หนังยังคงดำเนินต่อไป
หลังจากเดินด้านนอกได้สามชั่วโมง ลู่จือเหยาก็กลับไปที่แคปซูลและใช้ชีวิตอันน่าเบื่อต่อ
ช่วงแรกของหนังหมดไปกับการนำเสนอรายละเอียดการดำเนินชีวิตในโลกอนาคต เช่น อาหารยังชีพ ขนมแพงหูฉี่ รายการตอบคำถามชิงรางวัล และอื่นๆ
ลู่จือเหยาแสดงฉากเหล่านั้นได้ดีมากๆ นำเสนอภาพคนจนชนชั้นล่างสุดของสังคมที่ทั้งชีวิตและทุกห้วงอารมณ์หมุนวนอยู่รอบสิ่งที่เรียบง่ายเหล่านี้
ถ้าตอบคำถามถูกได้เงินรางวัลมานิดหน่อยก็จะตื่นเต้นดีใจ
แต่ถ้าแพ้จนเงินหมดก็โมโหจนหัวร้อน
บางครั้งที่รู้สึกหดหู่และว่างเปล่าก็จะนอนนิ่งๆ อยู่ในแคปซูล
บางครั้งก็รู้สึกอิจฉาตอนเห็นโฆษณาล่อตาล่อใจและวิถีชีวิตของพวกชนชั้นสูงบนตึกระฟ้า
บนจอภาพมีโฆษณามากมาย แม้จะฉายแค่เป็นฉากหลัง แต่ก็เห็นได้ชัดว่าทุ่มทุนสร้างสุดๆ
หลินหรูหยีปรากฏตัว เธอกับลู่จือเหยาค่อยๆ พัฒนาความสัมพันธ์ จากนั้นเธอก็บอกว่าอยากไปออกรายการแสดงความสามารถ…
…
เผยเชียนจำเนื้อเรื่องหลังจากนั้นได้ เพราะเป็นคนวางโครงเรื่องแถมยังได้ดูตัวรัฟคัตมาก่อน
แต่เขาก็ยังอินกับเนื้อเรื่องระหว่างที่ดู รู้สึกอารมณ์ขึ้นลงตามตัวละคร
ด้วยการตัดต่ออันไร้ที่ติ จังหวะของแต่ละฉากในหนังจึงเป็นไปอย่างเหมาะเจาะพอจะฝากความรู้สึกบางอย่างไว้กับคนดู และช่วยปรับอารมณ์ก่อนเปลี่ยนไปยังฉากต่อไป
ทักษะการแสดงอันยอดเยี่ยมของทีมนักแสดงช่วยเติมชีวิตให้เหล่าตัวละครบนจอภาพยนตร์ ทำให้คนดูรู้สึกเชื่อมโยงกับตัวละครและมีอารมณ์ร่วมตามไปด้วย
ดนตรีประกอบช่วยเสริมรสชาติและกระตุ้นความรู้สึกผู้ชม ซึ่งสอดคล้องกับเรื่องราวต่างๆ ในหนังเป็นอย่างมาก
พร็อบที่สมจริงและฉาก CG งานคุณภาพทุนสร้างสูงทำให้หนังมีกลิ่นอายความเป็นไซไฟที่เป็นเอกลักษณ์ แม้จะช่วยดึงผู้ชมออกมาจากโลกปัจจุบัน แต่ก็ยังทำให้รู้สึกถึงความเป็นจริงได้อย่างแปลกพิกล ราวกับว่าหนังเรื่องนี้กำลังฉายภาพโลกในอนาคตจริงๆ…
นี่คือมนต์สะกดของหนังเรื่องนี้
โครงเรื่องธรรมดาที่อาจจะดูไม่มีอะไร แต่พอเอามาทำเป็นหนัง รายละเอียดมากมายจะถูกใส่เพิ่มเพื่อกระตุ้นสัมผัสต่างๆ ของผู้ชมให้พบกับประสบการณ์แปลกใหม่
รายละเอียดทุกอย่างใส่เข้ามาได้อย่างไร้ที่ติ แม้แต่โฆษณาในหนังยังไม่ได้ดูแปลกแยก เอาเข้าจริงโฆษณาต่างๆ เหมือนจะมีความหมายแฝงบางอย่างกับเนื้อเรื่องด้วยซ้ำ!
ระหว่างหยิบป๊อปคอร์นยัดใส่ปาก เผยเชียนคิดอยู่เพียงแค่อย่างเดียว
นี่บทที่ฉันเขียนจริงๆ เหรอ!
โครงเรื่องไม่ได้แตกต่างจากบทของเขาเท่าไหร่ แต่หนังที่ออกมาแตกต่างจากที่คิดเอาไว้สุดๆ!
ช่วงครึ่งแรกของหนังยังไม่เห็นอะไรมาก แต่ช่วงครึ่งหลัง เรื่องราวกับพลิกผัน เผยให้เห็นเขี้ยวอันน่าพรั่นพรึง!
ฉากตอนลู่จือเหยากับหลินหรูหยีปะทะคารม คนทั้งโรงสูดหายใจลึกทางปากพร้อมกัน
ชัดเจนมากว่าผู้ชมต่างตื่นตะลึงกับฉากนั้น จนยากจะทำใจยอมรับได้ไปช่วงหนึ่ง
แต่ก็ไม่มีใครสบถด่าเหมือนที่เผยเชียนคิดเอาไว้
ทุกคนกลับตั้งใจดูไม่วางตา!
แม้แต่เผยเชียนเองก็ยังไม่ได้รู้สึกยี้หรือขัดเคืองใจอะไร เขากลับใจจดใจจ่อว่าเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป
ไม่นานเขาก็ตระหนักได้ถึงปัญหาใหญ่
ไม่น่าจะเป็นแบบนี้สิ ทำไมฉันถึงไม่รู้สึกขัดใจอะไรเลย ฉากนี้น่าจะเป็นฉากที่ชวนยี้ที่สุดต่างหาก
เขาหยิบป๊อปคอร์นกำโตเข้าปาก พยายามข่มกลั้นอารมณ์
อาจเป็นเพราะหนังสร้างความรู้สึกห่างเหินต่างจากเรื่องอื่นๆ
ช่วงแรกของเรื่องหมดไปกับการนำเสนอรายละเอียดชีวิตประจำวันของตัวเอก ผู้ชมได้รู้ว่าตัวเอกกินอาหารสำเร็จรูป ดูรายการทีวี และออกไปเดินข้างนอกช่วงหลังเที่ยงคืน
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวเอก กลับกลายเป็นรู้สึกเหมือนเป็นคนนอกที่ได้เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ
มุมกล้องทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนกำลังมองชีวิตของตัวเอกบนโลกใบนี้ผ่านกล้องวงจรปิดโดยไร้อารมณ์ร่วม
ฉากหวานแหววตอนตัวเอกกับนางเอกรักกันถูกลดทอนให้น้อยลง แต่ก็ช่วยลดความเจ็บปวดของคนดูตอนที่ทั้งสองจบความสัมพันธ์กัน วิธีนี้ทำให้ผู้ชมสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่ผันแปรของตัวละคร แต่ก็รู้สึกเหมือนมีแผ่นกระจกมาขวางเอาไว้ จึงไม่ได้รับรู้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปมาของตัวละครมากขนาดนั้น
จู่ๆ เผยเชียนก็ตระหนักถึงข้อผิดพลาดของตัวเองขึ้นมาได้
ภาพยนตร์เป็นศิลปะรูปแบบหนึ่ง บทหนังเดียวกัน แต่ผู้กำกับคนละคน ก็สร้างหนังออกมาได้เหมือนเป็นคนละเรื่อง!
ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะผู้กำกับจะใส่ไอเดียของตัวเองเข้าไประหว่างการถ่ายทำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมุมกล้อง รายละเอียดในฉากหลัง และจังหวะการเดินเรื่อง…
องค์ประกอบทั้งหมดนี้มีผลต่อมุมมองของคนดู
เพราะอย่างนั้น บทน่าเบื่อๆ ก็สามารถกลายเป็นหนังยอดเยี่ยมได้เมื่ออยู่ในมือของผู้กำกับฝีมือดี!
ชัดเจนมากว่าจูเสี่ยวเช่อเข้าใจเนื้อเรื่องไปคนละทางกับเผยเชียน…
ผู้กำกับย่อมต้องถ่ายหนังออกมาตามความเข้าใจของตัวเองอยู่แล้ว ดังนั้นหลังจากผ่านกระบวนการตัดต่อ หนังจึงออกมาแตกต่างจากที่เผยเชียนตั้งใจไว้ในตอนแรก
‘ประเด็นชวนยี้’ ส่วนใหญ่ถูกตัดออก แล้วแทนที่ด้วยความน่าสงสาร
สิ่งที่นางเอกทำเป็นเรื่องน่ารังเกียจ แต่ผู้ชมก็เกลียดเธอไม่ลง
ตัวเอกทั้งโง่และน่าสมเพช แต่ผู้ชมกลับแอบรู้สึกเห็นใจและสงสารที่เขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ แต่ก็โกรธที่ไม่ยอมยืนหยัดเพื่อตัวเอง
ต่อมาพอตัวเอกร่ำรวยขึ้นและได้เป็นส่วนหนึ่งของชนชั้นสูง ผู้ชมก็ไม่ได้รู้สึกดีใจไปกับเขา แต่กลับเห็นชัดเจนว่าตัวเอกได้สูญเสียความเป็นตัวเองไปแล้ว
ผู้ชมรู้สึกขึ้นมาทันทีว่าตัวเอกกลายเป็นคนแปลกหน้า เพราะสูญเสียตัวตนที่แท้จริงไปกับวังวนความมั่งคั่งและสังคมวัตถุนิยม
ความมั่งคั่งไม่ได้ทำให้เขาเป็นคนดีขึ้น แต่เข้ามาควบคุมชีวิตและเปลี่ยนให้เขากลายเป็นหนอนน่าสังเวช
สุดท้ายตัวเอกที่รับบทโดยลู่จือเหยาก็โดนกรรมการที่รับบทโดยจางจู่ถิงวางแผนตลบหลังจนติดหนี้ก้อนโต และต้องนอนหมดอาลัยตายอยากอยู่บนเตียง
หน้าจอใหญ่ในโรงฉายภาพหญิงสาวที่กรรมการนำมาแทนที่ตัวเอกทำทุกอย่างเหมือนที่ตัวเอกเคยทำ เรื่องราวกลับเข้าสู่วงจรอุบาทว์ชวนหดหู่…
หน้าจอมืดไป
หนังจบลง nᴏveʟɢu.ᴄᴏᴍ
เพลงปิดเรื่องดังขึ้น เป็นเพลงที่อัดแน่นไปด้วยความเศร้าและหดหู่ใจ
เพลงนี้คือเพลงที่นางเอกซึ่งรับบทโดยหลินหรูหยีร้องในรายการประกวดความสามารถ แล้วโดนกรรมการล้อเลียนว่าร้องเพี้ยน ตอนนั้นผู้ชมไม่ได้คิดอะไรกับเพลงนี้
แต่พอหนังจบ เพลงก็ดูต่างออกไปเล็กน้อย ถ้าเอาทั้งสองเวอร์ชันมาเทียบกัน เวอร์ชันตอนจบดูมีความหมายเบื้องลึกแฝงอยู่
เผยเชียนมองผู้คนในโรง
อะไรกัน ตอนจบไม่ยี้พอเหรอ
พวกแกต้องลุกขึ้นโวยวายขอเงินคืนแล้วสิ
อย่างน้อยก็ต้องมีใครตะโกนด่าหรือตะโกนบ่นว่า ‘เชี่ยไรเนี่ย’ สิ
ทั้งโรงตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครลุกยืน ไม่มีใครส่งเสียง
รายชื่อทีมงานปรากฏขึ้น
เผยเชียนพบชื่อตัวเองขึ้นเป็นอันดับแรกในหมวดทีมเขียนบท แถมยังมีประโยค ‘ขอขอบคุณเป็นพิเศษ’ เพิ่มเข้ามาด้วย
ซึ่งก็ไม่ได้ช่วยให้บอสเผยรู้สึกดีขึ้นเลย
ฉากหลังจบเครดิตท้ายเรื่องฉากแรกเป็นฉากกรรมการที่รับบทโดยจางจู่ถิงนั่งพักผ่อนหย่อนใจและดื่มด่ำกับช่วงเวลาพักร้อนอยู่ในแมนชัน เขาหมุนแก้วไวน์แดงในมือเบาๆ ของเหลวสีแดงเข้มในสะท้อนภาพใบหน้าของกรรมการ
หญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามแต่งหน้าหนาเตอะ เธอเป็นคนที่กรรมการดันขึ้นมาแทนที่ลู่จือเหยาหลังโดนขยี้ชื่อเสียงจนป่นปี้
ตอนนั้นเองเสียงหวอรถตำรวจก็ดังขึ้นจากด้านนอก ท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวาย หญิงสาวลนลานรีบลุกหนีออกไป กรรมการเองก็ตื่นตระหนก เขารีบลุกหนีทิ้งแก้วไวน์แดงตกพื้นแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
ผ่านไปครู่ใหญ่กรรมการก็ไม่กลับมา
แต่หญิงสาวแต่งหน้าหนาคนเมื่อครู่เดินกลับเข้ามา เธอนั่งลง รินไวน์แดงใส่แก้วใบใหม่ จากนั้นก็ยกดื่มรวดเดียวหมด
กล้องจับค้างไว้ที่ริมฝีปากเรียวแดง มุมปากของเธอขยับขึ้นเป็นรอยยิ้มมีเลศนัย
รายชื่อทีมงานปรากฏต่อ
ฉากหลังจบเครดิตท้ายเรื่องฉากที่สองเป็นฉากในแคปซูลของตัวเอก
ตัวเอกชายยังนอนนิ่งอยู่บนเตียง ผมกับหนวดยาวขึ้นมาก บนใบหน้ามีริ้วรอยแห่งวัย บ่งบอกว่าเวลาได้ผ่านมาพักใหญ่แล้ว
ตอนนั้นเองด้านนอกก็มีเสียงอึกทึกพร้อมเสียงหวอของรถตำรวจ
เกิดเสียงดัง ‘ตึง’ พร้อมประตูแคปซูลเปิดออก จากนั้นก็มีคนโยนบางอย่างเข้ามาด้านในแล้วเดินจากไป
เขาได้ยินเสียงร้องเอะอะรางๆ จากทางด้านนอก ดูเหมือนว่าคนจนคนหนึ่งกำลังทะเลาะวิวาทอยู่กับเจ้าหน้าที่รักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อย
ตัวเอกเดินไปทางประตูด้วยความงุนงง เขามองออกไปเห็นปืนเปื้อนเลือดตกอยู่บนพื้น
…
เสียงปังดังขึ้นพร้อมแสงในโรงหนังที่สว่างขึ้นทุกคนในโรงดูเหมือนเพิ่งตื่นจากความฝัน ก่อนจะทยอยลุกขึ้น
ไม่มีใครบ่นหรือก่นด่าอะไรเกี่ยวกับหนัง ทุกคนต่างนิ่งเงียบ เหมือนว่ายังไม่หายอินกับหนัง
บางคนเริ่มกระซิบกระซาบถกกันเรื่องหนัง
“หนังดีมากเลย… ของผู้กำกับจีนจริงๆ เหรอ”
“ใช่มั้ย คิดได้ไงไม่รู้ หักมุมได้ดี ทำเอาอึ้งไปเลย!”
“ดูจบแล้วรู้สึกหน่วงๆ ยังไงไม่รู้…”
“ทำเป็นซีรีส์น่าจะสนุกมาก”
“ฉันว่าหนังแฝงความหมายค่อนข้างลึกซึ้ง มีบางช่วงที่ยังไม่เข้าใจ สงสัยต้องรออ่านรีวิว”
“จะว่าไปลู่จือเหยาแสดงดีเลยนะเรื่องนี้ ดูแล้วไม่รู้สึกอึดอัดเลยสักนิด!”
คู่รักที่นั่งข้างเผยเชียนลุกยืนแล้วเดินตามฝูงชนออกไป
“ไม่ใช่หนังรักแบบที่คิด แต่ก็ดีเกินคาดเลย”
“ใช่ๆ เค้าว่าหนังน่าจะสื่อว่าเราควรใส่ใจคนรัก เราต้องดูแลกันดีๆ นะตัวเอง”
“หนังซึ้งมากจนหยุดร้องไห้ไม่ได้เลย” แฟนสาวเช็ดน้ำตาด้วยทิชชู
เธอหันไปมองที่นั่งข้างๆ ก่อนจะหันไปกระซิบกับแฟนหนุ่ม “ดูสิ ขนาดผู้ชายคนนั้นยังซึ้งจนน้ำตาไหลเลย”
ตรงที่นั่งที่เธอพูดถึง เผยเชียนกำลังเอาป๊อปคอร์นยัดปากระหว่างที่น้ำตาไหลอาบแก้ม
จบเห่ หนังเรื่องนี้ไปไม่รอดแล้ว!
พวกผู้ชมคอมเมนต์อะไรกันเนี่ย
“ควรค่าไปดูอีกรอบ”
“ดีมากๆ”
“พล็อตล้ำลึกมาก”
“รอฟังรีวิวไม่ไหวแล้ว”
เกิดบ้าอะไรขึ้น!
เข้าใจหนังกันไปผิดหมดเลย!
ฉันแค่อยากให้หนังมีประเด็นชวนยี้เยอะๆ!
“เอิ๊ก”
เผยเชียนเรอออกมาระหว่างที่ร้องไห้
ดูเหมือนเขาจะกินป๊อปคอร์นเยอะเกินไป…