได้บทเรียนและประสบการณ์มาทั้งจากหนังเรื่องวันพรุ่งนี้ที่สดใส และเกมนักออกแบบเกม และเขาจำเป็นต้องใช้ประสบการณ์ทั้งหมดสร้างงานชิ้นนี้ขึ้นมา!
…
ห้องรับรองของฝ่ายเกม…
หูเสี่ยนปินดูประหม่าอย่างเห็นได้ชัด
เผยเชียนเรียกเขาเข้ามาพบที่ห้องรับรองเพื่อเล่าคอนเซปต์ของเกมใหม่ให้ฟังเป็นการส่วนตัว
เผยเชียนไม่แม้แต่จะเรียกระดับหัวหน้าคนอื่นๆ อย่างหลี่หย่าต๋าและเปาซวี่เข้ามาฟังด้วยซ้ำ
นั่นเพราะคนพวกนั้นมีส่วนร่วมในการพัฒนาเกมนักออกแบบเกม และรู้ตื้นลึกหนาบางดีว่าทำไมเกมนี้ถึงประสบความสำเร็จ เผยเชียนกลัวว่าถ้าเรียกพวกเขาเข้ามาฟังด้วย จะทำให้โปรเจ็กต์ใหม่นี้หลงทิศหลงทางอีก
ดังนั้นเขาเลยตัดสินใจกันระดับหัวหน้าเหล่านั้นออกไปตั้งแต่แรก
เขาจะมอบหมายให้ระดับหัวหน้าที่เคยร่วมพัฒนาเกมนักออกแบบเกมไปดูแลความเรียบร้อยของเกม GOG แล้วเอากลุ่มพนักงานใหม่อย่างหูเสี่ยนปิน ที่ไม่เคยมีประสบการณ์พัฒนาเกมสแตนด์อโลนมาก่อนมาดูแลเกมใหม่นี้
และเพื่อให้แน่ใจว่าโปรเจ็กต์นี้จะไปถึงจุดที่เขาตั้งเป้าเอาไว้ คราวนี้เผยเชียนจึงคิดจะอธิบายทุกสิ่งให้หูเสี่ยนปินฟังอย่างชัดเจนครบถ้วน อีกฝ่ายจะได้ไม่เก็บเอาไปตีความเอง
เผยเชียนจิบชาสองสามอึกแล้วเริ่มเล่าไอเดียของตนเองให้ฟัง
“เกมนี้มีชื่อว่า ‘ดิ้นรน’ เป็นเกมแนวภาพยนตร์อินเทอร์แอ็กทีฟที่มีตีมสมจริง ตัวละครทุกตัวต้องสร้างขึ้นจากการทำโมชันแคปเจอร์[1]ความละเอียดสูง และคุณภาพของงานภาพจะต้องเทียบเท่ากับงานมาสเตอร์พีซระดับ AAA
“แน่นอนเนื่องจากเวลาในการผลิตไม่ได้นานมาก น่าจะไม่ต้องลงทุนสูงอะไร บางที…อาจแค่ต้องเตรียมเงินไว้สัก 40 ล้านหยวน ถ้าไม่พอเดี๋ยวผมทบเพิ่มให้
“ตั้งระยะเวลาพัฒนาเกมไว้คร่าวๆ ที่ห้าเดือนก่อน พยายามปล่อยเกมให้ทันวันที่ 1 กันยายน”
หูเสี่ยนปินถึงกับไปต่อไม่เป็น
อะไรกันวะเนี่ย
เกมแนวภาพยนตร์อินเทอร์แอ็กทีฟที่มีตีมสมจริงงั้นเหรอ
นี่มันส่วนผสมจากสวรรค์ชั้นไหนกัน
เกมแนวภาพยนตร์อินเทอร์แอ็กทีฟที่ว่าคือเกมแนวอ่านเนื้อเรื่องที่มีภาพกราฟิกละเอียดสวยงาม เมื่อเริ่มเกม ผู้เล่นจะสามารถเลือกเส้นทางที่แตกต่างกัน และนำไปสู่จุดจบที่แตกต่างกันได้ พวกเขาแค่ต้องตัดสินใจเลือกตัวเลือกที่มีให้ โดยไม่จำเป็นต้องลงมือทำอะไรมากไปกว่านั้น
เกมแนวภาพยนตร์อินเทอร์แอ็กทีฟบางเกมทำภาพกราฟิกขึ้นมาเอง ในขณะที่บางเกมถ่ายทำด้วยนักแสดงจริงในสถานที่จริง ซึ่งไม่ว่ารูปแบบไหนก็ต้องใช้ทุนมหาศาลทั้งสิ้น
แต่ที่บอสเผยสั่งให้สร้างตัวละครในเกมขึ้นด้วยเทคโนโลยีโมชันแคปเจอร์ความละเอียดสูง ระดับเดียวกับเกมมาสเตอร์พีซระดับ AAA นั้น…น่าจะใช้ทุนมหาศาลกว่าถ่ายทำด้วยนักแสดงจริงในสถานที่จริงอีกโuเวลกูดoทคอม
สี่สิบล้านหยวนนี่มากพอจะสร้างภาพยนตร์ได้ทั้งเรื่องเลย…
หูเสี่ยนปินยังสับสนอยู่ แต่ก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาล
ทำไมฟังดูเชื่อถือไม่ได้ยังไงก็ไม่รู้!
ถ้าได้ยินข่าวนี้จากคนอื่น เขาคงคิดว่าคนคนนั้นต้องจำข้อมูลมาผิดๆ แน่นอน แต่นี่บอสเผยมาบอกกับเขาด้วยตัวเองเลยนะ
เผยเชียนพูดต่อ “ที่เกมนี้ชื่อว่า ‘ดิ้นรน’ เพราะเราจะให้ผู้เล่นได้สัมผัสประสบการณ์การดิ้นรนในชีวิตจริงอีกครั้ง
“เกมจะวางขายสองเวอร์ชัน คือเวอร์ชัน ‘คนรวย’ และเวอร์ชัน ‘คนจน’ โดยจะขายแยกกัน
“เกมดิ้นรนเวอร์ชันคนรวยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้เล่นที่มีฐานะยากจน ราคาเริ่มต้นของมันอยู่ที่ 29 หยวน ถ้าใช้ส่วนลดก็จะเหลือแค่ 19 หยวน ส่วนเกมดิ้นรนเวอร์ชันคนจนมีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้เล่นที่มีฐานะร่ำรวย โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 99 หยวน และลดแล้วจะเหลือ 79 หยวน
“ผู้เล่นจะได้ส่วนลดถ้าซื้อแค่เวอร์ชันใดเวอร์ชันหนึ่ง แต่ถ้าจะซื้อทั้งสองเวอร์ชันก็ต้องจ่ายราคาเต็มที่ 128 หยวน”
หูเสี่ยนปินกะพริบตาปริบๆ “เอ่อ…ที่ตั้งราคาอย่างนี้มีนัยอะไรซ่อนอยู่รึเปล่าครับ”
เผยเชียนพยักหน้ารับ “แน่อยู่แล้ว คนจนไม่มีเงินใช้ แต่อยากสัมผัสประสบการณ์ชีวิตแบบคนรวย ราคาเลยต้องถูกหน่อย ส่วนคนรวยมีเงินอยู่แล้ว แต่อยากลองใช้ชีวิตแบบคนจนบ้าง เลยต้องตั้งราคาให้สูงหน่อย ชีวิตของคนเราไม่มีโอกาสที่สอง ดังนั้นถ้าอยากสัมผัสประสบการณ์ทั้งหมดก็เลยต้องจ่ายแพงหน่อย”
หูเสี่ยนปินเงียบไป ก่อนกล่าวขึ้นด้วยความรู้สึกท่วมท้น “แม้แต่การตั้งราคา บอสเผยยังเปี่ยมไปด้วยปรัชญาเลย…”
เผยเชียนพูดต่อ “ไม่ว่าจะเล่นเกมเวอร์ชันคนรวยหรือคนจน เกมก็จะแบ่งออกไปหลายๆ ช่วงชีวิตเหมือนกัน ตัวละครจะเติบโตจากทารก เริ่มเข้าโรงเรียนและเข้าสังคม ทำงานเพื่อใช้ชีวิต หาความบันเทิงเพื่อพักผ่อน เราจะให้ผู้เล่นได้เห็นแง่มุมชีวิตของทั้งคนจนและคนรวยผ่านสถานการณ์ต่างๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ในเวอร์ชันคนรวย ผู้เล่นต้องสวมบทบาทเป็นเศรษฐีคนหนึ่งที่ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่มีเรื่องใดให้ต้องกังวล ทุกอย่างในชีวิตของเขาผ่านไปได้อย่างราบรื่น เขาจะประสบความสำเร็จในทุกแง่มุมของการใช้ชีวิต หน้าที่การงาน และความสัมพันธ์ได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร
“แต่สุดท้ายเขาจะต้องตายด้วยน้ำมือของชายไร้บ้านคนหนึ่ง
“ส่วนเวอร์ชันคนจน ผู้เล่นจะต้องสวมบทบาทเป็นคนจนคนหนึ่งที่มีอาหารและเครื่องนุ่งห่มไม่พอใช้ เส้นทางชีวิตของเขาจะเต็มไปด้วยขวากหนาม และต่อให้โตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็แทบไม่มีทางลืมตาอ้าปาก ได้แต่ตกอยู่ในวังวนของความแร้นแค้นตลอดไป”
หูเสี่ยนปินชะงักไป “แล้วยังไงต่อเหรอครับ”
เผยเชียน “แล้วไงต่อเหรอ ไม่มีอะไรแล้ว นั่นแหละเรื่องราวทั้งหมดของเกมนี้”
หูเสี่ยนปินงงหนักกว่าเก่า “ไม่ใช่ว่าเกมแนวภาพยนตร์อินเทอร์แอ็กทีฟจะต้องมีตอนจบหลายๆ รูปแบบหรอกเหรอครับ”
เผยเชียนส่ายหน้า “ไม่จำเป็น เกมนี้มีตอนจบอยู่แค่สองแบบเท่านั้น ไม่ว่าผู้เล่นจะลองเปลี่ยนตัวเลือกอีกสักกี่ครั้งก็ตาม คนรวยจะถูกคนจนฆ่า ส่วนคนจนก็จะยิ่งจนลงเรื่อยๆ แค่นั้น”
ฉันจะไม่มีวันทำพลาดด้วยการใส่ตอนจบหลายๆ แบบอย่างตอนเกมนักออกแบบเกมอีกเป็นอันขาด! เผยเชียนครุ่นคิดกับตัวเอง
หูเสี่ยนปินยังคงช็อกไม่หาย “แล้วผู้เล่นจะเล่นเกมนี้ไปทำไมล่ะครับ ในเมื่อทุกอย่างถูกกำหนดมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว”
“ระหว่างทางยังมีความแตกต่างกันอยู่ เส้นเรื่องจะเปลี่ยนไปทุกครั้งที่ผู้เล่นเลือกตัวเลือกใหม่ แต่ทุกเส้นเรื่องจะย้อนกลับมาสู่จุดจบเดียวกันเสมอ” เผยเชียนอธิบาย
“ความแตกต่างของแต่ละเส้นเรื่องจะไม่กระทบต่อตอนจบแน่นอน
“เราเลยต้องใส่รายละเอียดลงไปในทุกแง่มุมของชีวิต ภายใต้แนวคิดอันใหญ่โตของเกมนี้
“ยกตัวอย่างเช่น คนจนจะเข้าเรียนได้แค่ในโรงเรียนธรรมดาๆ ที่คุณภาพการศึกษาต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ในขณะที่คนรวยก็จะได้เรียนในโรงเรียนของลูกผู้ดีที่ค่าเทอมแพงระยับ ตอนหางาน คนจนก็มักต้องสัมภาษณ์งานด้วยความจนตรอกครั้งแล้วครั้งเล่า ในขณะที่คนรวยสามารถใช้เส้นสายของที่บ้านเข้าทำงานได้เลย
“แฟนสาวของคนจนที่คบกันมาตลอดหลายปี จะบอกเลิกเขาเพราะเขาไม่มีปัญญาซื้อบ้าน ในขณะที่คนรวยจะหิ้วสาวๆ มากหน้าหลายตากลับมาจากผับทุกคืน
“ตอนแต่งงาน คนจนจะมีเงินพอซื้อแค่บ้านมือสองหลังเล็กจิ๋วด้วยเงินที่คนทั้งบ้านลงขันกันช่วย ในขณะที่คนรวยมีเรือนหอหลังโอ่อ่าตระเตรียมไว้ให้พร้อมพรั่ง วันๆ พวกเขาไม่ต้องทำอะไร นอกจากเฝ้าดูธุรกิจของตัวเองเติบโต และทำเงินได้มากกว่าค่าจ้างของคนจนที่ต้องทำงานจนหลังขดหลังแข็ง…
“เข้าใจใช่ไหม”
มุมปากของหูเสี่ยนปินถึงกับกระตุก “ผม…เข้าใจดีเลยล่ะครับ”
“อ้อ ใช่ ฉากหลังของเรื่องควรเกิดที่ยุโรป หาชาวต่างชาติมาเล่นในโมชันแคปเจอร์ แล้วก็ให้พวกเขาพากย์เสียงด้วย” เผยเชียนเสริม
“บอสเผยครับ เกมนี้มี…ความหมายอะไรลึกซึ้งอีกรึเปล่าครับ” หูเสี่ยนปินถามขึ้น
เผยเชียนหัวเราะร่า “คุณไม่จำเป็นต้องรู้หรอก แค่ทำตามที่ผมอธิบายให้ฟังก็พอแล้ว
“ผมจะคิดโครงเรื่องให้ คุณกับทีมโปรดักชันมีหน้าที่รับผิดชอบพัฒนาเส้นเรื่อง พอเสร็จแล้วก็เอาเส้นเรื่องมาให้ผมดูก่อนด้วย ผมจะได้มั่นใจว่าไม่มีอะไรผิดเพี้ยนไปจากที่คิดไว้
“เอาละ ไปเตรียมโปรเจ็กต์ได้แล้ว
“เริ่มจากงานภาพก่อนก็ได้ ไม่ต้องใช้จินตนาการเยอะคุณก็น่าจะพอรู้คร่าวๆ ไม่ใช่เหรอ ว่าควรจะมีตัวละครอะไรในเกมบ้าง อย่างเช่นพ่อแม่ ครู เพื่อนร่วมห้อง เจ้านาย ฯลฯ”
เผยเชียนหันหลังออกไปหลังจากพูดประโยคนั้นจบ
ปล่อยให้หูเสี่ยนปินคิดหนักจนต้องทึ้งผมตัวเอง
อาจารย์ โจทย์นี้ไม่มีในหลักสูตรที่อาจารย์เคยสอน!
ไม่เห็นเข้าใจเลยซักนิด!
…
เผยเชียนเตรียมตัวเตรียมใจสูญเงินทั้งหมดที่หามาได้อย่างยากลำบากไปกับเกมนี้
การตั้งราคาขายมีความหมายมากๆ
เวอร์ชันคนจนเรียกได้ว่าเป็นเวอร์ชันที่ทุกข์ทรมานสุดขั้วหัวใจ ผู้เล่นจะต้องทนทุกข์กับชะตากรรมที่คนคนหนึ่งจะต้องเผชิญในชีวิตจริง มีแต่พวกมาโซคิสม์เท่านั้นที่จะติดใจ
ส่วนเวอร์ชันคนรวยเรียกได้ว่าเป็นเวอร์ชันข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรง ตอนแรกทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างราบรื่น จนทำให้ผู้เล่นเคลิบเคลิ้มมีความสุข แต่พอถึงจุดหนึ่งผู้เล่นก็จะต้องตายด้วยน้ำมือของคนจนอยู่ดี
เผยเชียนตั้งราคาไว้ต่ำเป็นพิเศษถึง 19 หยวน ตั้งใจไว้แล้วด้วยว่าเวอร์ชันคนรวยจะดูข้างนอกสุกใส ซึ่งสุดท้ายแล้วความจริงจะเปิดเผยในตอนจบเกม
แต่เวอร์ชันคนจนทำขึ้นเพื่อสนองพวกชอบเสพความทุกข์โดยเฉพาะ จึงตั้งราคาแพงขึ้นมาหน่อยที่ 79 หยวน
เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้เล่นเล่นทั้งสองเวอร์ชัน และตีความสิ่งที่อยู่เหนือคำอธิบายนี้ได้ เผยเชียนจึงจงใจตั้งราคาให้สูงขึ้นหากมีคนซื้อทั้งสองเวอร์ชันพร้อมกัน
ถ้าผู้เล่นอยากเล่นเกมนี้จริงๆ ตัวเลือกที่ดีที่สุดคือจ่าย 19 หยวนเพื่อเล่นเวอร์ชันคนรวย ซึ่งราคาไม่แพงมาก และความเสี่ยงที่เผยเชียนจะทำกำไรได้ก็จะน้อยลงตามไปด้วย
เนื้อหาเกมเองก็เยิ่นเย้อเกินพอดี หัวใจสำคัญคือไม่ว่าจะจบแบบไหนก็แย่พอกัน ไม่ว่าจะพยายามเล่นให้ดีขนาดไหน พวกเขาก็ไม่มีทางหลุดพ้นจากตอนจบทั้งสองแบบนี้ได้!
แล้วใครมันจะไปอยากเล่นเกมแบบนี้กันล่ะ
ไม่มีทาง!
คราวนี้เผยเชียนจะแข็งใจไม่ยอม ‘จำนนต่อความจริง’ อีก
เขาจะใช้เงินสี่สิบล้านหยวนให้ไร้ประโยชน์ที่สุดเท่าที่จะทำได้ และจะไม่ยอมให้ได้กำไรกลับคืนมาเลยแม้แต่หยวนเดียว!
……………
[1] โมชันแคปเจอร์ (Motion Capture) เทคโนโลยีที่จัดเก็บรูปแบบความเคลื่อนไหวและการแสดงออกของมนุษย์จริงๆ เพื่อนำไปจำลองสร้างตัวละครเสมือนในภาพยนตร์หรือเกม มักจะให้นักแสดงสวมชุดสีเขียว ติดแผ่นแทร็กการเคลื่อนไหวรอบตัว และถ่ายทำบนฉากสีเขียว