เผยเชียนคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจได้ว่าไม่ควรเสี่ยง
จะดีกว่าถ้าเขากล่อมให้เฟยหวงสตูดิโอผลาญเงินเยอะๆ และคิดแผนงานขึ้นมาเอง ทำแบบนี้จะมีโอกาสขาดทุนได้มากกว่า!
ดังนั้นเผยเชียนจึงเลี่ยงไม่พูดเรื่องออกไอเดียแล้วเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่นเลย
“เรื่องผลงานสร้างสรรค์มันเร่งกันไม่ได้
“ผู้กำกับดังๆ หลายคนก็มีแก้บทตอนถ่ายทำใช่มั้ยล่ะ
“ผมเชื่อว่าผู้กำกับจูเสี่ยวเช่อก็ทำแบบนั้นได้!
“จุดสำคัญเลยคือ สตูดิโอที่เปิดมาแล้วกว่าเก้าเดือนและมีเถิงต๋าหนุนหลังคิดจะทำคลิปสั้นต่อไปเรื่อยๆ โดยหารายได้จากสปอนเซอร์กับร้านค้าออนไลน์ ผมมองว่ามันดูไม่ทะเยอทะยานเลย!”
หวงซื่อปั๋วอ้าปาก ตั้งใจจะโต้แย้ง
เกี่ยวอะไรกับเปิดมาแล้วเก้าเดือน ถือว่านานเหรอ
อย่าว่าแต่เก้าเดือนเลย สตูดิโอหลายเจ้าเจ๊งไปตั้งแต่หกเดือนแรก การที่เฟยหวงสตูดิโออยู่รอดมาได้เก้าเดือนถือว่าสุดยอดแล้ว ถึงบางผลงานจะขาดทุน แต่ส่วนใหญ่ก็มีกระแสตอบรับดีหมด!
แต่พอมองบอสเผยที่นั่งอยู่ตรงข้าม หวงซื่อปั๋วก็รู้สึกละอายใจที่จะโต้แย้งอะไรกลับไป
เถิงต๋าทำเกมดีๆ ออกมามากมายภายในเก้าเดือน
เทียบกับเถิงต๋าแล้ว ความสำเร็จของเฟยหวงสตูดิโอถือว่าเล็กน้อยมาก
ไม่แปลกเลยที่บอสเผยจะผิดหวังกับเฟยหวงสตูดิโอ
หวงซื่อปั๋วพูดขึ้นด้วยความรู้สึกละอายใจ “เอ่อ…บอสคิดว่าเฟยหวงสตูดิโอควรลองทำหนังเต็มเรื่องดูใช่มั้ยครับ”
เผยเชียนพยักหน้า “ใช่ พวกคุณทำคลิปสั้นกับสารคดีออกมาแล้ว ผู้กำกับกับทีมงานตอนนี้ถือว่ามีทักษะกันหมด ยังต้องรออะไรกันอยู่อีกล่ะ”
หวงซื่อปั๋วขมวดคิ้ว “คือ…เรามีงบไม่พอน่ะสิครับ”
เผยเชียนยิ้มบาง “ถ้างบไม่พอก็ถ่ายหนังที่ใช้ทุนต่ำหน่อยก็ได้ แต่ถ้าไม่พอจริงๆ มาขอผมเพิ่มก็ได้ จะไปยากอะไร”
หวงซื่อปั๋วดูลำบากใจ “คือ…เรื่องงบก็เป็นปัญหาอย่างหนึ่ง…
“บอสเผยครับ ไม่ใช่ว่าผมหัวโบราณเกินไปนะครับ แต่อีกปัญหาคือการถ่ายหนังกับการถ่ายคลิปสั้นมันไม่เหมือนกันเลยสักนิดครับ!”
หวงซื่อปั๋วเริ่มอธิบายว่าทำไมถึงคิดแบบนั้น
ซีรีส์ชีวิตประจำวันของบอสเผยมีความยาวตอนละไม่กี่นาที ส่วนซีรีส์หนึ่งวันของนักประดิษฐ์ผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่ได้ยาวไปกว่ากันมาก เฉลี่ยยาวประมาณตอนละสิบนาที ตอนที่ยาวหน่อยก็เกือบครึ่งชั่วโมง
แต่หนังฉายโรงเต็มเรื่องมีความยาวอย่างน้อยเก้าสิบนาที
ดูผิวเผินอาจจะเหมือนว่าก็แค่เวลายาวขึ้นอีกหน่อย แต่จริงๆ ในเบื้องลึกนั้นมีข้อแตกต่างอีกมโหฬาร
คลิปสั้นที่ยาวแค่ไม่กี่นาทีทำขึ้นจากการเอาช่วงตลกๆ มาต่อกัน เนื้อเรื่องอาจจะยุ่งเหยิงและไม่ปะติดปะต่อกัน แต่แค่ทำให้ผู้ชมหัวเราะได้ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว
ในทางกลับกัน หนังยาวชั่วโมงครึ่งนั้นแค่ทำให้ผู้ชมหัวเราะเฉยๆ ไม่พอ
การจะผลิตหนังดีๆ ขึ้นมา เนื้อเรื่องต้องสมบูรณ์และทำให้ผู้ชมมีอารมณ์ร่วมได้ ซึ่งยากกว่าการทำคลิปสั้นมาก
การยัดมุกตลกเข้าไปอย่างเดียวไม่สามารถสร้างหนังดีๆ ขึ้นมาได้
หนังหลายเรื่องที่สร้างจากซีรีส์กระแสดังเจ๊งไม่เป็นท่า เหตุผลหลักมาจากการที่ทีมสร้างมีความสามารถไม่มากพอและมองหนังว่าเป็นเวอร์ชันขยายของคลิปสั้นเท่านั้น เพราะเหตุนี้จึงไปไม่รอด
“บอสเผยครับ เพราะอย่างนั้นการทำหนังเต็มเรื่องจึงมีความเสี่ยงสูงมาก
“ถ้าเราไม่มั่นใจเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ไม่ควรจะเสี่ยง
“อย่างน้อยๆ ก็ต้องมีบทหนังดีๆ”
หวงซื่อปั๋วดูจริงจังมาก
เผยเชียนนิ่งไป
ดูเหมือนหวงซื่อปั๋วจะรู้เรื่องนี้เยอะแฮะ!
แต่พออธิบายมาแบบนี้ เผยเชียนก็ยิ่งอยากทำหนังมากขึ้นไปอีก!
โอกาสล้มเหลวสูงช่างยั่วยวนใจบอสเผยยิ่งนัก!
แน่นอนว่าบอสเผยเป็นคนมีเมตตามาก ถ้ามีความเสี่ยงและโอกาสล้มเหลวสูง เขาคงยอมให้หวงซื่อปั๋วกับจูเสี่ยวเช่อเป็นคนรับผิดไม่ได้
ก็เหมือนคำพูดที่ว่า เราไม่ลงนรก แล้วใครกันจะลงนรก
เขาต้องแบกความรับผิดชอบทั้งหมดไว้เอง!
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เผยเชียนก็ตอบออกไป “ถ้าอย่างนั้นเถิงต๋าจะออกทุนให้ ผมจะเป็นคนเขียนบท คุณกับผู้กำกับจูเสี่ยวเช่อรับผิดชอบเรื่องถ่ายทำอย่างเดียว”
ทำแบบนี้ถ้าหนังเจ๊งคนผิดก็คือเผยเชียน ส่วนเถิงต๋าเป็นฝ่ายขาดทุน พนักงานเฟยหวงสตูดิโอจะได้ไม่ต้องช้ำใจ
หวงซื่อปั๋วอึ้งไปอย่างเห็นได้ชัด เขารีบพูดขึ้น “บอสเผยเข้าใจผิดแล้วครับ ผมไม่ได้ไม่กล้าแบกความรับผิดชอบ ผมแค่…”
เผยเชียนยิ้มพร้อมโบกมือปัด “ผมเข้าใจ
“ตอนนี้คุณคือ CEO ของเฟยหวงสตูดิโอ คุณต้องรับผิดชอบโปรเจ็กต์ที่ทำ ที่คุณวิเคราะห์ความเสี่ยงและพยายามวางแผนให้สตูดิโอทำกำไรได้น่ะถูกแล้ว
“ถือว่าเป็นโอกาสฝึกฝีมือแล้วกัน เอาไว้เป็นแนวทางก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมภาพยนตร์”
หวงซื่อปั๋วน้ำตาปริ่ม
ซึ้งใจจริงๆ!
เขารู้ว่าบอสเผยคิดอะไรอยู่ บอสเป็นห่วงว่าถ้าเฟยหวงสตูดิโอทำพลาดขึ้นมา เขากับผู้กำกับจูเสี่ยวเช่อจะเสียความมั่นใจ ก็เลยเสนอออกทุนให้และยอมแบกความรับผิดชอบทั้งหมดถ้าหนังเจ๊ง!
แต่ไม่ว่าสุดท้ายผลจะออกมายังไง เฟยหวงสตูดิโอก็จะได้ประสบการณ์มากมายระหว่างการถ่ายทำ ส่งผลให้เติบโตได้เร็วขึ้น
มีอะไรหลายอย่างที่อยากจะพูดออกไป แต่หวงซื่อปั๋วคิดว่าถ้าพูดออกไปหมดจะดูเว่อร์เกิน
สุดท้ายเขาก็สรุปทุกอย่างที่อยากจะพูดออกมาเป็นคำขอบคุณ
“พวกเราจะทำตามที่บอสเผยสั่ง เฟยหวงสตูดิโอจะร่วมใจกันถ่ายทำผลงานออกมาอย่างเต็มที่ครับ!
“มีอีกเรื่องครับบอสเผย เฟยหวงสตูดิโอคงให้บอสทำงานฟรีๆ ไม่ได้ เราจะจ่ายค่าบทให้หนึ่งแสนหยวน ไม่ได้มากมายอะไร แต่ก็เป็นสัญลักษณ์แสดงความขอบคุณของพวกเรา อย่าปฏิเสธเลยนะครับ”
หืม จะจ่ายค่าเขียนบทให้หนึ่งแสนเหรอ
เผยเชียนแค่พูดไปอย่างนั้น แต่พอได้ยินจำนวนเงิน เขาก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“โอเค!
“เดี๋ยวผมส่งดราฟแรกให้ในอีกสองสามวัน”
ส้มหล่น!
เรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นตอนเผยเชียนรับบทเป็นนักแสดงในซีรีส์ชีวิตประจำวันของบอสเผย และได้ค่าตอบแทนจากการแสดงเป็นตัวเอง
ตอนนี้เขาพบอีกวิธีในการหาเงินแล้ว
ฉันกำลังจะได้เป็นนักเขียนบท!
อัตราค่าจ้างงานเขียนบทขั้นสูงสุดและต่ำสุดนั้นต่างกันมาก นักเขียนบทมือทองทำเงินได้สูงถึงหกหลักต่อตอน ในขณะที่นักเขียนหน้าใหม่ทำเงินได้แค่หลักพันถึงหลักหมื่นหยวนต่อตอน แถมยังโดนให้แก้งานไม่เป็นเวลาทั้งเช้าและเย็น
ระบบน่าจะมองว่าการจ้างเผยเชียนเขียนบทหนังราคาหนึ่งแสนหยวนเป็นเรื่องที่เหมาะสม ไม่ถือว่าเป็นการหาผลประโยชน์จากเงินทุนระบบโดยไม่ชอบธรรม
ขณะเดียวกันเผยเชียนก็ไม่ต้องเขียนบทให้ออกมาละเอียดนัก ที่ต้องทำก็แค่ให้ไอเดียคร่าวๆ
ยอดเยี่ยมไปเลย!
ทั้งสองคุยกันต่ออีกสักพักก่อนที่หวงซื่อปั๋วจะกลับออกไป
พอตัดสินว่าจะทำหนังอย่างเป็นทางการ หวงซื่อปั๋วก็กลับมามีไฟในการทำงานอีกครั้ง
มีอะไรที่ต้องทำอีกเยอะหลังกลับถึงเฟยหวงสตูดิโอ งานที่เร่งที่สุดคือการจ้างพนักงานเพิ่ม
…
หลังจากหวงซื่อปั๋วกลับออกไป เผยเชียนก็เปิดโปรแกรมเวิร์ดขึ้นมาเริ่มเขียนบท
เขาไม่รู้เรื่องการเขียนบทเลยแม้แต่นิดเดียว
เนื่องจากจะได้ค่าจ้างหนึ่งแสนหยวน เขาจึงต้องมั่นใจว่างานจะออกมาได้คุณภาพ
ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรให้มากมาย เปิดเวิร์ดมาพิมพ์เลยแล้วกัน!
“อันดับแรก แนวหนัง!”
เผยเชียนพิมพ์คำว่า ‘ไซไฟ’ ลงไปโดยไม่ลังเลใจ
หนังไซไฟใช้ทุนสร้างสูงสุด แถมยังเจ๊งง่ายสุดเพราะมีตัวอย่างให้เห็นมากมาย เป็นแนวที่เหมาะกับเผยเชียนที่มุ่งเน้นให้หนังเจ๊งอยู่แล้ว
แค่เลือกแนวหนังก็กุมความสำเร็จไว้ได้แล้วครึ่งหนึ่ง!
ต่อไปคือโครงเรื่อง
สามสิบนาทีต่อมา
ในหน้าเวิร์ดยังมีแค่คำว่า ‘ไซไฟ’
เผยเชียนถอนหายใจยาว แย่แล้ว ไม่ใช่ทางฉันเลยเนี่ย…
ตอนแรกเขาคิดว่าจะเขียนเรื่องราวง่อยๆ ที่ดูถูกสติปัญญาคนดู แต่พอเริ่มเขียนก็ตระหนักว่าการเขียนเรื่องราวง่อยๆ นั้นยากมาก…
ตอนนี้เผยเชียนหวังว่าตัวเองจะจำเนื้อเรื่องของหนังห่วยๆ ที่เคยดูได้
แต่โชคร้ายที่เผยเชียนไม่ใช่คนชอบดูหนัง หนังที่เคยดูมีไม่กี่เรื่อง
แถมเขายังเกลียดหนังห่วยมาก ไม่เคยเข้าไปดูในโรงเลยสักครั้ง แค่เห็นว่ากระแสแย่ก็ไม่คิดจะซื้อตั๋วแล้ว
ดังนั้นไม่ว่าจะพยายามเค้นหัวคิดแค่ไหน ก็นึกพล็อตหนังห่วยไม่ออก เขาไม่มีอะไรในหัวเลย
ทุกครั้งที่พิมพ์อะไรลงไปก็จะจบที่การลบ เหลือทิ้งไว้แค่คำว่า ‘ไซไฟ’ ซ้ำไปซ้ำมา
เผยเชียนเกาหัว
“ไม่ได้การแล้ว ต้องเปลี่ยนวิธีคิด
“อืม…ฉันเขียนกลับกันก็ได้นี่นา”
เผยเชียนนึกไอเดียดีๆ ออก
ไม่ว่าจะเป็นหนัง นิยาย หรือเกม ทุกอย่างล้วนมีแก่นสำคัญเหมือนกัน
ถ้าอยากทำหนังดีๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องคิดให้ออกว่าผู้ชมอยากดูอะไร
ในทางกลับกัน ถ้าอยากสร้างหนังห่วยก็ต้องคิดให้ออกว่าผู้ชมไม่อยากดูอะไร
หนังห่วยส่วนมากมักจะมีพล็อตที่กลวง ทำให้คนดูรู้สึกเบื่อจนจะหลับเอา ถือเป็นไอเดียที่ดี แต่ก็ยังช่วยเผยเชียนไม่ได้มากนัก
ที่เผยเชียนคิดไม่ตกตอนนี้คือพล็อตหลักของหนัง
เขาต้องได้พล็อตหลักออกมาก่อน จากนั้นก็ยัดน้ำลงไปเยอะๆ ให้เนื้อเรื่องกลวงไม่มีอะไร คนดูจะได้เบื่อจนง่วงเหงาหาวนอน
พล็อตแบบไหนที่น่ารำคาญใจที่สุด
เผยเชียนอดคิดถึงแนวทางหนึ่งของวงการเว็บโนเวลขึ้นมาไม่ได้
ประเด็นชวนยี้!
ประเด็นชวนยี้คือองค์ประกอบในพล็อตที่ทำให้นักอ่านรู้สึกอึดอัดใจ ตัวละครที่ชอบการเลียแข้งเลียขาคือตัวอย่างของประเด็นชวนยี้
คิดได้แบบนั้นเผยเชียนก็พิมพ์ข้อความบรรทัดหนึ่งเพิ่มเข้าไปใต้ ‘ไซไฟ’ ว่า ‘ตัวเอกเป็นพวกชอบเลียแข้งเลียขา’
เหมือนดังคำพูดที่ว่า พวกขี้ประจบมักจบไม่สวย
ถ้าตอนจบพระเอกชนะใจนางเอกได้ ประเด็นชวนยี้ในหนังก็จะถูกลดทอนลงไป
ดังนั้นเผยเชียนจึงพิมพ์เพิ่มไปว่า ‘สุดท้ายพวกเลียขาจะไม่เหลืออะไร’
หลังจากคิดสักพักเขาก็คิดว่าพล็อตยังแย่ไม่พอ
‘เมียพระเอกคบชู้’
‘เขาไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของลูก’
‘พระเอกอยากเลี้ยงลูก แต่ลูกเกลียดเขามาก’
‘หลังจากโดนกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า พระเอกก็เสียสติและตัดสินใจออกล้างแค้นสังคม’
เผยเชียนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วรู้สึกว่าดูไม่เหมาะ “…ไม่ได้ พระเอกไปตามล้างแค้นไม่ได้เพราะเป็นคนอ่อนแอ”
เผยเชียนไม่อยากให้หนังเรื่องนี้ออกมาเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ ‘มนุษย์หมวกเขียว[1]’ อะไรเทือกนั้น ถ้าดันไปดังต่างประเทศแล้วชนะรางวัลขึ้นมาจะซวยเอา
‘หลังจากโดนกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า พระเอกก็เสียสติและตัดสินใจฆ่าตัวตาย’
เผยเชียนคิดว่าก็ยังไม่เหมาะอีก “เอ่อ…ถ้าให้ฆ่าตัวตาย ก็เหมือนเป็นฉากไคลแมกซ์เล็กๆ กลายเป็นหนังสะเทือนใจ ไม่ได้ๆ
“พระเอกควรจะมีชีวิตต่ออย่างทุกข์ระทม”
แต่เผยเชียนก็ยังไม่ชอบไอเดียนี้เท่าไหร่ “ก็ไม่ค่อยเข้าท่าเหมือนกัน ดูไม่ค่อยมีอะไร ฉันควรจะทำให้พระเอกดูมีความหวังขึ้นมานิดนึงตอนใกล้จบ จากนั้นค่อยทำลายให้ป่นปี้”
แต่จะให้พระเอกมีความหวังยังไงดี แล้วจะทำลายทิ้งยังไง
เผยเชียนยังคิดไอเดียดีๆ ไม่ออก
แต่เขาก็ไม่ได้เร่งรีบอะไร เพราะมีเวลาเขียนบทคร่าวๆ อีกสองสามวัน
เผยเชียนเลื่อนเมาส์ไปกดปิดหน้าเวิร์ด แต่ก็นึกอะไรขึ้นได้ จึงเลื่อนเมาส์กลับไปทำคำว่า ‘ไซไฟ’ ให้เป็นตัวหนา
ต้องไม่ลืมว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นแนวไซไฟ
เขาต้องมั่นใจว่าจะมีองค์ประกอบความเป็นไซไฟปรากฏในเรื่อง จะได้เอาเงินไปทุ่มกับพร็อบและเอฟเฟกต์พิเศษได้
ส่วนจะใส่องค์ประกอบความเป็นไซไฟอะไรเข้ามานั้น…
เอาไว้ค่อยคิดพรุ่งนี้
เผยเชียนอ่านเค้าโครงเนื้อเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบอีกรอบ แล้วก็เกือบจะเป็นลมกับประเด็นชวนยี้ทั้งหลาย
ยี้มาก มีแต่ประเด็นชวนยี้เต็มไปหมด!
บอกได้เลยว่าพล็อตนี้จะมีประเด็นชวนยี้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ รับรองใส่เข้ามาครบทุกประเด็นแน่
ต่อจากนี้ก็แค่เพิ่มเติมรายละเอียด ใส่ความเป็นไซไฟ และใส่น้ำลงไปในเนื้อเรื่องเยอะๆ…
แค่นี้งานก็เสร็จสมบูรณ์!
“เฮ้อ ฉันมันวายร้ายจริงๆ”
เผยเชียนรู้สึกว่าตัวเองมีพรสวรรค์ด้านการสร้างหนังห่วย!
รู้งี้น่าจะเข้าวงการนี้ไปตั้งนานแล้ว!
—
[1] สวมหมวกเขียว (戴绿帽) แปลว่า ถูกสวมเขา/โดนนอกใจ