เย่หมิงไม่คิดหลบเลี่ยงใดๆ แม้ศรตามจิตโลหิตดำไม่อาจมีใครหลบเลี่ยง ทว่าเย่หมิงไม่แม้แต่จะเคลื่อนพลังป้องกันตัวเอง เขาเพียงยื่นมือออกมาธรรมดา คว้าศรโลหิตไว้ด้วยใบหน้าเย้ยหยัน เหนือฝ่ามือลุกท่วมด้วยเพลิงทองคำ
ซี่~~~~
ศรโลหิตที่ลิ่วมาพลันหยุดอยู่กับที่ เสียงปริแตกดังเสียดถึงหัวใจ คลื่นพลังปั่นป่วนส่งผืนทรายเบื้องหลังระเบิด ‘ตูม’ และยกขึ้นเป็นแผ่นผืนสูงกว่าร้อยเมตร ศรโลหิตถูกจับไว้มือของเย่หมิง ไม่ว่าจะดิ้นรนเพียงใดก็ไม่อาจเคลื่อนไปข้างหน้าได้ ขณะเดียวกันร่างของเย่หมิงถูกแรงส่งของศรตามจิตโลหิตดำกระแทกถอยหลังไปเพียงแค่สิบเมตร
ศรตามจิตโลหิตดำ ถูกหยุดไว้ด้วยมือเดียวของเย่หมิง
ในเวลานี้ เย่หวูเฉินหายตัวไปอย่างฉับพลัน ทันทีที่ศรโลหิตดับแสงลงในมือของเย่หมิง เขาวูบเข้ามาด้วยแสงขาวอยู่ใต้ร่างของเย่หมิง เขาใช้พลังทั้งหมดที่เหลืออยู่หลังจากยิงศรตามจิตโลหิตดำ เหวี่ยงกระบี่ขึ้นอย่างสุดกำลัง
“ทลายสวรรค์แดนฟ้า!!”
กระบี่ตัดดาราเรืองแสงทองคำอันเข้มข้น รุนแรงจนกดข่มรัศมีสีทองของเย่หมิง ภายใต้พลังของกระบี่ตัดดารา พลังสีทองของเย่หมิงถูกสะกดข่มอย่างเห็นได้ชัด ใบกระบี่เคลื่อนจากล่างขึ้นสู่บนตรงใส่ร่างของเย่หมิง แสงทองคำพุ่งเป็นลำขึ้นสู่ฟ้า ทะลวงสู่สรวงสวรรค์
ทลายสวรรค์แดนฟ้า กล่าวกันว่ามีพลังถึงขั้นทำลายสรวงสวรรค์ กระบี่นี้ยังรุนแรงกว่าตอนที่เย่หวูเฉินเหวี่ยงใส่อสูรมังกรม่วงจนลอยขึ้นสู่ฟ้าไม่รู้กี่เท่า….
ตูม!!
กระบี่ตัดดาราบรรจุพลังแกร่งกล้า ทว่าฉับพลันมันกลับถูกหยุดไว้…. ในแสงทองคำมีมือขนาดใหญ่ข้างหนึ่งคว้าจับกระบี่ตัดดารา จากปลายกระบี่ที่ถูกจับนั้น มีโลหิตสีทองไหลย้อยลงมาเล็กน้อย….
มือเดียว ยังคงเป็นมือข้างเดียว ‘ทลายสวรรค์แดนฟ้า’ ของกระบี่ตัดดาราถูกเย่หมิงหยุดไว้ด้วยมือเดียวอีกครั้ง ไม่อาจขยับได้อีกแม้แต่เพียงเล็กน้อย
เคลื่อนตัดมิติเพื่อลอบโจมตี นี่คือกระบวนท่ารุนแรงที่สุดของกระบี่ตัดดาราที่เย่หวูเฉินสามารถใช้ออก ทว่ามันกลับถูกหยุดไว้ด้วยมือเดียว! เวลานี้เย่หวูเฉินแทบไม่เชื่อสายตา
หนึ่งมนุษย์และหนึ่งเทพจ้องตาภายใต้แสงทองคำที่ห่อหุ้ม ใบหน้าของเย่หมิงบิดเบี้ยวเล็กน้อย เขารู้สึกเจ็บปวด โลหิตที่ไหลย้อยออกมาทำให้ทราบว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บ…. เขาได้รับบาดเจ็บอย่างคาดไม่ถึง!
“ไม่เลว…. สมแล้วที่เป็นกระบี่ตัดดารา แม้จะตกอยู่ในมือของมนุษย์ต่ำต้อย ก็ยังคงทรงพลังแกร่งกล้า….” มือเดียวกุมกระบี่ไว้มั่น น้ำเสียงราบเรียบของเย่หมิงคล้ายทะมึนต่ำ ไม่ทราบว่าเพราะดูหมิ่นหรือโกรธเคือง เขาปล่อยมือออกฉับพลัน และดีดนิ้วลงบนใบกระบี่!
เปรี้ยง!!
เป็นแรงกระแทกที่เย่หวูเฉินไม่เคยสัมผัส พลังไล่มาจากใบกระบี่ตัดดารา ลามมาถึงด้าม แขนขาทั้งสี่ข้างและร่างกายราวกับถูกหินมหึมาบดกระแทก ยังไม่ทันส่งเสียงเจ็บปวดร่างก็ปลิวละลิ่วออกจากแสงทองคำที่ระเบิดขึ้น ปลิวเป็นเส้นตรงหายไปลับจากสายตา กระบี่ตัดดารากระเด็นไปอีกทิศหนึ่งร่วงลงสู่ผืนทะเลทราย….
“ท่านพี่! ท่านพี่!!!”
เห็นเย่หวูเฉินถูกซัดกระเด็นปลิวไปไกลลิ่ว หนิงเสวี่ยพลันรู้สึกราวกับถูกพลังนั้นอัดร่างตัวเอง นางตะโกนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและหวาดกลัว ทงซินกัดฟันแน่น เคลื่อนสายตาเกลียดชังไปยังเย่หมิง ปรารถนาสับร่างมันให้กลายเป็นพันชิ้น นางพุ่งไปยังทิศที่เย่หวูเฉินปลิวไปด้วยความเร็วสูงสุด
ปัง!
เพียงร่างของทงซินขยับเคลื่อน ตรงหน้าพลันปรากฎม่านพลังสีทอง นางกระแทกเข้ากับม่านพลังนั้น เบื้องหลังมีเสียงแผ่วเบาลอยมา “องค์หญิงไป่เย่ องค์หญิงเฮยเย่ ดูเหมือนว่าพวกท่านจะเป็นห่วงชีวิตของมนุษย์ผู้นั้นมาก…. พวกท่านโปรดวางใจ การสังหารมนุษย์มีแต่จะทำให้พลังศักดิ์สิทธิ์ของข้าแปดเปื้อน มันยังไม่ตกตาย อย่างมากก็แค่ครึ่งเป็นครึ่งตายเท่านั้น”
ไม่ทราบว่าเมื่อใด ทรงกลมสีทองและโปร่งใสรัศมีสองเมตรได้ปรากฎคลุมร่างของหนิงเสวี่ยและทงซินไว้ ล้อมรอบพวกนางไว้ทั้งหมด ทงซินพุ่งชนซ้ำๆหวังทำลาย กริชเทพพิโรธบรรจุพลังทมิฬไว้ที่ปลาย และแทงตรงออกไปที่เบื้องหน้า
เปรี้ยง ~~~~
แรงปะทะเกือบทำให้กริชเทพพิโรธกระเด็นหลุดออกจากมือของทงซิน บนผิวม่านพลังทรงกลมสีทองปรากฎรอยแตกเล็กๆเพียงจุดเดียวเท่านั้น ม่านพลังสว่างวาบ รอยแตกเล็กๆหายไปทันที ไร้ร่องรอยใดๆอีก ม่านพลังยังหดตัวลงจนเหลือขนาดเล็ก หนิงเสวี่ยที่ถูกปกป้องอยู่ด้านหลังหน้าซีดเผือดจากแรงปะทะของทงซิน
ทงซินหยุดดิ้นรนในที่สุด ค่อยๆหันร่างมาช้าๆ จับจ้องสายตาที่เย่หมิง นางต้องการจดจำร่างลักษณะของมัน จะต้องทำให้มันตกตายด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยมที่สุด
“เจ้า…. เจ้าคนชั่ว…. เจ้ากล้าทำร้ายพี่ชายข้า…. ข้าจะไม่มีวันอภัยให้กับเจ้า!” หนิงเสวี่ยน้ำตาไหลพราก สองมือออกแรงทุบม่านพลังทองคำ ดวงตาพร่ามัวมองไปยังทางทิศที่เย่หวูเฉินหายไป…. เมื่อวานนี้นางยังสุขสำราญเป็นเด็กเอาแต่ใจอยู่ในอ้อมแขนของพี่ชาย แต่วันนี้…. ฝันร้ายได้มาถึง นางหวังให้นี่เป็นเพียงฝันร้าย และปรารถนาให้ตนตื่นขึ้นจากฝันร้ายนี้โดยเร็ว….
“ท่านพี่…. ท่านพี่!!” นางตะโกนร้องไห้อย่างหมดหนทาง ทว่าในที่ไกลนั้น นางไม่ได้รับคำตอบ ไม่ปรากฎร่างที่โหยหา ความรู้สึกนี้ช่างน่าหวั่นกลัว
“องค์หญิงไปเย่ องค์หญิงเฮยเย่ ทำให้องค์หญิงต้องโศกเศร้า ข้าเย่หมิงรู้สึกเสียใจนัก แต่ท่านทั้งสองมีสถานะสูงส่ง มนุษย์ต่ำต้อยไม่คู่ควรอยู่ร่วมกับพวกท่าน…. ข้าจะพาพวกท่านกลับไปยังสถานที่อันสมควร องค์เทพจักรพรรดิจะต้องฟื้นฟูพวกท่านให้กลับเป็นปกติได้ เมื่อถึงเวลานั้น พวกท่านย่อมลืมมนุษย์ต่ำต้อยผู้นี้อย่างรวดเร็ว” เย่หมิงกล่าวคำช้าๆ ฝ่ามือค่อยๆยกขึ้นหันไปทางหนิงเสวี่ยและทงซิน อากาศของทวีปเทียนเฉินโสโครกอย่างมาก เขาไม่อยากอยู่ที่นี่อีกเพียงวินาทีเดียว ในเมื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่มายังทวีปเทียนเฉินแล้ว เช่นนั้นถึงเวลาที่เขาควรกลับ
“ท่านพี่…. ไม่! เจ้าคนชั่ว เจ้าจะพาข้าไปไหน…. ข้าจะไปหาท่านพี่ ปล่อยข้าไปหาท่านพี่เดี๋ยวนี้นะ!”
“ท่านพี่? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า….” เย่หมิงยิ้มและส่ายศีรษะ ยกริมฝีปากไว้และกล่าว “มนุษย์กลับกลายเป็นเป็นพี่ชายขององค์หญิงแห่งเทวะ…. มาเถอะ องค์หญิงไป่เย่ ท่านต้องเชื่อข้า เมื่อใดที่ท่านฟื้นคืนความทรงจำอันเป็นของท่าน ท่านจะลืมตัวตนของมนุษย์ผู้นี้จนหมดสิ้น ชีวิตของท่านเป็นของโลกเทวะอันยิ่งใหญ่ที่สุดเท่านั้น!”
เย่หมิงลอยร่างขึ้นช้าๆ ม่านพลังทรงกลมสีทองที่ล้อมรอบหนิงเสวี่ยและทงซินไว้ลอยตามขึ้นไป ความเร็วยิ่งมายิ่งเร็วรุด รวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ….
“ไม่นะ! ข้าไม่อยากไป…. ปล่อยพวกเรา…. ปล่อยพวกเราออกไปเดี๋ยวนี้! ข้าจะไปหาท่านพี่!!”
ฟู่ม!
ท้องฟ้ากระจ่างไร้เมฆ ยามนี้ทอแสงสีฟ้าอย่างฉับพลัน เย่หมิงเงยศีรษะขึ้นเล็กน้อย ในสายตามองเห็นแท่งน้ำแข็งขนาดใหญ่นับไม่ถ้วนพุ่งลงมาดุจฝนดาวตก น้ำแข็งทุกแท่งชี้ปลายมาที่…. ดวงตาของเย่หมิง!!
เย่หมิงไม่ขยับร่าง เพียงเงยหน้ามองแท่งน้ำแข็งที่พุ่งลงมา สองดวงตาสาดประกายทองคำอันประหลาดล้ำลึก จากพื้นดินมองขึ้นมา ราวกับว่ามีพระอาทิตย์สีทองสองดวงปรากฎขึ้นบนฟ้าอย่างฉับพลัน
แท่งน้ำแข็งไร้สิ้นสุดประดุจหายนะร่วงจากฟ้า ทว่าเมื่อตะวันสองดวงรุ่งเรืองขึ้น น้ำแข็งที่ท่วมฟ้าพลันระเหยเหือดหายไม่หลงเหลือ…. ทั้งยังหายไปในชั่วพริบตาเท่านั้น!
ประกายทองคำหายไปจากดวงตาของเย่หมิง เขาเคลื่อนดวงตามองไปทางหนิงเสวี่ยและทงซิน ที่เบื้องหน้าม่านพลังทองคำมีคนผู้หนึ่งร่างโชกเลือดลอยอยู่…. มือซ้ายยังคงถือคันศรบาปวิบัติ มือขวายังคงจับกระบี่ตัดดาราไว้ เส้นผมกระเซอะกระเซิง เสื้อผ้าขาดวิ่น โลหิตอาบย้อมอยู่ทั่วร่าง มีเพียงสายตาที่ยังคงคมกล้า ยิ่งกว่านั้นยังแผ่จิตสังหารอันเย็นเยียบและเกลียดชัง
“ท่านพี่…. ท่านพี่…. ท่านพี่….” หนิงเสวี่ยทาบมือสองข้างที่ม่านพลัง จ้องมองแผ่นหลังที่บังอยู่เบื้องหน้า น้ำตาไหลพรากทำให้ตาพร่ามัว ทงซินมองเขาอย่างเงียบงัน สองหมัดกำไว้แน่น ราวกับจะบีบกริชเทพพิโรธในมือให้แหลกคามือ ครั้งหนึ่งนางชื่นชอบตัวเอง เพราะนางเคยใช้พลังของตนปกป้องเขาได้ ทำสิ่งต่างๆที่เขาต้องการ…. ทว่าตอนนี้ นางกลับทำได้เพียงมองดูเขาตกอยู่ในสภาพสิ้นหวังโดยที่ไม่อาจทำสิ่งใด
“เสวี่ยเอ๋อร์…. ทงซิน…. อย่ากลัวเลยนะ” เขาค่อยๆหันศีรษะมา มอบรอยยิ้มอ่อนโยนให้กับพวกนาง “ต่อให้พวกเราต้องตาย…. พวกเราก็จะตายด้วยกัน ดังนั้นอย่ากลัวเลย ตกลงมั้ย?”
“….ข้าไม่กลัว…. ตราบใดที่ท่านพี่อยู่ด้วย ไม่ว่าที่ใดข้าก็ไม่กลัว แต่ข้าไม่อยากให้ท่านพี่เป็นอะไรไป…. ไม่อยากเลย….” หนิงเสวี่ยมองร่างของเขาที่ชุ่มเลือด น้ำตาไหลอาบจนเสื้อชุ่ม นอกจากครั้งที่ร่วงลงสู่หุบเหวปลิดวิญญาณ นางก็ไม่เคยเห็นเขาอาบชะโลมด้วยเลือดมากมายถึงเพียงนี้ เขาต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส….
“โอ้? มนุษย์ เจ้าทำให้ข้าต้องแปลกใจอีกครั้ง เจ้ารอดชีวิตไม่ถือเป็นเรื่องแปลก แต่เจ้ากลับยังยืนหยัดอยู่เบื้องหน้าและโจมตีข้าได้ กระทั่งข้ายังต้องกล่าวคำว่า ‘ดี’ ” เย่หมิงลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ เผยรอยยิ้มบางขณะกล่าว
เพียงเย่หมิงดีดนิ้วแค่คราเดียว พลังก็รุนแรงน่ากลัวถึงขีดสุด พลังที่ส่งสู่ร่างของเย่หวูเฉินราวกับจะฉีกร่างให้กลายเป็นผง ทุกเส้นประสาทเจ็บปวดจนสติแทบดับลง ทว่าเพื่อหนิงเสวี่ยและทงซินแล้ว เขาประคองรักษาสติอันเลือนรางไว้ ด้วยพลังใจอันใหญ่หลวง ขณะที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ เขารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดทรมาน…. เจ็บปวดจนไม่อาจเปรียบเทียบ โลหิตหลั่งไหลออกจากใบหน้า รวมทั้งแขนขาทั้งสี่ข้าง…. ทุกตารางนิ้วบนร่างกายล้วนปกคลุมไปด้วยบาดแผล
เพียงดีดนิ้วธรรมดาแค่คราเดียว…. นี่คือพลังของเทวะ!
จิตปราณในที่แห่งนี้มีความหนาแน่น เย่หวูเฉินกัดฟันใช้พลังหวูเฉินรักษาบาดแผลด้วยความเร็วสูงสุด เมื่อกลับมาอยู่ข้างกายหนิงเสวี่ยและทงซินเขาได้รักษาบาดแผลส่วนใหญ่ไว้แล้ว ทว่าพลังหวูเฉินถูกใช้จนเกือบหมดสิ้น…. พลังที่เหลืออยู่เพียงนิดน้อยทำให้เขาแทบไม่อาจลอยตัวอยู่กลางอากาศได้นานนัก
ฟู่ว….
ฟู่ว….
ฟู่ว….
เย่หวูเฉินอ้าปากหอบหายใจหนักหน่วง ดูดกลืนจิตปราณแห่งสวรรค์และปฐพี ฟื้นฟูพลังของตนเองให้ได้มากที่สุด