📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยาย Heavenly Star สวรรค์มวลดาว – เล่ม 1 ตอนที่ 60

บทที่ 60 - ประชันอักษร – โหมโรง
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

หลินเสี่ยวหันไปกล่าวกับหลงหยิน “ฝ่าบาท การแข่งขันสมควรจบลงนานแล้ว แต่หลินเสี่ยวละอายใจอยากทูลขอเวลาพระองค์และท่านผู้ชมทั้งหลาย กับคำร้องขอของข้า”

“แผลของเจ้าเป็นยังไงบ้าง?” หลงหยินถามถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย
หลินเสี่ยวแสดงสีหน้ายิ้มขอบคุณ “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงห่วงใย นี่เป็นเพียงบาดแผลเล็กน้อย ไม่มีสิ่งใดร้ายแรง แผลนี้สมควรหายได้ในเพียงไม่กี่วัน”

“เช่นนั้นข้าก็สบายใจ หากเจ้ามีสิ่งใด ก็จงกล่าวออกมา”

“ขอรับ!” หลินเสี่ยวตอบด้วยความเคารพแล้วเริ่มกล่าว “ข้าหลินเสี่ยวตลอดมามีความมั่นใจในทักษะอักษรและกระบี่ ข้าถูกเรียกขานว่าเป็นนักศึกษาอันดับหนึ่งแห่งเทียนหลงและยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่ง หากแต่นามเหล่านี้ล้วนไร้ความหมาย การคิดว่าตนเองเหนือล้ำสูงสุดในหมู่รุ่นเยาว์ ผลที่ตามมามีแต่ทำให้ข้าหยิ่งผยองลำพองตน อีกทั้งยังรู้สึกเปล่าเปลี่ยว วันนี้ หลังจากที่ได้ประลองกับนายน้อยเย่ ข้าจึงตระหนักได้ว่ายังมีผู้ยอดเยี่ยมและแข็งแกร่งกว่าข้าอยู่เสมอ ก่อนหน้านี้ ข้าเพียงโอหังและมั่นใจ ยามนี้ ข้าทั้งละอายและยินดี เมื่อเห็นผู้อื่นออกล่า ข้าทั้งตื่นเต้นและหวั่นไหว นายน้อยเย่ไม่เพียงมีวรยุทธเหนือล้ำไม่ธรรมดา แต่ยังฉลาดหลักแหลมไร้ที่เปรียบปาน มีทั้งวาจาที่คมกล้าและวิทยายุทธอันยอดเยี่ยม เนื่องจากเขามีวรยุทธที่ลึกล้ำเกินข้าไปห่างไกล ดังนั้นข้าจึงอยากประลองพรสวรรค์ทางด้านอักษร ข้าหวังว่าฝ่าบาทและนายน้อยเย่จะตกลง”

หลังจากกล่าวจบ เขามองด้วยสายตาเจิดจ้าไปที่เย่หวูเฉิน ส่งความหมายกระตุ้นเร้าอย่างชัดเจน

มีเสียงกระซิบกระซาบในฉับพลัน ชาวเทียนหลงผู้ใดบ้างไม่ทราบว่าหลินเสี่ยวมีฉายา ‘นักศึกษาอันดับหนึ่งแห่งเทียนหลง’ แม้ทักษะวิชายุทธของเขาจะแตะขอบขั้นสูงส่งในหมู่ผู้เยาว์ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเหล่าผู้อาวุโสจำนวนไม่ถ้วนในอาณาจักรเทียนหลงแล้ว เขายังนับว่ามีฝีมืออยู่ในระดับกลางเท่านั้น หากแต่ความฉลาดรอบรู้ของเขานั้นเหนือล้ำกว่าทักษะยุทธอย่างมาก มากเสียจนยอดบัณฑิตรุ่นก่อนหลายคนต้องยอมศิโรราบเบื้องหน้าเขา ทั้งพวกเขายังประกาศว่าตลอดชีวิตไม่เคยพบเจอผู้ใดมีพรสวรรค์เช่นนี้มาก่อนเลย และย่อมไม่มีผู้ใดสามารถเทียบเขาได้อีก ไม่ว่าจะเป็นสี่ศิลปะ(ดนตรี , หมากล้อม , อักษร , วาดรูป) , บทกลอน , ร้องเพลง หรือ บทกวี ทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในขั้นสูงสุด ทักษะพรสวรรค์ของเขาแตะถึงขั้นเหนือล้ำเกินจินตนาการ

เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการใช้พรสวรรค์สูงส่งเหล่านี้เพื่อกู้หน้าตระกูลหลิน หากแต่ว่านายน้อยตระกูลเย่จะกล้าประจัญหน้ากับเขาหรือ? เบื้องหน้าพระพักตร์และเหล่าผู้คน การปฏิเสธคำเชิญประลองย่อมหมายถึงชัยชนะของตระกูลหลินในทันที แต่หากเขายอมรับคำท้า…นายน้อยตระกูลเย่จะมีความหวังเอาชนะได้ด้วยหรือ?

หลงหยินผงกศีรษะ “สองสุดยอดพรสวรรค์ประลองทักษะกันย่อมเป็นฉากที่น่ามหัศจรรย์เหนือสิ่งใด กระทั่งข้ายังไม่อาจอดทนไหว เหตุใดข้าจึงจะไม่อนุญาต ทุกคนต่างรู้ดีในความสามารถของหลินเสี่ยว และหวูเฉินเองก็ย่อมไม่ธรรมดาเช่นเดียวกัน เจ้าตัดสินใจได้รึยัง หวูเฉิน?”

เย่หวูเฉินพิจารณาอย่างรอบคอบอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวอย่างเสียไม่ได้ “ในเมื่อเป็นความคาดหวังของฝ่าบาท ข้าย่อมน้อมรับคำท้าประชันอักษรของนายน้อยหลิน”

ดูจากท่าทางและน้ำเสียง ราวกับว่าเขายอมรับการประลองไม่ใช่เพราะหมดทางเลือก หากแต่…เพราะความคาดหวังขององค์จักรพรรดิ เย่หวูเฉินดูคล้ายไม่มีความสนใจใดๆกับการแข่งครั้งนี้เลย

หลังจากให้คำตอบ บรรยากาศโดยรอบก็ยิ่งกระตือรือล้น ปรากฎการณ์ที่น่าสนใจกำลังจะเริ่มขึ้น ผู้คนจำนวนมากต่างตื่นเต้นที่จะได้เป็นพยานต่อการแสดงพรสวรรค์ยอดเยี่ยมของหลินเสี่ยว

“คุณชายหลิน ท่านอยากประลองด้วยวิธีใด?” เย่หวูเฉินถาม

“มิทราบว่าคุณชายเย่เชี่ยวชาญในเรื่องใด” หลินเสี่ยวถามกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หากแต่ผู้คนยังรับรู้ได้ถึงความหยิ่งผยองจากความหมาย เขามั่นใจในพรสวรรค์ของตน ไม่เพียงในหมู่รุ่นเยาว์ กระทั่งทั่วทั้งอาณาจักรเทียนหลง เขาเชื่อว่ายากที่จะหาผู้ใดเป็นคู่มือกับเขาได้

“ข้าเอาตามที่ท่านว่า ในเมื่อท่านเป็นคนเสนอการประชันอักษร ท่านก็สมควรเป็นผู้ตัดสินใจ” เย่หวูเฉินตอบกลับอย่างห้าวหาญ ปักหลักในจุดยืน ไม่มีใครอยากแข่งขันในสิ่งที่ตนไม่ถนัด หากเขาเอาชนะได้ อย่างน้อยฝ่ายตรงข้ามย่อมต้องยอมรับโดยไม่มีข้อโต้แย้ง

“ถ้าเช่นนั้น พวกเราสมควรทูลขอให้ฝ่าบาททรงตัดสินพระทัย?”

เย่หวูเฉินพยักหน้า ให้ความยินยอม

หลินเสี่ยวหันร่างไปแล้วกล่าว “เพื่อความยุติธรรม หลินเสี่ยวขอบังอาจทูลขอฝ่าบาทเป็นประธานการแข่งขันระหว่างพวกเราสองคน บทกลอน , ร้องเพลง , บทกวี และ สี่ศิลปะ (ดนตรี , หมากล้อม , อักษร , วาดรูป) ทุกอย่างล้วนยอมรับได้!”

“โฮ่โฮ่! น่าสนใจ ข้าจะเลือกการแข่งให้พวกเจ้าเอง ประชันอักษรนั้นต่างจากการประลองวิชายุทธ เงื่อนไขปัจจัยหลายอย่างล้วนเกี่ยวข้อง เพียงการแข่งเดียวย่อมไม่อาจตัดสินผู้แพ้ชนะได้ ข้าจะให้พวกเจ้าแข่งกันสามรอบ หากใครชนะได้สองรอบให้ถือว่าเป็นฝ่ายชนะ พวกเจ้ายอมรับได้หรือไม่?” หลงหยินกล่าวพร้อมหัวเราะ แสดงความสนใจอย่างมากกับการประลองที่กำลังจะเกิดขึ้น

“น้อมรับตามพระบัญชาของฝ่าบาท” เย่หวูเฉินและหลินเสี่ยวกล่าวพร้อมกัน ในตอนนี้ทั้งคู่ต่างมีความคิดผิดปกติแบบเดียวกัน แค่สองรอบก็พอ รอบที่สามคงไม่จำเป็น

“ประเสริฐ!” หลงหยินพยักหน้า คิ้วขมวดเล็กน้อยขณะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกล่าว “แผนเดิมของข้าคือหลังจากจบการแข่งครั้งนี้แล้ว ข้าจะไปเที่ยวชมทะเลสาบด้านตะวันตกของเมือง จากนั้นทำงานอดิเรกคือวาดรูปอันน่าหลงใหล ข้าเผอิญนำอุปกรณ์การวาดมาสองชุดพอดี เมื่อเป็นเช่นนี้ รอบแรกของพวกเจ้าคือวาดภาพประชัน!”

หลงหยินปรบมือ ผู้ติดตามที่นั่งอยู่เบื้องหลังสองคนลุกขึ้นทันที แต่ละคนนำกระดานไม้จันทร์ขนาดใหญ่และอุปกรณ์การวาดอื่นๆตรงไปยังเย่หวูเฉินและหลินเสี่ยว พวกเขาตั้งกระดานแล้วคลี่แผ่นกระดาษวาดภาพ พู่กันและน้ำหมึกทุกชนิด จากนั้นทิ้งไว้ให้สองบุรุษหนุ่มและพวกเขาก็กลับไปยังที่นั่งของตน

วาดรูปในที่สาธารณะ… ผู้คนต่างยืดคอมอง ไม่อาจอดทนรอ พวกเขาแอบชื่นชมองค์จักรพรรดิที่มีปรีชาญาณราวกับรู้อนาคตนำอุปกรณ์วาดรูปติดมาด้วย

“นี่…ไม่ดีแล้ว เฉินเอ๋อร์เจ็บป่วยมาตั้งแต่เด็ก เขาไม่เคยเรียนการวาดรูป” หวังเวิ่นชูกลับมากังวลอีกครั้ง นางไม่สนใจการแข่งขัน แต่นางไม่อาจทนเห็นบุตรชายที่รักต้องเสียชื่อต่อหน้าผู้คน

เย่ฉุ่ยเหยาอยากกล่าวบางสิ่งแต่ก็หยุดชะงักไป สายตานางติดตรึงที่เย่หวูเฉิน รอให้เขาเผยตัวตนออกมา วันนี้ เป็นอีกครั้งที่นางพยายามทำความเข้าใจในตัวน้องชาย ผู้ที่นางรู้จักมาตั้งแต่เกิด

“อย่ากังวลเลย ไม่ว่าเขาจะแพ้ย่อยยับแค่ไหน แต่หลังจากวันนี้ไป ชื่อเสียงของเขาย่อมขจรขจายไปทั่วทั้งอาณาจักรเทียนหลง! แพ้แล้วอย่างไร ตระกูลเย่เราไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับบทกวีและโคลงกลอนอยู่แล้ว” เย่เว่ยกล่าวอย่างมั่นใจ ใบหน้าของเขาไม่ปรากฎความกังวลหากแต่แทนที่ด้วยความภาคภูมิ

“เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง” เย่หนู่พยักหน้า เขาเชื่อโดยไม่แคลงใจว่าเย่หวูเฉินไม่อาจเปรียบเทียบกับหลินเสี่ยวในเรื่องประชันอักษรได้แม้แต่น้อย แต่นั่นหมายความว่าอะไร? การที่หลินเสี่ยวเสนอประชันอักษรย่อมเห็นได้ชัดว่ากำลังถูกกดดันจนเข้าตาจนและต้องใช้ทางเลือกสุดท้ายเพื่อกู้ชื่อเสียงกลับมา สำหรับเย่หนู่ผู้ที่ต่อสู้ในสมรภูมิโชกเลือดมาหลายปี เขาไม่ให้ค่าพวกบัณฑิตที่เอาแต่ซุกอยู่ในรังบ้านของตนและท่องบทกลอนบทกวี สำหรับทวีปเทียนเฉินนั้นให้คุณค่านับถือผู้ที่มีวรยุทธ

“การประลองยังไม่ทันเริ่ม แต่เจ้าก็พยายามแก้ต่างให้หลานชายแล้ว ถ้าเช่นนั้น ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมแพ้ไปเลย จะได้ง่ายขึ้น?” หลินขวงแค่นเสียงใส่

“น้องชายของเจ้าเป็นหลานของหลานชายข้า ซึ่งก็หมายความว่า เจ้าเป็นหลานของหลานชายข้าเช่นกัน เวลาผู้อาวุโสพูด พวกผู้เยาว์อย่าได้สอดคำ” เย่หนู่แค่นเสียงเย็นชา

“เจ้า!” หลินขวงโกรธขึ้ง ขณะที่กำลังจะยืนขึ้นทะเลาะก็นึกถึงสถานการณ์ขึ้นได้ เขากดระงับความโกรธแล้วไม่มองไปที่เย่หนู่อีก

“ไม่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับหัวข้อการวาด พวกเจ้าสามารถวาดสิ่งใดก็ได้ตามที่ต้องการ แต่เมื่อเวลาผ่านไปครบหนึ่งในสี่ชั่วโมง ไม่ว่าพวกเจ้าจะวาดภาพเสร็จหรือไม่ พวกเจ้าก็ต้องหยุดมือ” หลงหยินกล่าว

Facebook Twitter Telegram Pinterest
Heavenly Star สวรรค์มวลดาว (จบ)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Completed ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เด็กหนุ่มลึกลับผู้ลืมเลือนอดีต ตื่นขึ้นมาในทวีปเทียนเฉิน ถูกเข้าใจว่าเป็นบุตรชายตระกูลเย่ เขาจึงใช้สถานะนี้เฝ้าสังเกตโลกอันยุ่งเหยิง รวมทั้งสืบหาอดีตของตน หากแต่โชคชะตาที่ต้องประสบกลับมีเพียงความน่าหวั่นสะพรึง เขาจึงหัวเราะเยาะโชคชะตา และเผยพลังสะท้านแดนดินใต้ผืนสวรรค์.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset