📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยาย Heavenly Star สวรรค์มวลดาว – เล่ม 6 ตอนที่ 344

บทที่ 344 - ตำนานดินแดนสาบสูญ
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

เหยียนเทียนเว่ยไม่ถามอีกและเริ่มย่างเท้า ด้วยพลังของเขา นอกจากทางใต้ของแดนสาบสูญและสำนักจักรพรรดิเหนือ ที่อื่นเขาสามารถท่องไปได้อย่างปลอดภัยไร้ความกลัว ตลอดหนึ่งปีเขาไปทั่วจนคุ้นเคยภูมิประเทศเป็นอย่างดี เมื่อนึกถึงสถานที่ในความทรงจำ เขาก็เริ่มนำทางเย่หวูเฉินและเล่งหยามุ่งไปทางทิศใต้

นี่เป็นครั้งที่สองที่เย่หวูเฉินเข้ามาในดินแดนสาบสูญ บรรยากาศของที่นี่ยังคงหม่นมัวอย่างแปลกประหลาด นำพาความรู้สึกหมองหม่นตาม จากที่ไกลมีเสียงอสูรคำรามสะท้อนในความเงียบ ทำให้ผู้คนไม่อาจอดห้ามความหวาดกลัว

“พวกเราถึงแม้อาศัยอยู่ใต้หุบเหวปลิดวิญญาณเป็นเวลานาน แต่เดิมทีบรรพบุรุษของพวกเราได้สืบทอดตำนานของดินแดนสาบสูญ กล่าวกันว่าครั้งหนึ่งทวีปเทียนเฉินเคยเต็มไปด้วยสัตว์อสูรแกร่งกล้านานาพันธุ์ ทว่าหลังจากสงครามโบราณระหว่างสัตว์อสูรที่เลือนลั่นสะท้านฟ้าดิน สัตว์อสูรมากมายได้ล้มตายเป็นจำนวนมาก กระทั่งอสูรเทวะยุคโบราณยังล้มตายตามกัน ด้วยการลดลงของประชากรสัตว์อสูร มวลมนุษย์ในทวีปเทียนเฉินจึงค่อยๆเพิ่มจำนวน เหลือเพียงดินแดนสาบสูญแห่งนี้ ที่ยังคงเป็นโลกของเหล่าอสูรดุร้าย ยากนักที่คนธรรมดาจะเข้ามาได้” เหยียนเทียนเว่ยเดินพลางสาธยายถึงตำนานที่บรรพบุรุษเล่าสืบต่อกันมาจากอดีตอันไกลโพ้น

“เพียงอสูรวิญญาณและอสูรสวรรค์ยังน่ากลัวได้ถึงเพียงนี้ กงลั่วกล่าวว่าทั่วทั้งทวีปเทียนเฉินมีน้อยคนนักที่เข้ามาในดินแดนสาบสูญได้ หากจะเรียกที่นี่ว่าดินแดนต้องห้าม ก็ไม่นับว่าเกินเลย” เย่หวูเฉินกล่าวพลางพยักหน้า สายตาเคลื่อนมองไปรอบๆ จดจำทุกบริเวณที่เดินผ่าน

“….ที่แห่งนี้ไม่ได้มีเฉพาะอสูรวิญญาณและอสูรสวรรค์ มันยังมีอสูรเทวะด้วยเช่นกัน ข้าเข้าสำรวจดินแดนสาบสูญอยู่หลายครั้ง มีสองครั้งที่พบอสูรเทวะในส่วนที่ลึกสุด แต่ละครั้งที่พบข้าจะรีบกลับออกมาทันที พวกมันไม่ไล่ตามข้า เมื่อใดที่พวกสัตว์อสูรกลายเป็นอสูรสวรรค์ มันจะฉลาดเหนือสัตว์ทั่วไป ทว่าเมื่อกลายเป็นอสูรเทวะ ความฉลาดของมันจะไม่ด้อยกว่ามนุษย์ ดังนั้นแม้ข้าจะเป็นมนุษย์ แต่เมื่อพวกมันสัมผัสกลิ่นอายของข้าได้ และรู้ว่าข้ากำลังล่าถอยออกไป พวกมันจึงไม่วู่วามเข้าโจมตี ทว่า….” เหยียนเทียนเว่ยสีหน้าเคร่งขึ้น “ในทางใต้ของดินแดนสาบสูญ พื้นที่ตรงนั้นที่ข้าไม่กล้าไป แน่นอนว่าจะต้องมีอสูรเทวะจากยุคโบราณซ่อนตัวอยู่”

เย่หวูเฉินเงียบงัน

เหยียนเทียนเว่ยกล่าวต่อ “สัตว์อสูรส่วนใหญ่ไม่ได้มีความฉลาดเหมือนมนุษย์ แต่หากเทียบด้านพลังกันแล้ว พวกมันเหนือกว่าเรามาก มนุษย์อย่างพวกเราไม่อาจบรรลุระดับเหนือเทพ เมื่ออยู่ต่อหน้าอสูรระดับสูงสุดพวกเราไม่อาจทำสิ่งใด…. กลิ่นอายของมันเกินระดับเทวะโดยสิ้นเชิง แม้ข้าจะเหยียบยืนอยู่บนวิถีเทวะ ทว่าเมื่อสัมผัสแรงกดดันที่แผ่มาจากที่ไกล ข้าก็ไม่มีขวัญกล้าก้าวเข้าไปอีก ไม่เกินเลยหากจะกล่าวว่าอสูรเทวะคือราชันทรราชย์ที่แท้จริงแห่งทวีปเทียนเฉิน พลังของพวกมันเพียงพอที่จะพลิกทวีปเทียนเฉิน ไม่เพียงเท่านั้น อสูรเทวะยังมีสติปัญญาที่สูงส่งเกินคนธรรมดา”

เย่หวูเฉินเห็นด้วยกับคำที่เหยียนเทียนเว่ยกล่าว เช่นเดียวกับอสูรเทวะมังกรเพลิงฟ้า ไม่เพียงมันมีสติปัญญาสูง กระทั่งยังพูดภาษามนุษย์ได้อย่างอิสระ และก่อนที่มันจะตกตาย มันได้ส่งข้อความผ่านระยะพันลี้ด้วยพลังจิตใจของมัน ซึ่งเย่หวูเฉินไม่มีวันลืมแม้แต่น้อย

“เพราะมีสติปัญญาที่สูงล้ำ ดังนั้นจึงเลือกที่จะอยู่ในแดนสาบสูญตลอดไป ไม่ออกมายังดินแดนของมนุษย์ และไม่โจมตีมนุษย์โดยไร้เหตุผล” เย่หวูเฉินกระซิบ

เหยียนเทียนเว่ยพยักหน้า มองกลับมาและถาม “เจ้านายอยากเห็นตัวจริงของมันหรือไม่?”

เย่หวูเฉินปิดเปลือกตาลงและถอนหายใจ “ข้าอยากเห็นแน่นอน อสูรเทวะที่รอดชีวิตจากยุคโบราณและอยู่มาจนถึงปัจจุบัน แต่ว่า….รอจนกว่าหัวใจข้าจะไร้ความกังวล”

“….และข้าเชื่อว่าวันนั้นจะมาถึงในอีกไม่ช้า”

เย่หวูเฉินเปิดตาขึ้นและเหลือบมองเล็กน้อย ในใจเขากังวลสิ่งใดมากที่สุด เหยียนเทียนเว่ยไม่อาจจะคาดเดา

เล่งหยาที่เงียบมาตลอดตอนนี้รู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเย่หวูเฉิน ในใจยังกระเพื่อมไหวอยู่เล็กน้อย แม้เขาสาบานว่าจะติดตามเย่หวูเฉินตลอดไป ไม่เปลี่ยนทางเดินของชีวิตอีก แต่เขาไม่อาจเข้าใจเย่หวูเฉินได้ชัดเจนนัก ไม่ทราบว่าเขากำลังกังวลถึงเรื่องใด เล่งหยาสัมผัสได้เพียงเลือนลางว่าเย่หวูเฉินปรารถนาในสิ่งที่พวกตนไม่อาจฝันถึง ความรู้สึกนี้เลือนราง ทว่ามันมีอยู่จริงแน่นอน

เสียงคำรามต่ำดังผ่านเข้ามาในหู พุ่มหญ้าที่ไม่ไกลจากด้านขวามีสัตว์ตัวเล็กๆสีดำขนาดครึ่งเมตรพุ่งใส่เย่หวูเฉินฉับพลัน ตอนนี้เย่หวูเฉินอยู่ในชุดหน้ากากเงินจึงเด่นสะดุดตา สัตว์อสูรเมื่อเห็นสีเงินระยับจึงพุ่งเข้าใส่

เย่หวูเฉินเหลือบตามอง คู่ดวงตาวาบประกายไร้สี ขณะมองเห็นสัตว์อสูรตัวเล็กอย่างเต็มตา ในสมองก็มีข้อมูลปรากฎขึ้น

กิ่งก่าแดงกลั่น : อสูรวิญญาณชั้นกลาง ไร้ธาตุเฉพาะตัว พัฒนามาจากกิ้งก่าตาแดง กรงเล็บแหลมคมราวตะขอ เคลื่อนไหวรวดเร็วดุจสายฟ้า ใช้ฟัน , เท้าทั้งสี่ , และหางยาวเป็นอาวุธ เมื่อใดถูกพัวพันจะยากต่อการสลัดออก จุดอ่อนคือที่หลังของมัน

สัตว์ตัวนี้ทั่วร่างเป็นสีดำสนิท ดวงตาแดงก่ำอย่างประหลาด เป็นกิ่งก่าที่รวดเร็วจนน่าตกใจ ในพริบตามันก็พุ่งมาถึงเย่หวูเฉินราวสายฟ้า เย่หวูเฉินมองอย่างไม่ใส่ใจและไม่ขยับหนี เล่งหยาที่อยู่เบื้องหลังพุ่งออกมาทันที จับกระบี่คร่าสายลมปักกลางหน้าผากมันอย่างแม่นยำและไร้เสียง

กิ้งก่าแดงกลั่นโหยหวนด้วยความเจ็บปวด บิดร่างดิ้นรนเพื่อจะหลบหนี ทว่าเมื่อมันหลุดออกและตกลงยังไม่ทันถึงพื้นดิน เส้นสีแดงที่ไม่ทราบมาจากไหนก็ตัดร่างของมันออกเป็นสองซีก

“เฮอะ เป็นแค่สัตว์ต่ำต้อย กลับคิดกล้าบังอาจทำร้ายเจ้านายข้า” เหยียนเทียนเว่ยถอนมือกลับและแค่นเสียงเย็น กิ้งก่าแดงกลั่นมีพลังขอบเขตวิญญาณชั้นกลาง ในดินแดนสาบสูญถือเป็นเพียงสัตว์อสูรธรรมดา กระทั่งยังอ่อนแอกว่าค่าพลังเฉลี่ยของสัตว์อสูรที่อยู่ในนี้

ด้วยสัตว์อสูรแกร่งกล้าที่เผ่นพ่านอยู่ หากเย่หวูเฉินคอยหลบเลี่ยงไม่ต่อสู้ย่อมสามารถไปถึงเป้าหมายได้อย่างปลอดภัย เมื่อพาเล่งหยามาด้วยกลับเพิ่มอันตรายขึ้นอีกหลายส่วน ทว่าเมื่อมีเหยียนเทียนเว่ยมาด้วยอีกคน ดินแดนสาบสูญแห่งนี้ก็ไร้อันตรายใด นอกจากจะโชคร้ายเดินไปเจออสูรเทวะ

ทั้งสามคนมุ่งไปทางใต้แล้วเฉียงไปทางตะวันตก อสูรวิญญาณและอสูรสวรรค์ทั้งหมดที่เจอตลอดทางถูกจัดการโดยเหยียนเทียนเว่ย ทุกตัวแดดิ้นด้วยการโจมตีเดียว ถ้าไม่เจ็บหนักก็ตายทันที ไม่มีตัวใดที่เขาต้องโจมตีซ้ำ แม้ว่าสัตว์อสูรเหล่านี้จะแข็งแกร่ง แต่ไหนเลยจะเลยจะเทียบเหยียนเทียนเว่ยผู้บรรลุเทวะขั้นสูงสุด ผู้ที่ถูกขนานนามว่า ‘อันดับหนึ่งในใต้หล้า’ จากงานชุมนุมยุทธเวทย์แห่งเทียนเฉิน ระหว่างปีที่ผ่านมา เหยียนกงลั่วยังเข้าสำรวจดินแดนสาบสูญหลายครั้งด้วยการป้องกันของเหยียนเทียนเว่ย

ดินแดนสาบสูญไม่เพียงมีสัตว์อสูรจำนวนมาก ทว่ายังมีกับดักธรรมชาติน่ากลัวหลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่นหนองน้ำ ต้นไม้กินคน หนามพิษ และอื่นๆอีกมากมาย หลังจากเดินมาหลายชั่วโมงตะวันก็คล้อยมาไกล พวกเขาทั้งสามคนมาถึงจุดหมายในที่สุด เหยียนเทียนเว่ยหยุดเท้าลง ภาพเบื้องหน้าหากมองปราดแรกจะเห็นเป็นผืนดินราบเรียบน่าประหลาด มีต้นไม้และใบหญ้าขึ้นประปราย ทว่าหากมองอย่างละเอียดใต้แสงสะท้อนของตะวัน จะเห็น ‘พื้นดิน’ มีฟองเล็กๆที่แทบไม่อาจสังเกตผุดขึ้นมา ที่กว้างแห่งนี้กลับเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่! หากมาที่นี่โดยไม่สำรวจก่อน ผลลัพธ์ก็แทบไม่อาจเป็นอื่น

“นี่คือหนองน้ำที่กว้างหลายสิบลี้ จากที่นี่ตรงขึ้นไปทางเหนือ จะเป็นที่ตั้งของสำนักจักรพรรดิเหนือ เทียบกับหนองน้ำธรรมดานี่ไม่ถือว่ากว้างมากนัก กระทั่งยังเล็กกว่ามาก ทว่าเมื่อใดที่ตกลงไปจะไม่อาจขึ้นมาได้ ต่อให้มีพลังขอบเขตสวรรค์ก็ยังยากจะกลับขึ้นมา อย่าว่าแต่จะข้ามผ่านเลย ที่น่ากลัวก็คือ หนองน้ำแห่งนี้เป็นที่อาศัยของสัตว์อสูรหลากชนิด ต่อให้มีพลังที่จะบินผ่าน แต่หากบินต่ำเกินไปก็ไม่รอด ดังนั้น มันจึงเป็นปราการธรรมชาติที่ยอดเยี่ยมของสำนักจักรพรรดิเหนือ ซึ่งไม่มีผู้ใดข้ามได้” เหยียนเทียนเว่ยหันมาและกล่าวอย่างจริงจัง ฟองน้ำเล็กๆที่ผุดขึ้นเป็นข้อพิสูจน์ว่ามีสัตว์อสูรซ่อนอยู่ในนั้น ทันใดนั้นเขาเคลื่อนสายตาไปด้านข้าง หนองน้ำที่สงบเงียบมีบางอย่างพุ่งขึ้นมา โคลนแตกกระเด็นพร้อมเสียง ‘ฟ่อ’ พุ่งมาทางเหยียนเทียนเว่ย

ยังไม่ทันเห็นเขาเคลื่อนไหวใดๆ งูสีเขียวตัวเล็กๆก็ถูกเหยียนเทียนเว่ยจับไว้ในมือ มันมีความยาวราวเจ็ดชุ่น (ประมาณ 7.5 ซม.) แม้ว่ามันมีขนาดเล็ก แต่จากสีเขียวสดและลำตัวรูปสามเหลี่ยม เห็นได้ชัดว่ามันเป็นงูพิษ

เหยียนเทียนเว่ยมองมันปราดหนึ่งและขว้างออกไป มันแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกลางอากาศ ตกลงในหนองและจมลงไป หนองน้ำกลายเป็นผืนดินเรียบสงบในฉับพลัน แปลกประหลาดอย่างไม่อาจบรรยาย ราวกับมันปรากฎขึ้นเพื่อยืนยันคำพูดของเหยียนเทียนเว่ย และทำหน้าจบลงด้วยการถูกสังหาร

“ในหนองน้ำมีสัตว์อสูรจำพวกนี้อาศัยอยู่ทุกแห่ง ทว่าด้วยระดับการบินของเจ้านาย พวกมันย่อมไม่อาจขัดขวาง” เหยียนเทียนเว่ยหันกายมาและกล่าว

เมื่อบรรลุถึงระดับเทวะจึงจะมีทักษะในการบิน ดังนั้นจึงมีคนน้อยยิ่งในทวีปเทียนเฉินที่สามารถบินได้ และยิ่งสูงอากาศยิ่งเบาบาง ดังนั้นจึงกินพลังมากขึ้น ทว่าที่เย่หวูเฉินบินได้ไม่ใช่เพราะอาศัยพลังปราณ แต่เป็นทักษะเฉพาะของเขา เมื่อพลังหวูเฉินบรรลุขั้นที่สี่ เขาจะสามารถลอยตัวกลางอากาศได้อย่างอิสระ ดุจเดียวกับการเหยียบย่างบนพื้นดิน การสูญเสียพลังยังน้อยกว่าคนอื่นๆนับสิบเท่า

“อืม เล่งหยา ไปกันเถอะ” เย่หวูเฉินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วคว้าเล่งหยาอย่างไม่รีรอ ลอยตัวขึ้นบนอากาศราวสิบเมตร จากนั้นพุ่งตรงไปเบื้องหน้าด้วยความเร็วสูง

“ขอสวรรค์คุ้มครองเจ้านายให้กลับมาอย่างปลอดภัย และขอให้เจ้านายระวังตัวด้วย อย่าได้มีอันตรายใด” เบื้องหลังพวกเขามีเสียงของเหยียนเทียนเว่ยลอยตามมาจากที่ไกล

Facebook Twitter Telegram Pinterest
Heavenly Star สวรรค์มวลดาว (จบ)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Completed ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เด็กหนุ่มลึกลับผู้ลืมเลือนอดีต ตื่นขึ้นมาในทวีปเทียนเฉิน ถูกเข้าใจว่าเป็นบุตรชายตระกูลเย่ เขาจึงใช้สถานะนี้เฝ้าสังเกตโลกอันยุ่งเหยิง รวมทั้งสืบหาอดีตของตน หากแต่โชคชะตาที่ต้องประสบกลับมีเพียงความน่าหวั่นสะพรึง เขาจึงหัวเราะเยาะโชคชะตา และเผยพลังสะท้านแดนดินใต้ผืนสวรรค์.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset