หม่าหยางดูจะงงอยู่หน่อยๆ “เอ่อ…ก็คือเหมือนทำเพื่อการกุศล”
เผยเชียนรีบส่ายหน้าแล้วอธิบาย “ไม่ใช่การทำเพื่อการกุศล!
“เถิงต๋ามีแผนทำการกุศลในอนาคต แต่บริษัทที่กำลังจะเปิดนี้เป็นบริษัทลงทุนจริงๆ
“ข้อแตกต่างคือ เราจะไม่ได้เงินคืนเลยจากการทำการกุศล
“แต่กับการลงทุน ถึงจะมีโอกาสขาดทุน แต่เราก็มีโอกาสทำกำไรได้เหมือนกัน เรื่องนี้ไม่มีใครบอกได้
“ที่ฉันจะบอกคือ ไม่ต้องเน้นเรื่องทำกำไร แต่ให้ใส่ใจเรื่องการช่วยสานฝัน เข้าใจมั้ย
“ถึงขาดทุนขึ้นมาก็ไม่เป็นไร เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง ฉันว่าทุกคนเข้าใจเรื่องนี้”
หม่าหยางเริ่มเข้าใจ “พี่เชียน งั้น…ก็หมายความว่า ถ้าผมเห็นฝันไหนที่ยังไม่เป็นจริงก็ไปช่วยลงทุนให้ได้ใช่มั้ย”
เผยเชียนพยักหน้ารัว “ใช่! ไอ้หม่า ฉันชอบที่แกเข้าใจฉันได้เร็วแบบนี้แหละ!”
หม่าหยางตื่นเต้นกว่าเดิม
ตอนแรกเขาคิดว่าบริษัทลงทุนคือแหล่งทำเงินเพิ่ม
แต่พอได้ฟังเผยเชียนอธิบาย หม่าหยางก็พบว่ายังมีอย่างอื่นอยู่ นอกจากบริษัทลงทุนจะทำกำไรได้แล้ว ยังช่วยสานฝันให้กิจการที่กำลังตกอยู่ในความเสี่ยงได้ด้วย
พอคิดแบบนี้ หม่าหยางก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเทวดาที่ลงมาโปรดมนุษย์
เขาใจฟูขึ้นมา!
“พี่เชียน เราจะเปิดบริษัทเมื่อไหร่ ผมรอไม่ไหวแล้ว”
หม่าหยางนั่งไม่ติดเก้าอี้ เขาลุกพรวดขึ้น
แต่เผยเชียนก็ฉุดอีกฝ่ายไว้ “อย่าเพิ่งรีบร้อนไป
“เพื่อให้งานออกมาดี เราต้องมีเครื่องมือที่เหมาะสม สองสามวันนี้ฉันจะหาผู้ช่วยที่เหมาะๆ ให้”
การลงทุนเป็นงานที่ซับซ้อน ต้องใช้ทักษะสูง
บริษัทลงทุนทั่วไปมีขั้นตอนมากมายก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะลงทุนในบริษัทไหน
พวกเขาต้องคัดกรองและตรวจสอบแผนการลงทุนที่ผู้ประกอบการเสนอเข้ามา ต้องพิจารณาแผนการลงทุนในแง่มุมต่างๆ สัมภาษณ์ผู้บริหาร ศึกษาประวัติความเป็นมาของกิจการ นอกจากนี้ยังมีขั้นตอนเจรจาและประเมินผลที่ซับซ้อนอีกหลายขั้นตอน…
หม่าหยางทำเรื่องพวกนี้ไม่ได้เลยสักอย่าง
อย่างมากก็น่าจะพออ่านแผนการลงทุนและตัดสินได้ว่าควรจะให้เงินลงทุนเท่าไหร่ แต่เจ้านี่ไม่รู้กระบวนการในขั้นตอนปฏิบัติงานเลยสักอย่าง
เพราะงั้นเผยเชียนจึงมอบหมายหน้าที่อันยิ่งใหญ่นี้ให้หม่าหยาง
แต่ถ้าจะให้บริษัทลงทุนดำเนินกิจการไปได้ เขาก็ต้องหาคนมาจัดการงานยิบย่อยต่างๆ ด้วย
ถึงเผยเชียนไม่จ้างผู้ช่วยให้ แต่พอหม่าหยางเห็นว่าเขาทำงานทั้งหมดด้วยตัวเองไม่ได้ ก็คงไปหาจ้างคนมาช่วยงานอยู่ดี จากนั้นเรื่องอาจจะวุ่นวายเอาได้
ดังนั้นเผยเชียนจึงตัดสินใจจัดการเรื่องนี้เอง!
เขาตั้งใจจะจ้างผู้ช่วยที่มีความรู้และประสบการณ์ให้หม่าหยาง คนคนนี้ต้องเป็นคนที่ทำงานทุกอย่างให้โดยที่ไม่เข้าไปยุ่งกับการตัดสินใจของหม่าหยาง
จะดีมากถ้าผู้ช่วยคนนี้ไม่ตอบคำถามหม่าหยางเลย
เผยเชียนถาม “ในฐานะนายทุนในอนาคต แกคิดว่างานของแกมีอะไรบ้าง”
หม่าหยางตบอกตัวเองอย่างมั่นใจ “ไม่ต้องห่วงเลยพี่เชียน ผมรู้ทุกอย่าง!
“กิจการต่างๆ จะส่งแผนลงทุนเข้ามาให้ผม จากนั้นผมก็ส่งต่อให้ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่าแผนไหนน่าลงทุน แผนไหนไม่น่าลงทุน
“ผมจะกรองพวกบริษัทต้มตุ๋นออกก่อน! จากนั้นก็ให้ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่าแผนไหนมีโอกาสเติบโตมากที่สุด แล้วก็ทุ่มเงินให้กิจการนั้นหนักๆ เลย!”
เผยเชียน “…”
พอแกพูดแบบนี้ ฉันก็เริ่มไม่อยากให้แกดูแลบริษัทลงทุนให้แล้วเนี่ย
ไอ้หม่าเอ๊ย เมื่อไหร่แกจะเข้าใจหน้าที่ของแกสักที
เผยเชียนส่ายหน้า “ไม่ได้ แกให้คนอื่นช่วยกรองแผนไม่ได้ แกต้องทำเอง!”
หม่าหยางไม่เข้าใจ “อ้าว ทำไมล่ะพี่ ก็ผมไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้เลยนี่นา”
เผยเชียนพูดเสียงจริงจัง “แกอาจจะไม่เข้าใจข้อมูลสถิติ แต่แกเข้าใจว่าหัวใจที่มีความฝันมันเป็นยังไง!
“คิดดูสิ กิจการเล็กๆ ที่มีฝันอันสูงส่งจะเขียนแผนออกมาให้ดูดีได้ยังไง
“ความฝันมักจะลอยอยู่ในอากาศและอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกจะให้เขียนออกมาเป็นตัวเลขไร้จิตใจเพื่ออธิบายความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติได้ยังไง
“ถ้าให้คนอื่นกรองแผนให้ พวกนั้นก็จะกรองแผนกิจการเล็กๆ ที่เปี่ยมไปด้วยความฝันและขาดเงินทุนจริงๆ ทิ้งหมด!
“เพราะงั้นหน้าที่นี้แกต้องทำเอง!
“พวกแผนที่เขียนมาดีๆ ข้อมูลแน่นๆ และเต็มไปด้วยตัวเลขเป็นแผนที่ขาดความฝัน!
“แผนที่เขียนด้วยคำพูดสวยหรู ไม่ปะติดปะต่อ ไม่ค่อยมีตัวเลขคือแผนที่เปี่ยมไปด้วยความฝัน!
“บริษัทลงทุนหยวนเมิ่งจะได้ลงทุนกับฝันของผู้คนจริงๆ ถ้าเลือกแผนแบบที่สอง!
“แกต้องจำไว้ว่า ทุกแผนที่ดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือมักจะมีฝันอันยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่!”
หม่าหยางถึงบางอ้อ เขาพยักหน้า “อ๋อ เหตุผลเป็นแบบนี้นี่เอง!”
พอเห็นหม่าหยางคล้อยตาม เผยเชียนก็รีบโน้มน้าวต่อ “แกต้องจำไว้ให้ขึ้นใจว่าบริษัทเราชื่อบริษัทลงทุนหยวนเมิ่งที่แปลว่าสานฝัน
“จะทำเงินได้มั้ยไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งที่เราต้องทำคือลงทุนกับความฝัน!
“เราผ่อนปรนมาตรฐานอื่นๆ ลงได้ แต่ไม่ใช่กับเรื่องสานฝัน ห้ามลงทุนกับโปรเจ็กต์ที่ไม่มีความฝัน เข้าใจมั้ย”
หม่าหยางพยักหน้ารัว “เข้าใจแล้วพี่!”
ดูจากสีหน้าของหม่าหยางแล้ว เผยเชียนก็มั่นใจว่าล้างสมองอีกฝ่ายได้สำเร็จ
ขอแค่ไม่มีใครมาแก้ความเข้าใจ เจ้านี่ก็น่าจะยึดความคิดนี้ไปอีกนาน
“พี่เชียน ผมขอไปเก็บตัวก่อน ผมจะไปซื้อหนังสือเรื่องการลงทุนมาศึกษาเรื่องต่างๆ!”
หม่าหยางดูตื่นเต้นมากโนเวลกูดอทคอม
เผยเชียนกำลังจะห้าม แต่พอนึกขึ้นได้ว่าผลงานการออกแบบคอนเซ็ปต์เกมของหม่าหยางหลังอ่านหนังสือเป็นยังไงก็รู้สึกวางใจขึ้นมา
เขาตัดสินใจปล่อยให้ไอ้หม่าพยายามเต็มที่ ยิ่งพยายามมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งเจ๊งได้เร็วขึ้นเท่านั้น…
…
กลับถึงเถิงต๋า เผยเชียนก็เข้าไปหาเลขาซิน
“หาที่ปรึกษาด้านการลงทุนที่เข้าใจขั้นตอนการลงทุนเป็นอย่างดีให้ผมที
“ไม่มีข้อกำหนดอะไรเป็นพิเศษ เงื่อนไขเดียวคือ ไม่ว่าเจ้านายจะถามอะไร ห้ามให้คำแนะนำเรื่องการลงทุนหรือพยายามเปลี่ยนแปลงความคิดเจ้านาย”
แววตาของเลขาซินเต็มไปด้วยความงุนงง
“ที่ปรึกษาด้านการลงทุนที่ไม่ต้องให้คำปรึกษาเรื่องการลงทุนเหรอคะ ถ้าอย่างนั้น…‘ที่ปรึกษา’ จะมีหน้าที่อะไรคะ”
เผยเชียน “ที่ปรึกษาจะรับผิดชอบเรื่องจัดการงานต่างๆ”
เลขาซินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องจำกัดแค่ที่ปรึกษาด้านการลงทุนก็ได้นะคะ หาเป็นนักวิเคราะห์หรือเลขาที่มีประสบการณ์การทำงานในบริษัทลงทุนก็ได้ค่ะ”
เผยเชียนพยักหน้า “แบบนั้นก็ได้!”
บอสเผยพอใจสุดๆ
เลขาซินไม่ได้ถามอะไรต่อให้มากความเหมือนอย่างเคย “ได้ค่ะ เดี๋ยวดิฉันจัดการเรื่องนี้ให้”
เผยเชียนไม่ได้สนใจว่าเลขาซินจะหานักวิเคราะห์ เลขา หรือที่ปรึกษาด้านการลงทุนให้ ขอแค่ไม่ให้คำแนะนำกับหม่าหยางก็ถือว่าใช้ได้แล้ว
…
…
ตอนเย็น
ห่าวฉยงเพิ่งเลิกงานและกำลังเก็บของกลับบ้าน เขารู้สึกมึนหัวหน่อยๆ
การทำงานวันนี้ เขาได้เล่นเกมสยองขวัญทั้งวัน
ผู้อำนวยการหลินถึงกับดึงม่านลงเพื่อให้ทุกคนสัมผัสประสบการณ์การเล่นเกมสยองขวัญได้เต็มที่ตอนกลางวันแสกๆ ความมืดช่วยขับบรรยากาศและทำให้อินกับเกมมากขึ้น
พนักงานทุกคนในฉางหยางเกมส์สวมหูฟังและเล่นเกมผ่านหน้าจอใหญ่ เพื่อให้อินกับเกมสยองขวัญได้อย่างเต็มที่
ด้วยเหตุนี้เสียงกรี๊ดจึงดังขึ้นเป็นพักๆ…
แถมยังดังต่อกันเป็นทอดๆ พอคนนึงกลัวจนกรี๊ด คนข้างๆ ก็จะตกใจเสียงแล้วกรี๊ดตาม
กลายเป็นเหมือนโรคระบาด
สภาพออฟฟิศโกลาหลสุดๆ
ห่าวฉยงเองก็กลัว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะผู้อำนวยการหลินสั่งมา
โปรเจ็กต์ต่อไปของพวกเขาคือเกมสยองขวัญ พนักงานทุกคนจึงต้องตั้งใจเล่นเกมสยองขวัญเพื่อที่จะได้ทำเกมของตัวเองออกมาให้น่ากลัวได้
แค่คิดว่าจะต้องทนทรมานแบบนี้ไปพักใหญ่ ห่าวฉยงก็รู้สึกเหนื่อยอ่อน
ห่าวฉยงเดินออกจากออฟฟิศแล้วมุ่งหน้ากลับบ้าน
เขาเช่าอพาร์ตเม้นต์ใกล้ๆ บริษัท เดินไปแค่สิบนาทีก็ถึงแล้ว ถือว่าสะดวกมากๆ
ระหว่างทาง เขาได้ยินเสียงคนไอค็อกแค็กจากทางด้านหลัง
“เชี่ย!!!”
ห่าวฉยงตกใจ คิดว่าตัวเองโดนผีหลอก
แต่พอหันไปมองก็พบว่าตัวเขาเองทำให้อีกฝ่ายตกใจเหมือนกัน ทั้งคู่สะดุ้งพลางมองหน้ากันอย่างหวาดกลัว
คนที่ไอเมื่อครู่เป็นชายวัยทำงานอายุอยู่ในช่วงสามสิบปี สีหน้าของเขาดูตื่นตกใจไม่ต่างจากห่าวฉยง
ห่าวฉยงถามออกไปด้วยความตกใจ “ทำอะไรของคุณเนี่ย!”
ชายวัยทำงานงงหนักขึ้นไปอีก “…ฉันแค่ไอ ทำไมต้องโวยวายขนาดนี้ด้วย”
ห่าวฉยงเงียบไปแล้วนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายพูดถูก
เขาเล่นเกมสยองขวัญที่ออฟฟิศมากเกินไปจนหลอน
“ขอโทษครับ ผมตกใจนิดหน่อย ขอโทษครับๆ”
ห่าวฉยงกล่าวขอโทษแล้วเดินกลับบ้านต่อ
แต่ชายวัยทำงานก็ทักขึ้นก่อน “เอ่อ…รอก่อนน้อง จริงๆ แล้วพี่มีเรื่องจะคุยด้วย
“ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อน พี่เป็นฝ่าย HR จากบริษัทเหิงตู๋ ชื่ออู๋ปิน
“น้องสนใจย้ายบริษัทมั้ย”
ห่าวฉยงกะพริบตา ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าชายคนนี้เป็นพวกจีบคนเข้าไปทำงาน
ถึงตอนนี้จะกำลังทุกข์ทรมานกับการต้องเล่นเกมสยองขวัญในที่ทำงาน แต่ห่าวฉยงก็ได้เงินเดือนสูง โบนัสงาม แถมยังมีการเลี้ยงข้าวที่ครัวส่วนตัวหมิงหยุนอีก คิดได้แบบนั้น เขาก็ส่ายหน้าแล้วปฏิเสธเด็ดขาด “ไม่ครับ”
ห่าวฉยงเดินหนี แต่อู๋ปินก็เรียกเขาอีกครั้ง
“น้อง! รอก่อนน้อง
“ไม่ต้องรีบปฏิเสธขนาดนั้น ไปคุยกันที่ร้านกาแฟแถวนี้ก่อนมั้ย ถึงไม่ได้ร่วมงานกัน แต่ก็ถือว่าได้สร้างคอนเนกชัน ยังไงเราก็ทำงานวงการเดียวกัน รู้จักกันไว้สักหน่อยก็ไม่เสียหายอะไร”
ห่าวฉยงอยากจะเดินหนี แต่เขาปฏิเสธคนไม่เก่ง พอเจอเข้ากับคนพูดเกลี้ยกล่อมเก่งอย่างอู๋ปิน เขาก็ได้แค่ตอบตกลงไปคุยกับอีกฝ่ายที่ร้านกาแฟอย่างไม่เต็มใจ
ทั้งสองนั่งลงบนเก้าอี้
อู๋ปินปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก เขาดีใจที่โน้มน้าวอีกฝ่ายให้มาร้านกาแฟได้สำเร็จหลังจากพยายามมานาน
ห่าวฉยงไม่ใช่พนักงานคนแรกที่อู๋ปินเข้าไปคุย
ก่อนหน้านี้อู๋ปินพยายามส่งอีเมล โทรหา และใช้วิธีการต่างๆ ในการติดต่อกับพนักงานเถิงต๋าและฉางหยางเกมส์
แต่ก็ไม่มีใครสนใจเขาเลย
ส่งอีเมลไปก็ไม่มีการตอบกลับ โทรหาก็โดนวางสายทันทีหลังแนะนำตัว
แต่ยังไงอู๋ปินก็ต้องทำภารกิจให้สำเร็จ เขาหมดหนทางจนต้องใช้วิธีการดั้งเดิมอย่างการดักรอหน้าบริษัท!
โอกาสสำเร็จมีมากกว่าถ้าเข้าไปคุยตัวต่อตัว
เขาสืบข้อมูลดูแล้วพบว่าห่าวฉยงเป็นพนักงานธรรมดาคนหนึ่งในฉางหยางเกมส์ที่เรียกได้ว่าไม่ได้โดดเด่นมากนัก อู๋ปินจึงคิดว่าถ้าเข้าหาหมอนี่ก็ไม่น่าจะยากอะไร
อู๋ปินไม่กล้าเข้าหาพนักงานหลักอย่างเยว่จือโจวกับหลี่หย่าต๋า พนักงานในเถิงต๋าทั้งรวยและมีชื่อเสียง นอกจากจะสร้างเกมดังแล้ว รายได้ก็สูง แบบนี้จะให้เขาเข้าหายังไง
แต่เจ้าคนที่ชื่อห่าวฉยงรับผิดชอบงานยิบย่อยที่ฉางหยางเกมส์ซึ่งเป็นบริษัทลูกของเถิงต๋า เงินเดือนที่ได้น่าจะไม่สูงมาก
ถึงเงินเดือนกับสวัสดิการของเถิงต๋าจะดีแค่ไหน พนักงานระดับล่างอย่างห่าวฉยงก็ไม่น่าจะได้สวัสดิการดีมากมายอะไร
ถ้าเสนอเงินเดือนงามๆ ก็น่าจะดึงตัวห่าวฉยงมาได้
อู๋ปินไม่มีทางเลือกอื่น บอสของเขาสั่งให้ดึงตัวพนักงานจากเถิงต๋ามาให้ได้ เพื่อที่จะได้เรียนรู้งานจากประสบการณ์ของเถิงต๋า
คิดได้แบบนั้น อู๋ปินก็ใจป้ำออกค่าเครื่องดื่มให้และเตรียมโชว์ทักษะการเกลี้ยกล่อมอันยอดเยี่ยม เขาต้องโน้มน้าวให้เจ้าหน้าซื่อคนนี้ย้ายไปทำงานกับบริษัทของตัวเองให้ได้