เผยเชียนถามถึงแง่อื่นๆ อย่างละเอียดแล้วสรุปได้ว่าแอป ‘มาสิเด็กหัวกะทิ’ ในตอนนี้ยังปลอดภัยดีอยู่
“เฮ้อ… น่าจะคิดมากไปเอง
“ธุรกิจให้เช่าแบบนี้น่าจะผลาญเงินไปได้พักใหญ่ในช่วงเริ่มแรก ไม่มีทางทำกำไรได้เร็วหรอก
“ช่วงนี้ต้องปล่อยให้ผลาญเงินไปเรื่อยๆ จะได้ขาดสภาพคล่องทางการเงินได้เร็วๆ!”
เผยเชียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขารู้สึกเหมือนกำลังวิ่งแข่งกับเวลา ประเด็นหลักอยู่ที่โปรเจ็กต์เด็กหัวกะทิให้เช่าจะดังขึ้นมาก่อน หรือเขาจะผลาญเงินได้หมดก่อน
พอธุรกิจขาดสภาพคล่องทางการเงินและหาทุนมาเติมไม่ได้ โปรเจ็กต์ก็จะล่มอย่างรวดเร็ว อาจถึงขั้นติดหนี้หัวโต ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่ดีมาก
เผยเชียนลุกยืน เตรียมกลับ
ตอนนั้นเอง มือถือของเฮ่อเต๋อเซิ่งก็ดังขึ้น
เขาดูลังเลว่าจะรับดีมั้ย ปกติแล้วต้องรอให้บอสเผยกลับไปก่อน แต่พอเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาก็รู้สึกว่าต้องรีบรับ
เผยเชียนเหลือบมองอีกฝ่าย “รับเลย ไม่ต้องสนใจผม”
เฮ่อเต๋อเซิ่งพยักหน้าแล้วทำตามที่อีกฝ่ายบอก “ฮัลโหล มีอะไรครับบอสหลี่”
เผยเชียน “…”
เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา
สีหน้าของเฮ่อเต๋อเซิ่งดูเคร่งเครียดขึ้นระหว่างฟังปลายสายพูด ก่อนจะพยักหน้ารัว “ได้ครับบอสหลี่! ไม่มีปัญหาเลยครับบอสหลี่! ขอบคุณครับบอสหลี่!”
เผยเชียน “?”
เขารู้สังหรณ์ใจไม่ดีหนักขึ้นกว่าเดิม
เฮ่อเต๋อเซิ่งวางสาย “ข่าวดีครับบอสเผย! บอสหลี่คิดว่าแอป ‘มาสิเด็กหัวกะทิ’ กำลังไปได้สวย ฐานผู้ใช้งานขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ บอสหลี่เห็นว่าโปรเจ็กต์นี้มีศักยภาพเลยอยากลงทุนเพิ่มอีกสามล้านหยวนครับ!
“แล้วก็พอมีบอสหลี่นำทัพ นักลงทุนอื่นๆ ก็รู้สึกมั่นใจมากขึ้น เราไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องเงินทุนไประยะหนึ่งเลยครับ!”
เผยเชียนมองเฮ่อเต๋อเซิ่งด้วยความงุนงง ในหัวเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
อะไรวะ…
ทุกครั้งที่สถานการณ์เริ่มดีขึ้นมาหน่อย บอสหลี่ก็จะโผล่มา!
เผยเชียนเกลียดอีกฝ่ายเข้าไส้
แต่พอคิดดูอีกทีก็มองว่าไม่แปลก เพราะตอนแรกบอสหลี่ลงทุนไปแค่หนึ่งล้านหยวน
เผยเชียนรู้ว่าโปรเจ็กต์ต้องเจ๊งแน่นอน เลยพูดกล่อมอีกฝ่ายให้ลงทุนแค่นี้ด้วยความหวังดี ไม่อยากให้เสียเงินเยอะ
แต่บอสหลี่ก็หยั่งเชิงมาตลอด!
เขาลงทุนแค่หนึ่งล้านหยวน พอเห็นสถานการณ์ปัจจุบันก็คิดว่าตัวเองกำลังพลาดโอกาสเพราะมัวแต่หยั่งเชิง เลยตัดสินใจเพิ่มเงินลงทุนเพื่อให้ได้กำไรเพิ่ม
เผยเชียนรู้สึกเหนื่อยใจ
พวกแกเอาแต่สร้างปัญหาให้ฉันไม่หยุดหย่อน เมื่อไหร่มันจะจบสิ้นสักที!
เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังคุมเตาเผา คอยเติมถ่านเข้าไป พอเติมจนไม่มีถ่านเหลือก็จะได้เลิกงานกลับบ้าน
แต่คนพวกนี้กลับแบกถ่านมาเพิ่มให้เรื่อยๆ เป็นกระบุง ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน ก็เติมถ่านจนหมดไม่ได้สักที!
แค่นั้นยังไม่พอ ยิ่งเติมถ่านเข้าไปในเตาเท่าไหร่ ถ่านก็ยิ่งเผาเร็วขึ้น ทำให้ไฟลุกยิ่งกว่าเดิม…
เผยเชียนที่ลุกขึ้นเตรียมกลับในตอนแรกนั่งลงทันที
สีหน้าของเขาคร่ำเคร่ง รู้สึกกดดันหนัก ไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อดี
เฮ่อเต๋อเซิ่งเห็นบอสเผยกำลังทำสีหน้าจริงจังก็ตาเป็นประกายขึ้นมา
มาแล้ว! ‘บอสเผยในช่วงเวลาดีๆ’!
ทุกคนรู้ว่าในช่วงเวลาแย่ๆ บอสเผยจะส่งต่อพลังงานด้านบวกให้คนรอบข้าง ทำให้ทุกคนมีกำลังใจก้าวผ่านความยากลำบากไปได้
แต่ในช่วงเวลาดีๆ บอสเผยจะดูเคร่งเครียดและคิดอะไรอยู่ตลอด แสดงให้เห็นว่าบอสกำลังคิดถึงความเสี่ยง และกำลังวางแผนระยะยาวเพื่ออนาคต เพื่อจัดการกับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาดีๆ
ชัดเจนมากว่าตอนนี้บอสเผยกำลังอยู่ในโหมด ‘ช่วงเวลาดีๆ’!
เฮ่อเต๋อเซิ่งหลบฉากไปรออยู่เงียบๆ ไม่กล้าขัดจังหวะ
คำพูดสักคำจาก ‘บอสเผยในช่วงเวลาดีๆ’ หลังขบคิดอย่างหนักอาจสอนอะไรเขาได้มากมาย!
เผยเชียนรู้สึกสับสนและอับจนหนทาง
ควรไปต่อและผลาญเงินไปเรื่อยๆ มั้ย
ถ้าโปรเจ็กต์ประสบความสำเร็จขึ้นเรื่อยๆ จะทำยังไง
ถอยหนีแล้วขายหุ้นทิ้งให้หมดดีมั้ย
ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว กำไรที่จะทำได้อาจทำให้เขาต้องนอนจมกองน้ำตา…
แอป ‘มาสิเด็กหัวกะทิ’ ได้ทุนอุดหนุนมาสองรอบ บริษัทลงทุนหยวนเมิ่งลงทุนกับโปรเจ็กต์นี้ไปเกือบสิบล้านหยวน ตอนนี้หุ้นส่วนที่เผยเชียนถืออยู่จริงๆ (รวมของบริษัทลงทุนหยวนเมิ่งและทีมสร้าง) ตกจากเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ไปอยู่ที่ประมาณหกสิบเปอร์เซ็นต์
แต่ก็หมายความว่า มูลค่าบริษัทของแอป ‘มาสิเด็กหัวกะทิ’ พุ่งไปอยู่ที่ประมาณยี่สิบห้าล้านหยวน
แน่นอนว่าตัวเลขนี้ไม่ได้แน่นอน จะเปลี่ยนหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่ามีคนซื้อหุ้นในส่วนของเขารึเปล่า
แต่ดูจากความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุนที่มีให้โปรเจ็กต์นี้แล้ว เผยเชียนมั่นใจว่าต้องมีคนซื้อหุ้นในส่วนของเขาแน่ถ้ายอมปล่อยขาย
ควรทำยังไงดี!
เสี่ยงเกินไป
เผยเชียนรู้สึกเหมือนกำลังเดินไต่เชือก ก้าวพลาดไปแม้แต่นิดเดียวอาจตกลงหุบเหวไร้ก้นได้
ใจเย็นๆ ค่อยๆ คิด
อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกนักลงทุน
ความเชื่อมั่น!
ตอนนี้ มูลค่าแอป ‘มาสิเด็กหัวกะทิ’ พุ่งสูงขึ้นเพราะนักลงทุนเชื่อว่าเถิงต๋าหนุนหลังโปรเจ็กต์อยู่ ทำให้มีความเชื่อมั่นแบบผิดๆ
ฉันต้องคิดหาทางกำจัดความเชื่อมั่นนี้ทิ้งจะได้หลุดจากสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ขอแค่ความเชื่อมั่นของทุกคนพัง พวกเขาก็จะเริ่มคิดขายหุ้นทิ้ง พอคนอื่นๆ เสียความเชื่อมั่น มูลค่าของโปรเจ็กต์ก็จะตกลง
ใช่ นี่เป็นหนทางเดียว
หลังจากคิดดูสักพัก เผยเชียนก็พบทางออก
แต่จะทำลายความเชื่อมั่นของทุกคนได้ยังไง
ปั่นข่าวแง่ลบเหรอ
แต่ระบบห้ามไม่ให้ใช้วิธีการเล่นแง่แบบนั้น
อีกอย่างทุกคนก็ลงทุนไปค่อนข้างเยอะ แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจที่ไม่สั่นคลอนต่อโปรเจ็กต์ เผยเชียนทำได้แค่พยายามชี้ให้เห็นถึงความไม่น่าเชื่อถือของโปรเจ็กต์ แต่ก็ไม่น่าจะมีใครคล้อยตาม
ยากจริงๆ!
เผยเชียนเจอทางเหมาะๆ แล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะบรรลุเป้าหมาย
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากถามเฮ่อเต๋อเซิ่ง เพราะยังไงอีกฝ่ายก็เป็นมืออาชีพ
เผยเชียนเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนจะถามขึ้น “ถ้าอยากให้นักลงทุนหมดความเชื่อมั่นในแอป ‘มาสิเด็กหัวกะทิ’ คุณจะทำยังไง”
เฮ่อเต๋อเซิ่งผงะไป
ที่บอสเผยเงียบไปพักใหญ่ก็เพราะคิดเรื่องนี้อยู่เหรอ
ทำไมถึงอยากให้นักลงทุนคนอื่นๆ หมดความเชื่อมั่นในแอป ‘มาสิเด็กหัวกะทิ’ ล่ะ คนที่ควรคิดเรื่องนี้คือคู่แข่งไม่ใช่เหรอ…
เฮ่อเต๋อเซิ่งสังเกตสีหน้าของบอสเผย เหมือนว่าบอสจะทดสอบฉันอยู่
สีหน้าของเฮ่อเต๋อเซิ่งจริงจังขึ้นมาทันที เขาคิดว่าคำถามดักทางสุดเรียบง่ายนี้น่าจะมีความหมายอะไรแอบแฝงอยู่
ผ่านไปสองนาที เฮ่อเต๋อเซิ่งก็ยังคิดไม่ออกว่าความหมายที่ซ่อนอยู่คืออะไร จึงได้แต่เลือกคำตอบที่ดูปลอดภัยที่สุด “ถ้าเป็นผม ผมจะพยายามขายหุ้นตัวเองออก
“การถือหุ้นเพิ่มแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในโปรเจ็กต์ แต่ถ้าลดจำนวนหุ้นที่ถือลงจะให้ผลตรงกันข้าม ผมเลยคิดว่าการขายหุ้นตัวเองออกไปจะส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนคนอื่นครับ”
เผยเชียนพยักหน้า ถูกแล้ว!
การพยายามลดหุ้นที่ถือลงเป็นการแสดงออกถึงระดับความเชื่อมั่นได้อย่างชัดเจน ทำให้คิดว่าโปรเจ็กต์นี้น่าจะให้ผลตอบแทนอะไรไม่ได้ ถึงเวลาชิ่งแล้ว!
กลับกันถ้ายังถือหุ้นอยู่ ถึงแม้จะพยายามบอกคนอื่นว่าไม่เชื่อมั่นในโปรเจ็กต์นี้ยังไงก็คงไม่มีใครเชื่อ!
แต่… แบบนั้นฉันก็ได้กำไรสิ
ถึงจะไม่ได้ขายรวดเดียวหมด ค่อยๆ ขายทีละนิดก็ยังได้กำไรเหมือนเดิม
แน่นอนว่าถ้าค่อยๆ ขายทีละนิด กำไรที่ได้จะยังอยู่ในระดับที่พอรับได้โuเวลกูดoทคอม
ที่สำคัญเลยคือจะทำให้คนอื่นๆ หมดความเชื่อมั่นและทำให้กระแสความนิยมของโปรเจ็กต์ตกลง สุดท้ายก็จะผลาญเงินได้หมดและเริ่มขาดทุน
คิดได้แบบนั้น เผยเชียนก็ตัดสินใจได้
“งั้นขายเลย!”
เฮ่อเต๋อเซิ่งอึ้งไป
ขายตอนนี้เหรอ
โปรเจ็กต์กำลังไปได้สวย น่าจะรอกินกำไรได้เพิ่มนี่นา
แต่พอเห็นแววตาแน่วแน่ของบอสเผย เฮ่อเต๋อเซิ่งก็ได้สติขึ้นมา
ในแวดวงการลงทุนมีคำพูดที่เป็นที่รู้จักกันดีคือ อย่าพยายามเก็บเหรียญสุดท้าย
ตอนนี้ทุกคนเห็นความเป็นไปได้ของแอป ‘มาสิเด็กหัวกะทิ’ ถ้าขายหุ้นตอนนี้อาจจะไม่ได้ราคาสูงสุด แต่ก็ยังได้เงินเยอะอยู่ดี
ถ้ารอไปขายตอนราคาหุ้นเริ่มตก คนอื่นๆ อาจจะหมดความเชื่อมั่นในโปรเจ็กต์ ถึงตอนนั้นก็สายไปแล้ว
เฮ่อเต๋อเซิ่งอดรู้สึกทึ่งขึ้นมาไม่ได้ สมแล้วที่เป็นบอสเผย ขนาดอยู่ในช่วงเวลาดีๆ แบบนี้ยังสามารถคิดได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน
“เข้าใจแล้วครับบอสเผย! เดี๋ยวผมจัดการเอง!” เขาตบอกอย่างมั่นใจ
…
…
วันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์
คอร์สอบรมนักเขียนเว็บจงเตี่ยนจงเหวิน
ช่วงพักเที่ยง บรรยากาศแตกต่างจากเดิมเล็กน้อย
ปกติทุกคนมักจะคุยกันเรื่อยเปื่อยระหว่างกินข้าว หลายๆ เรื่องที่คุยกันไม่ได้เกี่ยวกับเว็บโนเวลเลยด้วยซ้ำ
ซึ่งก็ถือว่าไม่แปลกอะไร เพราะแม้แต่ในกลุ่มแชต พวกเขาคุยเรื่องงานเขียนกันแค่บางครั้ง ส่วนใหญ่จะคุยกันเรื่องอื่นมากกว่า
แต่วันนี้ต่างออกไป
ทุกคนถือมือถือในมือ สายตาไล่อ่านนิยายเรื่องหนึ่งระหว่างกินอาหารจากโมหยูเดลิเวอรี่
“ถึงตอนล่าสุดแล้ว”
“นิยายเรื่องใหม่ของพี่ชุยสนุกมาก! ไม่มีเรื่องไหนสู้ได้เลย!”
“จริง นิยายเรื่องใหม่พี่ชุยมาถูกทางแล้ว ปกติพี่เขาเขียนแต่แนวจอมยุทธแฟนตาซีมาตลอด ถึงจะเขียนดี แต่ก็มีหลายคนเขียนดีกว่า พอเจอทางใหม่ก็โดดเด่นขึ้นมาเลย! ฉันไม่เคยเห็นคนไหนเขียนเรื่องแนวชีวิตในเมืองแบบนี้มาก่อน!”
“นิยายเรื่องนี้ติดอันดับนิยายใหม่มาสัปดาห์นึงแล้วนะ ตั้งแต่ปล่อยเรื่องนี้ออกมาก่อนตรุษจีนวันนึง ยอดต่างๆ ก็พุ่งขึ้นไม่หยุด สุดยอดมากเลย!”
“เป็นแนวทางการเขียนที่ใหม่มาก จังหวะการเดินเรื่องก็ดี ควรค่าแก่การเอาเป็นแบบอย่าง!”
“เห็นได้เลยว่าทางเว็บก็สนับสนุนพี่ชุย ผมว่านิยายเรื่องนี้ต้องฮิตติดตลาดแน่ อาจจะทำลายสถิติเว็บไซต์เลยก็ได้!”
“พี่เขาลงงานวันละหมื่นคำ ถ้ารักษาระดับนี้ไว้ได้ สิ้นเดือนก็น่าจะติดเหรียญให้จ่ายเพื่ออ่านได้ ทีนี้ก็จะได้รู้กันว่าพี่เขาสุดยอดแค่ไหน”
“จะว่าไปนิยายของหมิงอวี่ก็ดีขึ้นเหมือนกัน ฉันไปอ่านคอมเมนต์นักอ่านมา ทุกคนบอกว่าช่วงนี้พล็อตดีขึ้นมากๆ”
เหล่านักเขียนแลกเปลี่ยนความเห็นกัน
พอมีนิยายดังที่มีแนวโน้มจะสร้างเทรนด์ใหม่ขึ้นเว็บไซต์ เหล่านักเขียนก็จะไปอ่านแล้วถกกันเพื่อหาจุดที่จะเอามาเป็นแบบอย่างได้
ชุยเกิ่งไม่ได้มาเข้าอบรม เพราะไปรวบรวมข้อมูลที่ฝ่ายเกมเถิงต๋า
แต่หมิงอวี่ยังอยู่ เขากำลังอ่านเกมผีเสื้อ นิยายเรื่องใหม่ของชุยเกิ่งกับคนอื่นๆ
พอได้ยินคนพูดถึงตัวเอง เขาก็อดตื้นตันใจขึ้นมาไม่ได้ “ใช่ ต้องยอมรับเลยว่าการได้ศึกษาเรื่องจิตวิญญาณเถิงต๋าช่วยฉันได้มากจริงๆ!
“ไม่ใช่แค่ฉันนะ น้องฉง หลงเยว กับฉงซินก็ได้ไปอบรมเรื่องจิตวิญญาณของเถิงต๋าเหมือนกันนี่ ยอดพวกนายก็พุ่งเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
เสี่ยวฉงพยักหน้า “ใช่ฮะ ยอดติดตามผมเพิ่มขึ้น”
หลงเยวลูบเคราตัวเอง “ยอดฉันก็เพิ่มขึ้น ช่วงนี้เขียนพล็อตย่อยได้น่าพอใจมาก ไม่รู้ว่ายอดที่เพิ่มขึ้นเป็นเพราะเข้าอบรมจิตวิญญาณเถิงต๋ารึเปล่า แต่ในด้านอื่นๆ… ฉันก็เขียนได้ไหลลื่นมากขึ้นจริงๆ”
ฉงซินตอบโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง “ยอดผมไม่ได้เปลี่ยนแปลงมาก น่าจะเพราะพล็อตช่วงนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เดี๋ยวลองปรับแล้วดูว่าจะดีขึ้นมั้ย”
คนอื่นๆ มองพวกเขาด้วยสายตาชื่นชม
“เหมือนการอบรมจะช่วยได้มากเลย!”
“ใช่ พี่ชุยเป็นคนแรกที่เข้าอบรม แถมยังได้เป็น ‘ผู้สังเกตการณ์พิเศษ’ ด้วย ที่พี่เขาพัฒนาเร็วขนาดนี้ก็เพราะได้เข้าถึงจิตวิญญาณเถิงต๋า หมิงอวี่ น้องฉง หลงเยว กับฉงซินก็มีพัฒนาการขึ้นหลังอบรมเรื่องจิตวิญญาณเถิงต๋าเหมือนกัน! ถึงจะพัฒนาขึ้นไม่มาก แต่อย่างน้อยก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ!”
“เหมือนการอบรมจะได้ผลดีสุดๆ!”
“เริ่มอยากอบรมบ้างแล้ว ฉันจองไปอบรมจิตวิญญาณเถิงต๋าวันจันทร์นะ ห้ามแย่ง!”
“ไม่ได้ ฉันก็อยากไปเหมือนกัน! ให้ความสามารถเป็นตัวตัดสินสิ!”