ระหว่างที่ค้นบนอินเทอร์เน็ต เผยเชียนก็พบว่ามีนักรีวิวหลายเจ้าปล่อยรีวิวหนังเรื่องวันพรุ่งนี้ที่สดใสออกมาแล้ว
ถือว่าไม่แปลกอะไร เพราะช่วงนี้ไม่มีหนังดีๆ เท่าไหร่ พวกนักรีวิวหนังจึงได้แต่อดทนรอ พอเห็นว่ามีหนังน่าดูเข้ามาก็ย่อมต้องรีบเข้าไปดูทันที
เผยเชียนค้นคำว่า ‘วันพรุ่งนี้ที่สดใส’ แล้วเลื่อนดูผลลัพธ์ที่ปรากฏ
“สามความหมายที่ซ่อนอยู่ใน ‘วันพรุ่งนี้ที่สดใส’”
มองปราดเดียวก็ตัดออกได้เลย
“บริโภคนิยมสร้างผลกระทบอะไรกับเรา”
อันนี้ใช้ไม่ได้
“ด้านมืดของเทคโนโลยีผ่านมุมมองของคนที่มองโลกในแง่ร้าย”
ก็ยังไม่ได้อีก!
เผยเชียนไล่สายตาผ่านนักรีวิวรวดเดียวหลายเจ้าและตัดออกตั้งแต่เห็นชื่อบทความ
แค่เห็นคีย์เวิร์ดอย่าง ‘สามความหมาย’ ‘ด้านมืดของเทคโนโลยี’ ‘บริโภคนิยม’ ก็รู้ได้เลยว่ารีวิวพวกนี้ตีความกันไปไกลประมาณหนึ่งแล้ว
คนพวกนี้ตีความกันไปไกลโดยที่เขาไม่ได้จ้างด้วยซ้ำ!
“นักรีวิวพวกนี้คิดอะไรอยู่!
“ความหมายเบื้องลึกอะไรของพวกแก ช่วยวิเคราะห์อะไรที่เห็นกันโต้งๆ อย่างประเด็นชวนยี้ในเรื่องได้มั้ย”
เผยเชียนพูดอะไรไม่ออก เขาไล่หานักรีวิวเหมาะๆ ต่ออย่างไม่ลดละ
เขาตามหารีวิวแย่ๆ และมียอดไลก์และคอมเมนต์เยอะๆ
พอเอาเงินฟาดหัวให้เปลี่ยนรีวิว ทุกคนก็จะรู้ว่าสื่อเจ้านี้โดนจ้างให้เป็นหน้าม้าไปแล้ว!
หลังจากเปิดหาไปสองสามหน้า เขาก็ยังไม่เจออะไรดีๆ
เผยเชียนต้องเปิดกรองผลลัพธ์การค้นหาด้วยคะแนน แล้วเลือกเรียงลำดับจากน้อยไปมาก เริ่มต้นจากหนึ่งดาว
เป็นไปตามที่คาดไว้ รีวิวดูโอเคขึ้นแล้ว
“ผลงานอันน่าผิดหวังที่ขาดจินตนาการ”
“ไม่มีตรรกะ ช่องโหว่เต็มไปหมด”
“เหมาะกับพวกวัยรุ่น ทนดูได้แค่สิบนาที”
“ให้หนึ่งดาวเพราะลู่จือเหยา!”
เผยเชียนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ อืม ต้องแบบนี้สิ!
น่าเสียดายที่มีรีวิวแบบนี้น้อย แถมยังไม่ค่อยมีคอมเมนต์ตอบ ทุกคนเหมือนจะไม่ให้ค่าและไม่อยากปะทะคารมกับนักรีวิวพวกนี้
เผยเชียนกดอ่านและพบว่ารีวิวพวกนี้ไม่ตรงกับที่เขาต้องการเหมือนกัน
พวกรีวิวที่ให้หนึ่งดาวมักมาจากความคิดเห็นส่วนตัว เป็นมุมมองด้านเดียว เห็นอะไรที่ไม่ชอบก็กดคะแนนต่ำ เนื้อหาเต็มไปด้วยอคติ
นักรีวิวจำพวกนี้ชอบระบายความรู้สึกตัวเองเฉยๆ ไม่สามารถจูงจมูกผู้ชมคนอื่นได้
ชั้นต่ำเกินไป ใช้ไม่ได้
มองแค่แวบเดียวก็รู้แล้วว่าคนพวกนี้ไร้อารยธรรม ถึงจะจ้างก็ไม่มีทางเขียนรีวิวที่จะสร้างประเด็นถกเถียงขึ้นมาได้
ไม่น่าจะมีใครรู้ด้วยซ้ำว่านักรีวิวพวกนี้แก้รีวิวตัวเอง
เผยเชียนคิดดูสักพักแล้วตัดสินใจค้นจากรีวิวสามดาวแทน
ในที่สุดก็เจอรีวิวเหมาะๆ!
“อวยเกินเหตุ”
“เหมือนว่าจะไม่มีใครกล้าพูดว่าหนังไม่ดี งั้นเดี๋ยวฉันอาสาเป็นเด็กซื่อที่บอกว่าพระราชาแก้ผ้าอยู่เอง”
“ช่องโหว่เต็มไปหมด พยายามดึงดราม่าด้วยคู่รักน่าสมเพช”
ระหว่างที่ไล่อ่านหัวข้อรีวิว เผยเชียนก็คิดเพียงแค่ว่า พวกเขาเข้าใจฉัน!
แถมยังมีคนมาถกเถียงกันมากมายในช่องคอมเมนต์ ยอดไลก์กับดิสไลก์ก็เยอะ ชัดเจนว่าเจ้าของรีวิวเหล่านี้มีชื่อเสียงที่ดี รีวิวของพวกเขาจึงสร้างข้อถกเถียงได้
“ไม่เลวเลย ถือเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดี เดี๋ยวเลือกมาสักคน ถ้าผลไม่เป็นที่น่าพอใจก็ค่อยเปลี่ยนคน!”
เผยเชียนกดอ่านรีวิวแรก ‘เด็กซื่อที่บอกว่าพระราชาแก้ผ้าอยู่’
“รีวิวบนเว่ยป๋อเหมือนจะอวยยศขนานใหญ่ว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังเทพสร้าง ฉันก็อุตส่าห์ตั้งความหวังไว้สูง แต่พอไปดูแล้วก็ต้องผิดหวัง
“ดูหนังเรื่องนี้จบแล้วคิดแค่ว่า ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย
“เทคโนโลยีล้ำสมัยมาก แต่ยังให้อาหารยังชีพชนชั้นล่างอยู่ แถมยังกดข้ามโฆษณาไม่ได้ มีคุมเวลาออกไปข้างนอกของคนแต่ละชนชั้นด้วย ไม่เห็นจะสมเหตุสมผลเลย!
“โฆษณามีเยอะมากจริงๆ มีโฆษณาในหนังก็ไม่อะไรหรอก แต่ทำไมคนดูต้องดูโฆษณาไปกับตัวเอกด้วย บ้าฉิบหาย!
“เนื้อเรื่องก็จำเจ ชายที่คนรักไปมีชู้ ถ้าเอาไปเขียนเป็นนิยายคงโดนด่าเปิง พอเอามาทำเป็นหนังดันกลายเป็นว่ามีความหมายลึกซึ้งขึ้นมาเชียว ประสาทกันไปหมดแล้วรึไง”
เผยเชียนพยักหน้าตาม
แน่นอนว่าเผยเชียนไม่ได้เห็นด้วยกับความคิดเห็นนี้ แค่รู้สึกว่าเจอคนเหมาะๆ แล้วเฉยๆ
ชัดเจนว่า หมอนี่เป็นคนหัวรั้นที่มองแต่ในมุมของตัวเอง ว่าง่ายๆ คือเป็นคนที่เชื่อว่า ‘โลกนี้ต้องเป็นไปตามที่ฉันบอก ไม่อย่างนั้นก็เท่ากับว่ามีอะไรผิด’
หรือที่รู้จักกันในนาม ‘พวกอีโก้สูง’
โลกที่เป็นเซ็ตติ้งของหนังวางไว้ว่า ‘ชีวิตของพวกคนชนชั้นล่างสุดจะไม่พัฒนาขึ้นในทางที่ดีแม้จะมีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า’ หนังใช้เซ็ตติ้งนี้เป็นตัวดำเนินเรื่อง เขาอ้างว่าตัวเซ็ตติ้งไม่มีความสมเหตุสมผล หนังทั้งเรื่องเลยดูขัดหูขัดตา
“อืม ไม่เลวเลย มีคาแรกเตอร์ ฉันชอบ!
“ถ้าให้คนแบบนี้มาอวยหนังต้องเป็นประเด็นถกกันใหญ่แน่!”
ชื่อผู้ใช้งานของเขาเรียบง่ายมาก ก็คือ ‘เฉียนไง’ ที่หน้าข้อมูลส่วนตัวมีช่องทางการติดต่อระบุไว้ เผยเชียนเลยติดต่ออีกฝ่ายได้ง่ายๆ
“สวัสดีครับ ผมเป็นสปอนเซอร์หนังเรื่องวันพรุ่งนี้ที่สดใส อยากให้คุณช่วยแก้รีวิวจากสามดาวเป็นห้าดาว พร้อมกับแก้เนื้อหา พวกเราให้ค่าเสียเวลาคุณหนึ่งพันหยวนครับ”
เวลามีจำกัด ภารกิจนี้สำคัญมาก เผยเชียนเลยไม่มัวเสียเวลาและรีบเข้าเรื่องทันที
ไม่นานเฉียนไงก็ตอบกลับ
“ฉันแก้รีวิวให้ได้ แต่แค่หนึ่งพันหยวนไม่พอ”
เผยเชียนอดรู้สึกดีใจขึ้นมาไม่ได้เมื่อเห็นอีกฝ่ายตอบกลับแบบนั้น
มีหลักการเป็นของตัวเองด้วยแฮะ
แต่เผยเชียนต้องให้อีกฝ่ายแก้รีวิวให้ได้ ถ้าไม่แก้จะปั่นหัวคนอื่นๆ และก่อสงครามคีย์บอร์ดได้ยังไง
ด้วยเหตุนี้เขาจึงตอบไปตรงๆ “สองพันหยวน”
เฉียนไงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ฉันจะเขียนรีวิวยังไงก็ได้ ห้ามมายุ่งจนเกินไป”
ปล่อยให้เขียนเองเหรอ ไม่น่าจะได้ผล
ถ้าไม่อวยเว่อร์ๆ จะสร้างกระแสปลุกปั่นคนอื่นได้ยังไง
แบบนั้นไม่เท่ากับเสียเงินให้รีวิวหายไปในทะเลรีวิวห้าดาวเหรอ
ถึงการเอาเงินระบบไปผลาญเล่นโดยไม่เกิดประโยชน์จะเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ได้ทำให้บรรลุจุดประสงค์ที่วางไว้
เผยเชียนเมินข้อเสนออีกฝ่าย “สามพันหยวน”
เฉียนไง “โอเค งั้นบอกมาว่าอยากให้เปลี่ยนตรงไหน”
เผยเชียนยิ้ม เหมือนจะเป็นคนยึดมั่นในหลักการมากทีเดียว เพิ่มเงินให้สองครั้งก็เปลี่ยนความคิดแล้ว
เผยเชียนคิดอย่างถี่ถ้วน ɴᴏᴠeʟɢu.ᴄᴏm
“เขียนชมให้ได้หนึ่งพันคำ คุณต้องไปหาข้อดีที่ยังไม่มีใครเขียนชมมา ยิ่งเป็นมุมที่หยุมหยิมได้เท่าไหร่ยิ่งดี”
เฉียนไงนึกลังเลอีกครั้ง “ตอนนี้มีรีวิวออกมาเยอะมากแล้ว จะให้หาจุดที่ยังไม่มีใครเคยเล่นคงจะยาก ถึงจะหาเจอก็ดูฝืนๆ คนอื่นอาจจะรังเกียจเอาได้”
ฝืนเหรอ
ทำให้รังเกียจเหรอ
ใช่เลย นั่นแหละที่ฉันต้องการ!
ไอ้หนู แกเข้าใจจุดประสงค์ฉันได้ถูกต้องสุดๆ!
คำตอบของเฉียนไงตรงใจเผยเชียนมาก แต่เขาก็ยืนยันชัดเจนไม่ได้ เลยตอบไปได้แค่ว่า “ไม่เป็นไรหรอก”
เฉียนไง “โทษที ฉันว่าเป็นนะ คำขอของนายยากเกินไป…”
เผยเชียน “สี่พันหยวน”
เฉียนไง “ไม่ได้จะหมายความว่ายังงั้น มันไม่ใช่เรื่องเงินเลย คือมันยากไป…”
เผยเชียน “ห้าพัน”
เฉียนไง “เดี๋ยวไปโรงหนังอีกรอบตอนนี้เลย ดึกๆ จะส่งดราฟต์ให้ดู”
ถึงจะโน้มน้าวเฉียนไงได้แล้ว แต่เผยเชียนก็ยังรู้สึกวางใจไม่ได้
คนเดียวเหงาเกินไป
ต้องหาหน้าม้ามาช่วยสู้
เผยเชียนเตรียมจ้างหน้าม้าจากเสี่ยวหูรีวิว
คนอื่นๆ จะรู้ได้ไงว่าจ้างหน้าม้ามาถ้าไม่ยอมจ้างหน้าม้าจริงๆ
“พี่ ขอหน้าม้าหน่อย ไปหารีวิวในอินเทอร์เน็ตที่เขียนชมและพูดถึง ‘มุมหยุมหยิม’ ของหนังเรื่องวันพรุ่งนี้ที่สดใส แล้วช่วยดันให้หน่อย!”
เผยเชียนบอกไปตามตรงไม่ได้ว่าให้ไปดันรีวิวอวยไส้แตก เลยเปลี่ยนคำพูดใหม่เป็นรีวิวที่พูดถึง ‘มุมหยุมหยิม’ ของหนังแทน
รีวิวไหนที่พูดถึงมุมหยุมหยิมน่าจะตีความเว่อร์เกินหมดแหละ ก็คล้ายๆ กับการอวยไส้แตก
สักพักหูเซียวก็ตอบกลับ
“จัดให้”
เผยเชียนกำลังจะคุยเรื่องค่าจ้าง แต่อีกฝ่ายส่งข้อความเข้ามาก่อน
“พี่เห็นว่าเราร่วมงานกันมานาน จะยอมบอกอะไรให้แล้วกัน มีหน้าม้าอีกเจ้าโดนจ้างให้ทำลายชื่อเสียงหนังน้อง พี่ช่วยจัดการเรื่องนี้ได้ถ้าน้องยอมจ่ายเพิ่ม”
หืม
เผยเชียนอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะรู้สึกลิงโลดใจ
มีเรื่องดีๆ แบบนี้ด้วยเหรอ!
“ใครเหรอพี่” เผยเชียนรีบถาม
หูเซียว “โทษที พี่บอกไม่ได้ กฎการทำมาค้าขาย”
เสียดายจัง อดรู้ชื่อคนใจดีเลย
น่าจะเป็นสปอนเซอร์หนังเรื่องอื่นแหละมั้ง
หนังเรื่องอื่นๆ ที่ออกฉายตอนนี้ถือเป็นคู่แข่งหมด ยอดคนดูกับชื่อเสียงของวันพรุ่งนี้ที่สดใสดีจนวันพรุ่งนี้น่าจะมีรอบฉายเยอะกว่าเดิม
ซึ่งก็จะไปกระทบกับรอบฉายของหนังเรื่องอื่นๆ อาจสร้างแรงจูงใจให้หนังรักกับหนังสร้างจากนิยายชื่อดังหาช่องทางทำลายชื่อเสียงของวันพรุ่งนี้ที่สดใส
ไม่ว่าคุณผู้ใจดีคนนั้นเป็นใคร ผมขอจดจำความดีนี้ไว้ในใจ
ส่วนจะจ่ายเงินเพิ่มเพื่อจัดการเรื่องนี้มั้ย
ทำก็บ้าแล้ว!
“ไม่ต้องพี่ ให้เขาโจมตีได้เต็มที่เลย พี่ก็ดันของพี่ไป ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกัน”
หูเซียว “โอเค น้องมั่นใจแบบนั้นก็ดี ถ้ารับไม่ไหวก็ให้บอก พี่ยังพอช่วยแก้สถานการณ์ได้”
รับไม่ไหวเหรอ ช่วยแก้สถานการณ์เนี่ยนะ
ไม่ต้องๆ ไม่มีสถานการณ์อะไรทั้งนั้น!
ยิ่งด่าฉันยิ่งชอบ!
ถ้าเป็นไปได้ เผยเชียนก็อยากจ้างหน้าม้ามาด่าหนังตัวเองเหมือนกัน แต่ตอนนี้มีคนจัดการให้ ช่างใจบุญจริงๆ!
เผยเชียนขอให้หูเซียวบอกหน้าม้าให้ไปดันรีวิวที่พูดถึงประเด็นหยุมหยิมเยอะๆ เพื่อให้ผู้คนมองว่าทุกคนที่ชอบหนังเรื่องนี้เป็นพวกติ่งหนังที่ชอบตีความเว่อร์เกิน
การปั่นไม่ลืมหูลืมตาจะช่วยสร้างภาพว่าพวกเขาเป็นติ่งหนัง คู่แข่งเองก็ส่งหน้าม้ามาช่วยโจมตีหนังอีก ถ้ามีเป้าหมายเดียวกันแบบนี้ ก็จะได้ผลดีเป็นสองเท่าโดยลงแรงแค่ครึ่งเดียว
หลังจัดการทุกอย่างเสร็จ เผยเชียนก็กินโมหยูเดลิเวอรี่จนหมดแล้วเอาไปวางไว้หน้าประตู จากนั้น…
ก็เอนตัวลงบนเตียงอีกครั้ง
เขาตั้งใจว่าจะหายตัวไปสักสองวัน ไม่ยอมเข้าออฟฟิศ!
ถ้าไปที่ออฟฟิศต้องมีคนแห่มาแสดงความยินดีแน่ แค่คิดก็รู้สึกหดหู่แล้ว
อยู่บ้านคนเดียวเงียบๆ น่าจะสงบสุขกว่า