ช่วงบ่าย เผยเชียนเข้าออฟฟิศเพื่อเช็กความคืบหน้าการพัฒนาเกม GOG
จากนั้นหม่าหยางก็ส่งเกม IOI เวอร์ชันทดสอบมาให้
บริษัทลงทุนหยวนเมิ่งถือหุ้นบริษัท Finger Games อยู่และเป็นผู้ให้บริการเกมในประเทศจีน จึงไม่แปลกที่จะได้ตัวเกมเวอร์ชันทดสอบมา
ถึงตัวเกมจะเป็นภาษาอังกฤษ แต่ด้วยทักษะภาษาระดับสี่4 และการแปลจากเว็บเชียนตู้ เผยเชียนก็พอจะเข้าใจเนื้อหาทั้งหมด
เผยเชียนสบายใจขึ้นเมื่อได้เปรียบเทียบตัวเกมเวอร์ชันปัจจุบันของ IOI กับ GOG
มีช่องว่างระหว่างทั้งสองเกมอย่างชัดเจน!
ก่อนหน้านี้เกม IOI ยังไม่เปิดให้ทดสอบ แต่ก็มีส่งตัวเกมเวอร์ชันต่างๆ ระหว่างการพัฒนามาให้ ถึงจะเห็นตัวเกมเวอร์ชันที่ว่า แต่เผยเชียนก็ไม่แน่ใจว่าเกมพัฒนาไปถึงขั้นไหนแล้ว
เกม IOI ในความทรงจำของเผยเชียนพัฒนาไปไกลและสมบูรณ์แบบมาก เป็นธรรมดาที่พอมาเห็นเกม IOI เวอร์ชันเริ่มแรกก็รู้สึกแปลกๆ และไม่สามารถวิจารณ์ตามตรงได้
แต่เผยเชียนพอจะมั่นใจได้บ้างหลังจากเห็นการตอบสนองของผู้เล่นที่เข้าทดสอบ
คุณภาพของตัวเกมไม่มีปัญหา อย่างน้อยในตอนนี้ ความสามารถในการแข่งขันในแวดวงก็เห็นชัดในตัว
เทียบกันแล้ว เกม GOG ยังตามหลังอยู่มากเรื่องความสมบูรณ์ของตัวเกม
เผยเชียนไม่รู้ว่าเป็นเพราะ IOI เริ่มพัฒนาก่อนเลยไปไวกว่า หรือเพราะทีมหลี่หย่าต๋าอู้งาน
เขาหวังว่าจะเป็นเพราะเหตุผลหลังมากกว่า
ต้องบอกเลยว่าตั้งแต่เริ่มมีการสอบวัดความเข้ากันได้กับเถิงต๋า นอกจากทัศนคติของพนักงานใหม่จะเปลี่ยนไปมากแล้ว แม้กระทั่งพนักงานเก่าก็มีทัศนคติดีขึ้นมาก!
ตัวอย่างเช่น พวกหัวรั้นในทีมออกแบบฝ่ายเกมของเถิงต๋าที่ชอบทำงานล่วงเวลาก็ลดการทำงานล่วงเวลาลงมาก
ดูเหมือนว่าพวกหลี่หย่าต๋าจะไม่เข้าแข่ง Zero OT ครั้งแรกด้วย
ระหว่างทำงานให้เสร็จกับได้โบนัส พวกเขาเลือกทำงานให้เสร็จ ซึ่งก็ทำให้เผยเชียนรู้สึกเศร้าใจอยู่หน่อยๆ
แต่พวกหลี่หย่าต๋าก็ไม่ได้เข้าสู่วงจรอุบาทว์ ถึงไม่ได้ร่วมแข่ง Zero OT พวกเขาก็ไม่ได้พยายามทำงานให้หนักขึ้น
กลับกันพวกเขาพยายามลดระยะเวลาและจำนวนการทำงานล่วงเวลาลง
บอสเผยพอใจกับเรื่องนี้มาก รู้สึกสุขใจที่ ‘ในที่สุดพวกหัวรั้นก็เข้าใจสักที’
สรุปแล้วสถานการณ์เกม GOG ตอนนี้เป็นไปในทิศทางที่ดี ดูเหมือนว่าในอนาคตถ้ามีเงินเหลือแล้วไม่รู้จะเอาไปทำอะไร ก็เอามาละลายกับเกมนี้สักล้านสองล้านได้
ช่องว่างระหว่างเกม GOG กับเกม IOI ไม่น่าจะใช้เงินล้านสองล้านมาเติมเต็มได้
เผยเชียนโล่งใจขึ้นมานิดหน่อยเมื่อคิดได้อย่างนั้น เขาทวนหนังสือต่อระหว่างตั้งหน้าตั้งตาคอยมื้อเย็น
…
ตอนเย็น ภัตตาคารบ้านหมิงฝู่
“บอสเผย! เป็นไงบ้างครับ!”
จางจู่ถิงกับลู่จือเหยาและทีมงานหลักคนอื่นๆ รอต้อนรับเผยเชียนอยู่ที่หน้าทางเข้า
“ยืนทำอะไรกันอยู่ หนาวจะตาย รีบเข้าไปข้างในกันครับ”
เผยเชียนรีบเดินนำเข้าไปด้านใน
ก่อนเข้าไปด้านใน เขาก็หันไปพูดกับทุกคนเสียงเบา “ผมบอกแล้วไงว่าพวกคุณอุตส่าห์เดินทางมาช่วยจากตั้งไกล ผมต้องทำหน้าที่ของผมในฐานะเจ้าภาพ
“ผมจองภัตตาคารไร้ชื่อไว้วันที่ 20 ก็คืออีกสามวัน เดี๋ยวเรามาฉลองกันอีกรอบ
“สามวันนี้พวกคุณก็พักผ่อนกับเที่ยวเมืองจิงโจวกันให้เต็มที่นะครับ
“วันนี้เรามาฉลองปิดกอง
“ส่วนอีกรอบก็เพื่ออวยพรให้หนังดังถล่มทลาย!
“เพราะงั้นถึงมื้อนี้อาจจะไม่ดีเท่าที่ควรก็อย่าถือสากันเลยนะครับ ช่วยๆ กินหน่อย”
เผยเชียนพูดไปเพื่อไม่ให้ทุกคนตั้งความหวังกับอาหารมื้อนี้มาก และพยายามหาเหตุผลสำหรับการพาไปกินเลี้ยงอีกรอบ
เหตุผลทั้งสองข้อฟังดูสมเหตุสมผล จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่ระบบจะไม่อนุญาต
จางจู่ถิงยิ้ม “บอสเผยใจดีเกินไปแล้วครับ
“ที่เรามาส่วนหนึ่งก็เพราะคุณ บทกับทีมงานดีๆ ก็เป็นองค์ประกอบสำคัญด้วยเหมือนกัน
“บทของบอสเผยดีมาก ถ้าดังเป็นพลุแตกขึ้นมาจริงๆ พวกเราก็ได้ผลประโยชน์ไปด้วย ไม่รู้จะขอบคุณบอสยังไงดีเลยครับ!”
ทุกคนทักทายกันก่อนจะเข้าไปนั่งในภัตตาคารบ้านหมิงฝู่
วันนี้หลี่สือไม่อยู่ น่าจะติดธุระสักอย่างที่ออฟฟิศ
แต่เขาก็ทักทายมาก่อนล่วงหน้าแล้ว ผู้จัดการสาขาเองก็รู้จักเผยเชียน แถมครั้งนี้ก็จองเหมาร้านอีก จึงเป็นธรรมดาที่ผู้จัดการสาขาจะตั้งใจดูแลเป็นอย่างดี
ไม่นานอาหารหน้าตาโอชะก็ยกมาเสิร์ฟ
ทุกอย่างปกติดี น่าจะเพราะวันนี้ไม่ได้พาน้องถังมาด้วย
ทีมงานที่มีส่วนร่วมในหนังทุกคนชิมอาหารรสเลิศและกินกันจนหนำใจ
พวกเขารู้สึกสงสัยเล็กน้อย
บอสเผยบอกว่าให้ ‘ช่วยๆ กินหน่อย’ ที่บอกแบบนั้นเพราะถ่อมตัวหรือคิดอย่างนั้นจริงๆ
ถ้ามาตรฐานอาหารที่นี่ยังไม่สูงพอ แล้วอาหารที่ภัตตาคารไร้ชื่อจะมาตรฐานสูงขนาดไหน
หลินหรูหยีสงสัยมาก จึงถามลู่จือเหยาที่เคยไปภัตตาคารไร้ชื่อมาก่อน
ลู่จือเหยาคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ก็อธิบายยากนะครับ แต่…อาหารที่ภัตตาคารไร้ชื่อดีกว่าที่นี่จริงๆ ดีกว่าหลายเท่าเลย”
…
อีกโต๊ะหนึ่ง เผยเชียนกำลังคุยเรื่องการจัดการต่างๆ หลังปิดกองกับหวงซื่อปั๋วและจูเสี่ยวเช่อ
“ตอนนี้หนังอยู่ในกระบวนการตัดต่อ ดราฟต์แรกน่าจะออกมาให้ดูได้อีกสองสามวันครับ
“หลังตัดต่อเสร็จก็มีงานยิบย่อย อย่างใส่เอฟเฟกต์พิเศษเพิ่ม สรุปแล้วน่าจะเสร็จภายในหนึ่งเดือนครับ
“แต่ก็การันตีไม่ได้นะครับบอสเผย ผมบอกได้แค่ว่าจะพยายามยึดให้ได้ตามตารางงาน”
เผยเชียนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย “หนึ่งเดือน…น่าจะไม่ทันช่วงตรุษจีน
“วาเลนไทน์… ก็ไม่น่าทันเหมือนกัน
“น่าเสียดาย…”
วันตรุษจีนปี 2011 ตรงกับวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ซึ่งเหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งเดือน
ถึงจะปั่นงานกันสายตัวแทบขาดก็ไม่น่าออกฉายทันช่วงตรุษจีน
แน่นอนว่าเผยเชียนก็ไม่ได้ตั้งใจจะเร่งงานพวกเขา และไม่อยากให้ทำงานล่วงเวลา
เขาแค่รู้สึกเสียดายเพราะทั้งสองช่วงเป็นช่วงที่เหมาะกับการฉายวันพรุ่งนี้ที่สดใสสุดๆ
ครอบครัวกลับมาเจอหน้าค่าตากันช่วงตรุษจีน ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับหนังคอมเมดี้
ส่วนวาเลนไทน์เหมาะกับหนังรักโนเวลกูดอทคอม
หนังพล็อตชวนยี้อย่างวันพรุ่งนี้ที่สดใสที่แฝงกายมาในคราบหนังโรแมนติกไซไฟ แถมยังมีชื่อชวนเข้าใจผิดน่าจะโดนด่ายับถ้าปล่อยในช่วงสองเทศกาลนี้
จังหวะการฉายหนังเป็นเรื่องที่ค่อนข้างสำคัญ
หนังที่ออกฉายช่วงนี้มีการแข่งขันสูง หนังเรื่องไหนดีก็จะยิ่งมีคนเข้าไปดูเยอะ ซึ่งก็จะไปกันซีนหนังเรื่องอื่นๆ
เผยเชียนอยากให้หนังตัวเองโดนกันซีน
จูเสี่ยวเช่อพูดขึ้น “ช่วงตรุษจีนกับวาเลนไทน์มีคนดูหนังเยอะ ถือเป็นช่วงที่ดีมากๆ แต่หนังของเรามีความลึกซึ้ง ไม่น่าเหมาะที่จะออกฉายช่วงนี้ครับ
“ผมคิดว่าเราควรปล่อยหนังวันที่ 1 พฤษภา วันแรงงาน ของดีต้องรอหน่อย”
1 พฤษภาเหรอ
อย่ามาล้อกันเล่นนะ วันปิดบัญชีคือ 31 มีนา ถ้าล่าช้าไปจนถึง 1 พฤษภา ฉันคงไม่ทำหรอก!
ถึงจะมีโปรเจ็กต์ที่ล่าช้าได้หนึ่งโปรเจ็กต์ แต่เผยเชียนก็อยากเก็บโควตานั้นไว้ให้โปรเจ็กต์บ้านผีสิง จะให้เอาไปใช้กับหนังกากๆ ที่ยังไงก็เจ๊งได้ยังไงกัน
เผยเชียนคิดว่ายิ่งฉายหนังได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี ยิ่งล่าช้าออกไปยิ่งเสี่ยง
เผยเชียนตอบ “1 พฤษภาช้าไป ไม่จำเป็นต้องยืดออกไปขนาดนั้น เอาเป็น 22 กุมภาแทน วันนี้เหมาะ”
จูเสี่ยวเช่อ “?”
เขาหยิบมือถือออกมาเช็กดูปฏิทิน วันที่ 22 กุมภาพันธ์ตรงกับวันอังคาร ไม่ใช่วันหยุดนักขัตฤกษ์ ไม่ใช่แม้กระทั่งวันหยุดสุดสัปดาห์
จูเสี่ยวเช่อทำหน้างงไปสองวินาที ก่อนที่คิ้วจะค่อยๆ คลายลง
หรือบอสเผยเตรียมอะไรเอาไว้แล้ว หรือจะเป็นวันฤกษ์ดี
ดูจากความจริงจังของบอสแล้วไม่น่าจะพูดเล่น
จูเสี่ยวเช่อพยักหน้า “โอเคครับบอสเผย เราจะปักหมุดไว้เป็นวันที่ 22 กุมภา แต่…ถ้าจะออกฉายวันนั้น น่าจะต้องโปรโมตกันยกใหญ่เลยนะครับ”
ก็เรื่องของพวกนาย
เผยเชียนไม่ได้สนใจ หนังบ้านๆ เรื่องนี้มีอะไรให้โปรโมต ให้ดีที่สุดคือออกฉายไปแล้วไม่มีใครเข้ามาดูและไม่มีใครรู้จักหนังสักคน
“โอเค เอาตามนั้น กินกันต่อเถอะ”
…
…
ท้องอิ่ม
เผยเชียนบอกลาทีมงานทีละคน
เขาจัดตารางให้ทีมงานสำหรับช่วงสามวันที่จะถึงแล้ว โดยจะมีคนรับผิดชอบพาพวกเขาเที่ยวรอบๆ จิงโจว เผยเชียนจะได้ไม่ต้องกังวล
แน่นอนว่าทริปครั้งนี้ไม่มีรถไฟเหาะตีลังกา เป็นทริปพาเที่ยวธรรมดาๆ
เผยเชียนรู้ดีว่าต้องแบ่งแยกการดูแลมิตรและศัตรู
คนพวกนี้ทุ่มเทเต็มที่เพื่อผลาญเงินทำหนังห่วยเรื่องนี้ พวกเขาอาจจะเสียชื่อถ้าหนังออกมาแย่บรม ถ้าส่งไปเล่นรถไฟเหาะตีลังกาอีกก็จะใจอำมหิตผิดมนุษย์เกินไป
“นั่งคุยกันก่อนมั้ยครับบอสเผย” หลี่สือเสนอหลังเดินมาถึงที่ประตู
เผยเชียนพยักหน้าหลังคิดขึ้นได้ว่ามีเรื่องจะพูดกับอีกฝ่ายเหมือนกัน “ได้ครับ”
พวกเขาเดินกลับเข้าไปนั่งในร้าน จากนั้นก็มีพนักงานยกชามาเสิร์ฟ
“มีอะไรพูดกับผมตรงๆ ได้เลยครับ” เผยเชียนไม่อยากเสียเวลาพูดอ้อมค้อม เขาอยากรีบกลับไปนอนจะได้ตื่นมาทวนหนังสือต่อตอนเช้า
หลี่สือพูดด้วยความตื้นตันใจ “ผมคิดว่าบอสเผยแค่พูดตามมารยาทตอนที่บอกว่าอยากสนับสนุนกิจการผม ผมไม่คิดว่าคุณหมายความตามนั้นจริงๆ
“ผมเพิ่งเปิดร้านมาได้สัปดาห์เดียว แต่คุณเหมาร้านผมไปแล้วสองครั้ง…”
เผยเชียนยกชาขึ้นจิบแล้วพบว่ามันอร่อยมาก “บอสหลี่ ผมบอกคุณหลายครั้งแล้วว่าไม่ต้องตีความอะไรมากมาย ผมก็แค่มากินเลี้ยง จริงๆ คุณไม่ได้จะคุยเรื่องนี้กับผมใช่มั้ยครับ”
หลี่สือหัวเราะ เขาดูเหมือนจะตัดสินใจได้แล้ว “บอสเผย ผมคิดๆ ดูแล้ว
“ผมอยากร่วมลงทุนในโปรเจ็กต์บ้านผีสิงด้วย!
“ถึงจะขาดทุนก็ไม่เป็นไร ผมอยากแสดงความขอบคุณคุณ!”
ระหว่างที่ยกชาจิบ เครื่องหมายคำถามก็เด้งขึ้นเหนือหัวเผยเชียน
?