เผยเชียนเดินออกจากห้องรับรองพลางปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก
เขารู้อยู่แล้วว่าจะต้องเป็นแบบนี้ ทีมสัมภาษณ์มาไม่ดีจริงๆ ด้วย!
ตอนแรกเผยเชียนคิดว่าจะเป็นปัญหาเล็กๆ ที่รับมือได้ง่าย เพราะยังไงก็เป็นแค่การสัมภาษณ์ เขาตั้งใจไว้ว่าจะพูดไปเลย ปล่อยให้คนสัมภาษณ์จดไปเขียนให้นักอ่านได้อ่าน จากนั้นเขาก็จะเลิกใส่ใจ ทำเหมือนว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
เขาไม่คิดว่าหัวหน้าบรรณาธิการซย่าจะทำตัวกลับตาลปัตรแบบนี้
ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันแล้วไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ เลย ถ้าจัดการไม่ดีผลลัพธ์ต้องออกมาแย่แน่ๆ!
เผยเชียนรีบเรียกเลขาซินมาคุย “หัวหน้าซย่าจะสัมภาษณ์ใครต่อ”
เลขาซินคิดอยู่ครู่หนึ่ง “สัมภาษณ์พนักงานที่มีผลงานโดดเด่นของเถิงต๋าค่ะ เช่น หวงซื่อปั๋ว เปาซวี่ หลินหวาน ลู่หมิงเหลียง…”
เผยเชียนสูดหายใจลึก
เจ้าพวกนี้มันตัวสร้างปัญหาหมดเลยนี่!
ส่วนใหญ่เป็นพนักงานดีเด่นที่ถูกเฉดหัวออกไป และตัวปัญหาอย่างเปาซวี่ที่เผยเชียนต้องจับตาดูอยู่ไม่ห่าง
แถมเจ้าพวกนักแทงข้างหลังยังมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นก็คือ จินตนาการอันล้ำเลิศ
หวงซื่อปั๋ว เปาซวี่ หลินหวานเป็นพวกคิดเองเออเองแบบสุดโต่ง
ถ้าหัวหน้าบรรณาธิการซย่าได้สัมภาษณ์เจ้าพวกนี้ จินตนาการสุดโต่งของพวกเขาไม่น่าจะแค่ทำให้แย่ลง แต่น่าจะไปปั่นหัวเพิ่มไม่ก็ทำให้เรื่องเลยเถิดไปกันใหญ่
แล้วใครมันจะมาอ่านบทสัมภาษณ์นี้กัน
เนื้อหาคงจะเต็มไปด้วยคำยกย่องชมเชยจนเผยเชียนอาจหัวใจวายตาย
เผยเชียนอยากเปลี่ยนคนให้สัมภาษณ์ แต่คิดดูอีกทีก็มองว่าน่าจะไม่เข้าท่า
ส่วนหนึ่งก็เพราะเขาเองก็การันตีไม่ได้ว่าพนักงานคนอื่นๆ จะไม่มีจินตนาการกว้างไกลเหมือนเจ้าพวกที่ส่งไป
อีกอย่างถ้าเขาส่งพนักงานระดับล่างไปให้สัมภาษณ์ พวกนั้นอาจจะหลุดบอกตำแหน่งให้หัวหน้าบรรณาธิการซย่ารู้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมมากๆ
หัวหน้าบรรณาธิการซย่าจะต้องสงสัยแน่ๆ ว่าทำไมเผยเชียนถึงไม่ส่งพนักงานตัวท็อปมาให้สัมภาษณ์ และอาจสงสัยถึงขั้นที่ว่าเขาพยายามแอบซ่อนอะไรอยู่หรือเปล่า
ถ้าหัวหน้าบรรณาธิการซย่าแอบไปสัมภาษณ์เจ้าพวกจินตนาการสุดโต่งแล้วมาเซอร์ไพรส์เผยเชียนทีหลัง…
สถานการณ์อาจเลวร้ายเกินกว่าจะจินตนาการได้
เขาจึงได้แต่ปล่อยให้สัมภาษณ์เจ้าพวกนี้ไป
ส่วนจะช่วยเหลือตัวเองได้ยังไงนั้น…
หลังจากคิดอยู่สักพัก เผยเชียนก็สั่งเลขาซิน “บอกพวกนั้นว่าห้ามพูดถึงผมตลอดการให้สัมภาษณ์ ถ้าพูดถึงก็ห้ามพูดเรื่องดีๆ เกี่ยวกับผม เข้าใจมั้ย”
ซินไห่ลู่นิ่งไป “บอสเผยคะ… ดิฉันเกรงว่าจะยากเกินไปหน่อย”
เผยเชียนโบกมือ “นี่เป็นคำสั่ง พวกเขาต้องทำตาม ไปบอกพวกเขาเดี๋ยวนี้เลย”
ซินไห่ลู่พยักหน้า เธอหยิบมือถือขึ้นมาเลือกชื่อพนักงานที่จะให้สัมภาษณ์อย่างรวดเร็วแล้วเพิ่มพวกเขาเข้ากลุ่มแชต จากนั้นก็ส่งคำสั่งบอสเผยลงกลุ่ม
หลังจากนั้นเลขาซินก็ไปที่ห้องรับรองแล้วอธิบายรายละเอียดคร่าวๆ ให้หัวหน้าบรรณาธิการซย่าฟัง
เผยเชียนยังสงบใจไม่ได้
แต่ในเมื่อบอกหัวหน้าบรรณาธิการซย่าไปแล้วว่ามีธุระต้องจัดการ เขาก็อยู่ที่ออฟฟิศต่อไม่ได้อีก
แม้จะยังเป็นกังวล เผยเชียนก็ต้องจำใจออกจากออฟฟิศ เขาตั้งใจว่าจะรอให้การสัมภาษณ์ในวันนี้เสร็จสิ้นก่อน แล้วค่อยคิดหาทางแก้เรื่องนี้อีกครั้งตอนเช้าวันพรุ่งนี้
…
หวงซื่อปั๋วเดินเข้าไปในห้องรับรอง เขารู้สึกประหม่าเล็กน้อยเมื่อได้เห็นสภาพห้องที่เปลี่ยนไป
มีกล้องสามตัว ประกอบด้วยกล้องสามขาหนึ่งตัว และกล้องเคลื่อนที่อีกสองตัวเพื่อถ่ายมุมต่างๆ นอกจากนี้หัวหน้าบรรณาธิการซย่าก็ดูอาชีพมากๆ ทั้งหมดทั้งมวลแสดงให้เห็นเลยว่าการสัมภาษณ์ครั้งนี้มาตรฐานสูงแค่ไหน
ไม่แปลกที่หวงซื่อปั๋วจะได้สัมภาษณ์ก่อนใครเพื่อน เพราะเขาเป็นพนักงานคนแรกที่ได้ทุนตามฝัน
ตอนแรกเขาคิดว่าการสัมภาษณ์ครั้งนี้จะเป็นการสัมภาษณ์ธรรมดาๆ ที่อีกฝ่ายถามมาก็ตอบกลับไปตรงๆ เขาเลยไม่ได้คิดอะไรมาก
ยังไงซะพระเอกของบทสัมภาษณ์นี้ก็คือบอสเผย ขอแค่อธิบายความสุดยอดของบอสเผยออกไป และตอบคำถามตามตรงก็ไม่น่ามีอะไรให้ต้องเป็นห่วง
แต่ความเป็นจริงไม่เป็นอย่างนั้น
ก่อนหวงซื่อปั๋วจะเข้าห้องรับรอง เขาได้ข้อความที่สำคัญมากแจ้งไม่ให้พูดถึงบอสเผยระหว่างการสัมภาษณ์ ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ห้ามชมบอสเด็ดขาด
หวงซื่อปั๋วรู้สึกกดดันสุดๆ
เขาไม่ได้สงสัยอะไรมาก บอสเผยเป็นคนลึกลับและแปลกไม่เหมือนใคร ทุกการกระทำและคำขอที่ดูไม่สมเหตุสมผลมักจะมีความหมายแฝงที่ลึกล้ำซ่อนอยู่
หวงซื่อปั๋วและพนักงานส่วนใหญ่ในเถิงต๋าชินกับเรื่องนี้กันหมดแล้ว
เขาถูกห้ามไม่ให้ชม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะพูดเสียๆ หายๆ ถึงบอสเผยได้
มีแค่คนเขลาเท่านั้นที่จะวิจารณ์บอสของตัวเองในการสัมภาษณ์สุดสำคัญแบบนี้
อีกอย่างพวกเขาเป็นหนี้บุญคุณบอสเผยมาก ถ้าไปว่าร้ายบอสระหว่างการสัมภาษณ์คงจะเป็นตราบาปติดตรึงอยู่ในใจ
หวงซื่อปั๋วจึงตัดสินใจจะไม่พูดถึงบอสเผยเลย
แต่ถ้าทำตามคำขอของบอสเผย แล้วเขาทำให้การสัมภาษณ์ล่มขึ้นมาจะทำยังไง
กล้องทั้งสามตัวกำลังจับภาพเขาอยู่ เกมเมอร์มากมายต้องดูคลิปที่ปล่อยออกไปแน่ จะทำให้ตัวเองขายหน้าต่อคนเป็นแสนเพราะทำตามคำสั่งบอสเผยก็ไม่ได้ แบบนั้นจะเป็นการทำให้เถิงต๋าอับอาย!
หวงซื่อปั๋วตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เขาจึงคิดหนักว่าควรจะพูดอะไรยังไงให้การสัมภาษณ์ผ่านไปได้ด้วยดี โดยที่ไม่สร้างความสงสัยและไม่ผิดคำสั่งของบอส
หวงซื่อปั๋วคิดอะไรดีๆ ไม่ออกในระยะเวลาสั้นๆ จึงทำได้แค่รอฟังคำถามจากหัวหน้าบรรณาธิการซย่าแล้วค่อยคิดเอาหน้างาน
ระหว่างนั้นซย่าเจียงกำลังพลิกดูรายชื่อพนักงานที่จะต้องสัมภาษณ์ด้วยสีหน้าคร่ำเคร่งประหนึ่งว่ากำลังเตรียมตัวไปสู้กับศัตรูสุดร้ายกาจ
ซย่าเจียงได้รายชื่อมาก่อนการสัมภาษณ์ มีข้อมูลทุกอย่างที่จำเป็น ทั้งเรซูเม่ กิจการที่รับผิดชอบ และผลงานที่โดดเด่น
ข้อมูลเหล่านี้ทำให้ทีมสัมภาษณ์ไม่ต้องเสียเวลาขุดคุ้ยข้อมูลจากผู้ให้สัมภาษณ์ และเอาเวลาไปถามเรื่องอื่นได้
เลขาซินแจ้งซย่าเจียงว่าบอสเผยไม่อยากให้พนักงานพูดถึงตัวเองระหว่างการให้สัมภาษณ์ เขาอยากให้เน้นไปที่ผลงานอันยอดเยี่ยมของพนักงานแทน
ซย่าเจียงดูจะเข้าใจ
บอสเผยเป็นคนถ่อมตัว ไม่อยากบดบังความสำเร็จของพนักงานตัวเอง จึงเปิดโอกาสให้พนักงานได้เฉิดฉาย
ถือเป็นคุณสมบัติอันเยี่ยมยอดที่หาได้ยากมาก!
ถ้าเป็นคนอื่น ซย่าเจียงคงจะนึกสงสัยว่ามีเหตุผลซ่อนเร้นหรือเปล่า
แต่เธอคิดว่าก็สมเป็นบอสเผยดีที่สั่งไว้แบบนั้นโuเวลกูดoทคoม
ซย่าเจียงจึงเลือกเคารพความตั้งใจของบอสเผยและจะพยายามเลี่ยงไม่พูดถึงเขาให้มากที่สุด
แต่ปล่อยไปแบบนี้จะดีเหรอ
ซย่าเจียงไม่คิดอย่างนั้น
บอสเผยไม่สนใจโลกวัตถุนิยมและหลีกเลี่ยงการแก่งแย่งชื่อเสียง
แต่ในฐานะผู้สื่อข่าวมืออาชีพ ซย่าเจียงมีความสามารถมากพอที่จะทำให้ทุกคนรู้จักตัวตนอันสูงส่งของบอสเผย! หน้าที่ของเธอคือเผยความจริงสู่สายตาผู้ชม!
เธอจะเผยตัวตนอันสูงส่งของบอสเผยให้โลกรู้ โดยที่ยังทำตามที่บอสเผยขอไว้ได้ยังไง
อาจจะเป็นงานที่ยากมาก แต่ซย่าเจียงก็เตรียมตัวไว้พร้อม
หวงซื่อปั๋วนั่งลงบนโซฟา ซย่าเจียงรีบพลิกไปที่เรซูเม่ของเขาแล้วเริ่มการสัมภาษณ์
ซย่าเจียงยิ้ม “ด้วยเหตุผลที่พวกเราต่างก็รู้ เนื้อหาการสัมภาษณ์วันนี้จึงมีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย
“คุณแค่แสดงความคิดเห็นและตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมาก็พอ โอเคมั้ยคะ”
หวงซื่อปั๋วรีบพยักหน้า
สมแล้วที่เป็นมืออาชีพ ซย่าเจียงแก้ปัญหาให้เขาแล้วเรียบร้อย หวงซื่อปั๋วคลายความกังวลไปได้
“คุณเป็นพนักงานเก่าของเถิงต๋า บริษัทเพิ่งตั้งได้ไม่นานก่อนที่คุณจะเข้ามาทำงาน ช่วยบอกได้มั้ยคะว่าทำไมตอนนั้นคุณถึงเลือกมาทำงานที่บริษัทนี้” ซย่าเจียงถาม
หวงซื่อปั๋วนึกถึงช่วงเวลาตอนนั้น
“ตอนนั้นผมทำงานจิปาถะอยู่ที่บริษัทเกมแห่งหนึ่งในจิงโจว ได้เงินเดือนน้อยกว่าภาระงานที่ทำ ผมบังเอิญไปเจอประกาศรับสมัครงานของเถิงต๋าในอินเทอร์เน็ต เลยลองมาวัดดวงดูครับ
“ตอนมาสัมภาษณ์ ผมบังเอิญเจอหัวหน้าหลิว หัวหน้าฝ่ายวางแผนคนเก่า และได้รู้ว่าหัวหน้าไม่ผ่านสัมภาษณ์ ทำเอาใจผมตกไปที่ตาตุ่ม
“พอเดินเข้าไปในออฟฟิศก็พบว่าเป็นบริษัทเพิ่งเปิดใหม่ แต่สภาพแวดล้อมการทำงานดูดีมาก ผมยิ่งอยากร่วมงานด้วยขึ้นไปอีก
“ผมแนะนำตัว พูดถึงงานที่ทำในตอนนั้น และทักษะต่างๆ ของผมอย่างตรงไปตรงมา แล้วก็ได้รับข้อเสนอเงินเดือนที่สูงมากๆ เกินกว่าที่ผมคิดไว้ไปอีก ผมก็เลย…ได้เข้ามาทำงานที่นี่ครับ”
หวงซื่อปั๋วพยายามเลี่ยงไม่พูดถึงบอสเผยระหว่างเล่าเรื่องในอดีต
ซย่าเจียงพยักหน้า จากนั้นก็ถามคำถามลงลึกถึงเรื่องที่หวงซื่อปั๋วเล่ามา
“ทางบริษัทเลือกคุณ แต่ไม่ได้เลือกหัวหน้าฝ่ายวางแผนที่มีประสบการณ์มากกว่าใช่มั้ยคะ”
หวงซื่อปั๋วพยักหน้า “ใช่ครับ”
“ตอนนั้นเถิงต๋าเพิ่งเปิดใหม่ แต่สภาพแวดล้อมการทำงานกลับดีสุดๆ เลยใช่มั้ยคะ
“ใช่ครับ”
“คุณบอกว่าได้เงินเดือนเกินกว่าที่คิดไว้ ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นได้เหรอคะ”
หวงซื่อปั๋วหยุดคิดครู่หนึ่ง “เอ่อ…ผมบอกเงินเดือนที่คาดหวังไป แล้วก็ได้ข้อเสนอเพิ่มจากนั้นเป็นสองเท่า”
ซย่าเจียงหันมองหวงซื่อปั๋วอย่างพึงพอใจ
ใช่ นี่แหละที่ฉันต้องการ!
ตอนนี้ทั้งคู่เริ่มเข้าคู่กันแล้ว การสัมภาษณ์เป็นไปอย่างราบรื่น
“ก่อนจะเริ่มทำเกมฐานทัพกลางทะเล แผนการพัฒนาถูกวางไว้แค่คร่าวๆ ใช่มั้ยคะ
“คุณไม่รู้เรื่องวิธีการโปรโมตเกมมาก่อนเลย ถูกมั้ยคะ
“พอทำเกมฐานทัพกลางทะเลเสร็จ คุณก็ออกจากเถิงต๋า เล่าให้ฟังคร่าวๆ ได้มั้ยคะว่าทำไม
“ในช่วงเริ่มแรก เฟยหวงสตูดิโอขาดทุนอย่างต่อเนื่อง แต่คุณก็ยืนกรานไม่รับสปอนเซอร์ระดับล่างเหมือนผู้ผลิตคอนเทนต์คนอื่นๆ ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะมีคนคัดค้าน ถูกมั้ยคะ”
คำถามรัวมาเป็นชุด หวงซื่อปั๋วตอบทุกคำถามที่ซย่าเจียงถามมา การสัมภาษณ์คืบหน้าไปได้อย่างไม่ติดขัด
ตอนเที่ยงการสัมภาษณ์ของหวงซื่อปั๋วก็สิ้นสุดลง
ซย่าเจียงพอใจกับการสัมภาษณ์นี้มาก เธอยืนขึ้นก่อนจะยื่นแขนออกไปจับมือกับหวงซื่อปั๋ว
“ขอบคุณนะคะที่สละเวลามาให้ทางเราสัมภาษณ์ หวังว่างานของคุณจะเป็นไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จยิ่งๆ ขึ้นไปค่ะ”
…
…
ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู
เผยเชียนที่เล่นเกมมาสักพักหันมองนาฬิกา ใกล้เที่ยงแล้ว น่าจะสัมภาษณ์คนแรกเสร็จแล้วมั้ง
เขาไม่รู้ว่าการสัมภาษณ์เป็นยังไง เลยอดหวั่นใจขึ้นมาไม่ได้
แต่จะให้ไปถามก็ดูแปลกๆ เขาจึงทำได้แค่ภาวนาว่าเจ้าพวกนั้นจะเชื่อฟังตามที่สั่งอย่างเคร่งครัด และไม่หลุดพูดชื่อเขาออกมาแม้แต่ครั้งเดียว
ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าช่างน่าขันสิ้นดี
ทำไมฉันต้องมากังวลทั้งๆ ที่คนอื่นเป็นคนถูกสัมภาษณ์ด้วยนะ