ตอนเย็น
ตึกเฉินฮว่าแกรนด์วิวชั้นสิบหก ฝ่าย HR ของเถิงต๋ากรุ๊ป
ถึงเวลาเลิกงานแล้ว
นักเขียนเว็บจงเตี่ยนจงเหวินที่มาอบรมเรื่องจิตวิญญาณของเถิงต๋าลุกขึ้นยืนอย่างไม่เต็มใจแล้วกล่าวลาอู๋ปิน
“ขอบคุณมากครับ!
“การอบรมจิตวิญญาณเถิงต๋าวันนี้สอนอะไรผมเยอะมาก
“ผมว่าเป็นเพราะคุณพูดได้ดีมากๆ ด้วย เดี๋ยวกลับไปผมจะพยายามค่อยๆ ปรับจังหวะการเดินเรื่อง! จากนั้นจะเขียนเส้นเรื่องใหม่ให้หลุดออกจากกรอบเดิมของตัวเองครับ!”
อู๋ปินยิ้มบาง “ไม่เป็นไรครับ พนักงานเถิงต๋าทุกคนมีหน้าที่ส่งต่อจิตวิญญาณเถิงต๋าอยู่แล้ว”
ตอนนั้นเองแสงอาทิตย์ตกดินก็ฉายลอดหน้าต่างตกลงบนร่างของอู๋ปิน ทำให้เขาดูเปล่งแสงเหมือนพระพุทธเจ้า
หลังจากส่งนักเขียนกลับไป อู๋ปินก็เริ่มเก็บข้าวของเตรียมกลับบ้าน
เถิงต๋าเปิดรับสมัครพนักงานใหม่ปีละสองครั้ง ฝ่าย HR จึงไม่มีงานอะไรต้องทำมากนัก อู๋ปินกลายเป็น ‘ผู้ถ่ายทอดจิตวิญญาณของเถิงต๋า’ เต็มตัวไปแล้วเรียบร้อย เขารับหน้าที่อบรมนักเขียนเว็บจงเตี่ยนจงเหวินเกี่ยวกับจิตวิญญาณของเถิงต๋าเพื่อส่งเสริมการเขียนงาน
ระหว่างแนะนำนักเขียน อู๋ปินก็พบว่าตัวเองเข้าใจจิตวิญญาณของเถิงต๋ามากขึ้น!
ความรู้สึกนี้คล้ายศิษย์พี่สอนศิษย์น้องให้เข้าใจพระธรรมมากขึ้น ยิ่งมีประสบการณ์มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเข้าใจหลักธรรมคำสอนมากขึ้นตามไปด้วย
ถ้าไม่เคยสอนเรื่องจิตวิญญาณของเถิงต๋าให้ชุยเกิ่งฟังมาก่อน เขาก็อาจลืมแก่นสำคัญไปแล้ว ตอนนี้เขาสรุปทุกอย่างเป็นข้อสรุปสั้นๆ ได้ว่า
เน้นบอกเป็นนัย ส่งเสริมด้วยการจูงใจ ปรับสอนตามบุคคล บรรลุเป้าหมายด้วยวิธีแตกต่างกัน
ระหว่างถ่ายทอดเรื่องนี้ อู๋ปินพบว่านักเขียนแต่ละคนเจอปัญหาที่แตกต่างกันออกไป
ตัวอย่างเช่น ปัญหาหลักของชุยเกิ่งคือขาดทิศทางและแรงจูงใจ
ส่วนหมิงอวี่มีแรงจูงใจเต็มที่แถมยังขยัน แต่ดันเป็นพวกทำงานหนัก ไม่ได้ทำงานแบบฉลาด
คนที่มาอบรมวันนี้ ก็เจอปัญหาที่ต่างออกไปเหมือนกัน เขาไม่มีความมั่นใจในตัวเอง และเขียนงานตามแบบแผนสุดๆ ไม่กล้าลองเขียนเนื้อหาใหม่ๆ
อู๋ปินสังเกตปัญหาระหว่างที่คุยกับนักเขียน แน่นอนว่าพวกนักเขียนก็รู้ปัญหาของตัวเองเหมือนกัน
เพราะทุกคนอยากเป็นนักเขียนฝีมือเทพกันทั้งนั้น พวกเขาจึงทบทวนจุดอ่อนและข้อเสียของตัวเองอยู่บ่อยๆ
อู๋ปินแค่ต้องแนะนำอะไรสักเล็กน้อย แล้วนักเขียนก็จะเห็นภาพจุดอ่อนขอตัวเองชัดขึ้นเอง
ระหว่างแนะนำ อู๋ปินพบว่าทุกปัญหาสามารถแก้ไขได้ด้วยจิตวิญญาณของเถิงต๋า!
เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
นั่นเพราะจิตวิญญาณของเถิงต๋าเป็นวิธีการอย่างหนึ่ง พออู๋ปินเข้าใจในระดับปรัชญา เขาก็สามารถปรับใช้ได้กับทุกอย่าง!
จิตวิญญาณของเถิงต๋าสอนให้ผู้คนจัดการกับตัวเองเพื่อเพิ่มพูนประสิทธิภาพการทำงานของตัวเองสู่ระดับสูงสุด เพราะงั้นเลยใช้ได้ผลกับทุกคนที่อยากประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน!
‘เน้นบอกเป็นนัย ส่งเสริมด้วยการจูงใจ ปรับสอนตามบุคคล บรรลุเป้าหมายด้วยวิธีแตกต่างกัน’ คือข้อสรุปของอู๋ปินที่ใช้ในการถ่ายทอดจิตวิญญาณของเถิงต๋าให้คนอื่นๆ
ในขั้นตอนการบอกเป็นนัยและส่งเสริมด้วยการจูงใจ อู๋ปินจะชี้ให้เห็นว่าพวกเขายังขาดอะไรในแง่ของการทำงานและงานเขียน จากนั้นก็จะจัดการกับต้นเหตุของปัญหาแต่ละอย่างโดยใช้จิตวิญญาณของเถิงต๋าคลายความสับสน สุดท้ายก็นำทางทุกคนไปสู่สภาพการทำงานที่สมบูรณ์แบบ!
อู๋ปินสรุปไว้ด้วยว่า ‘สภาพการทำงานที่สมบูรณ์แบบ’ คืออะไร โดยแบ่งออกเป็นสามจุด
หนึ่ง เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วยการจำกัดเวลาการทำงาน และพักผ่อนกับเล่นสนุกให้เพียงพอ
สอง รักษาระดับแรงจูงใจในการทำงานโดยมีกลไกการให้รางวัลที่ชัดเจน
สาม เรียนรู้จากการไล่ตามความสนใจและสร้างเส้นทางอาชีพจากความชอบของตัวเอง!
หลังจากสรุปสามจุดนี้ออกมา อู๋ปินก็เทียบกับกฎระเบียบที่บอสเผยวางไว้แล้วพบว่าตรงกันหมด
บอสเผยวางสภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับพักผ่อนกับเล่นสนุก และให้สวัสดิการสุดใจป้ำกับพนักงาน ซึ่งตรงกับจุดแรกที่อู๋ปินคิดไว้
บอสเผยเปิดเว็บ TPDb สำหรับให้คะแนนและวางกลไกการให้รางวัลพนักงาน ตรงกับจุดที่สอง
บอสเผยสนับสนุนให้มีการเปลี่ยนตำแหน่งกันภายในและให้ทุนตามฝันพนักงานไปทำตามฝัน ตรงกับจุดที่สามของอู๋ปิน!
สรุปแล้วทั้งสามจุดแสดงให้เห็นถึงสภาพการทำงานอันสมบูรณ์แบบที่บอสเผยสนับสนุน!
สิ่งที่อู๋ปินทำในตอนนี้คือช่วยให้นักเขียนมีสภาพการทำงานที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งเขาก็ทำผลลัพธ์ได้เป็นที่น่าประทับใจ
ถ้าวิธีนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้นักเขียนได้จริง ก็น่าจะเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงานเถิงต๋าได้เหมือนกัน!
เหมือนว่าอู๋ปินจะพบภารกิจใหม่ให้ทำต่อแล้ว
…
…
วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์
วันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาของเผยเชียนไม่ค่อยดีต่อใจนัก เขาเอาแต่ระแวงว่าจะมีปัญหาผุดขึ้นมาจากไหนก็ไม่รู้อีก
ที่เผยเชียนกังวลที่สุดคือสถานการณ์แอป ‘มาสิเด็กหัวกะทิ’
เขาผลาญเงินเพิ่มเพื่อโฆษณาต่อ แอปพลิเคชันจึงเริ่มมีกระแสมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่เฮ่อเต๋อเซิ่งก็เริ่มขายหุ้นออกไปได้ทีละนิด ซึ่งก็เป็นสัญญาณที่ชัดเจนสำหรับบอสหลี่
พอบอสหลี่กับคนอื่นๆ จับสัญญาณได้ แอป ‘มาสิเด็กหัวกะทิ’ ย่อมได้รับผลกระทบครั้งใหญ่…
จากนั้นเผยเชียนก็จะบรรลุเป้าหมาย
เขากะไว้แล้วว่าบอสหลี่น่าจะมีการเคลื่อนไหวช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเข้ามาถามข้อมูลจากเขาหรือเฮ่อเต๋อเซิ่ง
เผยเชียนบอกความจริงกับบอสหลี่มาตลอด แต่บอสหลี่ไม่เคยเชื่อเขาเลย
รอบนี้เผยเชียนตัดสินใจโกหกไป
เขาบอกไปว่าอยากถอนตัวจากโปรเจ็กต์นี้เพราะไม่เห็นศักยภาพ!
รอบนี้บอสหลี่น่าจะเชื่อเขาแหละมั้ง
นอกจากนั้นแล้ว เผยเชียนยังคอยจับตาดูคอร์สอบรมนักเขียนเว็บจงเตี่ยนจงเหวินด้วย เขาแปลกใจมากเมื่อพบว่านักเขียนลงงานน้อยตอนลงในแต่ละวัน เหมือนกำลังแข่งกับว่าใครจะลงงานได้น้อยกว่ากัน
ก่อนหน้านี้ คอร์สอบรมใช้วิธีไร้มนุษยธรรมอย่างการ ‘ล็อกโปรแกรม’ เพื่อให้มั่นใจว่านักเขียนจะลงงานได้ประมาณแปดพันคำต่อวัน แต่พอเผยเชียนเข้ามาจัดการ นักเขียนก็รีบถอยหนี
ถือเป็นข่าวดีอย่างไม่ต้องสงสัย!
วันจันทร์คือวันวาเลนไทน์ เพื่อความมีมนุษยธรรม เผยเชียนคิดว่าจะให้พนักงานหยุดงานครึ่งวัน จะได้ไม่ต้องทำงานตอนบ่าย
นอกจากนั้นแล้วยังตั้งใจจะให้กุหลาบพนักงานด้วย ซึ่งก็ไม่ได้มีเหตุผลพิเศษอะไร แค่ดอกกุหลาบวันวาเลนไทน์ขายกันแพงเฉยๆ
วันอื่นๆ กุหลาบขายกันถูกๆ เผยเชียนเลยไม่ได้สนใจ
หลังจากเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงพักหนึ่ง เผยเชียนก็ลุกจากเตียงอย่างไม่เต็มใจนัก เขาตั้งใจจะแวะเข้าไปเดินเล่นที่ออฟฟิศ จากนั้นก็ไปเช็กโฮสเทลเขย่าขวัญ
เขาได้รับข้อความจากเฉินคังทั่วตอนเช้า แจ้งว่าโปรเจ็กต์ย่อยที่เหลืออีกสามโปรเจ็กต์เสร็จครบแล้ว ซึ่งหมายความว่าโปรเจ็กต์ที่สองเสร็จสมบูรณ์แล้ว
เผยเชียนคิดว่าจะหาหนูทดลองเข้าไปทดสอบประสิทธิภาพกับดักหนู
หร่วนกวางเจี่ยนเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่หมอนั่นกลับเซี่ยงไฮ้ไปแล้ว เผยเชียนจึงต้องหาคนอื่น
บอสหลี่ที่เอาแต่สร้างปัญหาให้น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี
…
เผยเชียนมาถึงออฟฟิศแล้วพบว่าดอกกุหลาบมาส่งแล้ว
ทุกคนมีช่อกุหลาบสดสีสันสดใสวางอยู่บนโต๊ะ ส่งให้ทั่วทั้งออฟฟิศอบอวลไปด้วยบรรยากาศฤดูใบไม้ผลิและกลิ่นหอมของดอกไม้
เผยเชียนแอบตรวจดูก่อนและยืนยันแล้วว่าไม่มีใครในออฟฟิศที่แพ้ดอกไม้ จึงส่งให้ทุกคนได้อย่างไร้กังวล
ระหว่างเดินไปที่ห้องทำงาน หม่าอี้ฉวินก็โผล่มาขวางจากด้านข้าง จากนั้นก็เดินถือกุหลาบช่อใหญ่ตรงมาหา
“ให้บอสเผยครับ!” ɴᴏᴠᴇʟɢᴜ.ᴄᴏᴍ
ด้านหลังหม่าอี้ฉวินคือหลี่หย่าต๋า เปาซวี่ หลินหวาน ถังอี้ซู่ หวงซื่อปั๋ว และคนอื่นๆ เลขาซินยืนยิ้มบางอยู่ข้างๆ
เผยเชียนอึ้งไป ช่อดอกไม้นี้ใหญ่กว่าที่เขาให้พนักงานสองเท่า น่าจะสั่งทำมาเป็นพิเศษ
เขามีสีหน้าแปลกๆ “คืออะไรเนี่ย”
หม่าอี้ฉวินยิ้มพร้อมอธิบาย “เป็นสัญลักษณ์แสดงออกถึงความรักของพวกเราทั้งหมดต่อบอสเผยครับ!”
เผยเชียนริมฝีปากกระตุก “ผมไม่ได้ต่อต้านความรักของพวกคุณนะ แต่ทำไมคุณต้องเป็นคนมอบให้ผมด้วย…”
หม่าอี้ฉวินหัวเราะ “เราก็อยากให้สาวสักคนเป็นคนมอบให้บอสนะครับ แต่สาวๆ สู้กันไม่หยุด ไม่มีใครยอมแพ้ สุดท้ายหาคนที่เหมาะที่สุดไม่ได้ ก็เลยต้องเป็นผม”
เผยเชียน “???”
เขาไม่ค่อยได้ดอกไม้วันวาเลนไทน์ แต่ตอนนี้กลับมีผู้ชายเป็นคนเอามาให้!
เผยเชียนรับดอกไม้มาอย่างอึ้งๆ “ขอบคุณทุกคนนะ…”
ขณะที่กำลังจะเดินต่อ หลี่หย่าต๋าก็เข้ามาขวาง
“บอสเผย ขอบคุณสำหรับเซอร์ไพรส์วันวาเลนไทน์ที่เตรียมไว้ให้นะคะ เราเองก็มีเซอร์ไพรส์พิเศษให้บอสเหมือนกันค่ะ!
“ทุกเกมของเถิงต๋ากับฉางหยางเกมส์ปล่อยอัปเดตกิจกรรมวันวาเลนไทน์พร้อมกันหมด ผู้เล่นให้การตอบรับดีมาก กิจกรรมนี้จัดต่อเนื่องจากกิจกรรมตรุษจีนเลยค่ะ!
“รายได้วันนี้วันเดียวสูงกว่ารายได้รวมสัปดาห์ก่อนอีกค่ะ!”
หลินหวานที่ยืนอยู่ข้างๆ ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
เกมเพลงรบโลหิตของฉางหยางเกมส์ก็จัดกิจกรรมวันวาเลนไทน์ด้วย เกมนี้เป็นหนึ่งในรายได้หลักเหมือนเกมฐานทัพกลางทะเล แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ควรภาคภูมิใจจริงๆ
เผยเชียน “…?”
อะไรวะ!
นี่เหรอเซอร์ไพรส์ที่เตรียมการวางแผนไว้ให้ฉัน
นี่คือการตอบแทนความดีด้วยความชั่วชัดๆ!
เผยเชียนรู้สึกเหมือนหนามของช่อกุหลาบกำลังทิ่มแทงหัวใจตัวเอง…
แต่พอเห็นว่าทุกคนตื่นเต้นกันแค่ไหน เผยเชียนก็ได้แต่ฝืนยิ้ม แสร้งทำเป็นว่าไม่รู้สึกอะไร
“ฮ่าๆ ดีเลย ขอบคุณนะทุกคน!”
…
บริษัทลงทุนหยวนเมิ่ง
“เชิญครับบอสหลี่ ดื่มชาก่อน”
เฮ่อเต๋อเซิ่งยกชามาเสิร์ฟหลี่สือพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะนั่งลงตรงข้าม
ก่อนหน้านี้เขาเคยทำงานเป็นผู้ช่วยของหลี่สือที่บริษัทลงทุนฟู่หุย
แต่ก็เหมือนคำพูดที่ว่าชีวิตมีขึ้นมีลง ตอนนี้ทุกครั้งที่เจอหลี่สือ เฮ่อเต๋อเซิ่งสามารถเลิกทำตัวนอบน้อมกับอีกฝ่ายได้แล้ว
ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะเฮ่อเต๋อเซิ่งได้เรียนรู้แนวทางการลงทุนจากบอสเผยจึงรู้สึกว่าอยู่ในจุดที่เหนือกว่าหลี่สือ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะมองว่าตัวเองอยู่ในระดับที่เท่ากันกับหลี่สือซึ่งเป็นเจ้านายคนก่อนและคร่ำหวอดในแวดวงการลงทุน
หลี่สือยกชาขึ้นจิบ “เต๋อเซิ่ง บอกได้มั้ยว่าทำไมบริษัทลงทุนหยวนเมิ่งถึงเริ่มขายหุ้นแอป ‘มาสิเด็กหัวกะทิ’ พวกคุณกำลังคิดอะไรกันอยู่”
เฮ่อเต๋อเซิ่งยิ้ม “คุณคิดว่ายังไงล่ะครับ”
หลี่สือวางถ้วยชาลง รู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย “ถ้าเป็นคนอื่น ฉันคงคิดว่ากำลังจะหนี แต่…
“พอเป็นบอสเผย ก็คิดไม่ออกว่าทำไมถึงทำแบบนี้”
เฮ่อเต๋อเซิ่งตอบตามตรง “ถ้าบอสหลี่ยังคิดไม่ออก ผมจะไปคิดออกได้ยังไงครับ…
“เอาตรงๆ เลย ผมแค่ทำตามคำสั่งของบอสเผย ผมก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าบอสคิดอะไรอยู่
“ถ้าบอสหลี่อยากรู้ก็น่าจะต้องไปถามบอสเผยเองนะครับ”
แน่นอนว่าเฮ่อเต๋อเซิ่งพอเดาได้ว่าบอสเผยคิดอะไรอยู่ แต่เขาบอกอีกฝ่ายไม่ได้เพราะเป็นความลับทางธุรกิจ ยังไงผลประโยชน์ของบริษัทลงทุนหยวนเมิ่งก็ต้องมาก่อน
ทุกคนเริ่มสงสัยว่าบริษัทลงทุนหยวนเมิ่งกำลังจะชิ่งรึเปล่า แต่ก็ไม่มั่นใจนักเพราะไม่ได้ขายหุ้นเยอะ จึงบอกได้ยากว่ากำลังจะชิ่งจริงๆ หรือแค่โยกทุนไปมาภายในเถิงต๋ากรุ๊ป
ถ้าเป็นอย่างหลังก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล สามารถลงทุนต่อไปได้
แต่ถ้าเป็นอย่างแรก ทุกคนก็ต้องระวังตัวไว้
หลี่สือเลยมาถามถึงที่ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แต่เฮ่อเต๋อเซิ่งซื่อสัตย์ต่อบอสเผย จึงไม่บอกอะไรออกไป
เขารู้ว่าบอสหลี่ไม่ยอมแพ้แน่จึงบอกให้ไปถามบอสเผยเอง บอสเป็นอัจฉริยะ ต้องมีวิธีจัดการกับสถานการณ์นี้ได้อย่างเหมาะสมแน่นอน