📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี – ตอนที่ 385

บทที่ 385 - คอร์สอบรมเว็บจงเตี่ยนจงเหวิน
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ลงทุนกับนักเขียนระดับล่างและกลางต่อเหรอ

หม่าอี้ฉวินทั้งงงทั้งแปลกใจ

สำหรับเขา นักเขียนระดับกลางและล่างของเว็บจงเตี่ยนจงเหวินได้สิทธิประโยชน์เพียงพอแล้ว เอาเข้าจริงพวกเขาได้รับการดูแลเทียบเท่าเว็บไซต์ใหญ่ๆ อย่างเว็บอู๋เซียนจงเหวินเลยด้วยซ้ำ

เป็นไปได้ยากมากที่นักเขียนระดับกลางและล่างจะช่วยเพิ่มกำไรให้ทางเว็บไซต์

เพราะงานเขียนคืองานศิลป์รูปแบบหนึ่ง เป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับฝีมือของแต่ละคน

นักเขียนบางคนเขียนมาเป็นสิบๆ ปีก็ยังสร้างงานดังเปรี้ยงปร้างออกมาไม่ได้ นักเขียนระดับท็อปคนอื่นๆ เข้าใจแก่นสำคัญของงานเขียนออนไลน์ หลังจากเขียนไปได้แค่ล้านคำก็สามารถไต่เต้าไปอยู่ชั้นแนวหน้าได้

ดังนั้นทุกอย่างจึงขึ้นอยู่กับนักเขียนแต่ละคน

ถึงจะทุ่มเทปั้นนักเขียนระดับเทพขึ้นมา ถ้าพื้นฐานของนักเขียนยังเหมือนเดิม การจะได้นักเขียนระดับเทพมาสักคนก็ยากไม่ต่างจากการถูกหวย

ถ้าเกิดลงทุนกับคนที่ไม่เหมาะเขียนนิยายออนไลน์ขึ้นมาล่ะ

เทียบกันแล้ว ดึงคนมาจากเว็บไซต์อื่นน่าจะมีแววสำเร็จมากกว่า

แต่ถ้าบอสเผยบอกอย่างนั้น หม่าอี้ฉวินก็ต้องทำตาม

“โอเคครับบอสเผย ผมจะทำตามนั้นครับ”

หม่าอี้ฉวินขึ้นไปออฟฟิศเว็บจงเตี่ยนจงเหวินแล้วเข้าไปนั่งในห้องทำงาน ก่อนจะเริ่มคิดเรื่องแผนสำหรับเว็บไซต์

บอสเผยวางทิศทางไว้ให้แล้ว เงินทุนจะไม่นำไปใช้ดึงตัวนักเขียนจากเว็บไซต์อื่น แต่จะเอาไปลงทุนกับนักเขียนระดับล่างและกลางของเว็บจงเตี่ยนจงเหวิน

แน่นอนว่าต้องปรับมาตรฐานใหม่หมด แปลว่านักเขียนระดับสูงจะได้สิทธิประโยชน์มากขึ้น

แต่นักเขียนระดับสูงก็จะเริ่มกังวลว่าเว็บจงเตี่ยนจงเหวินอาจไม่พัฒนาไปถึงขั้นที่จะขายลิขสิทธิ์ได้

แหล่งรายได้หลักยังเป็นเงินค่าบริการจากผู้อ่าน ซึ่งถือเป็นผลประโยชน์รองเพียงอย่างเดียวของนักเขียนระดับสูง ไม่ได้จัดว่าเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจ

หม่าอี้ฉวินครุ่นคิดเรื่องนี้

สำหรับนักเขียนระดับล่างและกลาง เว็บจงเตี่ยนจงเหวินให้สิทธิประโยชน์อย่างค่าแรงเต็มเวลาเหมือนเว็บอู๋เซียนจงเหวิน อีกทั้งยังวางมาตรฐานสูงกว่านิดหน่อยด้วย

ถ้าเว็บจงเตี่ยนจงเหวินจะให้สิทธิประโยชน์เพิ่ม ก็ต้องเป็นสิทธิประโยชน์ที่เว็บไซต์นิยายออนไลน์อื่นๆ ไม่มีทางให้

อีกอย่างถึงจะให้สิทธิประโยชน์กับทั้งนักเขียนระดับล่างและกลาง แต่นักเขียนระดับกลางคือเป้าหมายที่ต้องให้ความสำคัญ

นั่นเพราะนักเขียนระดับล่างมีเยอะเกินไป ให้พิจารณาทั้งหมดทุกคนคงเป็นไปไม่ได้

นักเขียนระดับล่างอาจรวมกระทั่งคนที่สมัครมาเป็นนักเขียนชั่วประเดี๋ยวประด๋าว แล้วเขียนไปแค่ไม่กี่พันคำ

ถ้าให้สิทธิประโยชน์กับคนแบบนั้นด้วยก็ไม่ต่างอะไรจากองค์กรการกุศล ไม่ว่าเว็บไซต์จะทำเงินได้มากเท่าไหร่ ยังไงก็ไม่มีทางพอแบกรับค่าใช้จ่ายทั้งหมด เพราะมันคือธุรกิจที่ขาดทุนล้วนๆ

ดังนั้นต้องพุ่งเป้าไปที่นักเขียนระดับกลาง

การที่พวกเขาขึ้นมาอยู่เหนือนักเขียนระดับล่างได้หนึ่งขั้น หมายความว่าพวกเขามีความอดทนและความสามารถในการรังสรรค์งานออกมาเรื่อยๆ พวกเขาเชื่อถือได้ น่าจะไม่ทิ้งผู้อ่านและหนีหายจากเว็บไซต์ พอสั่งสมประสบการณ์มากขึ้นและได้โชคช่วยสักหน่อย บางคนอาจจะปั้นขึ้นไปเป็นนักเขียนระดับสูงได้

ดังนั้นเงินทุนก้อนนี้ต้องเอาไปลงทุนกับนักเขียนระดับกลาง

หม่าอี้ฉวินตกอยู่ให้ห้วงความคิด

“นอกจากค่าลิขสิทธิ์ ฐานผู้อ่าน กับชื่อเสียงที่เว็บอู๋เซียนจงเหวินให้ได้แล้ว มีอะไรอีกที่นักเขียนระดับกลางอยากได้อีก

“อืม… ความมั่งคง

“แผนความก้าวหน้าทางอาชีพและการให้คำแนะนำ

“เส้นสายทางสังคม

“แล้วก็…ชีวิตที่ดีและเป็นระเบียบ

“หมายความว่าจะมีนักเขียนบางส่วนที่ได้รับความมั่นคงนี้ผ่านขั้นตอนการเลือกที่เคร่งครัด”

พอพบแนวทางที่เหมาะสม หม่าอี้ฉวินก็เริ่มเขียนแผน

บอสเผยพูดถูก เว็บจงเตี่ยนจงเหวินไม่มีทางสู้เว็บอู๋เซียนจงเหวินเรื่องเงินได้ ถึงจะดึงนักเขียนมาได้บ้าง แต่ก็ไม่ใช่ทางออกในระยะยาว

นั่นก็เพราะเว็บอู๋เซียนจงเหวินมีฐานผู้อ่านขนาดใหญ่ มีนักเขียนหลายคน และมีความสามารถในการทำเงินสูงกว่า

ดังนั้นไม่ว่าจะมองมุมไหน เว็บอู๋เซียนจงเหวินก็สามารถให้อนาคตที่มั่นคงกับนักเขียนระดับกลางได้มากกว่าเว็บจงเตี่ยนจงเหวิน

ถ้าอยากดึงนักเขียนระดับกลางเข้าเว็บก็ต้องเอาจุดแข็งเข้าสู้ จะเล่นประเด็นที่ชัดเจนอย่างค่าลิขสิทธิ์ นักอ่าน หรือการโปรโมตไม่ได้ ต้องไปเล่นประเด็นที่มองไม่เห็น

ตัวอย่างเช่น ความมั่นคงในชีวิต

นักเขียนไม่มีเงินเดือนพื้นฐาน ไม่มีประกันหรือกองทุน เพราะผลงานทุกเรื่องที่ปล่อยออกไปมีความเสี่ยง รายได้ของนักเขียนระดับกลางนั้นไม่ได้ต่ำ แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะชดเชยความเสี่ยงที่ต้องพบเจออยู่ตลอด

พวกเขาซื้อประกันและกองทุนให้ตัวเองได้ แต่ก็ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันภัย ซึ่งก็เท่ากับต้องจ่ายสองต่อ

อีกตัวอย่างคือแผนความก้าวหน้าทางอาชีพและการให้คำแนะนำ

นักเขียนส่วนมากมีความเป็นอิสระ เนื่องจากมีนักเขียนหลายคน แต่มีบรรณาการเพียงแค่หยิบมือ นักเขียนระดับกลางจึงได้คุยกับบรรณาธิการแค่ไม่กี่ประโยคต่อปี

แน่นอนว่าบรรณาธิการที่ขยันและมีความรับผิดชอบจะเข้ามาคุยเรื่องงานเขียนด้วย แต่เนื่องจากนักเขียนมีมากเกินจำนวนบรรณาธิการจะดูแลไหว ทำให้มีนักเขียนแค่ไม่กี่คนที่ได้รับการดูแลแบบนั้น

นักเขียนหลายคนสร้างกลุ่มนักเขียนขึ้นมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์และจับมือเติบโตไปด้วยกัน

กลุ่มนี้ก็เหมือนกลุ่ม ‘รุ่นพี่รุ่นน้อง’ ในบริษัท พูดได้ว่าในวงการเว็บโนเวลนั้นไม่มีความก้าวหน้าทางอาชีพและการให้คำแนะนำ นักเขียนต้องรับผิดชอบตัวเองเพื่อที่จะพัฒนาตัวเองขึ้นไป

ตัวอย่างสุดท้ายคือวิถีชีวิตที่ดี

นักเขียนเว็บโนเวลสร้างตารางงานของตัวเองได้ ถือเป็นหลุมพรางที่ทำให้หลายคนมีวิถีชีวิตที่ไม่ปกติ

การมีวิถีชีวิตที่ไม่ปกติส่งผลต่อร่างกายหลายอย่าง เช่น อาจเกิดการเจ็บปวดที่คอหรือหลัง เป็นความดันโลหิตสูง เป็นโรคอ้วน และอื่นๆ มีข่าวคนเสียชีวิตกะทันหันให้เห็นอยู่เรื่อยๆ

การจะมีวิถีชีวิตที่ดีได้ต้องมีวินัย

แต่ละคนมีวินัยไม่เท่ากัน ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งคือสภาพแวดล้อม

ตอนอยู่บ้าน หลายคนจะคิดแค่เรื่องเล่นและพักผ่อน ประสิทธิภาพการทำงานจะต่ำ แต่ประสิทธิภาพการทำงานจะเพิ่มขึ้นเมื่ออยู่ที่โรงเรียนหรือออฟฟิศ นี่คือผลจากสภาพแวดล้อม

บอกได้ยากว่าชีวิตด้านอื่นๆ ของเหล่านักเขียนเต็มตัวที่อัปเดตผลงานอยู่บ่อยๆ เป็นยังไง แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามีวินัยในการทำงานมากโนiวลกูดอทคอม

ดังนั้นหลังจากครุ่นคิดดู หม่าอี้ฉวินก็ตัดสินใจได้

เว็บจงเตี่ยนจงเหวินจะเปิดคอร์สอบรม!

ไม่ใช่คอร์สอบรมสอนทฤษฎี แต่เป็นคอร์สอบรมสอนการปฏิบัติสำหรับนักเขียนระดับกลาง ให้ความรู้เรื่องความมั่งคง ความก้าวหน้าทางอาชีพและการให้คำแนะนำ และวิถีชีวิตที่ดี!

แผนเริ่มแรกของหม่าอี้ฉวินคือ ให้นักเขียนเข้ามาสมัคร จากนั้นบรรณาธิการจะเลือกนักเขียนระดับกลางของเว็บจงเตี่ยนจงเหวินที่เหมาะสมมาสามสิบคน

นักเขียนกลุ่มแรกจะเป็นหนูทดลอง โดยหม่าอี้ฉวินจะคอยสังเกตผลลัพธ์ที่ได้จากคอร์สอบรม

นักเขียนเบิกค่าใช้จ่ายได้ พอมาถึงเมืองจิงโจวก็จะมีอาหารและที่พักเตรียมไว้ให้พร้อม เพราะให้พวกเขากินอาหารจากโมหยูเดลิเวอรี่ได้ ส่วนค่าที่พักก็ไม่ได้แพงมาก

นักเขียนจะได้เงินเบี้ยเลี้ยงสามพันหยวนต่อเดือนและประกันกับกองทุนในจำนวนที่เหมาะสม

หม่าอี้ฉวินจะหาตึกสำนักงานใกล้ๆ ที่พักและเช่าโต๊ะทำงานราคาถูกสามสิบโต๊ะ นักเขียนจะต้องมาเข้างานทุกวันและเลิกงานตามเวลาทำงานของเถิงต๋า

นอกจากนั้นหม่าอี้ฉวินจะจัดช่วงเล่าสู่กันฟัง โดยให้นักเขียนที่ประสบความสำเร็จมาบอกเล่าประสบการณ์และแนะนำเทคนิค

เวลาที่นักเขียนอยากเริ่มเขียนเรื่องใหม่หรือไปต่อไม่ถูกก็สามารถพูดคุยกับนักเขียนคนอื่นๆ เพื่อรวบรวมความคิดเห็น

ในสภาพแวดล้อมนี้ นักเขียนจะมองกันและกันว่าเป็นมิตรสหายหรือเพื่อนร่วมคอร์สอบรมมากกว่าเพื่อนร่วมงาน

แน่นอนว่าไม่ใช่นักเขียนทุกคนที่จะสนใจคอร์สอบรมฝึกปฏิบัติแบบนี้

นักเขียนหลายคน โดยเฉพาะคนที่มีอายุและมีประสบการณ์แล้ว ไม่สนใจเบี้ยเลี้ยงเล็กน้อย ไม่อยากย้ายมาจิงโจวเพื่อกินอยู่ฟรีและเข้าออกงานตามเวลาเหมือนนักเขียนคนอื่นๆ

การเขียนเว็บโนเวลเป็นงานฟรีแลนซ์ และข้อดีของงานฟรีแลนซ์คือไม่ต้องออกจากบ้าน ถ้าต้องบินมาเขียนงานที่จิงโจวก็เท่ากับเป็นการทำลายข้อดีข้อนี้

แน่นอนว่า เว็บจงเตี่ยนจงเหวินจะไม่บังคับนักเขียนแบบนั้นให้มาร่วมคอร์สอบรม

ดังนั้นคอร์สอบรมนี้จะมุ่งเป้าไปที่นักเขียนรุ่นเยาว์ที่ยังไม่ได้แต่งงานมีครอบครัว

นักเขียนกลุ่มนี้มักจะมีศักยภาพและมีความทะเยอทะยาน สามารถพัฒนาตัวเองได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ขาดทักษะการจัดการตัวเองที่ดี และมีความคาดหวังต่อสังคมและหน้าที่การงานในแบบของตัวเอง

คอร์สอบรม นี้จะจัดขึ้นเป็นเวลาหนึ่งเดือนเพื่อทดลองว่าได้ผลยังไง

ถ้าผลลัพธ์ออกมาดี หม่าอี้ฉวินจะยกระดับขึ้นและขยายระยะเวลาออกไปอีก

หลังจากให้หม่าอี้ฉวินกลับออกไป เผยเชียนก็กลับไปทวนหนังสือต่อ แต่ผ่านไปได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง

“ติ๊ง!”

เขาได้รับข้อความโทรศัพท์

เผยเชียนหยิบมาดูแล้วพบว่าเป็นข้อความจากเชฟหลิน

“บอสเผยครับ มีภัตตาคารระดับสูงเปิดใหม่ในเมือง เหมือนจะเปิดมาแข่งกับครัวส่วนตัวหมิงหยุนเลยครับ ภัตตาคารนี้ว่าชื่อบ้านหมิงฝู่ พวกเขาเล็งลูกค้าระดับสูงเหมือนกันครับ!

“ร้านน่าจะเปิดเมื่อสองวันก่อน ตอนนี้ครัวส่วนตัวหมิงหยุนมียอดจองโต๊ะลดลงมาก เราควรทำยังไงดีครับ”

เผยเชียนอึ้งไปเมื่อได้อ่านข้อความ

ภัตตาคารบ้านหมิงฝู่เหรอ

เป็นภัตตาคารระดับสูงที่เปิดมาแข่งกับครัวส่วนตัวหมิงหยุนด้วย

หรือว่าจะเป็นภัตตาคารที่บอสหลี่กับพรรคพวกลงทุน

เผยเชียนจำได้ว่าบอสหลี่บอกเรื่องนี้ตอนเจอกันเมื่อเดือนก่อน บอสหลี่บอกว่าตัวเขา เซวียเจ๋อปิน และหวังเผิงรู้สึกเศร้ามากที่จองโต๊ะที่ครัวส่วนตัวหมิงหยุนไม่ได้

เพราะงั้นเลยเสนอร่วมงานกับเผยเชียนเปลี่ยนภัตตาคารไร้ชื่อให้เป็นแฟรนไชส์ แต่เผยเชียนก็ปฏิเสธไป

ทั้งสามเลยต้องมาเปิดภัตตาคารเอง

คำนวณดูแล้ว หลี่สือน่าจะเริ่มเตรียมการเปิดภัตตาคารตั้งแต่เสนอแนวคิดนี้กับเผยเชียน เลยเพิ่งเปิดกิจการไปเมื่อสองวันก่อน

เผยเชียนตอบเชฟหลินไปว่า ‘โอเค’ จากนั้นก็โทรหาหลี่สือ

“บอสหลี่ บ้านหมิงฝู่คือภัตตาคารระดับสูงของคุณเหรอครับ”

หลี่สือยิ้ม “ใช่ครับบอสเผย ทำไมเหรอครับ คุณบอกว่าไม่สนใจแต่แอบจับตาดูความคืบหน้าอยู่เหรอ”

เผยเชียน “…”

จับตาดูกับผีสิ 

ถ้าเชฟหลินไม่ส่งข้อความมาบอก ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าภัตตาคารระดับสูงของนายเปิดให้บริการแล้ว

เผยเชียนไม่คิดจะตอบกลับแบบนั้นเพราะรังแต่จะทำให้เรื่องยุ่งยากไปใหญ่ เขาจึงเข้าประเด็นเลย “บอสหลี่ ผมบอกไว้ไม่ใช่เหรอครับว่าพอร้านคุณเปิดกิจการแล้วผมจะแวะไป ทำไมไม่บอกผมเล่า”

หลี่สือกระแอมกระไอ “แหะๆ ขอโทษทีครับบอสเผย ช่วงนี้ผมยุ่งมาก พอยุ่งทีไรก็ชอบลืมหน้าลืมหลัง อีกอย่างผมคิดว่าคุณแค่พูดไปตามมารยาทเฉยๆ

“ผมผิดเอง เอางี้มั้ยครับ คุณแวะมาใช้บริการเมื่อไหร่ ผมให้ส่วนลดเลยสามสิบเปอร์เซ็นต์! ถือเป็นการขอโทษ”

ส่วนลดสามสิบเปอร์เซ็นต์ ไม่คิดจะเลี้ยงหน่อยเหรอ

บอสหลี่นี่ขี้งกจริงๆ

แต่คิดดูอีกที ถึงบอสหลี่จะเสนอให้กินฟรี เขาก็ปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้อยู่ดี

สามสิบเปอร์เซ็นต์ก็สามสิบเปอร์เซ็นต์

“โอเคครับ งั้นอย่ามัวเสียเวลา ผมแวะไปวันนี้เลยแล้วกัน! เย็นนี้ช่วยจองเหมาร้านไว้ให้ผมด้วย” เผยเชียนพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ

“จอง…เหมาร้าน เย็นนี้เหรอครับ” เห็นได้ชัดว่าหลี่สืออึ้งไป “ถ้าจะจองเหมาร้านน่าจะยากหน่อยนะครับ มีหลายคนจองร้านไว้ตอนทุ่มนึง”

“ผมไม่กินหลังทุ่มนึงครับ ผมจะไปถึงร้านสี่โมงและออกจากร้านก่อนหกโมง น่าจะมีเวลาให้เก็บกวาดเพื่อต้อนรับลูกค้ากลุ่มต่อไปทันพอดี

“คุณมีวัตถุดิบทำอาหารพอรึเปล่าครับ”

เผยเชียนเหลือบมองเวลา ตอนนี้บ่ายสามสี่สิบ

ภัตตาคารบ้านหมิงฝู่อยู่ไม่ไกล น่าจะเดินทางไปถึงในยี่สิบนาที

หลี่สือเงียบไปพักใหญ่ “วัตถุดิบบางอย่างอาจจะมีไม่พอ แต่ส่วนใหญ่พอครับ ถ้าบอสเผยว่างมาตอนนี้ก็ดีเลยครับ เราพร้อมต้อนรับ”

เผยเชียน “โอเคครับ ไว้เจอกัน”

เขาวางสายแล้วรีบลุกเก็บสมุดหนังสือ

อ่านต่อไม่ไหว ถึงเวลากินแล้ว!

ไปถึงสี่โมง กินจนถึงห้าโมงกว่าๆ เวลาโอเคเลย จะได้ไม่รบกวนเวลากลับบ้านไปพักผ่อนของทุกคน

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

Losing Money to Be a Tycoon, 亏成首富从游戏开始, Kui Cheng Shoufu Cong Youxi Kaishi(donghua), Losing Money to Become the Richest Person Starts From the Game, システムで出世してしまった
Score 9.4
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: , ต้นฉบับ: 1673 Chapters (จบแล้ว)
เผยเชียนย้อนเวลากลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน โดยมีระบบสั่งให้เขาตั้งบริษัทอะไรก็ได้เพื่อหาเงินทำกำไรโดยจะมีการประเมินกำไรขาดทุนเป็นรอบๆ แต่เผยเชียนเป็นคนหัวหมอ เขาดูแล้วว่าถ้าเขาทำธุรกิจได้กำไร เขาจะได้ส่วนแบ่งเข้ากระเป๋าตัวเองแค่ 1:100 แต่ถ้าเขาขาดทุน เขาจะได้ส่วนแบ่ง 1:1 เขาจึงคิดจะตั้งบริษัทเกม และหาทางทำให้บริษัทขาดทุน.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset