📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยาย Heavenly Star สวรรค์มวลดาว – เล่ม 8 ตอนที่ 468

บทที่ 468 - พายุทรายสงบลง
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

เย่หวูเฉินเดินทางไปทิศตะวันตกของอาณาจักรต้าฟงผ่านไปแล้ว 20 กว่าวัน ทว่าเขาสลบไปถึง 19 วัน ทำให้เมื่อกลับมายังเมืองเทียนหลงจึงรู้สึกเหมือนผ่านไปแค่ 2-3 วันเท่านั้น

เขาไม่ได้กลับไปที่ตระกูลเย่ในทันที แต่ปรากฎตัวขึ้นในเมืองก่อน เรียกชุดที่ไม่เด่นสะดุดตาออกจากแหวนเทพกระบี่มาสวมใส่ จากนั้นค่อยๆเดินตรงไปที่ตระกูลเย่ บางครั้งเขาจำเป็นต้องได้ยินเสียงของผู้คนด้วยตัวเอง

อย่างที่คาดไว้ ตลอดเส้นทางมีแต่เรื่องของเขา หลังจากตัวตนแท้จริงของจักรพรรดิมารถูกเผยออกมา อาณาจักรเทียนหลงก็สั่นสะเทือนเพราะตัวเขา เมืองเทียนหลงตื่นเต้นเพราะเรื่องนี้เป็นเวลานาน แม้ว่าจะผ่านมาแล้ว 20 กว่าวัน หากเสียงยังคงไม่ลดลง

“ฮ่าย ใกล้จะครบเดือนหนึ่งแล้ว ไม่ทราบว่าทางฝั่งอาณาจักรต้าฟงเป็นยังไงบ้าง”

“พายุทรายยังไม่สงบลง แต่พวกมันจะทำอันใดต่อจักรพรรดิมารได้…. ตลอดหลายปีมานี้ อาณาจักรต้าฟงทะเยอทะยานหวังรุกรานอาณาจักรเทียนหลงของพวกเรา จักรพรรดิมารช่วยพวกมันก็นับว่าเมตตาแล้ว ต่อให้ทำไม่สำเร็จ หรือต่อให้ไม่ได้ช่วยพวกมันก็ตาม….”

…………

“ได้ยินว่านายน้อยเย่กำลังจะแต่งงานในอีกไม่กี่วัน…. ข้า…. เฮ้อ หากได้แต่งงานกับนายน้อยเย่ ชีวิตนี้คงไม่ต้องการสิ่งใดอีกแล้ว”

“คุณหนู…. อย่าว่าข้าบังอาจเลย ระดับนายน้อยเย่มีเพียงสถานะอย่างจักรพรรดินีเฟยฮวงเท่านั้นถึงจะคู่ควร คุณหนูอย่างท่าน….”

“แต่ว่าตระกูลฮั่ว….”

“บิดาของคุณหนูตระกูลฮั่วคือฮั่วเจิ้นเทียน เป็นตระกูลยิ่งใหญ่อันดับสองรองจากตระกูลเย่ในเมืองเทียนหลง ยิ่งกว่านั้น ในอดีตยามที่ข่าวการตายของนายน้อยตระกูลเย่แพร่กระจาย คุณหนูตระกูลฮั่วขอยอมไม่แต่งงานกับใครอีก ชั่วชีวิตนี้จะมีเพียงนายน้อยเย่ผู้เดียวเท่านั้น…. ฮ่าย สตรีที่มั่นคงงมงายเช่นนี้…. หากข้าเป็นบุรุษผู้นั้น อย่าว่าแต่พื้นฐานตระกูลนางที่ยิ่งใหญ่เลย ต่อให้นางเป็นหญิงสาวยากจนจากชนบท ข้าก็จะต้องมอบความรักให้กับนางตลอดทั้งชีวิต ไหนเลยที่นายน้อยเย่จะปฏิเสธนางได้”

…….

“พ่อค้า เอาเต้าหู้หนักสองจิน (จินละ 0.5 กก.)”

“เอ้านี่…. คุณลูกค้า เต้าหู้ของท่านราคาทั้งหมดหกตำลึง”

“แค่ก แค่ก…. พอดีว่าญาติผู้น้องคนที่ 17 ของข้าเป็นยามเฝ้าประตูตระกูลเย่ บ้านเดิมของเขาอยู่ถัดจากบ้านข้าสองหลัง….”

“….โอ้ ท่านไม่ต้องจ่ายหรอกขอรับ ท่านผู้ทรงเกียรติ หากคราวหน้าได้ผ่านมาอีก โปรดแวะมาเยี่ยมเยือน”

………..

“…..ไม่แปลกใจเลยที่จักรพรรดินีเฟยฮวงได้ขึ้นครองบัลลังก์ ตราบใดที่จักรพรรดิมารเอ่ยปากเพียงคำเดียว ต่อให้ปล้นชิงตำแหน่งจักรพรรดิมาก็ไม่มีใครกล้าส่งเสียง….”

“ชู่วว! เจ้าลดเสียงลงหน่อยไม่เป็นหรือยังไง หากสำนักมารหรือสำนักจักรพรรดิใต้หรือสำนักจักรพรรดิเหนือได้ยินเข้า เกรงว่าตระกูลของเจ้าจะดับสูญโดยไม่รู้ตัว”

“…….”

……………

“เฮ้อ ฝึกฝนวรยุทธไปเพื่อสิ่งใด ต่อให้ฝึกฝนจนแกร่งกล้ายิ่งกว่านี้ ก็ไม่อาจเทียบกับนิ้วเดียวของนายน้อยตระกูลเย่ได้ ฝึกฝนด้านอักษรงั้นเหรอ? เกรงว่าต่อหน้านายน้อยตระกูลเย่ แค่อักษรตัวเดียวข้าก็ไม่กล้าเขียน….”

“เฮ้ๆ…. อย่าได้พูดจาเหลวไหลให้มากนัก เจ้ามีอันใดถึงเปรียบเทียบตัวเองกับจักรพรรดิมาร”

“ฮ่าย นายน้อยเย่อาศัยอยู่ในเมืองเทียนหลง ตัวข้าก็อาศัยอยู่ในเมืองเทียนหลง ข้ายังแก่กว่าเขาตั้งหลายปี แต่ทำไมคนเหมือนกันถึงได้ต่างกันถึงเพียงนี้ ทำไม ทำไม…. ทำไมข้าถึงไม่เกิดเป็นเย่หวูเฉิน?!”

“ข้าจะสอนอะไรให้เจ้าอย่างหนึ่ง…. เจ้าเห็นขอทานแก่ๆตรงมุมถนนนั่นมั้ย เจ้ากับเขาเกิดมาในเมืองเทียนหลงเช่นเดียวกัน ให้เปรียบเทียบตัวเองกับตัวเขาแล้วเจ้าจะรู้สึกดีขึ้น หากเจ้าเอาแต่เปรียบเทียบตัวเองกับนายน้อยเย่…. เจ้าก็มีแต่รู้สึกต่ำต้อยโดยส่วนเดียวเท่านั้น….”

“…….”

……………

“โถ่สวรรค์ โถ่ฟ้าดิน…. จักรพรรดินีผู้เลอโฉมงดงาม ฝ่าบาทผู้สูงส่งกำลังจะเข้าพิธีอภิเษกสมรส…. ข้าอุตส่าห์ร่ำเรียนทุกคืนวันเพื่อจะได้เข้าวังเป็นนายสนมของจักรพรรดินี!…. ข้าอยากตายย….”

“ไปให้พ้น…. เจ้ากล้าดียังไงถึงบังอาจคิดเช่นนี้กับสตรีของจักรพรรดิมาร หากหน่ายที่จะมีชีวิตอยู่แล้วก็รีบไปให้พ้นข้า ภายหลังอย่าได้ทำตัวว่ารู้จักข้าด้วย อยากตายนักก็อย่าลากข้าเข้าไปเกี่ยวข้อง”

……………

……………

ตลอดเส้นทางที่เย่หวูเฉินเดินผ่าน ภายใต้การอำพรางไม่มีใครจดจำเขาได้…. หัวข้อสนทนายิ่งมายิ่งทำให้เขาพูดไม่ออก ทว่าอย่างน้อย นี่คือสิ่งยืนยันชั้นดีว่าหลังจากที่เขาเปิดเผยตัวตน อิทธิพลที่เกิดขึ้นต่อเมืองเทียนหลงไม่ได้ด้อยไปกว่าที่เขาคาดไว้

อย่างน้อย บางคนก็ไม่กล้าล่วงล้ำตระกูลเย่อีก บางคนไม่กล้าล่วงล้ำเขา เขาไม่จำเป็นต้องคอยพะวงหรือหวาดระแวงเหมือนเช่นเมื่อสามปีที่แล้ว

ความรู้สึกนี้ ช่างยอดเยี่ยมนัก

แต่ว่า….

โดยไม่ทันรู้ตัว เย่หวูเฉินเดินมาถึงประตูหน้าของตระกูลเย่ ยามเฝ้าประตูมีสีหน้าเคร่งครัดและภาคภูมิอยู่ล้ำลึก ในอดีตเมื่อเย่หวูเฉินเดินเข้าออกพวกเขาจะทักทายโดยไร้อาการใด ทว่าเวลานี้เมื่อเห็นเย่หวูเฉินพวกเขาตะลึงงันอยู่ตรงนั้น เป็นเวลาเนิ่นนานกว่าจะกล่าวคำได้ “นะ นะ นะ…. นายน้อย ท่านกลับมาแล้ว”

ข่าวเรื่องเย่หวูเฉินคือจักรพรรดิมารได้แพร่กระจายนานเกินกว่าครึ่งเดือน นี่คือครั้งแรกที่พวกเขาเห็นเย่หวูเฉินหลังจากได้ยินข่าว ความคิดแรกจึงนึกถึงตัวตนของจักรพรรดิมาร ทำให้ไม่อาจรักษาความสงบได้….

เย่หวูเฉินยิ้มและพยักหน้าให้พวกเขา จากนั้นเดินเข้าไป ยามทั้งสองมองตามแผ่นหลังเขาเป็นเวลานาน พอฟื้นคืนสติได้ก็รู้สึกอับอายกับอาการของตัวเอง

ในสวนตระกูลเย่เมื่อเทียบกับตอนที่เขาจากไปแล้วต่างกันอย่างมาก งานแต่งที่กำลังมาถึงในอีกไม่กี่วันได้ถูกตระเตรียม ทั่วตระกูลเย่ถูกประดับด้วยโคมไฟและริ้วผ้าสีสวยสด ผู้คนทั้งภายในและภายนอกทำงานกันอย่างขะมักเขม้น ทุกทิศเต็มไปด้วยสีสันสว่างสดใส ผู้คนที่ทำงานไม่มีใครกล้างอมืองอเท้า ไม่กล้าทำสิ่งใดโดยไร้ความระวัง…. เพราะนี่คืองานแต่งของจักรพรรดินีแห่งอาณาจักรเทียนหลง คืองานแต่งของจักรพรรดิมาร ไหนเลยพวกเขาจะกล้าทำให้เกิดเรื่องบกพร่อง

หวังเวิ่นชูกำลังยืนสั่งการด้วยตัวเอง ทันใดนั้นนางพลันตระหนักว่าบรรยากาศแปลกไป คนใช้ในตระกูลเย่พากันหยุดชะงักติดตามกัน มองอย่างโง่งมไปทางประตูหน้า นางหันกายไปและพบว่าเย่หวูเฉินกำลังเดินมาทางเบื้องหลัง….

“เฉินเอ๋อร์…. เจ้ากลับมาแล้ว! ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว…. เจ้าทำให้แม่เป็นห่วงแทบตาย” หวังเวิ่นชูผวาเข้าไปจับไหล่เขา กวาดสายตามองสำรวจทั่วร่าง…. เขาไม่ได้นั่งอยู่บนรถเข็นอีกต่อไป หากกำลังยืนอย่างมั่นคงตรงหน้านาง

“ท่านแม่ ข้าจัดการธุระของข้าเสร็จสิ้นแล้ว หลายวันมานี้ต้องลำบากท่าน หากวันหน้าไม่มีเรื่องใดแล้ว ข้าจะอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนอีกนาน” เย่หวูเฉินมองดูสวนตระกูลเย่ที่ประดับประดาตกแต่งอย่างงดงามอีกครั้ง พร้อมกับกล่าวคำ

“กลับมาเวลานี้ก็ดีแล้ว…. หากช้ากว่านี้จักรพรรดินีกับโหรวโหรว รวมทั้งแม่คงกังวลใจมาก….” สายตานางยังคงมองเขาไม่ลดละ แววตาคู่นั้นเห็นได้ชัดว่าไม่เคยแห้งผาก ในแววตาเต็มไปด้ววยความตื่นเต้น , รักใคร่ และภูมิใจอันยากจะปิดปัง…. นางไม่ไต่ถามเพื่อยืนยันว่าเขาเป็นจักรพรรดิมารอย่างที่เขาลือกัน สำหรับนางแล้ว ไม่ว่าเขาจะทำเรื่องดีงามสะเทือนโลก หรือทำเรื่องเลวร้ายต่อโลกก็ช่าง นางจำไว้เพียงแค่ว่าเขาคือลูกชายนาง ตราบใดที่เขาปลอดภัยก็นับเป็นเรื่องดีเหนือสิ่งอื่นใดแล้ว

“เดี๋ยวข้าจะไปหาโหรวโหรว…. เสวี่ยเอ๋อร์ล่ะ?”

“นางคงกำลังอยู่ในห้อง หลายวันมานี้นางตั้งตารอคอยเจ้ากลับมาทุกวัน…. โอ้ คราวหน้าอย่าเที่ยววิ่งไปไหนนานขนาดนี้อีกล่ะ” หวังเวิ่นกล่าวกึ่งตำหนิ

“อื้ม งั้นเดี๋ยวข้าไปหาเสวี่ยเอ๋อร์ก่อน”

ท่ามกลางสายตาที่มองมาแปลกๆ เย่หวูเฉินเคลื่อนร่างตรงไปยังสวนของตัวเอง ผ่านไปครู่เดียวเสียงกุลีกุจอทำงานก็ดังขึ้นอีกครั้ง…. เขาคือนายน้อยที่ผู้คนตระกูลเย่ต่างคุ้นเคย ทว่าอีกสถานะหนึ่งของเขา ทำให้พวกเขาไม่อาจเผชิญหน้าด้วยท่าทีเดิม จักรพรรดิมารสองคำนี้ เป็นคำที่หนักหนาเกินไป

เดินมาจนถึงปากประตูสวน หญิงสาวผู้หนึ่งเดินโผล่ออกมาจากด้านในกะทันหัน นางเกือบชนเขาและเบี่ยงตัวหลบจนสะดุด เย่หวูเฉินอาศัยโอกาสนี้คว้าเอวประคองนางไว้ พร้อมกับยิ้มถาม “เจ้าเป็นอะไรมั้ย?”

พอเห็นใบหน้าของเย่หวูเฉิน หญิงสาวก็ชะงักงันอยู่ในท่านั้นลืมดิ้นรน กล่าวคำด้วยความตระหนก “นะ…. นายน้อย ท่านกลับมาแล้ว….”

“อืม…. เจ้าไปจัดการธุระต่อเถอะ” เย่หวูเฉินปล่อยเอวบางของนางออก ตั้งกายตรงและเดินตรงไปที่ห้องของตัวเอง

เสี่ยวลู่ยืนโง่งมอยู่ตรงนั้น มองเย่หวูเฉินเดินห่างออกไปอย่างด้วยสติล่องลอย จนกระทั่งเขาเปิดประตูและเดินเข้าไปหายลับจากสายตา…. พร้อมกับเสียงร้องเรียกอย่างตื่นเต้นของหนิงเสวี่ย

ร่างกายยังคงรู้สึกได้ถึงสัมผัส เสี่ยวลู่ก้มศีรษะลง กุมชายเสื้อและบีบไว้แน่น นางเดินออกไปด้วยฝีเท้าแผ่วเบา ไม่ว่าจะเป็นพลัง , พรสวรรค์ , ความรู้ , อำนาจ , เกียรติภูมิ และรูปร่างหน้าตา…. ล้วนไม่มีบุรุษใดในโลกนี้เปรียบเทียบกับเขาได้ การได้เป็นสาวใช้ของบุรุษปานนี้ นับว่าเป็นวาสนาสูงสุดสำหรับนางแล้ว นางไม่กล้าคาดหวังว่าจะได้รับความชมชอบจากเขาใดๆ เขาเป็นได้เพียงความฝันที่นางไม่มีวันเอื้อมถึง

—-

—-

ในวันนี้ พายุทรายทางทิศตะวันตกของอาณาจักรต้าฟงได้บรรเทาลงอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งกว่านั้น พื้นที่บรรเทายังขยายออกอย่างต่อเนื่อง ผู้คนยิ่งมายิ่งออกจากบ้านแหงนมองไปทางทิศตะวันตก ในหัวใจสะท้อนเสียงสาบานของจักรพรรดิมาร ความหวังได้ลุกโชนขึ้นในหัวใจ

ในวันที่สอง ขอบเขตพายุทรายได้ถอยร่นออกไปนับร้อยลี้ เมื่อพายุทรายที่ไม่เคยจางหายมาตลอดพลันหายไป หลังจากตื่นนอนตอนเช้า ไม่ทราบผู้คนเท่าใดที่สูดหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์ พร้อมทั้งตะโกนสุดเสียง หัวใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังถึงอนาคตอันแสนสุข

วันที่สาม….

วันที่สี่….

ผู้คนเดินออกจากบ้าน มองยังทิศตะวันตกห่างไกลยังคงเห็นท้องฟ้าสีเหลือง ทว่าท้องฟ้าเหนือพวกเขาเป็นสีน้ำเงิน กลุ่มเมฆหลากรูปร่างล่องลอย อากาศบริสุทธิ์โชยพัดไร้ฝุ่นทรายคละคลุ้งอีก เมื่อสิ้นต้นเหตุของทรายคลั่ง สายลมจึงไม่เกรี้ยวกราดอีก มีเพียงกระแสลมอ่อนโยน ราวกับว่าพวกเขาได้รับชีวิตใหม่ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ผู้คนตะโกนส่งเสียงด้วยความดีใจ…. ในอากาศเต็มไปด้วยเสียงเรียกขานนามจักรพรรดิมาร

วีรบุรุษ…. ในประวัติศาสตร์อาณาจักรต้าฟงมีวีรบุรุษอยู่มากมาย พวกเขายอมตายในสนามรบ อุทิศชีวิตเพื่อดินแดน ทว่าประโยชน์ที่พวกเขาสร้างไว้…. ผู้คนธรรมดาล้วนไม่ทราบและไม่อาจจดจำ ผู้คนรู้จักพวกเขาเพียงในนามวีรบุรุษเท่านั้น – นอกจากชื่อและสมญาแล้วไม่มีสิ่งใด

ทว่าจักรพรรดิมารนำชีวิตใหม่มาสู่พวกเขา ผู้คนไม่อาจสรรหาถ้อยคำวิจิตรอันใดมาใช้บรรยายความรู้สึกซาบซึ้งในใจได้ เพราะจักรพรรดิมารจึงทำให้อาณาจักรของพวกเขาต้องเปลี่ยนชื่อจาก ‘ต้าฟง’ เป็นเทียนหลง ทว่าผู้คนกลับล้วนสาบานต่อสู้จนตัวตายเพื่อสนับสนุนจักรพรรดิมาร พวกเขาไม่ยอมให้ผู้ใดกล่าวถึงจักรพรรดิมารเสียๆหายๆ กระทั่งสร้างรูปปั้นและสลักชื่อจักรพรรดิมารไว้ในหลายสถานที่ของอาณาจักรต้าฟง

Facebook Twitter Telegram Pinterest
Heavenly Star สวรรค์มวลดาว (จบ)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Completed ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เด็กหนุ่มลึกลับผู้ลืมเลือนอดีต ตื่นขึ้นมาในทวีปเทียนเฉิน ถูกเข้าใจว่าเป็นบุตรชายตระกูลเย่ เขาจึงใช้สถานะนี้เฝ้าสังเกตโลกอันยุ่งเหยิง รวมทั้งสืบหาอดีตของตน หากแต่โชคชะตาที่ต้องประสบกลับมีเพียงความน่าหวั่นสะพรึง เขาจึงหัวเราะเยาะโชคชะตา และเผยพลังสะท้านแดนดินใต้ผืนสวรรค์.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset