📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี – ตอนที่ 150

บทที่ 150 - นักร้องประจำ
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ช่วงค่ำ

ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสาขาหลัก

หม่าหยางกับจางหยวนนั่งจิบค็อกเทลอยู่ตรงหน้าต่างพลางมองลูกค้าจำนวนหยิบมือเดินเข้าร้าน ภาพที่เห็นทำให้รู้สึกหดหู่ใจยังไงไม่รู้

ไม่ค่อยมีลูกค้าเข้าร้านเลย!

ตอนนี้ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูอีกสองสาขาอยู่ในช่วงปรับปรุง น่าจะเปิดทำการได้เร็วๆ นี้

ส่วนร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสาขาหลักก็ยังคงขาดทุนอย่างต่อเนื่อง

กิจการเริ่มอยู่ตัวแล้ว ลูกค้าประจำบางส่วนสนิทกับพนักงานที่ร้าน แต่ไม่ว่าจะคำนวณยังไง ลูกค้าจำนวนหยิบมือนี้ก็ไม่สามารถช่วยให้ร้านไปรอดได้

หม่าหยางกับจางหยวน คนหนึ่งเป็นผู้จัดการกลางของร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู ส่วนอีกคนเป็นผู้จัดการเขตดูแลร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูทุกสาขาในเมืองจิงโจว

จางหยวนยกค็อกเทลดื่มรวดเดียวหมดแก้ว “เดี๋ยวจะขึ้นไปร้องสักเพลงสองเพลงนะ”

หม่าหยางยื่นมือออกไปห้าม “ไม่ต้องก็ได้พี่ ร้องไปยังไงก็ไม่มีใครฟัง…”

นับรวมทั้งสองแล้ว มีคนทั้งหมดแปดคนที่กำลังนั่งดื่มอยู่

จางหยวนลุกขึ้นยืน “ไม่เป็นไร อยากร้องเพลงคลายเครียดสักหน่อย”

เขาขึ้นไปบนเวทีแล้วดีดกีตาร์เหมือนอย่างเคย ในหัวเริ่มคิดว่าวันนี้จะร้องเพลงอะไรดี

กลุ่มคนที่นั่งดื่มอยู่ด้านหน้าล้วนเป็นลูกค้าที่คุ้นหน้ากันดี พวกเขาไม่ได้แปลกใจอะไรที่เห็นจางหยวนขึ้นไปบนเวที

ร้านอินเทอร์เน็ตไหนไม่มีนักร้องประจำบ้าง ไม่เห็นจะเป็นเรื่องแปลกอะไร

ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูเพิ่งจะเปิดให้บริการได้ไม่นาน ทุกๆ คืนจางหยวนจะขึ้นไปร้องเพลงอย่างเต็มที่ไม่มีขาด แต่ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร ถึงจะช่วยเพิ่มบรรยากาศให้ร้านได้ แต่ก็เพิ่มได้ไม่มาก

พอเวลาผ่านไป เขาก็เริ่มร้องเพลงน้อยลงเรื่อยๆ คืนนี้ฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้เขาอยากขึ้นเวที

จางหยวนไม่พูดพล่ามทำเพลง เขาปรับเครื่องสายก่อนจะเริ่มร้องเพลง

ชายหนุ่มไม่ได้ร้องเพราะปานนักร้อง แต่ก็ถือว่าเสียงใช้ได้ทีเดียว จะให้นักร้องประจำบาร์ร้องเพลงไม่เพราะได้ยังไง

เสียงทุ้มแหบห้าวดังก้องไปทั่วร้าน

ที่ผ่านมาจางหยวนร้องแต่เพลงร็อกหนักหน่วง แต่เขาก็ตระหนักได้ว่าลูกค้าดูจะไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมด้วยสักเท่าไหร่

ดังนั้นเขาเลยเปลี่ยนไปร้องเพลงช้าแทน

อย่างน้อยก็ไม่ทำให้บรรยากาศร้านดูอึดอัด

หม่าหยางจิบเครื่องดื่มเคล้าไปกับเพลงของจางหยวน ตาหันมองออกไปนอกหน้าต่าง

ตอนนั้นเองเขาก็สังเกตเห็นเงาตะคุ่มๆ ยืนอยู่ด้านนอกผนังกระจก ดูเหมือนเงานั่นจะกำลังลังเลใจอยู่ตรงประตู

ตอนนี้มืดมากแล้ว ไฟในร้านสว่างกว่าด้านนอก ทำให้คนด้านนอกมองเข้ามาเห็นทุกอย่างในร้านได้อย่างชัดเจน แต่คนจากด้านในมองออกไปเห็นสภาพข้างนอกได้ไม่ค่อยชัดนัก

แต่หม่าหยางก็มั่นใจว่าเห็นคนยืนอยู่ด้านนอก และกำลังเดินไปเดินมาอยู่ตรงประตู

“ลูกค้าใหม่เหรอ

“ถ้ากำลังลังเลก็แปลว่ายังมีโอกาสอยู่!”

หม่าหยางตื่นเต้นขึ้นมาทันที

ถึงตอนนี้ชายหนุ่มจะเป็นผู้จัดการกลางของร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู แต่ใครบอกว่าเขาไม่มีสิทธิ์ไปพูดชวนลูกค้าให้ลองเข้ามาใช้บริการ

จะเป็นผู้จัดการหรือผู้จัดการกลางก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่

เขาเปิดประตูร้านพร้อมกล่าวต้อนรับอย่างอบอุ่น “คุณครับ ลองเข้ามาดูก่อนไหมครับ”

ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงประตูผงะไป ระหว่างที่กำลังเดินคิดวนไปวนมาอยู่หน้าประตู เขาไม่ได้สังเกตเลยว่าตอนนี้ประตูเปิดออกแล้ว แถมยังมีใบหน้าใหญ่ยาวกำลังจ้องมองมาอยู่

เขาก้มหน้าลงอย่างเหนียบอาย “ผม… ผมไม่ได้มาเล่นอินเทอร์เน็ตครับ”

“ไม่เป็นไรครับ เข้ามาดื่มสักหน่อยก็ได้” หม่าหยางตอบกลับด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

หม่าหยางมองสำรวจชายหนุ่มตรงหน้า สภาพของเขาดูไม่ดีเท่าไหร่ ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าขาดยุ่ยดูกระเซอะกระเซิง

ชายหนุ่มเกาหัวที่มีสภาพยุ่งเหยิง “ผม… ผมอยากถามว่าที่นี่เปิดรับนักร้องประจำไหมครับ”

หม่าหยาง “…”

เขาดูจะผิดหวัง

ที่ขาดไม่ใช่พนักงาน แต่เป็นลูกค้าต่างหาก!

ถ้าไม่มีลูกค้า จะร้องดีแค่ไหนก็เปล่าประโยชน์

ชายหนุ่มรีบพูดเสริมเมื่อเห็นท่าทีที่แสดงออกมาบนใบหน้ายาวใหญ่ของหม่าหยาง “ผมว่าผมเก่งกว่าคนนั้น ก็เลยอยากลองมาสมัครดูน่ะครับ”

หม่าหยางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจได้ว่าก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร

ตอนนี้จางหยวนเป็นผู้จัดการเขตของร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูในเมืองจิงโจว จะให้ขึ้นไปร้องเพลงทุกวันก็ไม่น่าไหว

จ้างนักร้องประจำสักคนก็ดี

“ลองดูก็ได้ แล้วชื่ออะไร”

“เฉินเหล่ยครับ”

“โอเค เข้ามาก่อนสิ”

หม่าหยางพาเฉินเหล่ยเข้าไปนั่งในร้าน

ผ่านไปสักพักจางหยวนก็ร้องอีกเพลงจบแล้วลงจากเวที

หม่าหยางผายมือไปทางเวที “เอาเลย ไม่ต้องเครียดนะ”

หม่าหยางไม่ได้เก่งเรื่องดนตรี เขาแยกไม่ออกว่าอันไหนดีอันไหนแย่ คิดแค่ว่าถ้าร้องได้ไม่แย่มากก็จะจ้างมาร้องแทนจางหยวน

จางหยวนรินน้ำใส่แก้วก่อนจะหันไปเห็นว่ามีคนขึ้นไปแย่งที่บนเวทีแล้ว

ชายหนุ่มที่เขาไม่เคยเห็นหน้าค่าตากำลังปรับกีตาร์ เหมือนว่าเตรียมจะร้องเพลงโuเวลกูดoทคอม

จางหยวนหันมองหม่าหยางด้วยความงุนงง “น้องหม่า นั่นใครน่ะ”

“เขาชื่อเฉินเหล่ยครับ มาสมัครเป็นนักร้องประจำ ถ้าร้องได้ดีก็ว่าจะจ้างมาขึ้นเวทีแทนพี่ พี่จะได้มีเวลาพักผ่อน”

หม่าหยางว่าต่ออย่างเป็นห่วง “งานพี่เยอะเกินไป ไหนๆ ก็จ้างคนมาชงเหล้าแล้ว จ้างนักร้องประจำมาอีกสักคนก็น่าจะดี พี่จะได้มีเวลาให้กับเรื่องดูแลจัดการร้าน”

จางหยวนอยากจะบอกออกไปว่าจริงๆ ก็ไม่มีอะไรให้ทำมากมายหรอก แต่พอได้ยินหม่าหยางพูดอย่างนั้นก็อดซึ้งขึ้นมาไม่ได้

เอ๊ะ ไม่สิ เราไม่เคยจ้างนักร้องประจำเลยนี่นา

จางหยวนกำลังจะหันมาถาม แต่ตอนนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงร้องแหบห้าวเล็กน้อยดังก้องไปทั่วร้านอินเทอร์เน็ต

“สกุณากลางวสันต์ ลมโบกฤดูสารท อาทิตย์ลับแสงยามเมหันต์…”

จางหยวนอึ้งไป “นั่นเพลงเก่านี่”

เพลงนี้เป็นที่รู้จักกันดี แทบทุกคนในร้านเคยได้ยินมาก่อน

ตอนที่เฉินเหล่ยเริ่มร้อง เกือบทุกคนในร้านที่กำลังนั่งดื่มอยู่ก็หันไปทางเวที

ราวกับว่ามีธารใสสะอาดกำลังพวยพุ่งออกมาจากเวทีเข้าห้อมล้อมทุกคน

จางหยวนยังตะลึงอยู่ เขาอดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงตาม

หม่าหยางดื่มต่อเงียบๆ แล้วหันไปกระซิบกับจางหยวน “ผมว่าเขาร้องไม่เก่งเท่าพี่”

จางหยวนเหลือบมองหม่าหยางอย่างไม่พอใจ “น้องหม่า… เขาร้องเก่งกว่าพี่อีก”

“จริงเหรอ” หม่าหยางอึ้งไป “เสียงก็ไม่ได้สูงแล้วก็ไม่ได้ต่ำ เขาเก่งกว่าตรงไหนเหรอพี่”

จางหยวนรู้สึกเหมือนว่าพวกเขาคุยกันคนละภาษา แต่ก็นึกขึ้นได้ว่ายังไงหม่าหยางก็เป็นหัวหน้า จึงได้แต่ยิ้ม

“นักร้องที่ดีจะทำให้คนฟังรู้สึกคล้อยตามได้ เพลงช้าร้องด้วยเสียงแบบนี้ฟังแล้วเหมือนได้ขึ้นสวรรค์เลย”

“ผมไม่เห็นรู้สึกแบบนั้นเลย”

“ถ้าไม่เชื่อก็หันไปดูลูกค้าสิ”

หม่าหยางหันไปมองลูกค้า

ก่อนหน้านี้ตอนที่จางหยวนขึ้นไปร้องเพลง ทุกคนสนใจแต่เครื่องดื่มตรงหน้าและเอาแต่พูดคุยกัน ถึงหูจะฟังอยู่ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก

แต่พอเฉินเหล่ยขึ้นไปร้อง ทุกคนดูจะมีอารมณ์ร่วมกันหมด

พวกเขาถือแก้วไว้ในมือแล้วร้องตาม ไม่มีใครคุยกัน บางคนเหม่อมองไปทางเวทีเหมือนว่าความทรงจำมากมายเกี่ยวกับเพลงนี้กำลังพรั่งพรูขึ้นมา

จางหยวนซาบซึ้งกับบทเพลงมาก “น้องหม่า ไปหาคนเสียงดีแบบนี้มาจากไหน”

หม่าหยางเงียบไปครู่หนึ่ง “…เขามาของเขาเอง”

“บังเอิญจริงๆ”

“ก็ไม่เชิงนะพี่” หม่าหยางตอบ “เขาบอกว่าได้ยินเสียงพี่จากข้างนอก แล้วคิดว่าเสียงตัวเองดีกว่าเลยอยากลองมาสมัครดู จริงๆ แล้วต้องยกความดีความชอบให้พี่เลย”

จางหยวน “…”

“น้องหม่า พี่เปลี่ยนใจแล้ว เราไม่จ้างเขาดีมั้ย”

“ไม่ดี”

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

Losing Money to Be a Tycoon, 亏成首富从游戏开始, Kui Cheng Shoufu Cong Youxi Kaishi(donghua), Losing Money to Become the Richest Person Starts From the Game, システムで出世してしまった
Score 9.4
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: , ต้นฉบับ: 1673 Chapters (จบแล้ว)
เผยเชียนย้อนเวลากลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน โดยมีระบบสั่งให้เขาตั้งบริษัทอะไรก็ได้เพื่อหาเงินทำกำไรโดยจะมีการประเมินกำไรขาดทุนเป็นรอบๆ แต่เผยเชียนเป็นคนหัวหมอ เขาดูแล้วว่าถ้าเขาทำธุรกิจได้กำไร เขาจะได้ส่วนแบ่งเข้ากระเป๋าตัวเองแค่ 1:100 แต่ถ้าเขาขาดทุน เขาจะได้ส่วนแบ่ง 1:1 เขาจึงคิดจะตั้งบริษัทเกม และหาทางทำให้บริษัทขาดทุน.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset